+~* สวัสดี...ความรัก *~+
Group Blog
love
life
lively
living room
lullaby
learning
laugh
All Blogs
เพลงเจริญอัปปมัญญา
ธรรมะจากผี ของดีจากพระ
*:~นาคราช~:*
ความฝัน
บนรถโรงเรียน
ความกลัว
:~ภพภูมิเทวดา~:
:+:สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ :+:
++อากงสอนหลาน++
:;คิด อย่าง เด็ก;:
*-เคล็ดลับขับไล่ความเครียด-*
10 แนวทาง-"-ห่างความโกรธ
คิดในแง่ดี...
สดใส -@- เสมอไป
คือ...ความทรงจำในลิ้นชัก
~- เพราะผ่านวันนั้น - จึงมีวันนี้ -~
อยู่ในใจเสมอ...
+//+ ยังคงเก็บเธอไว้
ถึงเนิ่นนานเท่าไร...
=* กาลเวลา *=
!@ ยัง...จำกันได้มั้ย @!
น้องบอย...
" ภูตแห่งว่าน "
เอกเขนกบนเก้าอี้ผ้าใบ...
:~ภพภูมิเทวดา~:
ความเชื่อในเรื่อง
ภพภูมิเทวดา
สวรรค์ที่ตาเนื้อของมนุษย์ปกติไม่อาจมองเห็นได้เพราะ
ภูมิเทวดา
มีความละเอียด หรือมีความเป็น
ทิพย์
หากจะสัมผัสได้ก็ต่อเมื่อผู้นั้นมีการบำเพ็ญทานบารมี หมั่นปฏิบัติธรรม รวมถึงต้องมีการฝึกจิตให้ได้ในระดับหนึ่งจึงจะสามารถสัมผัสได้ในมิตินั้น
ตำนานความเชื่อในเรื่องของ
เทพเทวดา
ถูกเล่าขานมาแทบจะทุกประเทศทั่วโลกทั้งจีน อินเดีย กรีก โรมันหรือแม้แต่ประเทศไทย ซึ่งในความจริงแล้วจะเป็นเรื่องที่มีจริงหรือไม่ก็ยังไม่มีการยอมรับมากนัก เพราะอย่างที่บอกแล้วว่าเรื่องนี้มนุษย์ทุกคนไม่สามารถสัมผัสได้ ด้วยเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับ
จิตวิญญาณ
สัมผัสได้เฉพาะบุคคลเท่านั้น
ตามคติทางศาสนาพุทธ
ภูมิ
หรือ
สวรรค์
นั้นมีหลายชั้นอาทิ จาติมหาราธิกาภูมิ
( สวรรค์ ชั้นที่ 1 )
ดาวดึงสาภูมิ ยามาภูมิ ดุสิตาภูมิ นิมมานนรดีภูมิ ปรนิมมิตวสวัตดีภูมิ
( สวรรค์ชั้นที่ 6 ที่ถือว่าเป็นชั้นสูงสุดของแดนสุขาวดี )
และนอกจากเทวดาจะอยู่บนภูมิสวรรค์แล้ว บนโลกมนุษย์ก็มีเทวดาที่สิงสถิตอยู่ตามต้นไม้ที่เราเรียกว่า
รุกขเทวดา
>( เป็นชั้นจาตุมหาราชิกา ) หรือถ้าเป็นเทวดาผู้หญิงที่อยู่ตามต้นไม้ก็จะเรียกว่า
นางไม้
สวรรค์ในแต่ละชั้นใครจะได้อยู่ชั้นไหนขึ้นอยู่กับบุญกุศลที่เคยสร้างไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์ ว่ากันว่าผู้ที่จะได้ไปจุติใน
ภูมิแห่งเทวดา
คือผู้ที่ปะกอบแต่กรรมดีหรือสร้างสมกุศลกรรมอยู่เสมอ
นอ.ชาญ ศรีไทย ข้าราชการทหารบำนาญแห่งกองทัพอากาศที่ปัจจุบันแม้จะเกษียณแล้วก็ยังใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเองและบุคคลอื่นด้วยการปฏิบัติธรรมและรับเป็นวิทยากรบรรยายตามหน่วยงานราชการและเอกชนต่างๆ ในหัวข้อเกี่ยวกับ
ธรรมมะ
คุณชาญมีความเชื่อว่า
ภพภูมิของเทวดา
มีจริง และท่านก็ได้พิสูจน์จนรู้แจ้งด้วยตัวท่านเองมาแล้ว จึงนำเรื่องราวที่ได้สัมผัสมาเล่าให้เราฟังเพื่อเป็นวิทยาทาน
ถ้าจะพูดถึงเรื่องการพิสูจน์เทวดานี่นะครับผมต้องถามก่อนเสมอว่า ผู้ฟังมีความเชื่อถือในคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพียงใด คือสิ่งเหล่านี้เรามองด้วยตาเนื้อไม่เห็นเพราะฉะนั้นต้องเชื่อในคำสอน เพราะสิ่งนี้มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก ไม่ใช่การยกเมฆเอาอะไรต่ออะไรมาพูด
คุณชาญกล่าวต่ออีกว่า...
ในโลกมนุษย์นี้ตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเช่น วังหลวงหรือวัดพระแก้ว จะมีเทวดามาอยู่เยอะเพื่อรักษาสถานที่นั้น แม่แต่องค์พระพุทธรูปที่สำคัญก็จะมีเทวดารักษามากกว่า 1 องค์ หรือคนใน
เมืองลับแล
ที่เราเคยได้ยินเขาก็คือเทวดาเหมือนกัน เป็นเทวดาอีกภพหนึ่งที่ไม่ค่อยปรากฏตัว
เคยมีพระสงฆ์ที่ทรงธรรมชั้นสูงหลายองค์พอเวลาวิกาลท่านจะออกมาเทศน์โดยที่เราไม่เห็นว่าจะมีใครมาฟัง จริงๆ แล้วท่านเทศน์ให้
พวกบังบด
หรือ
พวกลับแล
ฟัง ซึ่งเขาจะมากันเยอะ มาขอฟังธรรมแต่เราคนธรรมดาจะไม่เห็นเขา และพวกนี้ก็จะมีความเป็นอยู่ใกล้เคียงกับมนุษย์
คุณชาญบอกว่าการที่จะพิสูจน์เทวดาทำได้โดยการปฏิบัติธรรม และทุกคนสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้
ผมใช้คำว่าทุกคน เราสามารถพบเห็นได้ เพราะเทวดามีแน่นอนและมีหลายระดับทั้งบนพื้นดิน อากาศ ต้นไม้ หรือเทวดาชั้นสูงขึ้นไปซึ่งมีอยู่หลายชั้น วิมานเทวดาในแต่ละชั้นไม่เหมือนกัน...ก่อนจะเห็นต้องเริ่มด้วยการปฏิบัติ ถ้าจิตเรารวมเขาเรียกเป็น
ปฐมฌาน
ปฏิบัติให้ได้ฌานระดับ 4 ก็จะได้พบเห็นอะไรต่ออะไร เวลาไปที่นั่นจะมีคนพาไป ผมเห็นได้หลายชั้น แต่เห็นอะไรบ้างนี่มันก็พูดยากนะครับ คล้ายๆ ว่าเป็น
ปัจจัตตัง
เพราะคนเราเวลาปฏิบัติมักเห็นไม่เหมือนกันนะฮะ
ที่ๆ ผมไปที่นั่นมีธรรมชาติ ภูมิประเทศสวยงามมาก สะอาดเป็นระเบียบ มีความเป็นธรรมชาติเหมือนกับโลกของเราเพียงแต่สวยงามกว่า การแต่งกายเขาก็ใส่เสื้อผ้าเหมือนเรา การแต่งเครื่องทรงอย่างในภาพเขียนมีใช้ในบางโอกาส แต่ส่วนใหญ่ก็เหมือนอย่างเราเพียงแต่ว่าชุดแต่งกายจะสุภาพเรียบร้อย ร่างกายโปร่งใส
คุณชาญใช้วิถีทางแห่ง
สมาธิ
เป็นเครื่องพิสูจน์เพื่อจะได้สัมผัสกับ
เทวดา
คุณชาญบอกว่าการทำสมาธิไม่ใช่สิ่งยาก ทุกคนทำได้เพียงแต่ว่าเราได้สร้างสมมาแต่อดีตชาติมากน้อยเพียงใด ถ้าสะสมมากก็ได้เร็ว ถ้าน้อยก็ได้ช้าหน่อย แต่ขอเพียงว่าให้มี
ความเพียร
เท่านั้น
ประสบการณ์ทางสมาธิของคุณชาญจากที่เริ่มปฏิบัติครั้งแรกเมื่อ 20 ปีก่อนนั้นน่ากลัวชวนให้ตื่นเต้นไม่น้อย คุณชาญเล่าให้ฟังว่า
ผมนั่งครั้งแรกตอนอยู่บ้านหลวง พูดตรงๆ นะครับ ผมเป็นคนกลัวผี พอไหว้พระสวดมนต์เสร็จ ก่อนทำสมาธิเนี่ยมักจะต้องขอก่อน ขออย่ามีอะไรมาไม่ได้ ขอให้มาในรูปสวยๆ งามๆ นะ อย่ามานะรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว เพราะว่าผมกลัว ปฏิบัติอยู๋หลายคืนก็เริ่มมีสิ่งผิดปกติสิ่งผิดปกติที่ว่าในครั้งแรก เกิดขณะที่ผมอยู่ในห้องพระคนเดียว พระเวลาทำสมาธิจะไม่ให้ใครรบกวน ครั้งนั้นก็จะเห็นเป็นเงาผ่านพรึบๆ ใจก็...เอาแล้ว...เอาแล้ว ก็แผ่เมตตา สัพเพสัตตาให้ 2-3 รอบก็หายไป...
คราวนี้เปลี่ยนใหม่ เป็นเสียงคนเดินผ่านหลัง เดินแบบลากเท้าดังแซ่กๆๆ เออ...เปลี่ยนอีกแล้ว
( หัวเราะ )
แต่ความกลัวยังมีอยู่ก็แผ่เมตตาไป คราวนี้สิครับโอ้โห...สมมติผมนั่งสมาธิอยู่ตรงนี้ โต๊ะบูชาอยู่ตรงนี้ ตรงนี้เป็นหน้าต่างบ้านชั้นบน ระยะห่างก็ประมาณ 2 เมตร จากหน้าต่าง ผมก็เห็น
( ในสมาธิ )
ผู้ชายรูปร่างใหญ่โต แหม...แขนข้างนึงใหญ่กว่าโคนขา ยืนจังก้า นอกหน้าต่าง น้ำเหลือง น้ำหนองน่ะเฟอะเลย น่ากลัว ก็แผ่เมตตา แผ่นานครับกว่าจะไป แล้วมาทุกคืน มาให้เห็นในรูปอย่างนั้นมาอยู่ 4-5 คืน...
ครั้งสุดท้ายยิ่งแผ่เมตตายิ่งเดินเข้ามาหา เดินยังกับหุ่นยนต์มาข้างหลังเอื้อมมือจะมาบีบคอ พอใกล้ถึงคอผมก็ร้องเลยครับ กลัวแล้ว ไม่เอาแล้ว รีบออกจากสมาธิเลยวันรุ่งขึ้นก็รีบไปหาหลวงพ่อที่สอนสมาธิผม เล่าให้ท่านผัง บอกปฏิบัติมาแล้วทุกวัน ครั้งสุดท้ายเป็นอย่างนี้ หลวงพ่อท่านตบพื้น
ปัง
...บอกว่าทำไมไปกลัว นั่นล่ะด่านสุดท้ายแล้ว ก็เลยต้องเริ่มต้นกันใหม่ หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบอีก แต่ผมก็ยังจำภาพนั้นติดตามาจนทุกวันนี้
เมื่อได้ปฏิบัติและพบเห็นเรื่องราวแปลกๆ อยู่เสมอๆ เลยทำให้คุณชาญเชื่อว่าวิญญาณ เทวดา ซึ่งเป็นเรื่องลี้ลับนั้นมีแน่เพราะได้ไปเยือนและได้สัมผัสเห็นอยู่บ่อยๆ จึงทำให้จากที่เคยกลัวการพบเห็นนิมิตรประหลาดในสมาธิก็กลับเห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ทุกวันนี้คุณชาญก็ยังปฏิบัติธรรมเป็นปกติ และเชื่อว่าการที่ครอบครัวมีความสุข ส่วนหนึ่งเป็นผลที่ได้จากการปฏิบัติธรรมนั่นเอง
ที่มา : นิตยสารหญิงไทย
ฉบับที่ 627 ปีที่ 27 ปักษ์หลัง
..........................................................................
กาลามสูตร
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา
(มา อนุสฺสเวน)
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆ กันมา
(มา ปรมฺปราย)
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ
(มา อิติกิราย)
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์
(มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก
(มา ตกฺกเหตุ)
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน
(มา นยเหตุ)
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
(มา อาการปริวิตกฺเกน)
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว
(มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้
(มา ภพฺพรูปตาย)
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา
(มา สมโณ โน ครูติ)
แต่หากประจักษ์ด้วยตนเองอย่างชัดแจ้งแท้จริงแล้ว จึงค่อยปลงใจเถิด ว่าสมควรจะเชื่อหรือไม่
Create Date : 12 สิงหาคม 2549
Last Update : 12 สิงหาคม 2549 10:05:00 น.
1 comments
Counter : 412 Pageviews.
Share
Tweet
เข้ามาเยี่ยม สุขสันต์วันแม่นะคะ ยิ้ม ยิ้ม
โดย:
pon00
วันที่: 12 สิงหาคม 2549 เวลา:11:47:43 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
ระนาดแก้ว
Location :
กรุงเทพ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
" ผู้หญิงราศีกุมภ์....อีกหนึ่งคนบนโลก "
all web
pantip
Friends' blogs
เ ม ฆ ค รึ่ ง ฟ้ า
ป้ามด
dont wanna no
แม่สาย
รำเพย
กึ่งยิงกึ่งผ่าน
ยาจกน้อย
BlogGang.com
บอกอกูรู
panumas05
กำปงพิราเทวี
แมวเหมียวพุงกาง
Webmaster - BlogGang
[Add ระนาดแก้ว's blog to your web]
Links
วิชาการ.คอม
สารานุกรมสัตว์
สามเกลอ ออนไลน์
สร้างการ์ตูนของคุณเอง
สมุนไพรใกล้ตัว
เฉลิมไทย
ล้านนา ออนไลน์
ธรรมะไทย
มิธแลนด์
ดิกชันนารี
พจนานุกรม
โฟโต้ ดอท เน็ต
เสียงธรรม
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.