DC มีดีมากกว่าที่คิด (Intro)


Washington DC มีดีมากกว่าที่คิด - INTRO

ในแต่ละปี บริษัทของแฟนเราจะจัดงานประจำปีที่อเมริกา ส่วนจะจัดที่เมืองไหนก็ต้องลุ้นกันไปในแต่ละปี ปีที่ผ่านมานี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ไปจัดที่ DC - ถามว่าเซ็งไหม ก็นิดนึงเพราะเราเคยไปมาแล้ว แต่สรุปแล้ว ก็ฟินใช้ได้เลยค่ะ เพราะครั้งก่อนที่ไป ถึงจะรู้สึกว่าเที่ยวทั่วแล้ว แต่ก็ยังไม่ครบเลย แถมรอบนี้แม่ของแฟนตามไปสมทบเราที่นั่นอีกด้วย ก็เลยมีแรงจูงใจที่จะออกไปเดินเที่ยว เพราะแฟนเองก็ยุ่งกับงานตั้ง 3 วัน ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย ถ้าไปกันแค่ 2 คนนี่เราเองเผลอ ๆ จะเลือกที่จะชิวอยู่กับแฟนที่งานมากกว่า เพราะข้างนอกมันหนาวมากเลย TT..TT

ก่อนอื่นอยากจะอธิบายว่า DC เป็นเมืองที่น่าอยู่ น่าเที่ยว น่าเดินมาก ๆ เชื่อว่ามีหลายคนที่ปฏิเสธโอกาสการไปเที่ยวเมืองนี้เพราะแลดูเป็นเมืองที่ไม่ได้มีอะไรหวือหวา เป็นเมืองที่เน้นการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์น่าเบื่อ ๆ แต่ไม่รู้เหมือนกันนะคะ ตัวเรารู้สึกว่าเป็นเมืองนึงที่พลาดไม่ได้ โดยเฉพาะสำหรับท่านที่สนใจในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ (ฯลฯ อีกด้วยนะ โลก สัตว์ ศิลปะ พันธุ์พืช มากมาย ๆ )

DC เด็กเที่ยวได้ ผู้ใหญ่เที่ยวดีจริง ๆ นะคะ เราเองยังเสียดายเลยที่ไปมา 2 ครั้ง ยังไม่มีโอกาสได้พาลูกสาวไป ขุ่นแม่ก็เลยรับอาสาไปเที่ยว เก็บภาพความประทับใจนำกลับมาฝากทั้งสองคน กลายเป็นว่า หลังจากที่เด็ก ๆ ได้เห็นรูปภาพดิสเพลย์ต่าง ๆ ในพิพิธภัณฑ์แล้ว ทั้งสองก็ตื่นเต้นมาก บอกว่าอยากไป ๆ ๆ 

เป็นเมืองที่เดินทางไปไหนมาไหนง่ายมาก ๆ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชอบการเดิน ทั้งสองครั้งที่ไป DC เราแทบจะไม่ได้ใช้บริการ taxi หรือ subway เค้าเลย เปิด Google Maps เดินเอาอย่างเดียว ถือเป็นโอกาสที่จะได้เยี่ยมชมเมือง เห็นวิถีชีวิตของพวกเค้า เปิดหูเปิดตากันบ้างอ่ะเนอะคะ 

บริการจักรยานให้เช่าปั่นชมเมืองก็มี พวกรถบัส Hop On Hop Off ก็มี แบบที่มีไกด์บรรยายก็เป็นออพชั่นที่น่าสนใจ แถมได้ความรู้จากไกด์อีกด้วย อยากขึ้นตรงไหน ลงตรงไหน ก็ได้ตามจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ รอบเมือง แต่ด้วยเหตุที่ว่าโซนอนุสาวรีย์ต่าง ๆ มันเชื่อมต่อถึงกัน เดินไปเรื่อย ๆ ตามทางจากจุดนึงสู่อีกจุดนึงได้เลย ต่อไปอีกนิดก็เป็นโซนพิพิธภัณฑ์ที่เรียง ๆ กันอยู่ เดินได้เรื่อย ๆ สบาย ๆ จริง ๆ นะ - แต่ก็นั่นล่ะค่ะ อันนี้กรณีที่เป็นคนที่ชินกับการเดิน เพราะปีก่อนที่ไปกับแฟน ในเวลานั้นแฟนเป็นคนที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกับการเดินเที่ยว ก็แอบบ่นนิดหน่อยอยู่เหมือนกัน (555 หาว่าเมียหลอกให้เดิน ผ่านไปหลาย ๆ ทริปก็เริ่มจะชินละ เดินได้สบาย ๆ แล้วเดี๋ยวนี้)

บทนำมาก่อน เดี๋ยวภาพตามมาน๊า...




พร้อมแล้วมาเริ่มกันน๊า รายละเอียดการเดินทางกับที่พักสำหรับท่านใดที่สนใจ จะลงให้คร่าว ๆ นะคะ

CNX > INCHEON > DULLES
การเดินทางทั้งหมดจนถึงโรงแรม รวมได้เกือบ 24 ชม. จ้า!

- 00.00 ออกจากเชียงใหม่ (ระยะเวลาการบินประมาณเกือบ 5 ช.ม.)
- 05.00 ถึงเกาหลี (ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าไทยไป 2 ช.ม.)
- 08.00 ออกจากเกาหลี (ระยะเวลาการบินประมาณ 17 ช.ม.)
- 10.00 ถึงสนามบิน Dulles (ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าไทยไป 12 ช.ม.)

เครื่องลงที่ Washington Dulles International Airport (1 ใน 2 สนามบินของ DC และจัดว่าเป็นสนามบินที่อยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควร) ตอนประมาณ 10.00 กว่า ๆ แต่กว่าจะผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง รอรับกระเป๋า และเดินทางไปถึงที่พัก - ซึ่งใช้เวลาขับรถระหว่าง 35-40 นาที และอาจมากกว่านี้ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรอีกด้วย - ก็เกือบจะเที่ยงแล้วล่ะค่ะ




รอบนี้ทางบริษัทจัดให้พักที่โรงแรม "Marriott Courtyard on Embassy Row" ในย่าน Embassy Row ซึ่งเราไม่ทันได้ถ่ายรูปห้องพักมา แต่โดยรวมแล้วก็โอเคสำหรับเรานะคะ ห้องพักมีพื้นที่พอสมควร สะอาดสะอ้าน มีสิ่งอำนวยประโยชน์ครบ มีเครื่องกดกาแฟมาให้พร้อมกับแคปซูลกาแฟและชา ครบครัน ด้านล่างในลอบบี้ก็มีร้านขายของเล็ก ๆ ขายอาหารง่าย ๆ พร้อมทาน ขนมขบเคี้ยว เครื่องใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจจะจำเป็นต้องใช้ขึ้นมา 

บริการของพนักงานก็จัดว่าโอเค ขอแนะนำว่าควรเตรียมใจไปให้พร้อมที่จะต้องพบเจอกับพนักงานผิวสี ซึ่งกลุ่มหนึ่งเป็นคนท้องถิ่น ซึ่งก็ถือว่าเป็นชาวอเมริกันอ่ะแหละเนอะ แต่อย่างที่รู้กันเขาจะมีสำเนียงและวิธีการพูดจาที่แตกต่างจากชาวอเมริกันผิวขาว ฟังยากแต่ก็สนุกดีนะคะ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งจะเป็นคน Ethiopia หรือพวกชาวเกาะแถบ ๆ นั้น ที่เรามองดูเผิน ๆ อาจจะไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่สำเนียงนี่คนละเรื่องเลยจ้า อาจจะฟังยากกว่าปกติอีกนิดนึง 

ที่บอกไม่ได้จะให้กลัว หรือตกใจนะคะ D.C. เป็นเมืองที่มีประชากรชาว Ethiopia สูงที่สุดจากทุก ๆ เมืองหรือรัฐในอเมริกาเลย คือเขาว่ากันว่า นอกจากประเทศ Ethiopia แล้ว ก็มี D.C. นี่แหละค่ะ ที่มีชุมชมของพวกเค้าพักอาศัยกันอยู่มากที่สุด 

ครั้งแรกที่ไป ยังเคยแอบสงสัยว่าทำไมที่ D.C. มีร้านอาหาร Ethipia เยอะมาก ก็นึกว่าเป็นเทรนด์ใหม่ จนไปรอบนี้นี่ล่ะค่ะ ไปได้ความรู้มาจากดิสเพลย์ที่พิพิธภัณฑ์น่ะแหละค่ะ ฮ่า ๆ ฟังดูมีสาระนิดนึง 

ส่วนใครที่เป็นกังวลเรื่องพฤติกรรมเหยียดสีผิว ที่อเมริกาแม่บ้านไม่ค่อยเจอนะคะ ในความรู้สึกส่วนตัว ชาวออสเตรเลียยังจะแสดงออกมากกว่าเล้ย จริง ๆ นะ เราว่าตราบใดที่ตัวเราไม่ทำตัวยุ่งยากเวิ่นเว้อรุงรัง พวกเค้าก็โอเคกับเรานะคะ 

อ่ะ ๆ ไปต่อค่ะ ที่พักตรงนี้อยู่ห่างจากแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ๆ ของเมืองไปประมาณ 15 นาที ซึ่งเดินจากที่พักตรงลงมาเรื่อย ๆ ก็จะถึงทำเนียบขาวแล้วอ่ะค่ะ คือ...ง่าย สบาย อะไรปานนั้น ระหว่างทางก็จะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านแซนด์วิชประปรายกัน แวะกินสะดวก โด๊ปกาแฟได้ทุกหัวมุมถนน ตามอัธยาศัย ไม่เปลี่ยวนะคะ 

ข้อสำคัญที่สุด ขอเตือนและเน้นย้ำว่า D.C. เป็นเมืองที่เน้นสำนักงานและสถานราชการ พนักงานออฟฟิศ ซึ่งส่วนใหญ่จะอาศัยนอกตัวเมืองและเดินทางเข้ามาทำงานระหว่างวัน ดังนั้นช่วงเวลาระหว่างวันจะปลอดภัยมาก ๆ แต่วันเสาร์ และโดยเฉพาะวันอาทิตย์ ให้ระมัดระวังตัวนิดนึง คืออย่าเดินไปเดินมานอกเส้นทางหลัก ๆ ของเมืองในเวลาแปลก ๆ ถ้าเป็นช่วงสาย ๆ ไปจนถึง 17.00 แม่บ้านว่า ตามโซนพิพิธภัณฑ์และอนุเสาวรีย์ยังปลอดภัยอยู่ เพราะว่ามีนักท่องเที่ยว (ทั้งต่างชาติ ต่างเมือง ต่างรัฐ แม้แต่ครอบครัวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่) ไปเที่ยวกันเยอะมากอยู่ 

พวกปาร์คในเมืองที่มีกระจาย ๆ เป็นหย่อม ๆ เกือบบล๊อคเว้นบล๊อคเลย สร้างความสวยงามและร่มรื่นให้กับเมือง สถานที่พวกนี้คือที่พักอาศัยของชาว Homeless จำนวนมาก โดยปกติระหว่างวันพวกเขาจะไม่อยู่หรอกนะคะ บางรายอาจจะทิ้งข้าวของไว้บนม้านั่งเพื่อเป็นการประกาศอาณาเขตของตัวเอง หรือพับเก็บไว้ตามซอกตามมุมบ้าง ตอนกลางคืนก็กลับมานอน ตอนเช้าก็หายตัวไป แต่วันอาทิตย์ที่ไม่ค่อยมีพนักงานออฟฟิสมาทำงาน พวกเขาก็จะโผล่มาให้เห็นมากมายเลยแหละค่ะ (แฮร่ เจอมาหลายช็อตเลยค่ะ ทริปแรกที่ไป เล่นเอาแฟนเราหล๋อนมาก ๆ 555 เลยต้องเขียนไว้ ๆ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกันเลย) 

นอกจากชาวโฮมเลส ก็จะมีเจ้าตัวเล็ก ๆ ขนปุย ๆ น่ารักน่าชังพวกนี้อีกอย่างนะคะที่มีให้เห็นเยอะมาก แม่บ้านถ่ายไม่เคยจะทันเลย เดี๋ยวก่อนเหอะ

พล่ามได้ยาวเฟื้อยเลย ต่อค่า - 



รอบนี้ ถึงที่พักเก็บกระเป๋าเข้าห้อง ก็ออกเลย ไปตามล่าหาร้าน Five Guys Burger กันค่ะ มาเมกาก็ต้องกินเบอร์เกอร์สิน๊า ร้านนี้เครื่องเยอะ เลือกได้ แถมถั่วลิสงฟรี ตักกินได้เรื่อย ๆ เพราะเขาใช้น้ำมันจากถั่วลิสงในการทอดนะคะ ถ้าใครแพ้ถั่วก็อดเลย





ใครเป็นคอเบอร์เกอร์ลองดูได้นะคะ มีหลายสาขามาก หาเอาตามสะดวกเลยค่ะ รอบนี้เราไปแวะสาขาใกล้ ๆ ที่จัดงานของบริษัท อยู่แถว McPherson Square ไม่ไกลมากจากที่พักของเรา 

เรากินเสร็จก็กลับที่พัก ตั้งใจว่าจะงีบซักหน่อยก่อนที่แม่สามีจะเดินทางมาถึงช่วงบ่าย ๆ หมดไปแล้ว 1 วันสำหรับพวกเรา ตื่นมาค่ำ ๆ ก็หาที่ทานอาหารเย็นกัน แฟนเจอข้อมูลเกี่ยวกับร้าน Founding Farmers เป็นร้านที่เปิดโดยชาวสวนชาวไร่ เขาว่ากันว่าอย่างนั้น เป็นคอนเซ็ปใหม่ในการเปิดร้านอาหารที่เขาว่ากันว่าเป็นอาหารอเมริกันแนวใหม่ เน้นความสด อร่อย และเก๋ ใครที่นึกไม่ออกว่าอาหารอเมริกันเป็นยังไง ก็คงต้องไปลองดูอ่ะค่ะ เพื่อเป็นการลบล้างภาพลักษณ์เดิม ๆ ที่ว่าอาหารอเมริกันมีแต่อาหารขยะ กระแสนี้เกิดขึ้นมาเพื่อเน้นสุขภาพที่ดีขึ้น เน้นวัตถุดิบที่หลากหลาย นำมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัวแบบแปลก ๆ คือ ไม่นึกว่ามันจะเข้ากัน แต่มันก็เข้ากันได้อ่ะค่ะ

ร้านนี้ก็มีหลายสาขา - ที่เราไปทานวันนั้นอยู่โซน Foggy Bottom บนถนน Pennsylvania Avenue ค่ะ - ควรจองล่วงหน้า เราไปกันแบบไม่ได้โทรเช็คล่วงหน้า กลายเป็นว่ารอคิวเบา ๆ ประมาณ 45 นาทีค่ะ แม้จะเป็นคืนวันปกติแต่คนแน่นมาก เหมือนกับว่าชาวออฟฟิสที่เลิกงานมาก็มาทานอาหารกันต่อก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน เห็นพวกร้านอาหารแล้วจะงงว่าคนพวกนี้มาจากไหนกัน เพราะตอนกลางวันคนเดินกันบนถนนน้อยมาก 

เสียดายที่แสงสลัวมาก และด้วยความเบลอ ความหิว เก็บภาพมาได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาหารอร่อยน่าสนใจดีค่ะ แล้วแต่ความชอบเนอะ ^^





ถ้าเกร็ง ๆ ไม่มั่นใจก็ถามพนักงานเลยค่ะ เรานึกไม่ออกก็ถาม บอกว่าไม่หิวมากแนะนำให้หน่อยน๊า พนักงานก็แนะนำให้ ของแฟนเป็นสเต๊ก ของเราเป็นปลา พอเลือกอาหารหลักได้ เขาก็จะให้เลือกเครื่องเคียงได้ 2-3 อย่างจากรายการยาวเหยียด ถามเลยค่ะ ไม่ต้องกลัวน๊า - แต่อย่าเวิ่นเว้อ ลูกค้าเค้าเยอะ ก็เห็นใจเค้ากันด้วยน๊า 

อีกอย่างเกี่ยวกับการทานอาหารที่นู่น ถ้าไม่ใช่พวกร้านอาหารแนว ๆ ชิค ๆ ที่มาจานละประมาณ 3-4 คำหมด ปริมาณอาหารที่ได้ ส่วนใหญ่จะเยอะมาก พวกเราไปกี่ที ๆ มื้อแรก ๆ นี่เผลอประจำ คือเหลือตลอด น่าเสียดายอ่ะค่ะ 

แล้ววันแรกที่เดินทางไปถึงก็จบลงแบบอิ๊มอิ่ม ง๊วงง่วง เบลอมาก :) เดี๋ยวมาต่อนะคะ


ใครที่สนใจอยากพูดคุยสอบถามติดตามกันแบบปัจจุบันทันด่วน แอด FB หรือ IG ได้นะคะ
อัพบ้างไม่อัพบ้าง แต่จะพยายามมาเรื่อย ๆ น๊า :) ขออภัยในความล่าช้าจ้า มือใหม่หัดทำอยู่วว์ ไม่ว่ากันนะ ๆ <3

ภาคต่อมาแล้วน๊า ไปดูเล้ย!...







Create Date : 10 มกราคม 2560
Last Update : 20 มกราคม 2560 11:28:25 น.
Counter : 633 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่บ้านหน้าสด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]