your enjoyable TENTarized knowledge :)
เข้าไปถามคำถามในเฟซบุคที่จะสะดวกตอบกว่านะ ^^

เฉลย: เคมีที่เป็นพื้นฐานของชีวิต

เฉลยเรื่อง เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต

ตอนที่ 1
1. ถูก คิดจากเอา C6H12O6 X 3 แล้วลบด้วย H2O x 2 เพราะเกิดน้ำ 2 พันธะระหว่างน้ำตาล 3 โมเลกุล
2. ผิด เราต้องรู้ว่า tristearin คือ triglyceride ที่เกิดจาก glycerol 1 โมเลกุลรวมกับกรดไขมัน stearic acid 3 โมเลกุล
เรายังต้องรู้สูตรโมเลกุลของกลีเซอรอลว่าคือ C3H5(OH)3 แล้วบวก C17H35COOH x 3 ลบออกด้วย H2O x 3 เพราะเกิดน้ำ 3 โมเลกุลใน triglyceride นี้ ได้ออกมาเท่ากับ C57H110O6 ส่วนตัวเลขที่โจทย์ให้มานั้นยังไม่ได้ลบน้ำออกไป
3. ถูก พลังงานจากอาหารคิดจากจำนวนกรัมของไขมัน x 9 + คาร์โบไฮเดรต x 4 + โปรตีน x 4
= 15 x 9 + 25 x 4 + 20 x 4 = 315 kcal
4. ผิด ฮอร์โมนเพศและฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตชั้นนอกเป็น steroid
5. ถูก วิตามินเป็นสารอินทรีย์ที่ไม่ให้พลังงาน น้ำตาลเป็นสารอินทรีย์และให้พลังงาน 4 kcal/mol
6. ถูก cholesterol เป็นสารตั้งต้นของ เกลือน้ำดี (สังเคราะห์ที่ตับ), วิตามินดี (สังเคราะห์ที่ผิวหนัง) และ steroid hormone ต่างๆ (สังเคราะห์ที่ต่อมหมวกไตชั้นนอกและอวัยวะเพศ) เช่น testosterone, aldosterone, cortisol, progesterone, estrogen สูตรโครงสร้างของ stearoid เหล่านี้มีจึงมีโครงสร้างพื้นฐานเหมือนๆกัน
7. ผิด ไขมันเป็นสารชีวโมเลกุลที่ไม่ใช่ polymer อยู่ในรูปโมเลกุลต่างหาก มี glycerol ต่อกับ fatty acid ก็จบ แต่ triglyceride ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มาต่อกันไปเรื่อยๆเหมือนคาร์โบไฮเดรตหรือโปรตีน
8. ถูก เวลาออกกำลังกายจะใช้ glycogen เป็นแหล่งแรกก่อน แล้วใช้ triglyceride ในเซลล์ไขมัน เมื่อไม่มีอะไรให้ใช้จริงๆอย่างเช่นเป็นเด็กเอธิโอเปียถึงจะใช้โปรตีนเป็นแหล่งพลังงาน
9. ผิด glycogen > amylopectin > amylose = cellulose สองตัวสุดท้ายไม่แตกแขนง
10. ถูก การสังเคราะห์ด้วยแสงดูดพลังงานแสงมาใช้ การหายใจระดับเซลล์คายพลังงานในรูป ATP
11. ถูก ผนังเซลล์ราเป็น chitin มี monomer เป็นอนุพันธ์ของกลูโคส ส่วนผนังเซลล์พืชดอกหลักๆเป็น cellulose มี monomer เป็นกลูโคส
12. ถูก วิตามินบีและซี ละลายในน้ำ และทำลายง่ายด้วยความร้อน ข้อสอบเอนท์ยังเคยออกเลย
13. ถูก พันธะโควาเลนต์ใน cellulose คือ glycosidic bond ระหว่างโมเลกุลกลูโคส ส่วน hydrogen bond ที่พบอยู่ระหว่างสาย cellulose ทำให้มันมีความแข็งแรงมาก
14. ผิด ผิดเต็มไปหมดเลย กรดโอเลอิกและไลโนเลอิกเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว, กรดไขมันอิ่มตัวมักพบในไขมันสัตว์และน้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม
15. ถูก collagen ในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันเป็นโปรตีนที่มีมากสุดในร่างกาย, cellulose ในผนังเซลล์พืชเป็นสารชีวโมเลกุลที่เยอะสุดในโลก แถมให้อีกอย่างคือ rubisco (เป็นเอนไซม์อย่างหนึ่งของการสังเคราะห์ด้วยแสง) เป็นโปรตีนที่มีมากที่สุดในโลก

ตอนที่ 2
A น้ำมันพืช กะหล่ำดอก = วิตามินอี ป้องกันอนุมูลอิสระ ป้องกันเยื่อหุ้มเซลล์แตก
B น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว = กรดไขมันอิ่มตัว เป็นตัวเลวและอันตราย
C มะเขือเทศ มะละกอ = วิตามินเอ ป้องกันตาบอดกลางคืนและบำรุงสายตา
D ปลาทู ถั่วเหลือง = โปรตีนคุณภาพสูง มีกรดอะมิโนจำเป็นครบ
E รังนก ซุปไก่สกัด = โปรตีนคุณภาพต่ำ ไม่มีค่าใดๆ ไม่เหมาะจะเป็นของขวัญในเทศกาลพิเศษให้คนที่คุณรัก
F มะเขือพวง เครื่องในสัตว์ = เหล็ก บำรุงเลือด
G ข้าวซ้อมมือ = วิตามินบี 1 ป้องกันเหน็บชา
H เกลืออนามัย อาหารทะเล = ไอโอดีน ป้องกันโรคคอพอก (simple goiter) และเอ๋อ (cretinism)
I มะขามป้อม มะนาว = วิตามินซี ป้องกันอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยสร้าง collagen
J ปลาแห้ง กุ้งแห้ง = แคลเซียม การทำงานของประสาทและกล้ามเนื้อ การแข็งตัวของเลือด เสริมสร้างกระดูกและฟัน
K ยาน้ำสตรีเบนโล เอิ่ม.. ไม่น่าจะเป็นอาหารนะ
L วิตามินบีรวม = เป็น coenzyme ต่างๆและช่วยระบบประสาททำงาน

ตอนที่ 3
1. ข.
ใยป่านเป็นเส้นใยจากพืช เป็น sclerenchyma พวก fiber (อยู่ในเรื่องโครงสร้างพืช) ส่วนที่เหลือเป็นโปรตีนได้มาจากสัตว์ โดยเขาควาย, นอแรด, ผม มีโปรตีน keratin
2. ง.
ก. ถูก กลูโคสเป็นน้ำตาลหลักในเลือด
ข. ถูก ฟรักโทสเป็นอาหารเลี้ยงตัวอสุจิสร้างจากต่อม seminal vesicle
ค. ถูก ในนมมี lactose พอย่อยแล้วจะได้ glucose + galactose
ง. ผิด สารพันธุกรรมหลักของคนคือ DNA ซึ่งมี deoxyribose เป็นส่วนประกอบ ส่วน ribose มันอยู่ใน RNA
3. ง.
ก. ผิด covalent bond ที่ไหนๆก็แข็งแรงเหมือนกัน แบบนี้แปลว่าแป้ง (ซึ่งมีcovalent bond คือ glycosidic bond เหมือนใน cellulose) ก็ต้องแข็งแรงด้วยน่ะสิ
ข. ผิด ไม่ตรงประเด็น ไม่แตกแขนงและรูปร่างมีระเบียบไม่ได้แปลว่าจะต้องแข็งแรง
ค. ผิด ย่อยไม่ได้ในร่างกายสัตว์ แล้วไงอะ?
ง. ถูก สายที่มีระเบียบ + hydrogen bond ทำให้มันอัดตัวกันแน่นและแข็งแรง เหมาะสำหรับเป็นผนังเซลล์ของพืช (เมื่อเทียบกับ ข.พบว่าน้ำหนักมากกว่าตรงพันธะไฮโดรเจนเนี่ยแหละ เรียนเคมีก็ต้องรู้ว่าพันธะไฮโดรเจนเป็นพันธะที่แข็งแรงทำให้สารมีจุดเดือด-จุดหลอมเหลวสูงใช่ไหม)
4. ค.
ประกอบด้วย pentose และ phosphate อาจจะเป็น nucleotide หรืออนุพันธ์ nucleotide อย่าง ATP, NAD+, FAD ไรเงี้ย
ก. ถูก ถ้า A เป็น deoxynucleotide แล้ว polymer ของ A ก็เป็น DNA
ข. ถูก A เป็น nucleotide อย่างที่บอก
ค. ผิด สารพลังงานสูงของเซลล์อย่าง ATP, NAD+, FAD อยู่ในรูปของโมเลกุลไม่ใช่ polymer
ง. ถูก ถ้า A เป็น ATP แล้ว hydrolysis ของมันได้พลังงานออกมา 7.3 kcal/mol
5. ง.
ก. ผิด น้ำคงอุณหภูมิ (เพราะความจุความร้อนจำเพาะสูง) และปริมาตรให้เซลล์ แต่ไม่คงรูปร่าง (เป็นหน้าที่ของ cytoskeleton, ผนังเซลล์, เยื่อหุ้มเซลล์ต่างหาก) ลองนึกดูว่าการที่เซลล์ๆหนึ่งมีรูปร่างแบบนั้นได้ เป็นเพราะน้ำหรอ
ข. ผิด น้ำเข้าร่วมปฏิกิริยาต่างๆมากมายก็จริงแต่ไม่เร่ง metabolism เพราะเป็นหน้าที่ของเอนไซม์ต่างหาก
ค. ผิด เซลล์จะนำไฟฟ้าไปทำไม และการนำกระแสประสาทไม่ได้เกิดจากการแตกตัวของน้ำ
ง. ถูก น้ำเป็นตัวทำละลายสากล (universal solvent) ละลายสารได้ร้อยแปดพันเก้า
6. ง.
ก. ถูก amylase จะไปย่อยแป้งกลายเป็นน้ำตาล
ข. ถูก amylase เป็นโปรตีนทำปฏิกิริยากับ biuret test
ค. ถูก น้ำมะนาวมีวิตามินซีช่วยฟอกสีน้ำเงินของน้ำแป้ง + ไอโอดีน
ง. ผิด ต้มน้ำตาลทรายกับ HCl จะเกิด hydrolysis กลายเป็นกลูโคสและฟรักโทส เมื่อหยด benedict ลงไปเฉยๆ ก็กลายเป็นสีฟ้า จบ ! อย่าลืมเอาไปต้มให้ benedict เกิดปฏิกิริยาด้วยสิ -*-
7. ก.
โมเลกุลนี้คือกรดอะมิโนที่หมู่ R เป็นอะตอมของไฮโดรเจน (glycine) จึงอยู่ในโปรตีนเช่น ถั่วเหลือง ปลาทู และมีหมู่ฟังก์ชัน 2 หมู่คือ carboxyl (-COOH) และ amino (-NH2)
8. ข.
polysaccharide แบบโครงสร้าง เช่น cellulose, chitin, pectin
polysaccharide แบบสะสม เช่น แป้ง, glycogen, inulin
a) ถูก กระดองปูมี chitin เป็น polysaccharide แบบโครงสร้าง
b) ผิด ตับหมู่มี glycogen เป็น polysaccharide แบบสะสม
c) ถูก ผนังเซลล์ยีสต์มี chitin เหมือนกระดองปู
9. ข.
ก. วิตามินเค ได้จากแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่
ข. niacin สร้างเองไม่ได้เลยยย
ค. biotin ได้จากแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่
ง. วิตามินดี เกิดจาก steroid ใต้ผิวหนังเปลี่ยนโครงสร้างเมื่อโดน UV
และพี่จะบอกว่า niacin เนี่ย ในหนังสือเรียนสสวท.(สมัยพี่)บอกว่าเป็นวิตามินบี 5 แต่จริงๆแล้วมันเป็นบี 3 นะ (วิตามินบี 5 คือ pantothenic acid ต่างหาก)
10. ก.
a) ถูก กรดไขมันอิ่มตัวไม่มีพันธะคู่ เลยไม่งอ คือโค้งงอน้อยกว่าน่ะแหละ
b) ผิด เมื่อ C เท่า กรดไขมันอิ่มตัวมี H มากกว่า (อิ่มไปด้วย H ไง) ตัวส่วนในเศษส่วนเลยมากกว่า C : H เลยมีค่าน้อยกว่า
c) ผิด กรดไขมันแบบไหนก็ให้ 9 kcal/mol เหมือนกันนะ
11. ข.
เหมือนจะเป็น denaturation แต่นั่นต้องไม่มีการหลุดออกมาเป็นกรดอะมิโนสิ เสียแค่สภาพสามมิติอย่าง hydrogen bond ฯลฯ
ต้องเกิด hydrolysis เพราะถึงแม้จะไม่มีเอนไซม์ แต่ถ้าเจอสภาวะกายภาพสุดโต่งก็ทำให้โปรตีนสลายออกมาได้เหมือนกันนะ เป็นข้อสอบ anet ด้วยล่ะ
12. ข.
a) ถูก cholesterol ส่วนใหญ่เป็นไขมันไม่ดี ทำให้หลอดเลือดอุดตัน คนเลยมักบอกว่า "อย่ากินอาหารคอเลสเตอรอลสูงนะ"
b) ถูก cholesterol เป็นสารตั้งต้นของฮอร์โมนเพศไง
c) ผิด cholesterol แทรกอยู่ระหว่างชั้น phospholipid bilayer ทำให้มันไม่เหลวจนเกินไป....แต่นั่นมันอยู่ในเยื่อหุ้มเซลล์ ไม่ใช่ผนังเซลล์อย่างที่โจทย์บอกนะ ~
13. ค.
ก. ถูก ยาวมาก เซลล์นึงมี DNA รวมกันยาว 2 เมตรแน่ะ
ข. ถูก น้ำตาลใน DNA เป็น deoxyribose และเบสเป็น T A G C แต่ใน RNA เป็น ribose และเบสเป็น U A G C
ค. ผิด ไวรัสบางชนิดและไวรอยด์ทุกชนิด ใช้ RNA เป็นสารพันธุกรรมต่างหาก (ในฐานะที่เป็นเด็กม.ปลายเราต้องติ๊ต่างว่าไวรัสและไวรอยด์เป็นสิ่งมีชีวิตนะเออ)
ง. ถูก จำลองตัวเองได้ในระยะ S ของ interphase ไง
14. ง.
ถูกหมดเลย โปรตีนมีร้อยแปดพันเก้าชนิดเพราะสามเหตุผลนี้แหละ
a) ถูก ลองคิดดูว่ามีกรดอะมิโน 2 ชนิด กับ 20 ชนิด อะไรจะทำให้มีความหลากหลายมากกว่า
b) ถูกมาก เพราะโปรตีนเป็นผลผลิตโดยตรงจากการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมเลยล่ะ (อ่านเรื่องพันธุศาสตร์)
c) ถูก ถ้าเกิดเรียง abc กับ cba ก็ต่างกันแล้วนะ เพราะปลายสองด้านมันไม่เหมือนกัน (ด้านนึงเป็นปลาย -COOH แต่อีกด้านเป็นปลาย -NH2 ไง)
15. ง.
วิตามินเค เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดนะ
ถ้าโลหิตจาง จะเป็น อี, บี 6, บี 12, folate และธาตุเหล็กมากกว่า
16. ค.
ยาปฏิชีวนะ แปลง่ายที่สุดคือ ยาฆ่าแบคทีเรีย
การกินยาปฏิชีวนะนานๆอาจส่งผลต่อสมดุลของแบคทีเรียเจ้าบ้านในร่างกาย (เช่นพวกในลำไส้ใหญ่ที่ผลิตวิตามินให้เราได้)
โจทย์ข้อนี้คือถามว่าแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่สร้างไรได้บ้างนั่นเอง มันสร้างวิตามิน เค, บี 12, biotin และ folate นะ
a) ถูก หน้าที่ของวิตามินเค
b) ผิด หน้าที่ของวิตามินเอ
c) ถูก หน้าที่ของ folate และวิตามินบี 12
17. ก.
กล้ามเนื้อและประสาทใช้ Na, K, Mg, Cl, Ca
เพราะถ้าเกิดอ่านเรื่องการเคลื่อนไหวและระบบประสาท จะพบว่า
Na K Cl = คงศักย์ไฟฟ้าเยื่อหุ้มเซลล์
Ca = การหลั่งสารสื่อประสาทและการหดตัวของกล้ามเนื้อ
Mg = รู้แค่ว่าเกี่ยวกับการนำกระแสประสาท + หดตัวกล้ามเนื้อก็พอ
ส่วน Fe, P, I ไม่เกี่ยวนะ
18. ค.
จำหน้าที่ของ Ca ไปให้หมดเลย ถึงจะมีเยอะหน่อยแต่ต้องใช้หมดแน่นอน
การสร้างเม็ดเลือดแดงไม่เกี่ยวกับ Ca ล่ะ หนังสือบางเล่มก็เฉลยผิดนะครับ
19. ข.
ข้อนี้ดูตรง ไม่ได้เป็นองค์ประกอบหรือโครงสร้าง......
กำมะถัน อยู่ในกรดอะมิโน
ฟอสฟอรัส อยู่ใน phospholipid, ATP
ไนโตรเจน อยู่ในโปรตีน, กรดนิวคลีอีก, N-waste, chlorophyll เยอะแยะ
เลยเหลือแต่ข้อ b) เฉยเลย K นอกจากจะรักษาสมดุลออสโมติก ปริมาตรน้ำ สมดุลศักย์เยื่อหุ้มเซลล์ ยังเป็น coenzyme ของเอนไซม์ aldolase, pyruvate kinase ATPase ฯลฯ ด้วยล่ะ ไม่ต้องจำหรอก
20. ค.
ก. ผิด ลดพลังงานก่อกัมมันต์ได้มาก ก็ทำให้ปฏิกิริยาเกิดได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้นสิ ไม่เกี่ยว
ข. ผิด เฉพาะเจาะจง ก็ทำให้ไม่จับกับคนอื่นมั่วๆสิ
ค. ถูก คุณสมบัตินี้มีชื่อเรียกว่า turnover คือทำงานแล้วเหมือนเดิมเป๊ะๆ โยน sucrase ใส่น้ำเชื่อมปริมาตรเท่าสระน้ำเดี๋ยวซักวันมันก็ย่อยหมด เพราะทำงานแล้วไม่เปลี่ยนแปลงเลยไง
ง. ผิด มั่วมาก แถมมันยังไม่ได้แปรผันตามอีกตังหาก กราฟเป็นโค้งๆหน่อยแบบไฮเพอร์โบลา (?) เหอะ
21. ข.
a) ถูก ผลิตภัณฑ์มันคายพลังงานออกไปไง เลยเหลือพลังงานลดลง
b) ถูก ไม่ว่าปฏิกิริยาเคมีใดๆก็ต้องการพลังงานกระตุ้นเสมอนะ
c) ผิด คายพลังงานออกสู่สิ่งแวดล้อม จับหลอดทดลองแล้วก็ต้องร้อนขึ้นดิ
22. ก.
หลอด I พบว่า P จะกลายเป็น Q R และ S โดยไม่ทราบลำดับ
หลอด II ใส่ B ที่ยับยั้งเอนไซม์ b จะพบสาร 3 ชนิด (มีตัวนึงหายไป) แสดงว่า b เป็นเอนไซม์ของปฏิกิริยาสุดท้าย พอเกิดไม่ได้สารตัวสุดท้ายเลยหายไป
พบสาร Q มากขึ้น แสดงว่า Q เป็น substrate ของ B นั่นคือ Q อยู่ลำดับที่ 3
อาจจะเป็น P R Q S หรือ P S Q R ก็ได้ 2 กรณีนี้
ใครตอบข้อ 4. ติดลบร้อยคะแนนครับ
23. ง.
เอนไซม์เกี่ยวข้องกับทุกๆปฏิกิริยาในเซลล์ ไม่มีเอนไซม์ก็ทำอะไรไม่ได้เลย เหมือนมือถือที่แบตฯหมด
หัวใจที่ขาดความรัก หาอะไรทำก็ได้ -*-
นักเรียนที่ขาดหนังสือ ก็นั่งเรียนไปสิครับ
ผู้พิการที่ขาดสองมือ ก็สู้ชีวิตไปสิครับ
24. ข.
การทดลองนี้จะบอกว่า ที่อุณหภูมิยิ่งสูงขึ้น papain ก็ยิ่งทำงานแย่ลงเพราะถูก denature
หน้าที่ของ papain (เป็นน้ำย่อยโปรตีนจากยางมะละกอ) ต่อ gelatin (เป็นผงโปรตีนที่เอาไว้ทำวุ้น) คือไปย่อยนั่นเอง เพราะฉะนั้นถ้า papain ทำงานได้ไม่ดี (ถูก denature จากอุณหภูมิ) gelatin ก็จะทำงานได้ดี (ทำให้น้ำส้มกลายเป็นวุ้น) งงไหม? ตามปกติเวลาทำวุ้นเค้าก็ใส่น้ำผลไม้ + gelatin แล้วเอาแช่ตู้เย็นนี่แหละ
ก. แย่มาก เป็นคำตอบที่แย่ที่สุด
ข. ถูกต้องนะครับ อุณหภูมิระดับต่างๆส่งผลต่อการที่ papain จะไปรบกวนการทำงานของ gelatin
ค. ผิด รู้ได้ไงว่าโครงสร้างเปลี่ยนแปลง? บอกไม่ได้จากการทดลองนะ
ง. ผิด บอกไม่ได้จากการทดลอง จริงๆมันอาจจะทำงานได้ดีที่ 24 หรือ 26 องศา แต่เราทดลองค่า 3 ค่าอุณหภูมินี้เท่านั้น มันโกหกโมเมแบบนี้ไม่ได้อะ
25. ข.
พอใส่สารตั้งต้นกับ A ก็เกิดผลิตภัณฑ์ พอใส่ X ลงไปก็เกิดผลิตภัณฑ์ลดลง
X เลยน่าจะเป็น inhibitor ของเอนไซม์ A นะ
พอใส่ Y ลงไปปรากฏปฏิกิริยาไม่เกิดเลย จึงน่าจะเป็น inhibitor ที่ฤทธิ์แรงกว่า X เสียอีก
ก. ผิด การทดลองนี้ไม่มี “ปริมาณของสาร X” เป็นตัวแปรต้นเสียหน่อย ไม่ได้เพิ่ม-ลดปริมาณเลย ถ้าอยากจะสรุปยังงี้ต้องออกแบบการทดลองให้มี X 1 ช้อนชา, X 2 ช้อนชา, X 4 ช้อนชา อะไรงี้ดิ
ข. ถูกต้องแล้วล่ะ
ค. บอกไม่ได้จากการทดลองหรอก X กับ Y อาจจะไปยับยั้ง B, C, D, … ได้อีกล้านแปดเยอะแยะนะ
ง. ผิด ไม่ได้กระตุ้นเลย ใส่ลงไปแล้วผลิตภัณฑ์เกิดขึ้นได้ลดลงเห็นๆ


Create Date : 03 ตุลาคม 2552
Last Update : 9 มกราคม 2553 15:09:43 น. 40 comments
Counter : 28704 Pageviews.  

 
ข้อท้วงติง ข้อ 23 ครับ มือถือแบตหมดก็โทรตู้โทรศัพท์สาธารณะสิครับ หรือยืมเพื่อนโทร
ยังมีโอกาสคุยโทรศัพท์ได้ แต่ผู้ที่พิการขาด 2 มือ นั่นสิลำบาก จะเขียนหนังสือก็ไม่ได้ ถือของก็ไม่ได้ ก็คือทำอะไรลำบากหมด แถมยังต้องใช้เวลานานอีกด้วยกว่าจะฝึกฝนให้ใช้ปากหรือเท้าเขียนแทน ซึ่งก็ตรงกับเซลล์ที่ขาดเอนไซม์ไม่ใช่หรอครับ


โดย: โปเต้ IP: 222.123.43.131 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:22:45 น.  

 
โอ...จริงด้วยสินะครับ
โจทย์ข้อนี้จริงๆพี่คิดเองเล่นๆว่าในแต่ละสิ่งนั้นเมื่อเทียบกับเซลล์แล้ว หากขาดปัจจัยภายในต่างๆจะเป็นยังไง

- ตัดหัวใจทิ้งไปนะครับ
- เปรียบนักเรียนเป็นเซลล์ และหนังสือเป็นเอนไซม์
- เปรียบผู้พิการเป็นเซลล์ และมือ+เท้าเป็นเอนไซม์
- เปรียบมือถือเป็นเซลล์ และแบตเตอรี่เป็นเอนไซม์

- โดยพี่คิดจะให้เปรียบเทียบแต่ละสิ่งในลักษณะของปัจเจกมากกว่าอะครับ
คือนักเรียนก็อยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อน, ผู้พิการก็อยู่คนเดียว ไม่มีคนคอยช่วยเหลือ, มือถือก็มีเครื่องเดียว โดยไม่มี option เสริมต่างๆอย่างเช่น โทรหาเพื่อน, โทรศัพท์สาธารณะ หรือสาย USB อะไรต่างๆ
- นั่นเป็นเพราะว่าในความเป็นจริงแล้วเอนไซม์เป็นสิ่งที่ "เซลล์ไหนต้องการ เซลล์นั้นต้องสร้างขึ้นมาเอง"ครับ
พี่เลยบอกให้มองในลักษณะของปัจเจก (ซึ่งถ้าปรียบทั้งสามสิ่งแล้ว พบว่าการที่มือถือแบตหมดนั้น เป็นสิ่งเดียวที่ทำอะไรไม่ได้ "โดยสิ้นเชิง" โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยภายนอก
เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่น้องยกตัวอย่างมาจะดูคล้ายๆกับว่า
เมื่อเซลล์ๆหนึ่งขาดเอนไซม์ ต้องอาศัยปัจจัยต่างๆจากภายนอกเซลล์หยิบยื่นความช่วยเหลือให้อะครับ
- แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโจทย์ข้อนี้พี่คิดไว้ขำๆ และในความเป็นจริงก็ไม่มีเซลล์ไหนที่ขาดเอนไซม์ทุกชนิด
ต้องการไอเดียว่าถ้าไม่มีเอนไซม์ก็ทำอะไรไม่ได้เลย
- ขอบคุณในคำท้วงติงมากๆนะครับ ^^" ถือว่าข้อนี้ให้ฟรีไปละกันนะ


โดย: เต๊น (ตัวตุ่นตามัว ) วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:32:21 น.  

 
พี่เต็นคะ อยากรู้ว่าทำไมซุปไก่ถึงเป็นโปรตีนคุณภาพต่ำคะ
แล้วทำไมคนถึงเลือกที่จะซื้อทานกันเอยะ เพราะมันดูดซึมง่ายหรอคะ?
งั้นเจ้าเปปทีนนี่มันก็เป็นโปรตีนคุณภาพต่ำด้วยรึเปล่า
อ้อ ถ้าถั่วเหลืองโปรตีนคุณภาพสูง แล้วน้ำเต้าหูละค่ะ สูงมั้ย?
แหะแหะ พอดีกินบ่อยคะ


โดย: ***** IP: 58.8.180.200 วันที่: 3 ธันวาคม 2552 เวลา:21:47:37 น.  

 
ความเห็นส่วนตัวนะ
พี่คิดว่าซุปไก่สกัดและรังนกอะ มันเป็นเรื่องของการตลาดล้วนๆเลย
ซื้อให้คนที่คุณรัก ซื้อไปเยี่ยมไข้ แล้วจะดูดีหรูหราไรเงี้ย
ความจริงคือคุณภาพโปรตีนมันต่ำมาก
โฆณาาต่างๆก็ตอกย้ำว่ากินแล้วจะเรียนเก่งขึ้นไรเงี้ย
ซึ่งพี่คิดว่ากินเนื้อนมไข่ อาหารให้ครบห้าหมู่
มันต้องมีประโยชน์มากกว่ามากๆอยู่แล้ว
ส่วนน้ำเต้าหู้พี่(คิดเองว่า)มันมีประโยชน์มาก
ตอนเรียนเรื่องพวกนี้อาจารย์มักจะพูดให้ฟังบ่อยๆ
ที่สำคัญมันช่วยลดโอกาสเกิดมะเร็งหลายๆอย่างได้นะ อร่อยด้วย พี่ก็ชอบกิน ^^"


โดย: เต๊น (ตัวตุ่นตามัว ) วันที่: 3 ธันวาคม 2552 เวลา:22:05:19 น.  

 
พี่เต็นคะ biotin กับ folic acid นี่มันคือ vit. อะไรอ่ะ ?
เห็นข้างนมกล่องก็มีเขียน มีโฟลิกสูงไรงี้


โดย: ;) IP: 118.172.0.93 วันที่: 4 ธันวาคม 2552 เวลา:8:50:51 น.  

 
นอกจาก B1, B2, B6, B12 ที่พี่เขียนไว้ในหนังสือแล้ว
niacin = B3 (ในหนังสือเรียนบอกว่า B5 ซึ่งไม่ใช่นะครับ)
pantothenic = B5
biotin = B7
folate = B9
ประมาณนี้นะครับ


โดย: เต๊น (ตัวตุ่นตามัว ) วันที่: 4 ธันวาคม 2552 เวลา:16:17:53 น.  

 
ขอบคุณค่ะพี่


โดย: ;) IP: 118.172.63.148 วันที่: 4 ธันวาคม 2552 เวลา:21:57:24 น.  

 
พี่ครับ Ea ที่หายไปคือคายไปสู่สิ่งแวดล้อมใช่ไหมครับ คือจากกราฟ เนื่อ สารตั้งต้น จะต้องมีพลังงานเพิ่มขึ้นไปถึง Ea แล้วลดลงจนถึงระดับพลังงานของผลิตภัณฑ์อ่าครับ ผมเลยสงสัยว่าพลังงานที่ลดลงไปไหน แต่ตอนนี้เข้าใจว่า พลังงานที่สตต.เพิ่มขึ้นคือดูดจากสิ่งแวดล้อมใช่ไหมครับ แล้วพอถึง Ea ก็คายสู่สิ่งแวดล้อมพลังงานก็ลดลงใช่ไหมครับ


โดย: แตงโม IP: 58.9.109.181 วันที่: 2 มกราคม 2553 เวลา:22:08:51 น.  

 
น้ำตาลทรายที่ต้มกับ HCL คับ มันกลายเป็นกลูโคสป่าวคับ

ถ้าใช่แล้วทำไมไม่ทำปฏิกริยากับเบเนดิกส์อะคับ

เรื่องเคมีเป็นพื้นฐานอะคับ ข้อ 6 ช็อยส์คับ

ทำไมพี่เฉลยว่า ต้องเอาเบเนดิกส์ไปต้มอะ ผมงงๆๆ


โดย: artkun IP: 58.8.171.43 วันที่: 3 มกราคม 2553 เวลา:11:38:23 น.  

 
ทำไม v.B5 หนงสือบางเล่มก็ เป็น niacin อะคับ



โดย: เด็กห้องไพร่ IP: 58.8.171.43 วันที่: 3 มกราคม 2553 เวลา:11:41:11 น.  

 
# น้องแตงโม
- Ea กับเป็นพลังงานที่ไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเลยครับ
พลังงานที่เกี่ยวกับสวล.คือ เดลต้าE หรือ เดลต้าG
เดลต้าE จะเป็นค่าคงที่สำหรับปฏิกิริยาหนึ่งๆเสมอ ไม่ว่าปฏิกิริยานั้นจะเกิดที่อุณหภูมิไหน ความดันเท่าไหร่ ใส่เอนไซม์หรือตัวยับยั้งปฏิกิริยาหรือไม่
- ส่วน Ea เป็นคุณสมบัติของปฏิกิริยาหนึ่งๆที่สารตั้งต้นพึงขึ้นไปให้ถึงเพื่อเกิดปฏิกิริยาได้
มันไม่ได้หายไปไหนเลย เพราะการที่เราใส่เอนไซม์ช่วยลด Ea ก็จริง แต่มันไม่ได้ลดลงแล้วคายสู่สิ่งแวดล้อมอย่างที่ถามมา
อย่างเช่น เสื้อราคา 100 บ. มี midnight sale เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ทำให้เสื้อราคา 70 บ.
ท้ายที่สุดแล้วน้องก็ควักเงินออกจากกระเป๋าตังค์ไป 70 บ. โดยไม่ต้องสนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับ 30 บ.ที่ลดลง
คือมันลดลงตั้งแต่ขณะก่อนเกิดปฏิกิริยาแล้วอะ พอเข้าใจไหม -*-

# น้อง artkun
- ปฏิกิริยาเบเนดิกต์ ถ้าจะให้เกิดตะกอนแดงอิฐ ต้อง
1) เอาสารละลายน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวหรือคู่ผสมกับสารละลายเบเนดิกต์
2) เอาข้อ 1) ไปต้ม
- ตามปกติน้ำตาล sucrose ไม่เกิดปฏิกิริยาเบเนดิกต์ เพราะโครงสร้างของมันพิเศษกว่าคนอื่นๆเขา
(พูดให้ยากคือไม่มีคุณสมบัติเป็น reducing sugar)
- ถ้าอยากให้ sucrose เกิดปฏิกิริยา ต้องทำให้เกิด hydrolysis เป็น glucose + fructose เสียก่อน
โดยการเอาไปย่อยด้วย sucrase, ต้มกับ HCl, ฯลฯ
- ในโจทย์เอา sucrose ไปต้มกับ HCl แล้วก็จริง (ต้มเพื่อให้เกิด hydrolysis)
แต่ถ้าจะให้เกิดตะกอนสีแดงอิฐ ต้องเอาไปต้มให้เกิดปฏิกิริยาดังข้อ 2) ด้วย ..แต่โจทย์บอกว่าทิ้งไว้ให้เย็น แล้วใส่สารละลายเบเนดิกต์ นั่นคือมีแต่ข้อ 1)
พอเข้าใจไหม

# น้องเด็กห้องไพร่ (สมัยนี้ใช้คำนี้หรอครับ -*- สมัยพี่เรียกห้องบ๊วยนะ)
พี่เคยเห็นแต่หนังสือสสวท.ที่เขียน niacin เป็น B5 อะครับ
ซึ่งพี่ก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน เลยคิดไปเองว่ามันผิด (เค้าอาจจะมีเหตุผลอะไรก็ได้มั้ง)
เพราะเปิดดูเล่มไหนๆในห้องสมุดที่ไหนๆ หรือเปิดเว็บไหนๆบนโลกนี้ ก็เป็น B3 ทั้งนั้นอ่า


โดย: เต๊น (ตัวตุ่นตามัว ) วันที่: 3 มกราคม 2553 เวลา:14:40:17 น.  

 
พี่ครับต่อไปผมจะใช้สัญลักษณ์ตัวเลขเป็น แบบฝึกหัด ตอนที่/ครั้งที่ นะครับ มีคำถามจะถามครับ
1. 3/16 บอกว่าถ้าขาดไบโอตินแล้วจะโลหิตจาง แต่ตารางหน้า 53 ไม่เห็นบอกเลยว่าขาดแล้วโลหิตจาง มีแต่ผิวหนังอักเสบ ประสาทไม่ดี
2.อาจารย์ที่สอนสุขศึกษาบอกว่าในน้ำเต้าหู้มันมีเอสโตรเจน ถ้ากินมากๆแล้วจะเป็นสาวก่อนวัย และผู้ชายจะมีหน้าอก ไม่ควรกินมาก จริงหรือครับพี่


โดย: แตงโม IP: 58.9.115.176 วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:0:21:21 น.  

 
สวัดดีค่ะ พออ่านหนังสือ P'Tent ก็ทำให้หนูรุ้ได้ว่านี้คือตัวอย่างหนังสือที่ทีคุณภาพ คนละเรืองกับที่พบทั่วไปเลย

P'Tent ค่ะ พอดี Ent ปีนี่แล้วเลยเอาพวกโจทย์มาทำ แล้วมันมีคำถามอ่ะค่ะแต่ไม่รู้จะไปถาม(เชือ)ใครดี ขอรบกวน P'Tent ช่วยตอบคำถามหน่อยล่ะกันค่ะ (หนังสือ พี่หมอขอเฉลอ คงออกไม่ทัน T^T)

ANET 51 BIO
1. ข้อใดเป็นการเปลียนแปลงที่เกิดเมื่อให้ความร้อนกับอาหารเป็นเวลานานจน สายpeptide สลายตัวเป็น amino acid
a. denaturation b. hydrolysis c. glycolysis d. phosphorylation

ANS: a หนูตอบ : b
หนูเข้าใจว่า การ denaturation นั่นคือแค่ H-bond ขาดและ peptide คลายเกลียวจนเสียรูปร่างเฉยๆไม่ใช่ว่า peptide bond ขาดจนกลายเป็น amino หนูเลยตอบ b ค่ะ

2. fovea จะไวต่อแสงมากกว่าบริเวณอื่นของretina True/false?

3. Cellular respiration
-pyruvic acid สามารถรับ e- จาก NADH
true/false (อยู่ในเรืองไหนค่ะ)

-NAD+ เป็นตัวรับ e- ที่เยื่อหุ้มชั้นในของ mito
true/false (อยู่ตรงไหนอะค่ะ)

-oxygen เป็นตัวรับ e- ที่อยู่ในช่องว่งระหว่างเยื่อหุ้มชั้นในของ mito
true/false (อยู่ตรงไหนอะค่ะ)

ถ้าเข้าใจอะไรพิดก็ชี่แนะค้วยจะได้รู้จริงไม่มั่วตอนสอบ


โดย: อยากถามผู้รู้อ่าค่ะ IP: 58.9.111.251 วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:13:16:43 น.  

 
# แตงโม
- อืมใช่ พิมพ์ผิด biotin ไม่เกี่ยวกับโลหิตจางครับ ขอบใจนะ
- estrogen ในน้ำเต้าหู้ยังไม่มีวิจัยที่น่าเชื่อถือครับ
แต่คนเอเชียก็กินผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองมาเป็นพันๆปีแล้ว
และสุขภาพก็ดีกว่าคนตะวันตกนะ

# น้องอีกคน
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tentaroro&month=10-2009&date=25&group=3&gblog=25
เขียนตอบให้มาสองสัปดาห์แล้วนะ ^^"
หาข้อความที่เขียนด้วยตัวเขียวๆอะ


โดย: เต๊น (ตัวตุ่นตามัว ) วันที่: 9 มกราคม 2553 เวลา:15:16:53 น.  

 
พี่เต๊น ทำแบบทดสอบตอนที่ 1 ข้อ 2 แล้วกังวลเล็กน้อยอ่ะพี่ ว่าสูตรงโมเลกุลของกรดไขมันนี่ต้องนั่งจำไปสอบเลยหรือเปล่าอ่ะ หรือจำแค่บางตัวก็ได้คะ? ตัวไหนบ้างที่ควรจะจำไว้อ่ะ?


โดย: frozen IP: 222.123.95.192 วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:4:28:31 น.  

 
จากข้อ 13 ตอน 3 ไวรัสกับไวรอยด์เป็นสมช.แต่ไม่เป็นเซลล์งี้ป่ะคะพี่เต๊น - -''


โดย: frozen IP: 222.123.95.192 วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:4:48:44 น.  

 
ข้อ 18 อ่ะพี่ ถ้าคิดว่า Ca ช่วยสร้างกระดูก แล้วไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดงอีกทีไม่ได้หรอคะ - -'


โดย: frozen IP: 222.123.95.192 วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:4:54:35 น.  

 
- สูตรโมเลกุลกรดไขมันไม่ต้องจำเลยน้องแพรว โจทย์พี่ก็ให้มาเป็นป่าว
แต่เราควรจะ glycerol ได้ แล้วก็ต้องคำนวณได้ว่าท้ายสุดจะออกมาเป็นอะไร
เพราะข้อ 1/2 เป็นข้อสอบสมัยพี่อยู่ม.สี่เลย
- ใช่แล้ว ไวรัสกับไวรอยด์ ม.ปลายจะสอนว่าเป็นสมชว.ที่ไม่ประกอบไปด้วยเซลล์
แต่พอเรียนไปเรื่อยๆอ.มหาลัยทุกคนจะเรียกมันว่า 'อนุภาค' แทน 'สิ่งมีชีวิต' อะ
- ไม่ได้คร้าบ ไขกระดูก เป็นอวัยวะที่ไม่เกี่ยวกับกระดูกแข็งๆที่มี Ca เลยอะ แค่อยู่ด้วยกันเฉยๆ ไม่ได้สร้างมาจากกระดูกนะ


โดย: เต๊น (ตัวตุ่นตามัว ) วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:21:30:19 น.  

 
พี่เต๊นคะ ข้อ 22 ตอนที่ 3 น่ะค่ะ หนูอ่านแล้วก็ยังงงอยู่ดีตรงที่ทำไม Q ถึงต้องอยู่ตัวที่ 3 ด้วยอ่ะคะ

แล้วก็ ในเนื้อหาที่เป็นตารางวิตามินกะเกลือแร่น่ะค่ะ วิตามิน K ใช่ตัวเดียวกัน ชื่อเดียวกันรึเปล่าคะ


โดย: kigkapoo IP: 183.89.225.215 วันที่: 2 เมษายน 2553 เวลา:14:02:34 น.  

 
ข้อ 22 นะครับ สมมติมันมี 4 ขั้นตอนละกัน

X1 - X2 - X3 - X4 แบบนี้นะ
จากหลอดที่หนึ่ง ใส่ P ไปแล้วพบสี่สาร แสดงว่า P เป็นตัวแรก
P - X2 - X3 - X4 แบบนี้นะ
และหลอดที่สอง บอกว่าใส่ B ไปยับยั้ง b พบว่าเหลือสารแค่สามชนิด แสดงว่าปฎิกิยาสุดท้ายเนี่ยใช้เอนไซม์ b
P - X2 - X3 (ตรงนี้แหละใช้ b) X4
ที่น้องสงสัยว่าทำไม Q ถึงต้องเป็นตำแหน่งที่สาม เพราะว่าเมื่อเอนไซม์ถูกยับยั้ง X3 ต้องมากขึ้นเรื่อยๆ และ X4 ต้องน้อยลงเรื่อยๆ
ส่วน P, X2 ถ้าเกิดไม่คิดอะไรมาก ไม่เอาเนื้อหาอื่นๆของวิชาเคมีมาคิด มันก็จะค่อยๆลดลงอย่างช้าๆ เพราะเปลี่ยนเป็น X3 เรื่อยๆๆๆ
เหมือนกับเครื่องจักรหลายๆขั้นตอน พอเครื่องนึงเสียไปวัตถุดิบจากเครื่องก่อนหน้านี้ก็จะมาวางซ้อนกันๆมากขึ้นๆเรื่อยๆอะ
โจทย์บอกว่า Q มากขึ้น จึงเป็นตำแหน่งที่สาม
P - X2 - Q - X4
ดังนั้นจึงอาจจะเป็น
P - R - Q - S หรือ P - S - Q - R ก็ได้ครับ

ส่วน K (phylloquinone) เป็นวิตามิน
แต่ K ข้างล่าง คือโพแทสเซียมนะ


โดย: เต๊น (ตัวตุ่นตามัว ) วันที่: 6 เมษายน 2553 เวลา:18:00:03 น.  

 
ขอบคุณค่าาา ^^


โดย: kigkapoo IP: 183.89.183.163 วันที่: 7 เมษายน 2553 เวลา:13:41:45 น.  

 
denaturation พี่ค่ะคืออ่าไรเหรอค่ะ ข้อ 11อ่าค่ะ


โดย: อ้อม(ส.ร.) IP: 118.173.10.87 วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:20:21:06 น.  

 
โปรตีนเสียสภาพมันยังมีประโยชน์อยู่มั้ย ยังไงอ่ะคับพี่


โดย: เชบ IP: 183.89.197.174 วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:14:21:24 น.  

 
มาทำความเข้าใจเรื่องโครงสร้างโปรตีนก่อนนะคะ

โปรตีนประกอบด้วยกรดอะมิโนหลายร้อยหลายพันโมเลกุลมาเรียงต่อกัน เชื่อมกันด้วยพันธะเปปไทด์ ทีนี้สายของกรดอะมิโนนี้สามารถสร้างแรงยึดอ่อนๆระหว่างกันหรือระหว่างเส้นอื่นได้ค่ะ เช่นสร้างพันธะไฮโดนเจน พัีนธะไอออนิก หรือสามารถสร้างพันธะที่แข็งแรงได้อย่าง disulfide ทำให้เส้นสายของกรดอะมิโนที่เรียงต่อกันเกิดการม้วนงอพับทบ และสามารถทำหน้าที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเอนไซม์ เป็นโครงสร้างของเนื้อเยื่อ ฯลฯ

การที่โปรตีนเสียสภาพ หรือที่เรียกว่า โปรตีนเกิดการ denaturation นั้น คือการที่พันธะดังกล่าวด้านบน สลายไปเพราะโดนความร้อน หรือสภาวะกรดเบส แต่อย่างไรก็ตาม พันธะเปปไทด์ยังคงไม่สลาย ดังนั้นสายกรดอะมิโนในสภาวะที่ถูก denature ก็ยัังคงอยู่ เพียงแต่ไม่มีการม้วนพับงอ


ทีนี้ ถ้าเรารับประทานโปรตีนที่เสียสภาพนี้เข้าไป จะมีประโยชน์ต่อร่างกายมั้ย?

คำตอบก็คือ มีประโยชน์ค่ะ เพราะก็ถือว่าเรายังทานโปรตีนอยู่ ซึ่งกรดอะมิโนก็ยังคงอยู่ เมื่อทานเข้าไป พันธะเปปไทด์ก็จะถูกย่อยในที่สุด กรดอะมิโนอิสระก็จะถูกดูดซึมเอาไปใช้ โดยร่างกายก็จะเอากรดอะมิโนอิสระพวกนี้ มาเชื่อมกันด้วยพันธะเปปไทด์ และก็ยังสามารถสร้างแรงอ่อนๆเพื่อทำให้เส้นกรดอะมิโนเกิดการม้วนพับงอ ให้ทำหน้าที่ในร่างกายได้ตามต้องการค่ะ หวังว่าความรู้อันน้อยนิดของพี่นี้ จะทำให้น้องๆเข้าใจมากขึ้นนะคะ ยังไงก็รอพี่เต๊นมาคอนเฟิมอีกทีนะคะ


จาก แฟน(คลับ)เต๊นค่ะ


โดย: ช่วยตอบแทนค่ะ IP: 58.10.102.86 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:46:11 น.  

 
denaturation คือการที่โปรตีนเสียสภาพโครงสร้างสามมิติไปครับ
โครงสร้างสามมิติของโปรตีน คือการที่สาย polypeptide มันม้วนพับหักงอกัน ด้วยพันธะต่างๆ เช่น sulfide bond, ionic interaction, hydrophobic interaction, hydrogen bond
โครงสร้างต่างๆเหล่านี้ทำให้โปรตีนทำหน้าที่ของมันได้
เช่นร่องของเอนไซม์ที่เอาไว้ใช้จับกับ substrate ที่เรียกว่า active site
การที่โปรตีนเกิด denaturation ทำให้มันทำงานไม่ได้
แต่ไม่ใช่ว่ามันไม่มีประโยชน์นะน้อง
อย่างถ้าเกิดมันเป็นอาหารของเรา มันก็ยังย่อยได้กรดอะมิโนให้เราดูดซึมไง XD


โดย: เต๊น (ตัวตุ่นตามัว ) วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:58:30 น.  

 
สงสัยหน้า 56 ตรงกราฟรูปที่ 2 ค่า Ea อ่ะค่ะ
ไม่เหมือนกับเคมีหรอคะ หรือหนูเข้าใจผิดเอง


ขอบคุณค่ะ ^^~


โดย: witty IP: 210.246.77.44 วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:34:37 น.  

 
ข้อ 24
ทำไมต้องใส่ตู้เย็นครับ
ไหนบอกว่าต้องเป็นวุ้นเมื่ออุณหภูมิสูง
ขอบคุนล่วงหน้าครับ


โดย: สมาท IP: 112.142.85.215 วันที่: 7 สิงหาคม 2553 เวลา:20:34:12 น.  

 
แล้วสูตรโครงสร้างของเอนไซม์ปาเปนคืออะไรคะ


โดย: นัท IP: 10.0.100.5, 124.157.226.78 วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:19:24:16 น.  

 
เอนไซม์เป็นโปรตีนค่ะ

@ น้องนัท

โปรตีนเกิดจากกรดอะมิโนจำนวนมาก เป็นพันๆตัว มาต่อกันด้วยพันธะ peptide

ตามหลักทางเคมีเราไม่สามารถเขียนสูตรโครงสร้างของโปรตีนได้ แต่สามารถศึกษาเป็นในรูปของโครงสร้างสามมิติ โดยนำสารละลายโปรตีนนั้นๆ มาทำให้เป็น crystal แล้วส่องดูด้วยเครื่องที่เรียกว่า X-ray crystallography ซึ่งเป็นเครื่องเดียวกันกับที่ทำให้เรารู้โครงสร้างของ DNA ค่ะ



โดย: ตอบแทนค่ะ IP: 58.10.85.15 วันที่: 9 ธันวาคม 2553 เวลา:23:54:45 น.  

 
อยากทราบโครงสร้างของโปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง


โดย: ข้าวหอม IP: 202.29.4.130 วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:11:09:47 น.  

 
โปรตีนสกัดจากถั่วเหลืองมีกลไกการเกิดเจลอย่างไรและมีสูตรโครงสร้งอย่างไร


โดย: ข้าวหอม IP: 202.29.4.130 วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:11:12:40 น.  

 
หนูไม่เข้าใจนิดหน่อยค่ะข้อ1 ที่บอกว่าเกิดน้ำ 2 พันธะระหว่างน้ำตาล 3 โมเลกุล น้ำ 2 พันธะมาจากไหนหรือคะ ขอบคุณค่ะ


โดย: น้องจัมมรัย IP: 110.49.248.0 วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:9:51:15 น.  

 
ข้อ18 ตอนที่3
Ca ช่วยหลั่งสารสื่อประสาทไม่ใช่หรอคะ แต่choiceข้อc)การนำกระแสประสาท


โดย: taeearn IP: 58.9.236.193 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2554 เวลา:14:21:08 น.  

 
พี่เต๊นคะข้อ23 พี่บอกว่าอุณหภูมิูงpapainทำงานแย่ลงเพราะถูกdenature
denatureก็คือโครงสร้างเปลี่ยนแปลงไปไม่ใช่เหรอคะคือไม่ม้วนงอเหมือนเดิม


โดย: Joy:) IP: 61.90.34.26 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2554 เวลา:23:06:06 น.  

 
สวัสดีคะ่พี่เต็น จะถามว่ากรดอะมิโนมีที่จำเป็นมีกี่ตัวคะ่ เพราะบางเล่มบอกว่ามี8 บางเล่มบอกว่ามี10 ขอช่วยตอบหน่อยคะ


โดย: WaiWai IP: 192.168.2.11, 202.143.158.91 วันที่: 15 มิถุนายน 2555 เวลา:15:42:45 น.  

 
เรื่องนี้ได้ 85 %ถือว่าน้อยป่าวอ่ะครับ


โดย: บอย IP: 1.0.236.94 วันที่: 2 เมษายน 2556 เวลา:1:05:53 น.  

 
เรื่องนี้ผิดตอนสามอย่างเยอะะมากกกกกกกกกกก
ทำไมม แงแง ต้องอ่านใหม่ซะแล้ว


โดย: -..- IP: 118.173.120.162 วันที่: 15 เมษายน 2556 เวลา:20:21:50 น.  

 
อยากทราบว่า pectin agar และ inulin มันเป็นพอลิแซคคาไรด์ประเภทไหนอะครับโครงสร้างหรือสะสม ?


โดย: นราธร IP: 115.87.58.247 วันที่: 16 เมษายน 2556 เวลา:17:07:01 น.  

 
คือข้อ 22 นี่

"พบสาร Q มากขึ้น แสดงว่า Q เป็น substrate ของ B นั่นคือ Q อยู่ลำดับที่ 3"

ต้องเป็น Q เป็น substrate ของ b หรือเปล่าอ่ะค่ะ
หนูคิดว่า เพราะเอนไซม์ b ทำงานไม่ได้ ก็เลยมี Q ที่ไม่ได้ถูกจับเยอะมากขึ้น

หรือหนูเข้าใจผิดอะไรยังไง = =;;??


โดย: FOR IP: 180.180.2.250 วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:18:31:40 น.  

 
โทดนะครับ เเล้ว โจทย์อยู่หรอ


โดย: first IP: 49.49.233.63 วันที่: 30 สิงหาคม 2560 เวลา:21:23:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิสเตอร์คัสตาร์ด
Location :
Igloo house Antarctica

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 240 คน [?]




เมลล์มาคุยกันได้นะครับ
tentaroro@yahoo.com :)

[Add มิสเตอร์คัสตาร์ด's blog to your web]