|
เฉลย: เคมีที่เป็นพื้นฐานของชีวิต
เฉลยเรื่อง เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
ตอนที่ 1 1. ถูก คิดจากเอา C6H12O6 X 3 แล้วลบด้วย H2O x 2 เพราะเกิดน้ำ 2 พันธะระหว่างน้ำตาล 3 โมเลกุล 2. ผิด เราต้องรู้ว่า tristearin คือ triglyceride ที่เกิดจาก glycerol 1 โมเลกุลรวมกับกรดไขมัน stearic acid 3 โมเลกุล เรายังต้องรู้สูตรโมเลกุลของกลีเซอรอลว่าคือ C3H5(OH)3 แล้วบวก C17H35COOH x 3 ลบออกด้วย H2O x 3 เพราะเกิดน้ำ 3 โมเลกุลใน triglyceride นี้ ได้ออกมาเท่ากับ C57H110O6 ส่วนตัวเลขที่โจทย์ให้มานั้นยังไม่ได้ลบน้ำออกไป 3. ถูก พลังงานจากอาหารคิดจากจำนวนกรัมของไขมัน x 9 + คาร์โบไฮเดรต x 4 + โปรตีน x 4 = 15 x 9 + 25 x 4 + 20 x 4 = 315 kcal 4. ผิด ฮอร์โมนเพศและฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตชั้นนอกเป็น steroid 5. ถูก วิตามินเป็นสารอินทรีย์ที่ไม่ให้พลังงาน น้ำตาลเป็นสารอินทรีย์และให้พลังงาน 4 kcal/mol 6. ถูก cholesterol เป็นสารตั้งต้นของ เกลือน้ำดี (สังเคราะห์ที่ตับ), วิตามินดี (สังเคราะห์ที่ผิวหนัง) และ steroid hormone ต่างๆ (สังเคราะห์ที่ต่อมหมวกไตชั้นนอกและอวัยวะเพศ) เช่น testosterone, aldosterone, cortisol, progesterone, estrogen สูตรโครงสร้างของ stearoid เหล่านี้มีจึงมีโครงสร้างพื้นฐานเหมือนๆกัน 7. ผิด ไขมันเป็นสารชีวโมเลกุลที่ไม่ใช่ polymer อยู่ในรูปโมเลกุลต่างหาก มี glycerol ต่อกับ fatty acid ก็จบ แต่ triglyceride ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มาต่อกันไปเรื่อยๆเหมือนคาร์โบไฮเดรตหรือโปรตีน 8. ถูก เวลาออกกำลังกายจะใช้ glycogen เป็นแหล่งแรกก่อน แล้วใช้ triglyceride ในเซลล์ไขมัน เมื่อไม่มีอะไรให้ใช้จริงๆอย่างเช่นเป็นเด็กเอธิโอเปียถึงจะใช้โปรตีนเป็นแหล่งพลังงาน 9. ผิด glycogen > amylopectin > amylose = cellulose สองตัวสุดท้ายไม่แตกแขนง 10. ถูก การสังเคราะห์ด้วยแสงดูดพลังงานแสงมาใช้ การหายใจระดับเซลล์คายพลังงานในรูป ATP 11. ถูก ผนังเซลล์ราเป็น chitin มี monomer เป็นอนุพันธ์ของกลูโคส ส่วนผนังเซลล์พืชดอกหลักๆเป็น cellulose มี monomer เป็นกลูโคส 12. ถูก วิตามินบีและซี ละลายในน้ำ และทำลายง่ายด้วยความร้อน ข้อสอบเอนท์ยังเคยออกเลย 13. ถูก พันธะโควาเลนต์ใน cellulose คือ glycosidic bond ระหว่างโมเลกุลกลูโคส ส่วน hydrogen bond ที่พบอยู่ระหว่างสาย cellulose ทำให้มันมีความแข็งแรงมาก 14. ผิด ผิดเต็มไปหมดเลย กรดโอเลอิกและไลโนเลอิกเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว, กรดไขมันอิ่มตัวมักพบในไขมันสัตว์และน้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม 15. ถูก collagen ในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันเป็นโปรตีนที่มีมากสุดในร่างกาย, cellulose ในผนังเซลล์พืชเป็นสารชีวโมเลกุลที่เยอะสุดในโลก แถมให้อีกอย่างคือ rubisco (เป็นเอนไซม์อย่างหนึ่งของการสังเคราะห์ด้วยแสง) เป็นโปรตีนที่มีมากที่สุดในโลก
ตอนที่ 2 A น้ำมันพืช กะหล่ำดอก = วิตามินอี ป้องกันอนุมูลอิสระ ป้องกันเยื่อหุ้มเซลล์แตก B น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว = กรดไขมันอิ่มตัว เป็นตัวเลวและอันตราย C มะเขือเทศ มะละกอ = วิตามินเอ ป้องกันตาบอดกลางคืนและบำรุงสายตา D ปลาทู ถั่วเหลือง = โปรตีนคุณภาพสูง มีกรดอะมิโนจำเป็นครบ E รังนก ซุปไก่สกัด = โปรตีนคุณภาพต่ำ ไม่มีค่าใดๆ ไม่เหมาะจะเป็นของขวัญในเทศกาลพิเศษให้คนที่คุณรัก F มะเขือพวง เครื่องในสัตว์ = เหล็ก บำรุงเลือด G ข้าวซ้อมมือ = วิตามินบี 1 ป้องกันเหน็บชา H เกลืออนามัย อาหารทะเล = ไอโอดีน ป้องกันโรคคอพอก (simple goiter) และเอ๋อ (cretinism) I มะขามป้อม มะนาว = วิตามินซี ป้องกันอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยสร้าง collagen J ปลาแห้ง กุ้งแห้ง = แคลเซียม การทำงานของประสาทและกล้ามเนื้อ การแข็งตัวของเลือด เสริมสร้างกระดูกและฟัน K ยาน้ำสตรีเบนโล เอิ่ม.. ไม่น่าจะเป็นอาหารนะ L วิตามินบีรวม = เป็น coenzyme ต่างๆและช่วยระบบประสาททำงาน
ตอนที่ 3 1. ข. ใยป่านเป็นเส้นใยจากพืช เป็น sclerenchyma พวก fiber (อยู่ในเรื่องโครงสร้างพืช) ส่วนที่เหลือเป็นโปรตีนได้มาจากสัตว์ โดยเขาควาย, นอแรด, ผม มีโปรตีน keratin 2. ง. ก. ถูก กลูโคสเป็นน้ำตาลหลักในเลือด ข. ถูก ฟรักโทสเป็นอาหารเลี้ยงตัวอสุจิสร้างจากต่อม seminal vesicle ค. ถูก ในนมมี lactose พอย่อยแล้วจะได้ glucose + galactose ง. ผิด สารพันธุกรรมหลักของคนคือ DNA ซึ่งมี deoxyribose เป็นส่วนประกอบ ส่วน ribose มันอยู่ใน RNA 3. ง. ก. ผิด covalent bond ที่ไหนๆก็แข็งแรงเหมือนกัน แบบนี้แปลว่าแป้ง (ซึ่งมีcovalent bond คือ glycosidic bond เหมือนใน cellulose) ก็ต้องแข็งแรงด้วยน่ะสิ ข. ผิด ไม่ตรงประเด็น ไม่แตกแขนงและรูปร่างมีระเบียบไม่ได้แปลว่าจะต้องแข็งแรง ค. ผิด ย่อยไม่ได้ในร่างกายสัตว์ แล้วไงอะ? ง. ถูก สายที่มีระเบียบ + hydrogen bond ทำให้มันอัดตัวกันแน่นและแข็งแรง เหมาะสำหรับเป็นผนังเซลล์ของพืช (เมื่อเทียบกับ ข.พบว่าน้ำหนักมากกว่าตรงพันธะไฮโดรเจนเนี่ยแหละ เรียนเคมีก็ต้องรู้ว่าพันธะไฮโดรเจนเป็นพันธะที่แข็งแรงทำให้สารมีจุดเดือด-จุดหลอมเหลวสูงใช่ไหม) 4. ค. ประกอบด้วย pentose และ phosphate อาจจะเป็น nucleotide หรืออนุพันธ์ nucleotide อย่าง ATP, NAD+, FAD ไรเงี้ย ก. ถูก ถ้า A เป็น deoxynucleotide แล้ว polymer ของ A ก็เป็น DNA ข. ถูก A เป็น nucleotide อย่างที่บอก ค. ผิด สารพลังงานสูงของเซลล์อย่าง ATP, NAD+, FAD อยู่ในรูปของโมเลกุลไม่ใช่ polymer ง. ถูก ถ้า A เป็น ATP แล้ว hydrolysis ของมันได้พลังงานออกมา 7.3 kcal/mol 5. ง. ก. ผิด น้ำคงอุณหภูมิ (เพราะความจุความร้อนจำเพาะสูง) และปริมาตรให้เซลล์ แต่ไม่คงรูปร่าง (เป็นหน้าที่ของ cytoskeleton, ผนังเซลล์, เยื่อหุ้มเซลล์ต่างหาก) ลองนึกดูว่าการที่เซลล์ๆหนึ่งมีรูปร่างแบบนั้นได้ เป็นเพราะน้ำหรอ ข. ผิด น้ำเข้าร่วมปฏิกิริยาต่างๆมากมายก็จริงแต่ไม่เร่ง metabolism เพราะเป็นหน้าที่ของเอนไซม์ต่างหาก ค. ผิด เซลล์จะนำไฟฟ้าไปทำไม และการนำกระแสประสาทไม่ได้เกิดจากการแตกตัวของน้ำ ง. ถูก น้ำเป็นตัวทำละลายสากล (universal solvent) ละลายสารได้ร้อยแปดพันเก้า 6. ง. ก. ถูก amylase จะไปย่อยแป้งกลายเป็นน้ำตาล ข. ถูก amylase เป็นโปรตีนทำปฏิกิริยากับ biuret test ค. ถูก น้ำมะนาวมีวิตามินซีช่วยฟอกสีน้ำเงินของน้ำแป้ง + ไอโอดีน ง. ผิด ต้มน้ำตาลทรายกับ HCl จะเกิด hydrolysis กลายเป็นกลูโคสและฟรักโทส เมื่อหยด benedict ลงไปเฉยๆ ก็กลายเป็นสีฟ้า จบ ! อย่าลืมเอาไปต้มให้ benedict เกิดปฏิกิริยาด้วยสิ -*- 7. ก. โมเลกุลนี้คือกรดอะมิโนที่หมู่ R เป็นอะตอมของไฮโดรเจน (glycine) จึงอยู่ในโปรตีนเช่น ถั่วเหลือง ปลาทู และมีหมู่ฟังก์ชัน 2 หมู่คือ carboxyl (-COOH) และ amino (-NH2) 8. ข. polysaccharide แบบโครงสร้าง เช่น cellulose, chitin, pectin polysaccharide แบบสะสม เช่น แป้ง, glycogen, inulin a) ถูก กระดองปูมี chitin เป็น polysaccharide แบบโครงสร้าง b) ผิด ตับหมู่มี glycogen เป็น polysaccharide แบบสะสม c) ถูก ผนังเซลล์ยีสต์มี chitin เหมือนกระดองปู 9. ข. ก. วิตามินเค ได้จากแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ ข. niacin สร้างเองไม่ได้เลยยย ค. biotin ได้จากแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ ง. วิตามินดี เกิดจาก steroid ใต้ผิวหนังเปลี่ยนโครงสร้างเมื่อโดน UV และพี่จะบอกว่า niacin เนี่ย ในหนังสือเรียนสสวท.(สมัยพี่)บอกว่าเป็นวิตามินบี 5 แต่จริงๆแล้วมันเป็นบี 3 นะ (วิตามินบี 5 คือ pantothenic acid ต่างหาก) 10. ก. a) ถูก กรดไขมันอิ่มตัวไม่มีพันธะคู่ เลยไม่งอ คือโค้งงอน้อยกว่าน่ะแหละ b) ผิด เมื่อ C เท่า กรดไขมันอิ่มตัวมี H มากกว่า (อิ่มไปด้วย H ไง) ตัวส่วนในเศษส่วนเลยมากกว่า C : H เลยมีค่าน้อยกว่า c) ผิด กรดไขมันแบบไหนก็ให้ 9 kcal/mol เหมือนกันนะ 11. ข. เหมือนจะเป็น denaturation แต่นั่นต้องไม่มีการหลุดออกมาเป็นกรดอะมิโนสิ เสียแค่สภาพสามมิติอย่าง hydrogen bond ฯลฯ ต้องเกิด hydrolysis เพราะถึงแม้จะไม่มีเอนไซม์ แต่ถ้าเจอสภาวะกายภาพสุดโต่งก็ทำให้โปรตีนสลายออกมาได้เหมือนกันนะ เป็นข้อสอบ anet ด้วยล่ะ 12. ข. a) ถูก cholesterol ส่วนใหญ่เป็นไขมันไม่ดี ทำให้หลอดเลือดอุดตัน คนเลยมักบอกว่า "อย่ากินอาหารคอเลสเตอรอลสูงนะ" b) ถูก cholesterol เป็นสารตั้งต้นของฮอร์โมนเพศไง c) ผิด cholesterol แทรกอยู่ระหว่างชั้น phospholipid bilayer ทำให้มันไม่เหลวจนเกินไป....แต่นั่นมันอยู่ในเยื่อหุ้มเซลล์ ไม่ใช่ผนังเซลล์อย่างที่โจทย์บอกนะ ~ 13. ค. ก. ถูก ยาวมาก เซลล์นึงมี DNA รวมกันยาว 2 เมตรแน่ะ ข. ถูก น้ำตาลใน DNA เป็น deoxyribose และเบสเป็น T A G C แต่ใน RNA เป็น ribose และเบสเป็น U A G C ค. ผิด ไวรัสบางชนิดและไวรอยด์ทุกชนิด ใช้ RNA เป็นสารพันธุกรรมต่างหาก (ในฐานะที่เป็นเด็กม.ปลายเราต้องติ๊ต่างว่าไวรัสและไวรอยด์เป็นสิ่งมีชีวิตนะเออ) ง. ถูก จำลองตัวเองได้ในระยะ S ของ interphase ไง 14. ง. ถูกหมดเลย โปรตีนมีร้อยแปดพันเก้าชนิดเพราะสามเหตุผลนี้แหละ a) ถูก ลองคิดดูว่ามีกรดอะมิโน 2 ชนิด กับ 20 ชนิด อะไรจะทำให้มีความหลากหลายมากกว่า b) ถูกมาก เพราะโปรตีนเป็นผลผลิตโดยตรงจากการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมเลยล่ะ (อ่านเรื่องพันธุศาสตร์) c) ถูก ถ้าเกิดเรียง abc กับ cba ก็ต่างกันแล้วนะ เพราะปลายสองด้านมันไม่เหมือนกัน (ด้านนึงเป็นปลาย -COOH แต่อีกด้านเป็นปลาย -NH2 ไง) 15. ง. วิตามินเค เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดนะ ถ้าโลหิตจาง จะเป็น อี, บี 6, บี 12, folate และธาตุเหล็กมากกว่า 16. ค. ยาปฏิชีวนะ แปลง่ายที่สุดคือ ยาฆ่าแบคทีเรีย การกินยาปฏิชีวนะนานๆอาจส่งผลต่อสมดุลของแบคทีเรียเจ้าบ้านในร่างกาย (เช่นพวกในลำไส้ใหญ่ที่ผลิตวิตามินให้เราได้) โจทย์ข้อนี้คือถามว่าแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่สร้างไรได้บ้างนั่นเอง มันสร้างวิตามิน เค, บี 12, biotin และ folate นะ a) ถูก หน้าที่ของวิตามินเค b) ผิด หน้าที่ของวิตามินเอ c) ถูก หน้าที่ของ folate และวิตามินบี 12 17. ก. กล้ามเนื้อและประสาทใช้ Na, K, Mg, Cl, Ca เพราะถ้าเกิดอ่านเรื่องการเคลื่อนไหวและระบบประสาท จะพบว่า Na K Cl = คงศักย์ไฟฟ้าเยื่อหุ้มเซลล์ Ca = การหลั่งสารสื่อประสาทและการหดตัวของกล้ามเนื้อ Mg = รู้แค่ว่าเกี่ยวกับการนำกระแสประสาท + หดตัวกล้ามเนื้อก็พอ ส่วน Fe, P, I ไม่เกี่ยวนะ 18. ค. จำหน้าที่ของ Ca ไปให้หมดเลย ถึงจะมีเยอะหน่อยแต่ต้องใช้หมดแน่นอน การสร้างเม็ดเลือดแดงไม่เกี่ยวกับ Ca ล่ะ หนังสือบางเล่มก็เฉลยผิดนะครับ 19. ข. ข้อนี้ดูตรง ไม่ได้เป็นองค์ประกอบหรือโครงสร้าง...... กำมะถัน อยู่ในกรดอะมิโน ฟอสฟอรัส อยู่ใน phospholipid, ATP ไนโตรเจน อยู่ในโปรตีน, กรดนิวคลีอีก, N-waste, chlorophyll เยอะแยะ เลยเหลือแต่ข้อ b) เฉยเลย K นอกจากจะรักษาสมดุลออสโมติก ปริมาตรน้ำ สมดุลศักย์เยื่อหุ้มเซลล์ ยังเป็น coenzyme ของเอนไซม์ aldolase, pyruvate kinase ATPase ฯลฯ ด้วยล่ะ ไม่ต้องจำหรอก 20. ค. ก. ผิด ลดพลังงานก่อกัมมันต์ได้มาก ก็ทำให้ปฏิกิริยาเกิดได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้นสิ ไม่เกี่ยว ข. ผิด เฉพาะเจาะจง ก็ทำให้ไม่จับกับคนอื่นมั่วๆสิ ค. ถูก คุณสมบัตินี้มีชื่อเรียกว่า turnover คือทำงานแล้วเหมือนเดิมเป๊ะๆ โยน sucrase ใส่น้ำเชื่อมปริมาตรเท่าสระน้ำเดี๋ยวซักวันมันก็ย่อยหมด เพราะทำงานแล้วไม่เปลี่ยนแปลงเลยไง ง. ผิด มั่วมาก แถมมันยังไม่ได้แปรผันตามอีกตังหาก กราฟเป็นโค้งๆหน่อยแบบไฮเพอร์โบลา (?) เหอะ 21. ข. a) ถูก ผลิตภัณฑ์มันคายพลังงานออกไปไง เลยเหลือพลังงานลดลง b) ถูก ไม่ว่าปฏิกิริยาเคมีใดๆก็ต้องการพลังงานกระตุ้นเสมอนะ c) ผิด คายพลังงานออกสู่สิ่งแวดล้อม จับหลอดทดลองแล้วก็ต้องร้อนขึ้นดิ 22. ก. หลอด I พบว่า P จะกลายเป็น Q R และ S โดยไม่ทราบลำดับ หลอด II ใส่ B ที่ยับยั้งเอนไซม์ b จะพบสาร 3 ชนิด (มีตัวนึงหายไป) แสดงว่า b เป็นเอนไซม์ของปฏิกิริยาสุดท้าย พอเกิดไม่ได้สารตัวสุดท้ายเลยหายไป พบสาร Q มากขึ้น แสดงว่า Q เป็น substrate ของ B นั่นคือ Q อยู่ลำดับที่ 3 อาจจะเป็น P R Q S หรือ P S Q R ก็ได้ 2 กรณีนี้ ใครตอบข้อ 4. ติดลบร้อยคะแนนครับ 23. ง. เอนไซม์เกี่ยวข้องกับทุกๆปฏิกิริยาในเซลล์ ไม่มีเอนไซม์ก็ทำอะไรไม่ได้เลย เหมือนมือถือที่แบตฯหมด หัวใจที่ขาดความรัก หาอะไรทำก็ได้ -*- นักเรียนที่ขาดหนังสือ ก็นั่งเรียนไปสิครับ ผู้พิการที่ขาดสองมือ ก็สู้ชีวิตไปสิครับ 24. ข. การทดลองนี้จะบอกว่า ที่อุณหภูมิยิ่งสูงขึ้น papain ก็ยิ่งทำงานแย่ลงเพราะถูก denature หน้าที่ของ papain (เป็นน้ำย่อยโปรตีนจากยางมะละกอ) ต่อ gelatin (เป็นผงโปรตีนที่เอาไว้ทำวุ้น) คือไปย่อยนั่นเอง เพราะฉะนั้นถ้า papain ทำงานได้ไม่ดี (ถูก denature จากอุณหภูมิ) gelatin ก็จะทำงานได้ดี (ทำให้น้ำส้มกลายเป็นวุ้น) งงไหม? ตามปกติเวลาทำวุ้นเค้าก็ใส่น้ำผลไม้ + gelatin แล้วเอาแช่ตู้เย็นนี่แหละ ก. แย่มาก เป็นคำตอบที่แย่ที่สุด ข. ถูกต้องนะครับ อุณหภูมิระดับต่างๆส่งผลต่อการที่ papain จะไปรบกวนการทำงานของ gelatin ค. ผิด รู้ได้ไงว่าโครงสร้างเปลี่ยนแปลง? บอกไม่ได้จากการทดลองนะ ง. ผิด บอกไม่ได้จากการทดลอง จริงๆมันอาจจะทำงานได้ดีที่ 24 หรือ 26 องศา แต่เราทดลองค่า 3 ค่าอุณหภูมินี้เท่านั้น มันโกหกโมเมแบบนี้ไม่ได้อะ 25. ข. พอใส่สารตั้งต้นกับ A ก็เกิดผลิตภัณฑ์ พอใส่ X ลงไปก็เกิดผลิตภัณฑ์ลดลง X เลยน่าจะเป็น inhibitor ของเอนไซม์ A นะ พอใส่ Y ลงไปปรากฏปฏิกิริยาไม่เกิดเลย จึงน่าจะเป็น inhibitor ที่ฤทธิ์แรงกว่า X เสียอีก ก. ผิด การทดลองนี้ไม่มี ปริมาณของสาร X เป็นตัวแปรต้นเสียหน่อย ไม่ได้เพิ่ม-ลดปริมาณเลย ถ้าอยากจะสรุปยังงี้ต้องออกแบบการทดลองให้มี X 1 ช้อนชา, X 2 ช้อนชา, X 4 ช้อนชา อะไรงี้ดิ ข. ถูกต้องแล้วล่ะ ค. บอกไม่ได้จากการทดลองหรอก X กับ Y อาจจะไปยับยั้ง B, C, D,
ได้อีกล้านแปดเยอะแยะนะ ง. ผิด ไม่ได้กระตุ้นเลย ใส่ลงไปแล้วผลิตภัณฑ์เกิดขึ้นได้ลดลงเห็นๆ
Create Date : 03 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 9 มกราคม 2553 15:09:43 น. |
|
40 comments
|
Counter : 28704 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: โปเต้ IP: 222.123.43.131 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:22:45 น. |
|
|
|
โดย: เต๊น (ตัวตุ่นตามัว ) วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:32:21 น. |
|
|
|
โดย: ***** IP: 58.8.180.200 วันที่: 3 ธันวาคม 2552 เวลา:21:47:37 น. |
|
|
|
โดย: เต๊น (ตัวตุ่นตามัว ) วันที่: 3 ธันวาคม 2552 เวลา:22:05:19 น. |
|
|
|
โดย: ;) IP: 118.172.0.93 วันที่: 4 ธันวาคม 2552 เวลา:8:50:51 น. |
|
|
|
โดย: เต๊น (ตัวตุ่นตามัว ) วันที่: 4 ธันวาคม 2552 เวลา:16:17:53 น. |
|
|
|
โดย: ;) IP: 118.172.63.148 วันที่: 4 ธันวาคม 2552 เวลา:21:57:24 น. |
|
|
|
โดย: แตงโม IP: 58.9.109.181 วันที่: 2 มกราคม 2553 เวลา:22:08:51 น. |
|
|
|
โดย: artkun IP: 58.8.171.43 วันที่: 3 มกราคม 2553 เวลา:11:38:23 น. |
|
|
|
โดย: เด็กห้องไพร่ IP: 58.8.171.43 วันที่: 3 มกราคม 2553 เวลา:11:41:11 น. |
|
|
|
โดย: เต๊น (ตัวตุ่นตามัว ) วันที่: 3 มกราคม 2553 เวลา:14:40:17 น. |
|
|
|
โดย: แตงโม IP: 58.9.115.176 วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:0:21:21 น. |
|
|
|
โดย: อยากถามผู้รู้อ่าค่ะ IP: 58.9.111.251 วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:13:16:43 น. |
|
|
|
โดย: เต๊น (ตัวตุ่นตามัว ) วันที่: 9 มกราคม 2553 เวลา:15:16:53 น. |
|
|
|
โดย: frozen IP: 222.123.95.192 วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:4:28:31 น. |
|
|
|
โดย: frozen IP: 222.123.95.192 วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:4:48:44 น. |
|
|
|
โดย: frozen IP: 222.123.95.192 วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:4:54:35 น. |
|
|
|
โดย: เต๊น (ตัวตุ่นตามัว ) วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:21:30:19 น. |
|
|
|
โดย: kigkapoo IP: 183.89.225.215 วันที่: 2 เมษายน 2553 เวลา:14:02:34 น. |
|
|
|
โดย: เต๊น (ตัวตุ่นตามัว ) วันที่: 6 เมษายน 2553 เวลา:18:00:03 น. |
|
|
|
โดย: kigkapoo IP: 183.89.183.163 วันที่: 7 เมษายน 2553 เวลา:13:41:45 น. |
|
|
|
โดย: อ้อม(ส.ร.) IP: 118.173.10.87 วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:20:21:06 น. |
|
|
|
โดย: เชบ IP: 183.89.197.174 วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:14:21:24 น. |
|
|
|
โดย: ช่วยตอบแทนค่ะ IP: 58.10.102.86 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:46:11 น. |
|
|
|
โดย: เต๊น (ตัวตุ่นตามัว ) วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:58:30 น. |
|
|
|
โดย: witty IP: 210.246.77.44 วันที่: 22 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:34:37 น. |
|
|
|
โดย: สมาท IP: 112.142.85.215 วันที่: 7 สิงหาคม 2553 เวลา:20:34:12 น. |
|
|
|
โดย: นัท IP: 10.0.100.5, 124.157.226.78 วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:19:24:16 น. |
|
|
|
โดย: ตอบแทนค่ะ IP: 58.10.85.15 วันที่: 9 ธันวาคม 2553 เวลา:23:54:45 น. |
|
|
|
โดย: ข้าวหอม IP: 202.29.4.130 วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:11:09:47 น. |
|
|
|
โดย: ข้าวหอม IP: 202.29.4.130 วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:11:12:40 น. |
|
|
|
โดย: น้องจัมมรัย IP: 110.49.248.0 วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:9:51:15 น. |
|
|
|
โดย: taeearn IP: 58.9.236.193 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2554 เวลา:14:21:08 น. |
|
|
|
โดย: Joy:) IP: 61.90.34.26 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2554 เวลา:23:06:06 น. |
|
|
|
โดย: WaiWai IP: 192.168.2.11, 202.143.158.91 วันที่: 15 มิถุนายน 2555 เวลา:15:42:45 น. |
|
|
|
โดย: บอย IP: 1.0.236.94 วันที่: 2 เมษายน 2556 เวลา:1:05:53 น. |
|
|
|
โดย: -..- IP: 118.173.120.162 วันที่: 15 เมษายน 2556 เวลา:20:21:50 น. |
|
|
|
โดย: นราธร IP: 115.87.58.247 วันที่: 16 เมษายน 2556 เวลา:17:07:01 น. |
|
|
|
โดย: FOR IP: 180.180.2.250 วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:18:31:40 น. |
|
|
|
โดย: first IP: 49.49.233.63 วันที่: 30 สิงหาคม 2560 เวลา:21:23:29 น. |
|
|
|
| |
|
|
มิสเตอร์คัสตาร์ด |
|
|
|
|
ยังมีโอกาสคุยโทรศัพท์ได้ แต่ผู้ที่พิการขาด 2 มือ นั่นสิลำบาก จะเขียนหนังสือก็ไม่ได้ ถือของก็ไม่ได้ ก็คือทำอะไรลำบากหมด แถมยังต้องใช้เวลานานอีกด้วยกว่าจะฝึกฝนให้ใช้ปากหรือเท้าเขียนแทน ซึ่งก็ตรงกับเซลล์ที่ขาดเอนไซม์ไม่ใช่หรอครับ