ล้างมืออย่างไร...ให้สะอาดสูงสุด


ล้างมืออย่างไร...ให้สะอาดสูงสุด (ไอเอ็นเอ็น) ขณะนี้มีเชื้อโรคใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทำให้เราต้องระมัดระวังในเรื่องความสะอาด ทั้งอาหารที่รับประทาน มือที่สัมผัสอาหาร เพื่อป้องกันการติดโรคต่างๆ ตามคำขวัญที่ว่า กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ มาเรียนรู้วิธีล้างมือที่ถูกต้อง เพื่อความสะอาดกันดีกว่า ล้างมือด้วยสบู่เหลว 6 ขั้นตอน นานอย่างน้อย 40-60 วินาที ก่อนรับประทานอาหาร เตรียม/ปรุงอาหาร หลังขับถ่าย หยิบจับสิ่งสกปรกหรือสัมผัสสัตว์เลี้ยงและสัตว์ปีก6 ขั้นตอน วิธีล้างมือให้สะอาด ขั้นตอนที่ 1 ฟอกฝ่ามือและง่ามนิ้วมือด้านหน้า 5 ครั้ง โดยเน้นซอกนิ้วมือ ขั้นตอนที่ 2 ฟอกหลังมือและง่ามนิ้วมือด้านหลังข้างละ 5 ครั้ง โดยเน้นซอกนิ้วมือ ขั้นตอนที่ 3 ฟอกนิ้วและข้อนิ้วมือด้านหลังข้างละ 5 ครั้ง ขั้นตอนที่ 4 ฟอกนิ้วหัวแม่มือ ข้างละ 5 ครั้ง ขั้นตอนที่ 5 ฟอกปลายนิ้วมือ เล็บ โดยหมุนวนไปบนฝ่ามือ ข้างละ 5 ครั้ง ขั้นตอนที่ 6 ฟอกรอบข้อมือโดยรอบข้างละ 5 ครั้ง




 

Create Date : 12 เมษายน 2553   
Last Update : 12 เมษายน 2553 20:26:45 น.   
Counter : 415 Pageviews.  

น้ำผลไม้ห่างไกลไข้หวัด


น้ำผลไม้ห่างไกลไข้หวัด (เดลินิวส์) การทานน้ำผลไม้ นอกจากจะให้ประโยชน์มากมายต่อร่างกายแล้ว ยังสามารถทำให้ห่างไกลไข้หวัดได้อีกด้วย วิธีการกินผลไม้ให้ได้วิตามินสูง เพียงนำมาคั้นน้ำแล้วผสมรวมกันให้ได้รสดี เลือกผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน วิตามินสูง กลิ่นหอม อย่างเช่นส้มเขียวหวาน มีวิตามินเอมากถึง 4,000 หน่วยสากล วิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และเกลือแร่ชนิดต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยป้องกันไข้หวัด ส่วนสตรอเบอรี่ จะอุดมไปด้วยวิตามินซีและมีสารต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ส่วนองุ่นจะช่วยทำให้สดชื่น เร่งการเผาผลาญ ช่วยล้างและสร้างเม็ดเลือด ช่วยกระตุ้นให้ตับทำหน้าที่ฟอกเลือดอย่างมีประสิทธิภาพ และลูกพีช จะมีวิตามินซีและไนอะซิน ย่อยง่าย เป็นยาระบายอ่อน ๆ เมื่อคั้นแล้วควรดื่มทันทีจึงจะได้คุณค่าอาหารมากที่สุด




 

Create Date : 12 เมษายน 2553   
Last Update : 12 เมษายน 2553 20:10:12 น.   
Counter : 429 Pageviews.  

เวียนหัว...ทรงตัวไม่อยู่หนึ่งสัญญาณอันตราย!!


'น้ำในหูไม่เท่ากัน'เคยไหมที่อยู่ดี ๆ ก็เกิดอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ คล้าย ๆ บ้านหมุนโดยไม่รู้สาเหตุ กระเพาะอาหารปั่นป่วน อยากจะอาเจียนออกมา พอลุกขึ้นยืนก็ทรงตัวไม่อยู่จะล้มเสียให้ได้!?? ลักษณะอาการเช่นนี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า คุณกำลังเข้าข่ายเป็น “โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน” นพ.วัชชิระ ตีระพิพัฒน กุล เวชศาสตร์ครอบครัว ศูนย์ตรวจสุขภาพ โรงพยา บาลปิยะเวท อธิบายถึงลักษณะ ของโรคน้ำในหูไม่เท่ากันให้ฟังว่า คำว่า โรคน้ำในหูไม่เท่ากันนั้นเป็นภาษาที่เรียกกันทั่วไป แต่ทางการแพทย์จะเรียกว่า “โรคแรงดันน้ำในช่องหูชั้นในผิดปกติ” ปกติหูชั้นในจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่มีลักษณะคล้ายก้นหอย ทำหน้าที่รับเสียง อีกส่วนหนึ่งเป็น อวัยวะรูปร่างคล้ายเกือกม้า ซึ่งมีอยู่ 3 ชิ้นด้วยกัน ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทรงตัว หูชั้นในนอกจากจะแบ่ง ตามหน้าที่แล้ว ยังแบ่งตาม โครงสร้างได้เป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นกระดูก กับ ส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มภายใน ส่วนที่เป็นกระดูกจะห่อหุ้มส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มภายในโดยในส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มภายในจะมีของเหลวอยู่ เมื่อเกิดโรคแรงดันน้ำในช่องหูชั้นในผิดปกติ ของเหลวที่อยู่ในส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มภายในจะคั่งมาก ทำให้การไหลเวียนไม่สะดวก แรงดันที่เพิ่มขึ้นในหูชั้นในจะขัดขวางการทำงานของกระแสประสาทที่เกี่ยวกับการได้ยินและการทรงตัว ทำให้สูญเสียการได้ยินและความสมดุล เกิดอาการเวียนศีรษะขึ้น โรค ๆ นี้ไม่ได้พบบ่อยนัก ในจำนวนของคนไข้ที่เข้ามาพบแพทย์ ด้วยอาการเวียนศีรษะ อาเจียน จะมีเพียงร้อยละ 7 เท่านั้นที่เป็นโรคนี้ ฉะนั้น ในการวินิจฉัยโรคจะต้องใช้อาการเฉพาะ เพื่อแยกโรคอื่นที่เกี่ยวกับหูออกไปเสียก่อน โดยใช้วิธีการตรวจเพิ่มเติมในส่วนของหูชั้นใน ซึ่งบางครั้งอาจไม่พบความผิดปกติ แต่อาจตรวจโรคอื่นที่ไม่ใช่โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เช่น หูน้ำหนวก ซึ่ง เกิดในหูชั้นกลาง แต่ก็อาจจะกระ ทบไปถึงหูชั้นในด้วย ต่อมา คือภาวะหูชั้นในอัก เสบเฉียบพลัน ซึ่งภาวะนี้จะประกอบไปด้วย 2 โรคด้วยกัน เรียกว่า ภาวะของการทรงตัวผิดปกติอย่างเดียว กับ โรคที่หูชั้นในผิดปกติแบบเฉียบพลัน ซึ่งจะมีทั้งที่ระบบการทรงตัวเสียและการได้ยินเสียไปด้วย และอีกโรคหนึ่งที่พบบ่อย ๆ คือ บางทีคนไข้ไปตรวจกับหมอแล้วหมอพบว่า หินปูนที่เกาะอยู่ในหูชั้นในหลุด ตรงนี้จะเป็นเรื่องของโรคเกี่ยวกับหูที่หมอจะแยกออกไปจากโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เมื่อแยกโรคออกแล้วคนไข้มาด้วยอาการเฉพาะจึงจะบอกได้ว่าคน ๆ นั้น เป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ลักษณะเฉพาะที่ว่านั้น คือ เวียนศีรษะคล้ายบ้านหมุน ร่วมด้วย หูอื้อ หรือมีเสียงในหู อื้อ ๆ ๆ อยู่ในหูตลอดเวลา อาจจะได้ยินข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้าง ก็แล้วแต่พยาธิสภาพว่าจะเป็นข้างเดียวหรือเป็นทั้ง 2 ข้าง โดยหูอื้อ อาจจะเป็นชั่วคราวหรือถาวรก็ได้ ถ้าเป็นระยะแรก จะสูญเสียการได้ยินโดยจะเป็นแค่ชั่วคราว หลังจากหายเวียนศีรษะแล้วการได้ยินจะกลับมาเป็นปกติ แต่ถ้าที่มีอาการวิงเวียนบ่อย ๆ หรือเป็นมานานอาการหูอื้อมักจะถาวร ที่สำคัญ คือ อาการมึนงง เวียนศีรษะคล้ายบ้านหมุนเหล่านี้จะเป็นอยู่ไม่นานมากนัก โดยจะมึนเวียนหัวอยู่ประมาณ 20 นาที ถึง 2 ชั่วโมงก็จะหาย แล้วไม่นานก็จะกลับมาปวดหัวหรือมีอาการ ดังกล่าวอีก โดยจะมีลักษณะเป็น ๆ หาย ๆ ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นลักษณะเฉพาะของโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน โรคนี้มีโอกาสเป็นได้ทุกเพศ และทุกวัย เพราะเป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด พบมากในวัยทำงานที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่มีปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการดำเนินโรคได้ โดยพบว่าอาหารที่มีปริมาณเกลือโซเดียมสูง หรืออาหารที่มีรสเค็ม สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการได้ เช่นเดียวกับ การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา ความเครียด และสภาวะแวดล้อมที่มีเสียงดังอึกทึก การรักษา เนื่องจากโรคนี้ไม่มีความจำเพาะของพยาธิสภาพ หมอจะรู้แต่เพียงว่าความดันในหูไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่จะรักษาตามอาการที่ตรวจพบ โดยจะให้ยาขับปัสสาวะ เพื่อลดสภาวะอาการ บวมและคั่งของน้ำในหูชั้นใน รวมทั้งยาขยายหลอดเลือด ยาลดอาการเวียนศีรษะและคลื่นไส้อาเจียน ตลอดจนยากล่อมประสาท และยานอนหลับ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยผ่อนคลายและนอนหลับได้เป็นปกติ การป้องกัน ทำได้โดย เมื่อทราบภาวะที่จะกระตุ้นให้เกิดโรคแล้ว อะไรที่เป็นภาวะเสี่ยงก็ ควรลดภาวะนั้น ๆ อาทิ หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา ชา กาแฟ การสูบบุหรี่ ลดการบริโภคอาหารที่มีรสชาติเค็ม นอกจากนี้ การปฏิบัติตัวเพื่อให้ลดภาวะและอาการของโรคเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน ได้แก่ ลดภาวะเครียด ควบคุมอารมณ์ให้เบิกบานแจ่มใส และลดงานบางอย่างที่มากจนเกินไป รวมทั้ง หาเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น อยู่ในที่ที่มีเสียงดังเป็นเวลานาน ตลอดจน แสงแดดจ้าหรืออากาศที่ร้อนอบอ้าว นพ.วัชชิระ กล่าวทิ้งท้ายว่า “เมื่อมีอาการของโรค อย่าตระหนกกับอาการ เพราะไม่ได้เป็นโรคที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยมากนัก ไม่ได้ทำให้ ล้มหมอนนอนเสื่อ แต่ถ้าเป็นมากจนกระทั่งรบกวนการทำงาน ควรดูแลตนเองด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่าเครียด เมื่อรู้ว่าเครียดควรหาวิธีผ่อนคลายหยุดการทำงานสักพัก เมื่อดีขึ้นจึงค่อยกลับไปทำงานต่อ รวมทั้ง ลดการบริโภคอาหารรสเค็มจัด หลีกเลี่ยงอาหารที่ ใส่เกลือมาก ๆ ลดการดื่มสุรา หากมีอาการเวียนหัวบ้านหมุนเมื่อไรควรรีบมาพบแพทย์ เพื่อแพทย์จะได้วินิจฉัยแยกโรค ให้ชัดเจน จะได้ทำการรักษาได้อย่างถูกต้องและทันท่วงทีต่อไป.




 

Create Date : 12 เมษายน 2553   
Last Update : 12 เมษายน 2553 19:53:42 น.   
Counter : 691 Pageviews.  

เตือนภัย แก๊งไม้จิ้มฟันตุ๋นเงิน


นายแบงก์เตือนชาวบ้านฉลองปีใหม่ระวังแก๊งอุบาทว์หลอกตุ๋นเงิน ใช้มุกเดิมแอบเอาไม้จิ้มฟันเสียบช่องสอดบัตรตู้เอทีเอ็ม เล่นบทเป็นพลเมืองดี ทำทีเข้าช่วย พร้อมล้วงตับแอบดูรหัสผ่าน ระบุถ้าเผลอเจอดีแอบไปกดแน่ แนะลูกค้าต้องแจ้งคอลเซ็นเตอร์อายัดบัตรด่วนไม่งั้นอาจซวยส่งท้ายปี ต้อนรับปีใหม่ นายพล ธนโชติ ผู้อำนวยการ ฝ่ายสนับสนุนช่องทางอิเล็กทรอนิกส์และเครือข่ายการบริการ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะประธานชมรมธุรกิจบริการเอทีเอ็ม เปิดเผยว่า ช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่จะเป็นช่วงที่การจับจ่ายใช้สอยสะพัด และจะมีประชาชนมากดเงินที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งเป็นจำนวนมาก จึงเป็นเหตุให้กลุ่มมิจฉาชีพฉวยโอกาสนี้ก่อเหตุหลอกล่อผู้บริโภคในทุกวิธี ทางเพื่อฉ้อโกงแล้วเชิดเงินหนีไปอย่างหน้าตาเฉยทั้งนี้วิธีการที่ กลุ่มมิจฉาชีพนี้นำมาใช้จะเป็นวิธีการดั้งเดิมที่เคยทำมาแล้วเมื่อ 4-5 ปีก่อน คือการนำไม้จิ้มฟันหรือวัตถุชิ้นเล็กๆ เข้าไปเสียบไว้ข้างๆ ที่สอดบัตรเอทีเอ็ม ส่งผลให้บัตรติดค้างอยู่ข้างใน และหลังจากนั้นจะมีมิจฉาชีพ 1-2 ราย ซึ่งเข้ามาแสดงตนเป็นบุคคลที่สองทำทีมาให้ความช่วยเหลือ แต่แท้จริงนั้นต้องการล้วงความลับคือรหัสบัตรของผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายเผลอกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้จะทำการหยิบไม้จิ้มฟันออก แล้วดึงบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายแล้วนำไปกดเงินต่อไป หรือไม่ก็อาจคัดลอกข้อมูลจากเครื่องคัดลอกข้อมูลขนาดเล็กที่ติดไว้ในมือ (Handing Skimming) แล้วทำการคัดลอกข้อมูลเพื่อปลอมบัตรและนำไปกดเงินในภายหลังอย่างไรก็ตาม การที่กลุ่มมิจฉาชีพหันกลับไปใช้วิธีการแบบดั้งเดิมนั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ธนาคารพาณิชย์มีการติดตั้งเครื่องคัดลอกข้อมูล (แฮนดิ่ง-สกิมมิ่ง) ไว้ที่ตู้เอทีเอ็มเพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูลของลูกค้า ซึ่งถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยจากสถิติความเสียหายทั้งปี 2552 ได้รับรายงานว่ามีผู้เสียหายจากการโดนคัดลอกข้อมูลบัตรเอทีเอ็มทั้งระบบ ธนาคารเพียง 1-2%หรือคิดเป็นมูลค่าเพียงหลักหมื่นบาทเท่านั้น จากก่อนหน้านี้ในปี 2551 ที่มีสถิติเกือบ 100%ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับผู้บริโภคคิดเป็นมูลค่าหลาย 10 ล้านบาท“วิธีการป้องกันความเสี่ยงโดยเบื้องต้นต้องขึ้นอยู่กับผู้บริโภคเอง ซึ่งไม่ควรไว้ใจบุคคลที่สองไม่ว่าจะเป็นญาติ พี่น้อง หรือใครก็ตาม ให้ถือว่าเป็นทรัพย์สินส่วนตัว ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสมาคมธนาคาร ธนาคารพาณิชย์ ชมรมธุรกิจเอทีเอ็ม ก็ได้มีการประชาสัมพันธ์อยู่เสมอว่าควรที่จะต้องระวัง เพราะกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้จะมีเครื่องคัดลอกข้อมูลเล็กๆ ไว้ในมือที่สามารถคัดลอกข้อมูลเราได้ภายในไม่กี่วินาที แล้วนำไปทำบัตรเอทีเอ็มปลอมในภายหลัง และหาจังหวะล้วงเอารหัสบัตรจากเราอยู่ตลอดเวลา พร้อมกันนี้ก็จะคิดค้นวิธีการใหม่ๆ เพื่อลอกล่อผู้บริโภคอยู่เสมอ”นายพล กล่าวทั้งนี้ กลุ่มมิจฉาชีพจะไม่สามารถทำอะไรกับบัตรเอทีเอ็มของเราได้เลยหากไม่ทราบรหัส บัตรเอทีเอ็ม แม้จะสามารถคัดลอกข้อมูลจากแถบแม่เหล็กของผู้บริโภคได้แล้วก็ตามที ดังนั้น สิ่งที่ผู้บริโภคควรระวังคือการป้องกันรหัสบัตรให้ดีที่สุด ซึ่งควรจะต้องเปลี่ยนรหัสบัตรเอทีเอ็มของตนเองอยู่เสมออย่างน้อยก็เดือนละ ครั้ง หรือไม่เกิน 3 เดือนเปลี่ยนหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ หากเกิดกรณีบัตรค้างอยู่กับตู้เอทีเอ็มให้ผู้บริโภคโทรศัพท์ไปยังคอ ลเซ็นเตอร์ของธนาคารนั้นๆ ตามเบอร์โทรศัพท์ที่ติดอยู่ตรงหน้าเครื่อง อย่าเดินหรือละสายตาจากตู้เด็ดขาด โดยถ้าเป็นระบบการป้องกันของธนาคารกสิกรจะทำการตัดระบบไฟของตู้นั้นๆ ทันที ซึ่งธนาคารยอมขาดรายได้แทนความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับลูกค้าอย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าวทางสมาคมธนาคารไทยและชมรมธุรกิจบริการเอทีเอ็มไม่ได้นิ่งนอน ใจ แม้ที่ผ่านมาจะประสบความสำเร็จจากการติดตั้งเครื่องแฮนดิ่ง-สกิมมิ่งมากก็ ตามที่ โดยยังได้มีการหารือร่วมกับบริษัทจำหน่ายเครื่องเอทีเอ็มอยู่เป็นระยะว่า ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะต้องพัฒนาระบบการป้องกันการโจรกรรมในทุกรูปแบบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ ให้มีประสิทธิภาพขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่การติดตั้งเครื่องแอนติ-สกิมมิ่งขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ติดตั้งกันเสร็จ เกือบ 100% แล้ว ขณะที่ความเสียหายที่ยังหลงเหลืออยู่ที่ 1-2%นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นผลมาจากผู้บริโภคบางรายอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าเคยถูกโจรกรรม ข้อมูลไป เพราะกลุ่มมิจฉาชีพอาจไม่ได้ทำการกดเงินในทันที แต่จะค่อยๆ ทยอยกดในภายหลังนายพล กล่าวอีกว่า ในปี 2553ธนาคารจะยังเดินหน้าพัฒนาระบบการให้บริการผ่านตู้เอทีเอ็มอย่างต่อเนื่องและ เพิ่มขึ้น ทั้งด้านการรับชำระค่าบริการต่างๆ โดยการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความหลากหลายขึ้น นอกจากนี้จะเดินหน้าติดตั้งเครื่องฝากเงินอัตรโนมัติเพิ่มอีก10-20% จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1พันเครื่องทั่วประเทศ




 

Create Date : 12 เมษายน 2553   
Last Update : 12 เมษายน 2553 19:36:50 น.   
Counter : 495 Pageviews.  

เทคนิคเลือกหนังสือเด็ก



เทคนิคเลือกหนังสือเด็ก (ไทยโพสต์)          ใกล้ถึงงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติปลายเดือน มี.ค.นี้แล้ว ได้เวลาที่พ่อแม่จะคัดสรรหนังสือสำหรับลูกเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อย และพ่อแม่ควรศึกษาเทคนิคการเลือกซื้อหนังสือเสริมประสบการณ์สำหรับเด็ก ปฐมวัย ดังนี้          หนังสือสำหรับเด็กควรมีความหลากหลาย ทั้งในด้านเนื้อเรื่องและภาพประกอบ ซึ่งอยู่ในรูปแบบนิทาน หนังสือภาพ หนังสือคำคล้องจอง สารานุกรม หนังสือกลุ่มกิจกรรมการประดิษฐ์ หนังสือผ้า หนังสือที่มีผิวสัมผัสที่แตกต่างกัน หนังสือที่มีเสียงประกอบ ฯลฯ เพื่อช่วยเสริมประสบการณ์รอบตัว          สิ่งที่ควรคำนึงถึงของหนังสือสำหรับเด็กที่ดี จะต้องมีการใช้ภาษาสละสลวย ช่วยให้เกิดจินตนาการ เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อนเกินไป          รูปเล่มต้องมีความจูงใจให้เด็กสนใจ ขนาดตัวอักษร จำนวนหน้า จำนวนคำศัพท์ เหมาะสมกับวัย สีสบายตา ไม่ใช้สีสะท้อนแสง          แบบฝึกคัดลายมือไม่ได้ส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กเชิงบูรณาการ จึงไม่เหมาะกับเด็กปฐมวัย
เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะขอขอบคุณข้อมูลจาก




 

Create Date : 11 เมษายน 2553   
Last Update : 11 เมษายน 2553 2:51:38 น.   
Counter : 472 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  

beaushi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add beaushi's blog to your web]