เที่ยวไป..กินไป..ตามแต่ใจเราสองคน เป็นบล๊อกที่ทำขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องราวการเดินทางของเราทั้ง 2 คน และเป็นข้อมูลให้สำหรับผู้ที่สนใจจะเดินทางด้วยตัวเอง

Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 37 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add 's blog to your web]
Links
 

 
พม่า. ไหว้พระทำบุญ ตอน.1 พระธาตุอินแขวน

พม่า. ไหว้พระทำบุญ จองตั๋ว โปรโมชั่น 0 บาท เฉพาะขากลับเข้าประเทศไทยของ Airasia จองไม่นานสำหรับโปรฯ นี้ จองประมาณเดือนมิถุนายน ราคาไปกลับคนละ 2000 บาทรวมทุกอย่างยกเว้นค่าภาษีสนามบินพม่าอีกคนละ 20$US และค่าขอวีซ่าเข้าประเทศพม่าอีกคนละ 810 บาท รวมแล้วก็ตกคนละประมาณ 3000 บาท ก็ถือว่าไม่ถูกไม่แพงเพราะมีค่าวีซ่า ในการเข้าประเทศพม่าต้องขอวีซ่า หรือ ใบอนุญาติเข้าพม่าก่อนนะครับ การขอทำได้ 2 วิธีคือ ขอที่สถานฑูตพม่าในประเทศไทย และ ขอที่สนามบินก่อนเข้าประเทศพม่า ( Visa On Arrival )

พวกเราไปกันทั้งหมด 8 คน ตั้งแต่ วันที่ 15-17 สิงหาคม 2553 โปรแกรมเที่ยวของพวกเราก็คือ

15 สิงหาคม กรุงเทพ ย่างกุ้ง เมืองหงสาวดี พักค้างคืนที่โรงแรมหน้า พระธาตุอินแขวน
16 สิงหาคม กลับจากพระธาตุอินแขวน แวะเที่ยวเมืองหงสาวดี พักที่เมืองย่างกุ้ง
17 สิงหาคม ช๊อปปิ้งในเมืองย่างกุ้ง เที่ยวในย่างกุ้ง กลับกรุงเทพ

เป็นโปรแกรมเที่ยวทั่วๆ ไปที่ใครๆ ก็จะใช้รูทในการเที่ยวแบบนี้ ส่วนรายละอียดต่างๆ ว่าไปเที่ยวที่ไหนไปกันอย่างไร สนุกหรือไม่ ลำบากแค่ไหน ก็ต้องรอติดตามในบล๊อกนี้ในตอนต่อๆ ไป

วันที่ 15 สิงหาคม 2553 เวลาประมาณ 05.00 น. พวกเราทั้ง 8 คนพร้อมกันที่เคาร์เตอร์เช็ดอินแอร์เอเซีย Roll E ไฟท์ที่พวกเราไปก็คือ FD3770 7.15 น. ทุกคนเช็คอินเรียบร้อย ผ่านขั้นตอนการตรวจคนออกเมือง เครื่องบินขึ้นตรงเวลาไม่มีการดีเลย์แต่อย่างใด เครื่องบินใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ก็ถึงย่างกุ้ง แม่น่ำอิระวดี ก่อนเครื่องบินจะลง


" ท่านผู้โดยสารทุกท่าน ขณะนี้เราได้นำท่านลงสู่สนามบินเมงกาลาดอน เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านผู้โดยสารทุกท่านห้ามลุกขึ้นจากที่นั่งจนกว่าไฟสัญญาณปลดล๊อกสายรัดข็มขัดจะดับลง ............................. " ร่ายอีกยาวครับจะเป็นคำพูดทุกครั้งที่เครื่องบินร่อนลง เครื่องเข้าเทียบงวง (ไม่เหมือนขามาได้ขึ้นรถบัสไปขึ้นเครื่อง) ในการมาพม่าของพวกเราครั้งนี้มีตากล้องมาถึง 4 คน ดังนั้นรูปก็จะมีให้ดูหลากหลายนะครับ ขอบคุณตากล้องทุกคนที่เอื้อเฟื้อรูปมาลงบล๊อก


ผ่านการขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองของพม่าไม่มีปัญหาอะไร เพราะพวกเราได้ขอวีซ่า มากันทุกคนแล้ว หลังจากนั้นก็ไปรับกระเป๋าเดินทาง ก่อนมาพม่าผมได้จองรถตู้ และ โรงแรมไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจองผ่านเอเยนซี่ที่ไทย มีการจ่ายเงินและยืนยันกันเรียบร้อยว่ารถตู้จะมารับที่สนามบิน แต่ไม่เป็นไปตามที่ได้ตกลงคือ รถไม่มารับ ทำให้ต้องโทรติดต่อเอเยนซี่อีกครั้ง ได้รับคำตอบว่า ให้รอประมาณ 30 นาที รถกำลังออกจากบริษัท


ช่วงระหว่างรอรถ 4 สาวโพสท่าถ่ายรูปกัน


บริเวณด้านหน้าสนามบินจะมีนายหน้า และ ไกค์ และ คนรับแลกเงิน มาคุยกับพวกเราตลอดเวลา มาถามโน้นถามนี่ แต่ก็ดีนะครับเป็นการฝึกภาษาไปในตัว แต่พอเราบอกไม่เอาเค้าก็ไม่ตื้อ พวกเรารอรถประมาณ 40 นาที รถตู้ที่พวกเราจองก็มารับ เป็นรถตู้โตโยต้า 10 ที่นั่ง เป็นรถตู้ที่ไม่ใหม่ สภาพใช้งานได้ ราคาที่เช่าไปกลับพระธาตุอินแขวน รวม 290$US ผมถือว่าราคาแพงเอาเรื่องครับ ราคารวมน้ำมัน รวมค่าผ่านทาง เรียบร้อยแล้ว


เวลาที่ประเทศพม่าช้ากว่าบ้านเรา 30 นาที ออกจากสนามบินได้พวกเราก็ไปหาแลกเงิน โดยให้คนขับรถช่วยพาไปเลทที่พวกเราแลกคือ 100$US = 95,000จ๊าด แต่ต้องใบใหม่ๆ นะครับ และถ้าเป็นใบละ 50 20 10 US จะแลกได้ 100$US = 90,000จ๊าด ส่วนคิดเป็นเงินไทยเท่าไรลองคำนวนเองนะครับ ดังนั้นเราต้องเอาไบละ 100$US ใหม่ๆ ไม่ยับ ไม่พับ ไม่มีหมึกติด ถึงจะแลกได้เลทที่สูง การแลกเงินที่พม่าเป็นอะไรที่แปลกมากๆ ร้านรับแลกหายากมากๆ จะมีนายหน้ามาเดินถามว่า แลกเงินไหมครับ เต็มไปหมด เลทก็ขึ้นอยู่กับการตกลง และคนที่คิต่อไกค์พม่าเอาไว้แล้ว หรือผู้ที่ไปเที่ยวกับทัวร์ สามารถแลกที่ไกค์ได้เลยครับเลทขึ้นอยู่กับตกลงกัน

การไปพระธาตุอินแขวน จะต้องผ่านเมือง Bago หรือคนไทยมักเรียกว่า หงสาวดี ก็เที่ยงพอดี ระยะทางจากย่างกุ้งถึงหงสาวดี ประมาณ 80 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง พวกเราแวะกินข้าวเที่ยง และเป็นมื้อแรกในพม่า ผมจึงบอกคนขับรถว่าอยากกินอาหารพม่า คนขับรถจัดให้เลยครับ เป็นร้านอาหารพม่าแท้ แบบชาวบ้านๆ ไม่ได้หรูหราอะไร เป็นเก้าอี้นั่งยองๆ พอไปนั่งเจ้าของร้านก็จัดอาหารที่เป็นชุดที่ชาวพม่ากินกันมาเสริฟทันที มี น้ำพริกกับผัก ข้าวโพดต้มใส่เนย มันบดใส่ถั่ว แกงผักน้ำออกดำๆ พร้อมกับข้าวสวย นั่งมองหน้ากันแล้วจะกินยังงัยเนี่ย ผมจึงได้ไปดูอาหารที่ร้านได้ทำไว้แล้ว ซึ่งสามารถสั่งได้ คล้ายๆ แกงเผ็ดบ้านเรา ใส่หลายๆ อย่าง มี หมู ไก่ เครื่องในไก่ เนื้อแกะ เนื้อวัว มีประมาณ 10 อย่าง ซึ่งดูๆ แล้วผมไม่รู้จะกินอะไร ก็เลยสั่ง แกงไก่ กับ ไข่เจียว มาเพิ่มจากที่เสริฟ สรุปที่นั่งยิ้มๆ ในรูปกินกันไม่ค่อยได้รวมทั้งผมด้วย ยกเว้นน้าจก(ผู้ชายในรูป) กับ อี๊ด ประสิทธิ์ กินกันอย่างเอร็ดอร่อย สนามราคาในมื้อนี้คือ 10,200จ๊าด เท่านั้นเอง


หน้าตาอาหารที่เจ้าของร้านนำมาเสริฟโดยไม่ได้สั่ง


กินข้าวเที่ยงกันเสร็จ อิ่มบ้างไม่อิ่มบ้าง อร่อยบ้างไม่อร่อยบ้าง ปะปนกันไป ไม่ใช่เรื่องแปลกครัของการมาเที่ยวแบบนี้ คือแบบไม่ได้มาเที่ยวกับทัวร์ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าอาหารจะเป็นอย่างไร ถ้ามากับทัวร์ก็ต้องอาหารดีๆ ร้านหรูๆ แต่เค้าก็บวกเอาไว้แล้วในค่าทัวร์ ออกจากร้านอาหารก็ไม่ได้แวะเที่ยวที่ไหน ตามจริงแล้วที่เที่ยวในเมื่องหงสาวดี มีหลายแห่งครับ แต่ผมกลัวว่าเราจะไปถึงพระธาตุอินแขวนค่ำ ก็เลยไม่ได้แวะเที่ยวที่ไหน มุ่งหน้าสู่ทางขึ้นพระธาตุฯ ทันที ระหว่างทางจากเมืองย่างกุ้งไปจนถึงทางขึ้นพระธาตูฯ จะมีด่านเก็บเงินเป็นระยะๆ ประมาณ 10 กว่าด่านได้ ผมไม่รู้ว่าเค้าเงินเพื่ออะไร


ระยะทางจากเมืองหงสาวดี ถึง คินปุ่น ซึ่งเป็นที่ๆ เราต้องต่อรถ 6 ล้อเข้าไปยังตีนเขาทางขึ้นพระธาตุอินแขวน พวกเราใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็มาถึง คินปุ่น ซึ่งเราต้องต่อขึ้นรถ 6 ล้อกันที่นี่ส่วนรถตู้ที่เราเช่ามาก็จะจอดรอเราที่นี่ ลักษณะที่นั่งจะเป็นไม้กระดานแผ่นเล็กๆ วางพาดแล้วให้เรานั่ง รถไม่มีหลังคาครับ ดูสภาพรถนะครับ


ก่อนจะมาที่นี่ผมเก็บข้อมูลมาว่าถ้ารถไม่เต็มเค้าจะไม่ออก ต้องรอให้มีผู้โดยสารเต็มเสียก่อนถึงจะออกรถได้ บางคนมารอรถออกถึง 4 ชั่วโมงก็มี ฝรั่งออสเตเลียบอกกับเราว่าเค้านั่งรอรถออกมาตั้ง 2 ชั่วโมงแล้ว พวกเราถือว่าโชคดีมากๆ รอแค่ 40 นาทีรถก็ออก ค่าโดยสารคนละ 1500จ๊าด ออกรถได้พวกเรามีความรู้สึกว่าเหมือนนั่งรถไฟเหาะในสวนสนุกเพราะเป็นทางขึ้นเขาเวี่ยงไปซ้ายที ขวาที มีขึ้นเขาลงเขาสลับไปมา สมาขิกบางคนบ่นตูดเป็นสิว เพราะทนต่อแรงกระแทกของไม้กระดานนั่งไม่ไหว แรกๆผมก็สงสัยว่าทำไมต้องให้มาต่อรถ 6 ล้อขึ้นเขา แต่พอเห็นสภาพทางแล้ว สมควรอย่างมากๆ เพราะไม่ทำเช่นนี้อาจจะมีรถตกเขาได้ทุกวัน ทางน่ากลัวมากๆ ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตรแต่ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก็จะมาถึงตีนเขา


เมื่อมาถึงตีนเขานักท่องเที่ยวทั้งหมดจะต้องลงจากรถเพื่อเดินขึ้นเขา หรือนั่งเสรียงขึ้นเขา ยกเว้นชาวพม่าไม่ต้องลงเพราะรถจะขึ้นไปถึงหน้าวัดพระธาตุฯ การทำเช่นนี้เพราะว่ารัฐบาลพม่าจะหารายได้จากนักท่องเที่ยว คนที่ใส่เสื้อสีน้ำเงินทั้งหมดเป็นชาวพม่า มารอลูกค้า มีทั้งคนรับจ้างแบกเสรียง และรับจ้างขนกระเป๋า ส่วนของพวกเราก็ได้จ้างลูกหาบแบกกระเป๋าให้โดยเค้าคิดใบละ 2000จ๊าด พวกเรามีทั้งหมด 7ใบ ก็เลยขอเหมาทั้งหมด 10000จ๊าด
แนะนำทุกท่านที่ไปเที่ยวถ้าไม่นั่งเสรียงแนะนำให้ใช้ลูกหาบแบหกระเป๋าเรานะครับ ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วจะเสียใจ


ก่อนเริ่มออกเดินขอแอ๊กท่าถ่ายรูปก่อน


เริ่มออกเดินช่วงต้นๆ ยังมีแรงแอ๊กท่าถ่ายรูปกันอยู่รวมทั้งผมด้วยยังมีแรงยกกล้อง


ยังไม่ได้เล่าถึงเรื่องของการนั่งเสรียงว่าจะเป็นอย่างไร การนั่งเสรียงจะเสียค่านั่งคนละ 20$US ต่อไป-กลับ หรือนั่งขึ้นและนั่งลง ยังไม่รวมค่าทิปอีกคนละ 1000จ๊าดต่อเที่ยวต่อคน รวมแล้วก็ไปกลับค่าทิป 8000จ๊าด ยังยังไม่หมดเท่าที่รู้ระหว่างทางจะมีแวะร้านขายน้ำแล้วจะอ้อนให้เราซื้อน้ำโค๊กให้คนละกระป๋องแต่พวกเค้าจะไม่กินจะเก็ยกลับมาแลกเป็นเงินภายหลัง 2เรื่องหลังนี้คือค่าทิป กับ ซื้อโค๊กบางคนก็ให้บางคนก็ไม่ให้ สุดแล้วแต่นะครับ แต่เห็นเค้าแบกแล้วเหงื่อยทั่วทั้งตัว น่าสงสาร ส่วนกระเป๋าก็ใส่ในเสรียงไปด้วยครับ


พวกเราทั้ง 8 คนไม่มีใครนั่งเสรียง ใช้วิธีเดินขึ้นเขากัน ในการมาเที่ยวแบบไม่ได้มากับทัวร์ก็ต้องแล้วแต่ความสมัครใจของแต่ละคนครับว่าจะนั่งหรือไม่นั่ง สมาชิกส่วนมากไม่นั่งก็ไม่ใช่ว่าจะต้องไม่นั่งตาม เพราะไม่เกี่ยวกันอยู่แล้วใครนั่งก็ต้องจ่ายเงินเองไม่ได้มีการนำมาหารคนที่ไม่ได้นั่งแต่อย่างใด ใครนั่งคนนั้นจ่าย สำหรับคนที่นั่งก็ไม่ต้องมากลัวเพื่อนๆ จะว่าเอาเปรียบ และเพื่อนๆ ไม่มีสิทธิ์ต่อว่าคนที่นั่งแต่อย่างใด ระหว่างทางขึ้นยังมีแรงแอ๊กท่ากัน


ระยะทางเดินขึ้นเขาประมาณ 1กิโลกว่าๆ แต่ผมใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงครึ่ง ทางเดินขึ้นเขาบางช่วงชันมากๆ ผมเดินไปต้องหยุดพักไปเพราะแบกระเป๋ากล้องหนักถึง 7กิโล มือไม่มีแรงจะยกกล้องแล้วเก็บใส่กระเป๋าเรียบร้อย บอกตรงๆ ว่าเหนื่อยมากกกก เหนื่อยสุดๆ แต่ใจสู้ครับ ไม่มีบ่น เพราะเรารู้แล้วตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่าเราจะต้องเจออะไร ความยากลำบากแค่ไหน ถ้าเราอยากจะเที่ยวแบบสบายๆ ต้องไปเที่ยวกับทัวร์ ชิมิ ดูสภาพครับเหงื่อยท่วม สภาพทางเดินขึ้นเขา


การมาเที่ยวที่ประธาตุอินแขวน ต้องเสียค่าเข้าคนละ 6$US และต้องเสียค่านำกล้องเข้าไปถ่ายอีกกล้องละ 2$US เมื่อเสียค่ากล้องแล้วก็จะได้ใบกระดาษเล็กเพื่อติดกับกล้องเพื่อแสดงว่าได้จ่ายค่ากล้องแล้ว ถ้าใครไม่จ่ายก็ได้แต่ถ้าถูกจับได้จะเสียค่าปรับ 10$US จ่ายเงินเสร็จพวกเราก็ไปที่โรงแรม Kyaitkehto Hotel ราคาห้องละ 50$US รวมภาษีเซอร์วิสชาร์ท และอาหารเช้า แล้ว เป็นห้องแบบแสตนท์ดาร์ท ในห้องไม่มีแอร์ มีแต่พัดลม อากาศเย็นดี มีน้ำอุ่นดีครับ ผมจองผ่านเอเยนซี่ในเมืองไทย เป็นโรงแรมที่ใกล้วัด และ มีห้องมากที่สุด ทัวร์จากเมืองไทยมักจะมาพักที่นี่ สภาพห้อง


เข้าห้องเก็บข้าวของ ล้างหน้าล้างตากันได้เริ่มหิวอีกแล้วพวกเราใช้ห้องอาหารของโรงแรมในการฝากท้องมื้อนี้ไม่รู้มื้อไหนน่าจะเป็นมื้อเย็น วิวจากห้องอาหารมองออกไปเห็นพระธาตุฯ


อาหารที่พวกเรากินเป็นชุดครับคือ มีข้าวราดด้วยอะไร 1อย่างแล้วมีน้ำส้มอีก 1แก้ว ราคาก็ประมาณ 3500จ๊าด เช่นจานนี้ ผัดเปรี้ยวหวานหมูราดข้าว กับน้ำส้ม 1 แก้วรสชาดอร่อยถูกปากคนไทย


กินข้าวเสร็จก็ประมาณ 6โมงเย็น ท้องฟ้าเริ่มจะมืด อากาศถูกปกคลุมไปด้วยหมอก อากาศร้อนเริ่มคลาย อากาศเย็นย่างกายเข้ามาแทนที่ บรรยากาศเหมือนอยู่ภาคเหนือของบ้านเรา บริเวณทางเข้าวัด จะต้องถอดรองเท้าไว้ที่นี่ ห้ามใส่รองเท้าเข้าวัดนะครับ ขากลับมาต้องจ่ายค่าถอดด้วยครับ


หามุมถ่ายพระธาตุอินแขวน ยากมากครับเพราะวันนี้หมอกเยอะมาก การถ่ายรูปยามค่ำคืนต้องมีขาตั้งกล้อง ผมจึงพกมาด้วย


ภาพพระธาตุอินแขวนในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยหมอกบดบัง บางครั้งมองไม่เห็นองค์พระธาตุฯ หมอกหนามากๆ แต่อากาศเย็นสบาย มุมนี้ถ่ายอยู่นานแต่ไม่ค่อยได้รูปเท่าไรเพราะหมอกบัง แต่ก็มีให้ชมบ้าง


ย้ายมุมกล้องใหม่มาถ่ายใกล้ๆ องค์พระธาตุฯ ดีขึ้นมาหน่อยเห็นองค์พระธาตุอินแขวนมากขึ้น


มาแล้วก็ต้องขอถ่ายภาพกับพระธาตุฯ ไว้เป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ้งเราได้ม๊โอกาศมากราบไหว้ แต่ถ่ายได้ไม่กี่รูปฝนเริ่มตกปอยๆ ต้องรีบหลบฝนกันใหญ่ เรามาในช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝนของพม่าพอดี หน้าฝนของพม่าก็จะตรงกับประเทศไทย ถ่ายรูปออกมาจึงไม่สวย


ประวัติของพระธาตุอินแขวน (ไจก์ทิโย) เมืองไจก์โถ่ รัฐมอญ เชื่อกันว่าพระอินทร์เสด็จลงมาจากสรวงสวรรค์ เพื่อนำเอาพระธาตุมาแขวนไว้ให้ผู้มีบุญมากราบไหว้ ใครได้มาสักการะก็เท่ากับได้ไหว้พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ และจะได้สั่งสมอานิสงส์ให้ไปเกิดร่วมยุคกับพระศรีอาริยเมตตรัย และผู้ที่มีบุญก็จะสามารถมองเป็นองค์พระธาตุลอยอยู่อย่างชัดเจน พระธาตุอินทร์แขวนตั้งอยู่บนหน้าผาสูงกว่า 1,200 เมตร สร้างตั้งไว้บนก้อนหิน สูงถึง 5.5 เมตร เส้นรอบวงของก้อนหินราว 17 เมตร มองดูคล้ายก้อนหินตั้งอยู่หมิ่นเหม่ใกล้จะตกลงมาเต็มที เป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์สุงสุดของพม่า ชาวพม่าเชื่อว่าในหนึ่งชีวิตต้องมากราบไหว้พระธาตุอินแขวน 3 ครั้ง แต่ชาวไทยอย่างเราไหว้กัน 3 เวลาก็พอ คือตอนเย็น ตอนค่ำ ตอนเช้า ก็คือมาครั้งเดียวไหว้ 3 เวลา ถือว่ามาไหว้ 3 ครั้งเหมือนกัน

พวกเราหลบฝนเข้ามาอยู่บริเวณที่สำหรับสวดมนต์ เป็นห้องกระจก ข้างในมีผู้คนมานั่งสวดมนต์มากมาย พวกเราก็ได้กราบไหว้และสวดมนต์เช่นกัน สำหรับตัวผมเองก็ได้กราบไหว้ 2 ครั้ง พรุ่งนี้ตอนเช้าๆ พวกเราจะมากราบไหว้กันอีกครั้ง


นั่งกันได้สักพักฝนก็หยุดตก พวกเราก็ได้เดินกลับโรงแรม พักผ่อนเอาแรงพรุ่งนี้ตี5 ค่อยออกมาสูดอากาศเช้า พร้อมกับไหว้พระธาตุฯ ใส่บาตรกัน



วันที่ 16 สิงหาคม 2553 เป็นวันที่ 2 ของการเดินทาง เวลาตี5 ฟ้าก็ยังไม่สว่าง หมอกปกคลุมไปทั่ว อากาศเย็นๆ คิดว่าน่าประมาณ 20องศา พวกเราก็ตื่นทำภารกิจส่วนตัว เมื่อคืนนอนหลับดีอากาศเย็นโดยไม่ต้องเปิดแอร์ เพราะไม่มีแอร์ให้เปิด เมื่อทุกคนพร้อมพวกเราก็ออกเดินสู่พระธาตุฯ พวกเราเป็นกลุ่มแรกที่เดินมาถึงวัด สังเกตุจากไม่มีรองเท้าวางอยู่สักคู่ มาถึงบริเวณพระธาตุอินแขวน จะพบกับชาวบ้านนำของสำหรับกราบไหว้พระธาตุมาเสนอขายเป็นชุดๆ ใส่ถาดมา มี ข้าวสวย ขนม ผลไม้ กับข้าว น้ำใส่แก้ว พร้อมด้วยดอกไม้ 1 ชุดราคา 3000จ๊าด พวกเราก็ได้ซื้อกันทุกคนเพื่อมากราบไหว้ขอพรจากองค์พระธาตุอินแขวน


พวกเราผู้ชายทุกคนจะนำของไหว้มาวางไว้ในบริเวณใกล้ๆ กับองค์พระธาตุฯ แต่สำหรับผู้หญิงให้วางไว้ด้านนอก เพราะบริเวณใกล้ๆ กับพระธาตุห้ามผู้หญิงเข้า เป็นความมหัศจรรย์มากๆ ก้อนหินวางอยู่โดยไม่หล่นแต่อย่างใด ไม่ได้มีการติดยึดด้วยอะไรทั้งสิ้นเพราะมีการพิสูจน์มาแล้วโดยสามารถโยกหินได้แต่ไม่หล่น


มากราบไหว้พระธาตุฯ ด้วยใจที่อยากจะมามาก มาขอพรให้กับตัวเองและคนที่เคารพ ต้องขอถ่ายรูปกับพระธาตุอินแขวน


เดินถ่ายรูปกันทุกซอกทุกมุมของพระธาตุฯ อากาศยามเช้าดีมากมีหมอกตลอด แสงแดดไม่สามารถเล็ดลอดหมอกได้ ในส่วนด้านในนี้ห้ามสุภาพสตรีเข้านะครับ


พวกเราทั้ง 8 คนในทริปนี้ ก็ได้มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ว่าครั้งหนึ่งพวกเราเคยมาทำบุญ กราบไหว้ พระธาตุอินแขวน ร่วมกัน


วันที่พวกเราไปพระธาตุฯ ก็มีกรุ๊ปทัวร์จากเมืองไทยมาเที่ยวเหมือนกัน มีประมาณ 40คน พักที่โรงแรมเดียวกันกับพวกเรา ช่วงเช้ากรุ๊ปทัวร์ก็ได้ขึ้นมากราบไหว้องค์พระธาตุฯ เช่นกัน ใส่เสื้อกันฝนมาพร้อม สีสรรของเสื้อสวยงาม ส่วนหนึ่งของนักท่องเที่ยวไทยที่มาพร้อมๆ กับพวกเราในเช้านี้


ส่วนคนนี้ก็ได้สวดมนต์เช่นเคย สวดโดยอ่านจากไอพอดลงโปรแกรมสำหรับสวดมนต์


ปฎิบัติภารกิจต่างๆ เสร็จแล้วพวกเราก็ได้กลับออกจากวัด เตรียมตัวเก็บข้าวของต่างๆ เช็คเฮาร์และกลับลงสู่ด้านล่าง เพื่อมุ่งหน้ากลับเมืองย่างกุ้ง




ตอนนี้ขอจบไว้แค่นี้ก่อนนะครับ แต่ยังไม่จบจากการรีวิวเรื่องราวการเดินทางลงจากพระธาตุอินแขวน ติดตามต่อตอนหน้านะครับ


Create Date : 23 สิงหาคม 2553
Last Update : 1 ธันวาคม 2553 13:34:22 น. 11 comments
Counter : 6019 Pageviews.

 
ดีใจจังเลยค่ะ มีรีวิวทริบพม่าด้วย เพราะติดตามบล็อคคุณพี่มาตั้งแต่ทริบเนปาล
เพราะจะไปเนปาลกันเองตอนเดือนตุลา
และเดือนหน้าก็มีไปเที่ยวย่างกุ้ง สามวันเหมือนกันค่ะ
หาข้อมูลอยู่พอดีเลย ยังไม่ได้จัดอะไรเลยค่ะ
ไม่อยากไปกับทัวร์ กำลังหารถตู้เช่าอยู่ ไปกัน แปด คนเหมือนกันค่ะ

ชอบบล็อคคุณพี่มากๆเลย รูปสวยเลิศ ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างละเอียดด้วย
รออ่านตอนหน้าอยู่นะคะ
เดี๋ยวคงมีรบกวนถามข้อมูลบ้างนะคะ ทั้งของย่างกุ้งและเนปาล
ขอบคุณมากค่ะ


โดย: พู (Lady Formosa ) วันที่: 26 สิงหาคม 2553 เวลา:23:23:26 น.  

 
รีวิวสุดยอดเลยครับพี่เต่า

ระเอียดยิบยังกะได้ไปเองแน่ะครับ ^^
ภาพพระธาตุอินทร์แขวนก็สวย

... ถามนิดนึงครับ พี่ใช้ขาตั้งของอะไรหรอครับ เห็นเป็นคาร์บอนสะด้วย อิอิ... (มองเหมือนขาMan แต่ไม่แน่ใจ = =')

ขอบคุณครับ :)


โดย: ตี๋ IC_TEAM IP: 202.149.29.81 วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:9:45:25 น.  

 
พู;

ขอบคุณมากครับที่เป็นแฟนประจำบล๊อกของเรา
ไปเที่ยวทั้ง 2 แห่งแล้วกลับมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ
เรื่องของพม่า ก็เที่ยวไม่ยาก แต่บางครั้งจะสื่อสารกับคนพม่ายากมากกก เพราะเค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ผมจึงใช้ภาษากายเป็นหลัก แม้แต่คนขับรถตู้ที่ผมเช่า ก็พูดแทบไม่ได้เลย แต่ก็จบลงด้วยดีไม่มีปัญหาอะไร
สงสัยประการใด หรือมีอะไรจะให้ช่วยบอกได้นะครับ จะรีบทะรีวิวทริปพม่าให้เสร็จเร็วๆ ครับ
ขอบคุณอีกครั้งกับทุกคำชม

ตี๋;
ขอบคุณครับตี๋ อยากรีวิวไว้ให้คนที่อยากไปเที่ยวได้เอาข้อมูลไปใช้ และสำหรับคนที่ยังไม่มีโอกาสไปได้อ่านแล้วรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยว เป็นความสุขทางใจ

ขาตั้งกล้องพี่เป็น Manfrotto รุ่น 190cx PRO4 เป็นชนิดคาร์บอน และเป็น 4ท่อนมันจะสั้น เพื่อให้สามารถยัดใส่กระเป๋าเดินทางได้และน้ำหนักเบาเวลาเราเดินทางจะได้ไม่หนักเพราะคนแบกขาไม่ใช่พี่ 55555 เมื่อก่อนใช้หนักมากๆ คนแบกแขนใหญ่แล้วตอนนี้ ทนแบกไม่ไหวพี่เลยต้องซื้อใหม่ ส่วนหัวยี่ห้อเดียวกันรุ่น 488c2 ทั้งคู่ใช้งานดีมาก แต่ราคาเอาเรื่อง
ขอบคุณมากที่แวะมาชมบล๊อก


โดย: taotao_s วันที่: 28 สิงหาคม 2553 เวลา:9:21:36 น.  

 
พี่เต่าคะ ถามหน่อยค่ะ ไปพม่าก็ปลอดภัยดีใช่ไหมคะ
คือไม่เคยไปมาก่อน
อาหารการกินเป็นยังไงบ้างคะ แบบว่าพวกอาหารท้องถิ่นอะไรงี้อ่ะค่ะ
Happy weekend ka!!


โดย: Lady Formosa วันที่: 28 สิงหาคม 2553 เวลา:14:16:12 น.  

 
สวัสดีลุงเต่า

ขอบคุณสำหรับภาพและเรื่องนะครับ ตามชม อับเดทประจำ

ครบ หนึ่ง ปีแล้วที่ผมไม่ได้เดินทางไปไหน อาศัยดูบล็อกลุงเต่านี่แหละไปเที่ยวเอา

ก็เดือน กันยา ตารางประชุมเยอะ แต่จะไปอบรมที่ฮานอย สาม-สี่วัน

ปลายเดือน

ก็หนักเหมือนกันมีพรีเซนต์ด้วย เหอ เหอ

แล้วจะหาภาพมาให้ชมนะครับ



โดย: ลุงบอย IP: 183.89.210.37 วันที่: 28 สิงหาคม 2553 เวลา:21:58:36 น.  

 
Lady Formosa;

เมื่อก่อนผมมีความรู้สึกว่าคนพม่าน่ากลัว แต่จากการที่ได้ฟังเพื่อนๆ เล่าว่าพม่าปลอดภัยกว่าบางประเทศประกอบกับได้ไปเที่ยวมาแล้ว บอกได้ว่าพม่าปลอดภัยมากๆ ผู้คนเป็นมิตรมากๆ เดินไปไหนก็ยิ้มแย้มดี คนพม่าที่พูดไทยได้มีเยอะ ไม่ค้องกลัวครับ ส่วนเรื่องคดโกง ปล้น นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยได้ข่าว อาจจะเป็นเพราะกฏหมายเค้าแรง
ส่วนเรื่องอาหารเท่าที่ลองกินอาหารพม่า รสชาด หน้าตาจะเป็นอาหารผสมระหว่างไทยกับแถบอินเดีย หน้าตาไม่น่ากิน แต่ลองกินแล้วอร่อยครับ แต่ก็แล้วแต่บางคนครับในกลุ่มผมบางส่วนกินกันได้อย่างเอร็ดอร่อย บางส่วนก็ไม่คุ้น ส่วนผมแค่พอกินได้ครับ แนะนำไปถึงแล้วก็ต้องลองครับเพื่อเป็นความรู้ และบางร้านเราสามารถสั่งเป็นอาหารไทยได้ เช่น ไก่ทอด ไข่เจียว หมูทอด


ลุงบอย;
ขอบคุณลุงบอยมากๆ แฟนประจำบล็อกอีกคน เวลาผมไปเที่ยวที่ไหนมาก็อยากจะรีวิวไว้เป็นข้อมูลสำหรับคนที่อยากจะไปเที่ยวเอง และให้เหมือนรู้สึกว่าผู้อ่านได้ไปเที่ยวเอง ลุงบอยว่างๆ ก็อย่าลืมพาครอบครัวไปเที่ยวนะครับ น้องเมล์คงโตน่าดูแล้ว ไปเที่ยวที่ไหนอย่าลีมลงรูปให้ดูด้วนนะครับ


โดย: taotao_s วันที่: 29 สิงหาคม 2553 เวลา:9:13:30 น.  

 
เรื่องราวน่าสนใจ ภาพสวย นางแบบสวยค๊า...อิ..อิ..


โดย: ปอนด์ IP: 27.130.92.135 วันที่: 29 สิงหาคม 2553 เวลา:14:26:47 น.  

 
ตามมาอ่านครับ

ยังเครียดๆ เรื่องไปฮานอย ต้องอ่านหนังสือหลายชิ้น

ไม่มีอะไรชิลล์ๆ เลยครับ อ่านบล็อคลุงเต่าดีกว่า

ฝากบล็อคด้วยนะครับ

//englishsong.nitaan.com

จะขยันอับเดททุกวัน ถ้าทำได้ บายครับ


โดย: ลุงบอย IP: 183.89.138.1 วันที่: 30 สิงหาคม 2553 เวลา:22:01:30 น.  

 
ปอนด์;

สวยทุกคนครับ เรื่องราวก็เล่าตามความเป็นจริง และ ความรู้สึกส่วนตัวที่ได้สัมผัสมา ครับ

ลุงบอย;

อย่าไปเครียดมากนะครับระวังผมจะงอกหมดหัว เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนนะครับ
จะเข้าไปชมบ่อยๆ ครับ

ขอบคุณครับ


โดย: taotao_s วันที่: 31 สิงหาคม 2553 เวลา:21:57:22 น.  

 
รูปสวยมากค่ะ อยากไปร่วมทริปด้วยจังเลยค่ะ(อยากเป็นนางแบบ 555)


โดย: nokparichad วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:1:27:22 น.  

 
สวยมากครับ
ถ้าจะเดินทางอีกให้เราบริการนะครับ
หรือหากจะเดินทางไปที่อื่น เช่น อินเดีย เนปาล ภูฏาน ทิเบต พม่า
ไทย ลาว ศรีลังกา ก็ติดต่อเราได้นะครับ //www.chulamani.com
ติดต่อได้ที่ โทร.087-7918162 คุณตัวน้อย


โดย: จุฬามณีทราเวล IP: 182.53.55.54 วันที่: 30 มีนาคม 2555 เวลา:13:14:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.