Group Blog
 
All blogs
 

ครูคนแรก....กับการมาโรงเรียนครั้งแรก ในชีวิตของผม......

มันก็เป็นเพียงแค่ความฝันในวัยเด็กล่ะนะครับ ที่อยากจะโตขึ้นมาแล้วเป็นครูสอนหนังสือ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมเองก็เติบโตขึ้นมาอยู่ในแวดวงของครู ๆ ไม่ว่าจะ แม่เป็นครู ป้าเป็นครู น้าเป็นครู ลุงเป็นครู ซึ่งบุคคลรอบ ๆ กาย ของผมส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นครูกันเป็นส่วนมาก....


.......ยิ่งประกอบไปกับการไปโรงเรียนครั้งแรกของผมแล้ว ก็ยิ่งประทับใจกับครูคนแรกในชีวิตด้วยแล้วก็ยิ่งอยากเป็นจะครูเข้าไปใหญ่เลย..


......ครูคนแรกในชีวิตของผมนะหรือครับ.....เธอชื่อครูกาญจนาใหญ่ครับ เป็นครูประจำชั้นห้องอนุบาล 1 ฉ.ฉิ่ง ครับ.....จริง ๆ แล้วครูประจำชั้นของผมมีชื่อจริง ๆ ว่า ครูกาญจนา นามสกุลไรหว๋า จำได้คลับคล้ายคลับคลา เอ ใช่ วีรวงศ์ หรือเปล่าน้า อะไรวงศ์ ๆ นี่แหละครับ.....แต่เผอิญว่าชื่อนี้อาจจะเป็นชื่อที่โหล ๆ เล็กน้อย ถึงปานกลาง ....ก็เลยมีครูกาญจนาเล็กด้วย อยู่ห้อง อนุบาล 1 ช.ช้าง ห้องติดกันเลย แล้วก็มีครูกาญจนากลาง...อยู่ห้อง อนุบาล 1 ค.ควาย (หวาย ๆ ชื่อห้องอนุบาลห้องนี้...ไม่น่าพิสมัยเท่าไรเลย ใช่ไหมครับนี่ ดีนะที่ไม่ได้อยู่ อนุบาล 1 ค.ควาย ถึงแม้นว่า หน้าตาของผมจะกระเดียด ๆ ออกไปเหมือน ค.ควายก็ตาม 5555 แต่คนมันมีบุญ ง่ะนะ ขอบอก...เลยได้อยู่ห้อง ฉ.ฉิ่ง ตีดัง ปั๊บ ๆ ป๊าบ...เอ้ย ฉิ๊ง ฉับ สิ ไปไหนแล้วตู 55555)


......แต่ ถ้าดูจากการตั้งชื่อแล้ว คาดว่าครูกาญจนาใหญ่ ครูกาญจนากลาง และครูกาญจนาเล็กแล้ว ....ท่าทาง จะไม่ได้แยกแยะชื่อจากการดูที่รูปร่างชัวร์ ๆ เพราะ คนที่ตัวเล็กที่สุด คือครูกาญจนใหญ่ อารมณ์ประมาณไม้เสียบมะยมเชื่อม คือจะบาง ๆ เล็ก ๆ อ่อน ๆ คือพูดง่าย ๆ ก็คือเล็กกว่าไม้เสียบลูกชิ้นเยอะนั่นเอง...พูดง่าย ๆ ว่าคือ แก ผอมง่ะ....ส่วนครูกาญจนาเล็กหุ่น แบบว่า น้องอร สู้ โว้ย...ไงงั้นเลยครับ... บึกบึน..มาดแมน...ดูได้อารมณ์ละม้ายคล้าย...น้องแทมมารีน น้องมะขามข้อเดียว นักเทนนิสสุดเก่ง และสุดฉลาดในใจของผมเลยทีเดียวเลยล่ะ...ส่วนครูกาญจนากลางหุ่นเป็นเสาโทรเลขเลยเชียวละครับ (เชยไหมเนี่ยะ เขาเลิกใช้กันแล้วโทรเลข จะอธิบายยังไงให้เข้าใจดีละ อ่ะ เอ่อ ๆ เคยเห็นป้ายพระเยซูมาช่วยล้างบาปอะไรเทือกนี้ป่าว ที่ติดอยู่ตามต้นไม้สูง ๆ ง่ะ น่านเลย ได้อารมณ์ประมาณนั้นเลย ขึ้นไปติดได้ไงฟร่ะ สูงฉิบ) คือว่าประมาณว่าแกสูงง่ะดิ ....ดังนั้นผลการสังเกตของพวกผมเลยประเมินมาว่า มันไม่ได้มาจากการพิจารณาจากรูปร่างสัณฐานชัวร์ ๆ...แต่ที่คาดว่าเป็น การจำแนกจากความอาวุโสของท่าน ๆ แต่ละคน นั่นเอง ....คือ ดูจากเนื้อหน้าแล้วน่าจะเรียงตามอายุง่ะ ลอกนึกภาพเองนะครับ หรือจะมานับตีนกาก็คงจะไม่ไหวง่ะ......มันมากเอาการอยู่นะครับ....ทำไมผมเกริ่นมายาวเกินไปเหรอ ว้า ๆ ๆ ๆ แย่จัง
.....พอมาเรียนกับครูกาญจนใหญ่แล้ว แกก็ชอบร้องเพลงด้วยนะ เวลาแกเขียนชอล์กบนกระดานจนเต็มแล้ว พอจะได้เวลาลบกระดานทุกครั้ง แกก็จะต้อง...ให้ทุกคนช่วยกันร้องเพลง..ก่อนว่า.."..ลา ๆ ก่อน......จำ จร จะต้อง ขอ ลา......บรา บรา บรา......."...อะไรต่อ เนี่ย ว้าจำไม่ได้แล้ว เรื่องมัน เลือนลาง ๆ เกือบจะ 30 ปีแล้วนี่นะ อิอิ......จำได้เท่านี้..ก็สมองดีมากมายแล้วก่ายกองเกินคนแล้วนะครับ...ดีนะเนี่ยะที่ชอบกินปลาทะเล...เลยมีโอเมกาทรี เพียบ.......จำได้ว่าทุกครั้งก่อนที่แกจะลบกระดาน โดยมือแกจับแปรงเมื่อไร พวกเราจะเหมือนหุ่นยนต์ที่ โดนกดปุ่มโดยอัตโนมัติ ....เมื่อแกจับแปรงลบกระดานปุ๊บ... เพลง "ลา ๆ ก่อน จำจร จะต้องขอลา..บรา บรา บรา...." ก็จะดังขึ้นโดนเสียงหนูน้อยภายในห้องอนุบาล 1 ฉ.ฉิ่ง นั่นเอง......... เวง..กำ......มีอยู่หนหนึ่ง กระดานยังไม่เต็ม แต่มีครูจากห้องข้าง ๆ มายืมแปรงลบกระดาน....พอแกจับ แปรงลบกระดาน..ปู๊บ....พวกเราก็ ...."ลา ๆ ก่อน จำจร จะต้องขอ ลา บรา บรา บรา...."...ขึ้นมาทันที.......อ้าว ไม่ได้ลบกระดานนี่หว่า....พวกเราก็ เลย ทำท่า ต๊กกะใจ สรุปว่า วัน ๆ หนึ่ง ไม่เป็นอันเรียน เพราะ มัวแต่เฝ้าจับจ้องว่า...เมื่อไร ครูกาญจนาใหญ่ของผมแกจะจับแปรงลบกระดาน..สักที..พวกเราจะได้....."ลา ๆ ก่อน...บรา บรา บรา "...กิ๊ก ๆ ..เริ่มมีเค้า ๆ ความบ้าแต่เด็ก....
.....ส่วนที่เรื่องอื่น ๆ เท่าที่จะจำได้คร่าว ๆ ว่า ก่อนที่จะมาโรงเรียนครั้งแรก นั้น ...ผมออกจะตื่นเต้น ค่อด ๆ .....บ้าเห่อ มาก ๆ เพราะจะต้อง ลุกขึ้นมา แต่งตัวด้วยชุดนักเรียน มันทุ๊กวัน ทุกวัน...ไหนจะ เอาโต๊ะ  ก.ไก่  ข.ไข่ ที่เป็นโต๊ะพับ ๆ ตัวเล็ก ๆ ออกมากาง หน้าบ้าน......เอาเก้าอี้มานั่ง....เอาหนังส่งหนังสือมากอง ๆ ไว้บนโต๊ะ....เอาสมุด ดินสอมาเขียน...ลงบนสมุดที่โต๊ะ..ทั้งที่แมร่งก็เขียนอะไรไม่เป็น....แต่ก็สามารถเขียนได้...แบบเป็นบ้าเป็นหลัง...กระเป๋านักเรียนที่ซื้อมาใหม่ จัดแล้ว จัดอีกอยู่นั่นแหละ แล้วก็ร้องร่ำ ๆ กับยายว่า จะไปโรงเรียน จะไปโรงเรียน..จาไป โรงเรี๊ยน.น..น...


....แต่พอครั้น ถึงจะเป็นวันที่จะได้...ไปโรงเรียนครั้งแรก..จริง ๆ ....ขาผมมันกลับ ก้าวไม่ออก..แต่ปากเริ่มอ้า น้ำตาเริ่มหยด แหมะ ๆ จ๊าก..ๆ เจี๊ยก ๆ ...ดูมันกลับไม่บ้าเห่ออย่างที่คิดเลยครับ.....ร้องไห้ จ๊าก..ก.ก... ตั้งแต่บ้าน จนขึ้นรถยนต์ของพ่อ... จนไปถึงโรงเรียน ก็ยังร้องไม่หยุด ...ร้องแมร่งตั้งแต่ หน้าโรงเรียนเข้าไป จนผ่านหน้าโรงเรียนเข้าไปหน้าเสาธง ร้องไห้ต่อไป จนไปถึงหน้าห้องอนุบาล 1 ฉ.ฉิ่ง (ซึ่งคาดว่าน่าจะประมาณ 400 เมตร จากหน้าประตูโรงเรียนได้..แสดงว่าพ่อผมก็อย่างหนาเลยนะนี่ (หน้านะครับที่ว่าหนาอ่ะ ไม่ใช่กะโหลกพ่อผมนะ อย่าเข้าใจผิด เพราะผมคงจะไม่ร้องอย่างเดียว แน่ ๆ ต้องมี แข้งขา แกว่งไกว ชัก ๆ ๆ ๆ เหมือนคนบ้า ยังไงยังงั้นเลยง่ะครับ นี่ ท่านคงจะเอือมผมเอาการอยู่เช่นกัน อิอิ)...ก็ยังไม่หยุดร้อง.....แสดงว่าวันนั้นผมต้องไป..โรงเรียนสายแล้วแน่ ๆ  เพราะตอนนั้นไม่เห็นได้เข้าแถวหน้าห้องเลย พอไปถึงก็เข้าไปร้องไห้ที่ห้องอนุบาล 1 ฉ.ฉิ่ง จนเพื่อนที่อยู่เต็มห้อง ก็เริ่มร้องไห้ตาม ๆ กันไปกันใหญ่...ส่วนผม ก็ยังไม่เลิกร้องไห้ ยังส่งเสียง จ๊าก ๆ ๆ อยู่เลย....จนครูกาญจนาใหญ่ ให้พ่อเดินกลับไปทางด้านหลังโรงเรียน...เราก้ยังร้องไห้ ร้องเรียก พ่อ ๆ ๆ จนลับตา เราก็ยิ่งทวีคูณ เสียงร้องไห้ ให้แหกปากดังไปกว่าเดิมอีก จน ครูกาญจนาใหญ่ ได้เดิมมาบอกกับผมว่า ...ไม่ต้องร้องไห้หรอกเพราะว่า พ่อหนู เขาไปตลาดไปหาซื้อขนมมาให้หนูกินไง....อ่าว รู้สึกคำว่า "ขนม" ที่ครูบอกเนี่ย มันกลายเป็น คำต้นเหตุ ที่ทำให้เราหยุดร้องไห้ได้...อย่างทันทีทันใด....ไม่รู้ว่าเพราะเราเหนื่อย หรือว่าเพราะเราเห็นแก่กิน กันแน่ ..555...(แต่ผมว่าเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า ตลกบริโภค แต่เด็กเลยว่างั้น)... พอเริ่มหยุดร้องไห้ได้...ก็มานั่งอยู่ในห้องมีเพื่อนมากมาย ซึ่งบางคนก็เพิ่งจะหยุดร้องไห้ พร้อม ๆ กับผม อิอิ แต่มีเด็กผู้หญิงตัวดำ ๆ คนหนึ่ง มานั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วก็มาคุย มาปลอบเราด้วย ว่า.....โอ๋ ๆ หยุดร้องไห้นะ ๆ ........เธอคือเพื่อนคนแรกในโรงเรียนของผม เธอชื่อ อ้อม.... ในขณะที่อยู่ในห้องผมก็ยังกระวนกระวายใจ อย่างมาก...เพราะจะต้องออกไปชะเง้อหน้าห้องแล้ว ก็มองไปทางหลังโรงเรียน ว่าทำไม พ่อ เราไปซื้อขนมที่ตลาดนานจัง....(ห่วง ขนม เห็น ๆ )...ทำไมยังไม่มาสักทีนะ....จนมาถึงช่วงพักสาย ๆ ก็จะมีนมสดที่ตักใส่แก้วน้ำพลาสติกมาให้พร้อมดื่มที่หน้าห้อง....ตรงแถว ๆ ห้องจะอยู่ตรงสระน้ำเล็ก ๆ ตรงกลางมีเก๋งจีน แล้วก็มีรูปปั้น จระเข้ตัวหนึ่ง กะลังนอนอ้าปากน่ากลัวมาก ๆ ...ในสระจะมีปลาคราฟว่ายน้ำอยู่หลายตัว...(ซึ่งคาดว่าแต่ก่อนมันน่าจะมีเยอะมากกว่านี้ แต่เผอิญ มันโดนจระเข้ตัวนั้นกินไปเวลาที่มันหิว แต่นี่มันอิ่มมันก็เลยยังไม่กิน..ซึ่งอีกไม่นานปลาคราฟเหล่านี้..มันก็คงหมดบ่อไปในที่สุด...เฮ้อ..เด็ก...).....นี่แหละคือช่วงเวลาที่ผมชอบที่สุด เพราะจะได้ดื่มนมสด หวาน ๆ มัน ๆ ทุกวันมันอร่อยอย่างบอกไม่ถูก....เพราะผมดื่มแก้วเดียวแล้ว ก็ยังไม่พออยากดื่มอีก...ทุกที ..แต่ก็จะมีหนูอ้อม สาวน้อยตัวดำ ...เป็นเพื่อนที่น่ารัก...เอาแก้วนมมาเท นมสด...มาให้ผมทุ๊กวัน .....ไม่รู้ว่ามีน้ำใจ หรือว่าเธอไม่อยากกินกันแน่ 5555..(ทุกวันนี้ผมยังคลางแคลงใจอยู่ข้างในลึก ๆ เล็กน้อยถึงปานกลาง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง...เฮ้ย..นอกเรื่อง..) ...แต่ผมก็ชอบเธอก็ที่ตรงนี้แหละ กิ๊ก ๆ ๆ ๆ .....ส่วน...ช่วง....กลางวัน ครูกาญจนาใหญ่ ก็จะให้พวกเรามาเข้าแถวหน้าห้องเรียน แล้ว ก็ต่อ ๆ กันเป็น ขบวนรถไฟ จับเอวบ้าง จับไหล่บ้าง ต่อ ๆ กันไปเรื่อย ๆ แล้วก็.แหกปาก ร้อง ปู้น ๆ ๆ ๆ กันเป็นแถวเรียงหนึ่งไปที่โรงอาหาร....แหม ชอบ จริง ๆ ได้เป็นรถไฟ 555....แต่อาหารมื้อกลางวันจะเป็นอะไรที่ผม เบื่อหน่ายที่สุด กระเดือกไม่ค่อยจะลง..เพราะมันอร่อยม๊าก ถึงมากที่สุด (น่าจะเดาสำนวนถูกนะครับ)...และที่สำคัญต้องฝืนกระเดือกให้หมดถาดหลุมด้วย แหวะ ๆ ...(ใครว่าผมเห็นแก่กิน ไม่ใช่สักกะหน่อย แค่เลือกกินเท่านั้นเอง ไม่ใช่กินไม่เลือกนะจ๊ะ โปรดเข้าใจเอาไว้ด้วยนะ).....หลังจากนั้นก็เป็นรถไฟอ้วน ๆ ปู้น ๆ กลับมาห้องโดยมีการเปลี่ยนกางเกงนอน เสื้อนอน ด้วยเขาจะให้นอนกลางวัน ชะอุ๊ย แล้วใครจะไปนอนหลับกันละ เดี๋ยวโดนลักหลับ ก็เลยมีหลับจริงบ้าง หลับหลอกบ้าง เป็นธรรมดา แต่ที่สำคัญที่สุด....ท่าทางครูกาญจนาใหญ่ผมจะชอบช่วงเวลานี้มากที่สุด เพราะแกก็จะนอนกับ เด้ก ๆ ด้วยอย่างมีความสุข หรือดีไม่ดี แก ก็จะหลับก่อนเด็กด้วยทุกครั้งไป ฮา........แต่ที่สำคัญที่สุด ตื่นมาก็ต้องมาล้างหน้าปะแป้งยี่ห้อ อะไรน้า ที่เป็นกระบอกใหญ่ ๆ เปลือกสีน้ำเงินม่วง ๆ  พยายามให้แม่หาซื้อมาให้ แต่หามาแต่ละครั้งมันก้ไม่ใช่อย่างนี้ ก็หนูจะยี่ห้ออย่างนี้อ่ะ..ซึ่งแม่ซื้อมากี่ทีต่อกี่ทีก็ไม่ช่าย เพราะบอกแม่ไม่ถูก 55555...สิ่งที่หวาดกลัวที่สุด..ในแต่ละวันคือ..ห้องน้ำเวลาปวดฉี่ทีไร เป็นอะไรที่น่ากลัวที่สุด...เพราะเป็นห้องน้ำแยกเพศ..ชาย...หญิง....ซึ่งผมก็ต้องไปยืนฉี่รวมก ๆ กัน 5 - 6 คน เพราะเขาจะไม่แยกคนไว้ให้ ..แล้วก็จะไปแอบเห็น เจ้าจูดี้ของเพื่อน ๆ ผู้ชาย แต่ละคน ก็เหมือนหนอนน้อย ยกเว้น ของเจ้าวี....จูดี้มันน่าขนลุกมาก..คือมันจะไม่มีหนังหุ้มปลายเหมือนของผมละของคนอื่น ๆ เพราะมันจะเป็นรูปหัวโล้น ๆ มีรูด้วย น่ากลัวยิ่งนัก (คาดว่าน่าจะโดนขลิบมาแต่เด็ก เลยแปลกกว่าของชาวบ้าน ร้านตลาดอ่ะครับ อิอิ ในสมัยนั้นอ่ะ)....ดังนั้นใครมาชวนเข้าไปฉี่จะไปด้วยหมด นอกเจ้าเจ้าวี ที่มันมาชวนเมื่อไร ก็เริ่มขนลุกเมื่อนั้น อึ๋ย ๆ ๆ ๆ แล้วก็วิ่ง ป่าราบ....ก็ของมันออกจะน่ากลัวขนาดนั้น...นี่หว่า .....ปรื๊อ...ผีจูดี้ หัวโล้น...จ๊าก...ก..ก


...หลังจากปะแป้ง...แล้วก็จะมีขนมหวานให้ทานด้วยบางทีก็เป็นถั่วเขียว มันต้มน้ำตาล หรือไม่ก็เป็นสาคูเปียก...นี่แหละของชอบ...แล้ว..สักพัก ป่ะป๊า ก็จะมารับ...(เฉพาะวันแรกเท่านั้น นอกนั้นให้นั่งกลับด้วยรถโรงเรียน)...แล้วผมก็คิดว่าทำไมวันนี้..มันช่างเร็วจัง......และที่สำคัญที่สุด ขนมอยู่ไหน อ่ะ พ่อ...เอามาเดี๋ยวนี้นะ..ซึ่งพ่อผมก็..งง..ขนมอะไร ...อ้าว ๆ ..แสดงครูกาญจนาใหญ่ มั่วสิเนี่ยะ 5555... ไม่ยอมคุยกันให้ดีก่อน 55555...


....ส่วนวันอื่น ๆ ที่บ้าน จะให้ผมนั่งรถโรงเรียนกลับ แต่ตอนเช้าที่บ้านจะมาส่ง....เพราะผมตื่นไม่ทัน หรือคนที่บ้านตื่นไม่ทันก็ไม่รู้ ไม่อยากจะเดา 55555.....และที่สำคัญที่สุดบ้านผมกับบ้านน้องอ้อมอยู่ใกล้กันด้วย...ห่างกันแค่ 1 ซอย....ดังนั้น ผมก็เลยได้นั่งรถโรงเรียนกลับกับเธอและนั่งกับเธอทุกวัน...และที่สำคัญที่สุดได้นั่งข้างหน้ารถด้วย..ซึ่งข้างหน้ารถจะมี ช่องที่อยู่ด้านล่างเป็นใบพัด เปิดๆ ปิดให้ลมเข้าทางด้านหน้า..ซึ่งเราชอบเปิดประตูบานพัดเล็ก ๆ ข้างใต้หน้ารถเล่น คิกขุ ๆ กัน 2 คนทุกวันเลย 555555  นี่คือเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวัยเด็กของผมเองกับครูคนแรก และโรงเรียนแรกในชีวิตของผมครับ เป็นไงครับอ่านแล้วคิดถึงตัวเองกันบ้างไหม เวลามันช่างมีค่ามากมายจริง ๆ เลยนะครับ ถึงแม้มันจะผ่านมานานหลาย ๆ ปีแล้วก็ตาม แต่ความประทับใจเหล่านี้มันก็ยังวนเวียน วนเวียน อยู่ ข้าง ๆ กกหูเรานี่เองจริงไหมล่ะ ครับ อิอิ






Free TextEditor




 

Create Date : 24 กันยายน 2551    
Last Update : 25 กันยายน 2551 8:44:29 น.
Counter : 873 Pageviews.  

วันนี้..ชีพจร..ลงเท้า อ่ะนะ..

วันนี้..คาดว่าชีพจรจะลงเท้าแน่นอน ...เพราะเดี๋ยว..ก็ต้องเป็นสารถี...ขับเจ้าหนูนา ไปตัวจัวหวัดเพื่อเป็นเซ็นค้ำประกันเงินกู้ให้เพื่อนครูที่ทำงาน...แล้วก็พาเพื่อนครูอีกคน..ไปหา หะหม๋อ..เพราะท่าทางเมือคืน จะแอบดูแฟนตัวเองอาบน้ำแหง ๆ เลย อิอิ ...ลูกกะตาเลยอักเส๊บ...กระทันหัน...น่าฉ๋งฉ๋าน....


....นี่ก็นัดกันไว้ว่าจะไป 9 โมง เก้านาที เอ้ย..บ้าฤกษ์เกินไปมั้ง แหม ๆ ล้อเล่น..นัดกันไว้เก้าโมง...แต่ยังไม่ได้...ฤกษ์...ออกจากที่ทำงานเสียที...สงกะสัย ต้องไปหาหมอรักษาโรคไส้เลื่อน...ซะก่อนล่ะม้างตรู...นี่ก็รอ ร๊อ รอ ว่าเมื่อไร จะได้ขับเจ้าหนูนา..อกไปเสียที...เค้าจะลงแดงอยู่แล้วนะต๊ะเอง....ส่วนตอนเย็นก็คาดว่า จะพาคุณยายที่น่ารักไปหาหมอที่โพธารามเช่นกัน เห็นว่ายาหมดแล้ว ...วันนี้คงขับรถกันมันส์พะย่ะคะ.....ว่าแต่ว่า เราจะออกจากที่ทำงานกันได้ยังอ่ะนี่....เฮ้อ..รอนาน ๆ ชักเซ็งจิต...มาเม้าส์ในบล็อก..แก้กลุเนก่อนก็แล้วกัน นิ๊..อิอิ....








Free TextEditor




 

Create Date : 18 กันยายน 2551    
Last Update : 18 กันยายน 2551 9:38:55 น.
Counter : 384 Pageviews.  

เรื่องของเมื่อวานจ้า...คุมสอบวันสุดท้าย อิอิ

เมื่อคืนนอนหลับฝันดีมากมาย …ฝันถึงคนรักเก่า ด้วยนะเออ ไม่รู้ว่า
แมร่งมันมาเข้าฝันเราได้อย่างไร อิอิ..แถมยังมาอยู่บ้านติดกันอีกด้วย
ชะอุ้ย..งานนี้ในฝันไม่วายทำความฝันให้เป็นจริง ได้ด้วยการ
พาขึ้นห้องนอนเสียเลย ชะอุ๊ย..ลากมก อิอิ ตามนิสัยจริง ๆ
ของเราเลยนะตัวเอ๊ง…เสร็จไปหนึ่งดอก..อุอุ ไม่บอกละ
ว่าเป็นยังไงคิดกันเอาเอง..ในฝันคนเราไม่มีความผิดนะเว้ย …ก๊าก ก ก ถูกใจ
เมื่คืนถือเป็นฝันที่ดีมากมาย…สงสัยเมื่อคืน..แอบกินวิตามิน B
ของยายเข้าไปก่อนนอน (เพราะเห็น สรรพคุณทางยา เขาเขียนไว้ที่ซองยาว่า
บำรุง ปลายประสาท) ปลายประสาทนี่มันตรงไหนอ่ะ ผมอยากรู้..แต่ถ้า
เป็นไปตามความฝันเนี่ย ผมว่าผมรู้แล้วละ ว่าปลานประสาทมันคือตรง…….นั้น
นั่นเอง 5555



……วันนี้ตื่นนอนมาด้วยความกระฉับกระเฉง
เหมือนได้ยาดีมาเลยเชียว…มาทำงานวันนี้ตามตารางสอบ มีชื่อเรา
แต่ไม่มีห้องให้คุม อะไรกันว่ะนี่ ตาเราก็ไม่ฝาดมีชื่อแต่ไม่ระบุเวลา
ไม่ระบุห้องสอบ
ไม่ระบุนักเรียนห้องที่เข้าสอบ…เราก็เลยเข้าใจไปเองว่าวันนี้ว่าง…ไม่มีคุม
สอบ ..ชั้นได้เวลาท่องโลกไซเบอร์ให้มันหยดติ๋งไปเล้ย..แต่
ด้วยจิตใต้สำนึกที่ดี
เพราะดันไปเห็นนักเรียนอ้ายห้องที่ไม่มีในตารางคุมสอบมันมา
เดินไปเวียนมาอยู่ที่หน้าตึก..สมองเราเริ่มคิดได้ว่าอ้ายคนออกข้อสอบ
มรึงพิมพ์ผิด แน่ ๆ เลย
เพราะมันดันเป็นห้องที่เมื่อวานเราคุมเสียด้วย…แล้วอ้ายห้องนี้ก็ไม่มีชื่อ
อยู่ในตารางคุมสอบด้วยสินี่ …กรูจะนั่งทำเรื่องมาก โดยไม่คุมสอบดีไหม
แล้วอ้างว่า กรู ไม่ผิด กรูไม่รู้ เรื่อง กรู มาว..ว.ว.ว. ดีไหมว่ะนี่ ….




…แต่จิตใจดีงามที่แอบซ่อนไว้ใต้สมองลึก ๆ ลึกจนแทนจะหาไม่เจอ
มันบอกออกมาว่า ไม่ได้นะ ความรับผิดชอบต่อปัญหาบ้านเมือง เนี่ย
เป็นสิ่งสำคัญ เราจะทำให้บ้านเมืองมีปัญหาต่อไปไม่ได้ อ้าว
นอกเรื่องแล้วตรู…. บอกว่าเดี๋ยวเด็กห้องนี้ไม่ได้สอบ..เลย
ขึ้นไปที่ห้องเก็บข้อสอบ …เขาบอกว่ามีนะพี่ เออ ก็เห็นว่าในตารางไม่มีนี่
เฮ้อ …ไม่เป็นไร ไปคุมก็ได้ 555 ความดีบังเกิดกับชีวิต ตรูขึ้นมาทันที…

คุมสอบวิชาแรก วิชาวิทยาศาสตร์ 8 ของ ปวส.1 และ วิชาระบบเครือข่าย ของ
ปวส. 2 วันนี้ ปวส. 2 สอบวิชาเดียวเอง ดีหว่ะ แต่ของ ปวส. 1
ยังมีวิชาเครื่องมือวัดฯ รออีก หนึ่งวิชาในช่วงเช้า ช่วงบ่าย
ยังมีวิชาชีวิตและวัฒนธรรม อีกวิชานึง….

คุมสอบไปคุมสอบมา ดันนึกขึ้นมาได้ว่าลืมดทรศัพท์มือถือ ไว้ที่บ้าน
เดี๋ยววันนี้ ต้องกลับไปเอาตอนพักกลางวันดีกว่า…แล้วปากก็บอกเด็ก ปวส.1
ว่า กลางวันบ่ายตรงนะครับ อย่าเลท ไม่ใช่นั้นพวกมรึง โดน ของดีแน่ ๆ …

ช่วยบ่าย ขึ้นไปห้องสอบ ก่อนเวลาเล็กน้อย เด็กส่วนใหญ่ ขึ้นมานั่งสตอบอแหล
อยู่ในห้องสอบกัน…แกล้งสวมหน้ากากทำหน้าดุ..บอกว่า ออกไปรอข้างนอกห้อง
จัดเก้าอี้ให้เรียบร้อยด้วย..ก็พี่ท่านเล่น เอากี้อี้มารวม ๆ ไว้
จากห้องสอบการเป็นห้อง เสียว ซะนี่
เวง…(เดี๋ยวนี้นักเรียนไทยเป็นกันอย่างนี้แล้วเหรอนี่ พาลคิดไปได้)
ก็เดี๋ยวนี้เวลาสอบนักเรียนไม่อ่านหนังสือมาสอบเอย มาเข้าห้องสอบช้าเอย
อย่างเมื่อวานอ้ายห้องนี้ ก็พักกลางวันไปเล่นเกมกัน (โรงเรียนผมพิเศษ
โรงเรียนไม่มีรั้ว ช่วงพักเด็ฏจะออกไปไหนก็ได้ เฮ้อ กรรม…) บางคนติดพัน
มาเข้าสอบช้าไปกว่า 20 นาที ดู ดู๊ ดู ดู มันทำ
อุตส่าห์ทำให้มันเข็ดด้วยการไม่ให้เข้าห้องสอบ แล้ว มันก็ยังไม่หลาบจำ
ยิ่งกว่าสากกระเบืออีก เห้อ…วันนี้อ้ายกลุ่มเมื่อวานโดน มาเร็ว
แต่กคนที่ไม่โดนไม่มีจิตสำนึก มาสายกันอีก..(วันนี้ยับงไม่ถึงเวลา
เพราะสอบ 13.00 น.) แต่นี่มัน 13.10 น. แล้ว
ยังไม่เห็นหัว..เลยให้เด็กเอานาฬิกาที่แขวนอยู่หน้าห้องมาปรับให้เร็วขึ้น
เป็น 13.25 นง เอาไว้แกล้งพวกมัน ไม่ทันไร มันมากันอย่างที่คิด
ผมถามว่านี่มันกี่โมงแล้ว ผมก็ชี้ไปที่นาฬิกา มันตกกะใจกันหย่ายเลย 5555
สม ๆ เลยแกล้งบอกไปว่า ไม่ให้เข้าห้อง
ให้เอาเอกสารนี้ไปให้อาจารย์ผู้สอนเซ้นอนุญาตก่อน เผอิญ ผมสนิทกัครูคนนี้
เลยแกล้งให้มันเสียเวลา กันไปพักใหญ่ 555 ไม่รู้มันจะหลาบจำกันไหม๊ นี่
เฮ้อ กลุ้ม ๆ ๆ ๆ






Free TextEditor




 

Create Date : 17 กันยายน 2551    
Last Update : 17 กันยายน 2551 14:03:38 น.
Counter : 387 Pageviews.  

1 สิงหาคมนี้.....ร่วมใจ..กันใส่เสื้อ...สีเหลือง...กันหน่อยนะคร๊าบ...บ....บ

ศูนย์ข่าวศรีราชา - แฉหมอผีเขมรรวมพลังทำไสยศาสตร์กดดวงเมืองไทย ไม่ให้เงยหัวมาต่อกร

ขอคืนเขาพระวิหาร และเกาะกูด
ในวันอาถรรพ์สุริยุปราคา
พระอาทิตย์อมจันทร์ 1 สิงหาคม
2551 แนะกลุ่มพันธมิตรฯ
และประชาชนคนไทยช่วยแก้อาถรรพ์
ใส่เสื้อสีเหลืองพระราชาทั่วประเทศ
ทำพิธีบวงสรวงขอบารมีพระสยามเทวาธิราช
และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย
จะเกิดแสงสว่างลบล้างอาถรรพ์

วันนี้ (29 ก.ค.)
ผู้สื่อข่าวพิเศษประจำพื้นที่เขตทหารเรือ
ได้รับการบอกเล่าจากแหล่งข่าวชายแดนไทย-กัมพูชา
ผู้มีความใกล้ชิดกับบรรดาหมอไสยศาสตร์กัมพูชาว่า
ในวันที่ 1 สิงหาคม 2551 นี้
ซึ่งตรงกับวันศุกร์แรม 15 ค่ำ
เดือน 8 ตรงกับวันพระ
ตามคำทำนายทางโหราศาสตร์ถือเป็นวันอาถรรพ์
คือ
เป็นวันที่พระอาทิตย์อมจันทร์
หรือสุริยุปราคา
จะเกิดขึ้นในเวลา 17.11
น.เป็นต้นไป
และอาจจะกินไปจนถึงเวลา 21.00 น.


ในเวลานี้จะมีหมอผีเขมรที่เก่งทางด้านดาราศาสตร์
ไสยศาสตร์ ลงมติกันว่า
ถ้าจะทำให้ประเทศไทยอ่อนลงด้วยนานาประการ
หรือเกิดความอ่อนแอทุกด้าน
ทั้งผู้ครองประเทศ
และกำลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองดูแลอยู่ในแผ่นดินไทย
โดยคิดจะพากันขึ้นไปกระทำพิธีกดดวงประเทศ
ดวงแผ่นดิน และดวงอำนาจ
กลางใจปราสาทเขาพระวิหาร
ในวันดังกล่าว
ขณะที่เกิดพระอาทิตย์อมจันทร์

แหล่งข่าวได้แจ้งมาอีกว่า
จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม
แต่พิธีกดดวงแผ่นดินไทย
ดวงอำนาจทั้งหมดในประเทศไทย
ในตอนเย็นของวันที่ 1 สิงหาคม
2551 นั้น
จะเป็นพิธีหนึ่งที่ทางหมอผีเขมรคาดหวังว่า
จะสามารถกดดวงเมืองของประเทศไทยได้
ทุกอย่างจะอ่อนแอทั้งหมด
แม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตในแผ่นดินไทย
ก็จะทำให้กัมพูชาสามารถทำอะไรได้มากขึ้น
โดยเฉพาะการไม่ให้ประชาชนออกมาต่อต้านเรื่องของเขาพระวิหาร
และ เกาะกูด
รวมถึงดินแดนทางทะเลทั้งหมด
และหากหมอผีเขมรทำสำเร็จ
รับรองได้ว่าประเทศไทยอ่อนแอลงอย่างแน่นอน
และจะไม่สามารถต่อสู้เรียกคืนแผ่นดินที่กำลังจะสูญเสียอยู่ในขณะนี้ได้

อย่างไรก็ตาม
ยังมีวิธีแก้ไข ก็คือ
การใช้สีเหลืองมาสยบ
เพราะสีเหลืองเป็นสีแห่งความสำเร็จ
สีแห่งแสงสว่าง และที่สำคัญ
เป็นสีประจำองค์พระราชา
ก็คือ
พระราชาได้พระราชสมภพในวันจันทร์
และด้วยบารมีของพระองค์ท่านก็จะสามารถต่อต้านกับสิ่งชั่วร้ายได้
แต่ถ้าจะให้ดีประชาชนทั่วประเทศต้องช่วยกันแก้เคล็ด
ด้วยการใส่เสื้อเหลืองในวันดังกล่าวตลอดทั้งวันจนกว่าพระอาทิตย์จะคายพระจันทร์ออกมาจนหมด
และปฏิบัติตามประเพณี ก็คือ
มีการตีปี๊บ ตีกะลา
และส่งเสียงอึกทึกเพื่อให้พระอาทิตย์คายพระจันทร์อย่างรวดเร็ว
และถ้ามีการร่วมจิตร่วมใจกันทำได้เช่นนี้




 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 30 กรกฎาคม 2551 16:10:13 น.
Counter : 356 Pageviews.  

ฝากเก็บ




















 

Create Date : 12 เมษายน 2551    
Last Update : 12 เมษายน 2551 15:07:01 น.
Counter : 399 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

เต๋า...เต๋า...
Location :
ราชบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add เต๋า...เต๋า...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.