บทความโดย : Tanjira T.
บริษัทผู้ผลิตสินค้าไฮเทคระดับโลก บริษัท W.L. Gore & Associates, Inc. มีแนวคิดการบริหารที่แปลกแหวกแนว เน้นความสัมพันธ์พนักงานแค่ไม่เกิน 150 คน โดยที่แต่ละคนไม่มีตำแหน่ง เป็นเพียง ผู้ร่วมงานเท่านั้น ซึ่งแนวคิดนี้ทำให้บริษัทก้าวหน้าจากโรงงานเล็กๆกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และได้ชื่อว่าเป็นบริษัทที่มีการบริหารจัดการที่ดีที่สุด
แนวคิดด้านการบริหารงานอย่างไรให้พนักงานมีความสุข และเป็นส่วนหนึ่งของงานอย่างแท้จริง จะทำอย่างไรให้พนักงานหลายร้อยคนในองค์กรที่ซับซ้อน มีความสัมพันธ์อันดี และทำงานสัมพันธ์กันได้เป็นหนึ่งเดียว จนทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ แนวคิดนี้หลายบริษัททั่วโลกต่างพยายามตีโจทย์ แต่บริษัทหนึ่งที่มีแนวคิดแปลกแหวกแนว อย่าง GORE นั้น สามารถทำได้ ประสบความสำเร็จเสียด้วย เพราะไม่ว่าจะโผไหนๆ ที่เกี่ยวกับความสุขในการทำงานของพนักงาน บริษัท GORE ก็ติดโผอยู่เสมอ
GORE เป็นบริษัทผู้ผลิตผ้านาโนเทค และสินค้าเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ได้รับความนิยมแนวหน้าอยู่เสมอ มีแนวคิดเรียบง่าย คือการเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ที่ได้รับความนิยมในวงกว้าง แต่พยายามทำตัวเหมือนบริษัทเพิ่งก่อตั้ง ขนาดเล็กๆ ฟังแค่นี้ดูไม่แปลกเลย แต่ที่จริงแล้ว GORE เป็นบริษัทที่นำแนวคิดเรื่อง 150 คนมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก และยังไม่พอ ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ พนักงานทุกคนของ GORE ไม่มีตำแหน่ง หัวหน้า หรือลูกน้อง มีแต่เพียง ผู้ร่วมงาน เท่านั้น
แนวคิดเรื่อง 150 คน คือ แนวคิดที่ว่า การบริหารงาน หากมีคนเกี่ยวข้องเกิน 150 คน สิ่งต่างๆ จะเริ่มติดขัด ที่ GORE เป็นแนวคิดเดียวกับนักวิทยาศาสตร์ชื่อ โรบิน ดันบาร์ แต่แนวคิดด้านการทำธุรกิจนี้ โรเบิร์ต บิลล์ กอร์ ผู้ก่อตั้งบริษัทเป็นผู้สังเกตและนำมาใช้ด้วยตนเอง
การนำมาใช้ ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงให้แต่ละโรงงาน มีพนักงานไม่เกิน 150 คน โดยที่พนักงานแต่ละคน ไม่มีการกำหนดว่าเป็นผู้จัดการ หัวหน้า หรือลูกน้องอย่างชัดเจน สิ่งที่พนักงานทุกคนจะต้องเรียนรู้ นอกจากว่า ใครเป็นใคร ในโรงงานแล้ว ยังจะต้องรู้ว่า ใครถนัดอะไร แนะนำเรื่องไหนได้ หากเกิดปัญหาในงาน ควรจะปรึกษาใคร เป็นแนวคิดเดียวกับการแบ่งทหารในกองร้อย เป็นกองละไม่เกิน 150 คน ที่ว่า คุณจะสามารถถ่ายทอดคำสั่งและพฤติกรรมควบคุมการนอกลู่นอกทางได้ โดยการอาศัยความภักดีในตัวทหารแต่ละนาน ควบคู่ไปกับการควบคุมแบบตัวต่อตัว
นอกจากการควบคุมงานแล้ว การให้มีพนักงาน เพียง 150 คน โดยที่แต่ละคนไม่มีชื่อตำแหน่งนั้น จะทำให้พนักงานต้องจดจำว่าใครเป็นใคร ทำอะไร ไม่เพียงเท่านั้น ยังทำให้รู้ว่า แต่ละคนนั้น ชอบอะไร มีความคิดแนวไหน เชี่ยวชาญเรื่องอะไรทั้งนอกและในงาน ไม่เพียงแต่ว่าเขาคนนั้นนิสัยดีหรือไม่ ดังนั้นนอกจากความสามัคคีแล้ว สิ่งที่พนักงานแต่ละส่วนของ GORE จะสร้างขึ้นมาคือ ระบบความทรงจำร่วม ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผลดีต่องาน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในงานอย่างรวดเร็ว การระดมความคิดแก้ปัญหา และให้คำปรึกษาจากพนักงานต่างแผนกโดยไม่เกี่ยงงอนเสียอีก และแน่นอนว่า เมื่อมีแรงกดดัน จากภายนอกเข้ามาเช่น ความกดดันเรื่องยอดการผลิต หรือยอดการขาย การทำงานแบบ 150 คนในองค์กรแบบนี้จะกลายเป็นความกดดันขนาดใหญ่ ที่ใหญ่กว่าความกดดันภายในเยอะ แต่สิ่งที่จะตอบสนองก็คือ การระดมความคิดจากต่างแผนก ในการแก้ปัญหาที่เร็วและถ้วนถี่ และการระดมมือแก้ไข จากทั้ง นักขาย นักออกแบบ นักประดิษฐ์ นักประกอบฯ ทุกคนในส่วนงานทั้ง 150 ต่างก็มีส่วนร่วมในการระดมสมองแก้ไข ทำให้การทำงานทุกอย่างสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก่อเกิดความทรงจำร่วม ของการจดจำการแก้ปัญหา แนวทางต่างๆ นั่นเอง
ความก้าวหน้าของบริษัท ทำให้ต้องเพิ่มพนักงานขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ GORE ก็ยังคงรักษาแนวคิด 150 คนไว้เช่นเดิม โดยการเพิ่มไลน์การผลิต แยกแผนกออก โดยแต่ละแผนกจะไม่เกี่ยวข้องกันและกันเลย แต่ใช้สิ่งต่างๆ กั้นกลางระหว่างคนต่างแผนกแทน เช่น โถงทางเดิน ที่จอดรถ เพิ่มโรงงาน ขึ้นมาแทนโดยที่แต่ละแห่งรองรับได้ไม่เกิน 150 คน และแน่นอว่าบริษัทจะต้องมีผู้บริหารงาน GORE มีห้องผู้บริหาร แต่ก็เป็นเพียงห้องเล็กๆ อยู่รวมกับพนักงานทุกคนเท่านั้นเอง เนื่องจากบริษัทไม่จำเป็นต้องมีผู้บริหารระดับกลางและระดับสูง เพราะเน้นความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการมากกว่า
เรียกว่าการทำงานแบบ GORE ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เพราะนอกจากผลโพลต่างๆ ที่ชี้ว่าเป็นบริษัทที่มีการบริหารจัดการที่ดีที่สุดบริษัทหนึ่งแล้ว อัตราการลาออกก็ลดน้อยลงมากมาย เหลือแค่ 1 ใน 3 ของธุรกิจชนิดเดียวกัน และยังไม่พอ ความก้าวหน้าของบริษัทที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ผลิตสินค้าไฮเทคชั้นนำของโลกเจ้าหนึ่งที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
อ้างอิง : Malcolm Gladwell, The Tipping Point, 2000.