|
ขออภัยกำลังก่อสร้าง
ทำไมเป็นคริสเตียนแล้ว ยังคงทำบาปอยู่เรื่อยๆ เมื่อคริสเตียนทำบาปเป็นเรื่องธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา..
เป็นเรื่องธรรมดาหมายถึงอะไร?
..หมายถึงเป้นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในขณะที่อยู่ในขั้นตอนหรือขบวนการของการฝึกพัฒนาชีวิตใหม่และเป็นขั้นตอนในการพัฒนาเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ (อิสยาห์1,16 /1ทิโมธี 4.7ใน2โครินธ์ 5.17 ในภาษากรีกจะมีคำว่า "กำลัง" (ing) อยู่ด้วย..เพราะฉะนั้นจะให้เขียนภาษาเดิมคงเป็นอย่างงี้ ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ผู้นั้นก็เป็นผู้ที่ "กำลัง" ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดเก่าๆก็ "กำลัง" ล่วงไป นี่แนะ "กำลัง" จะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งสิ้น"
...ถ้าเปรียนเทียบเราเป็นเหมือนตึกเก่าที่กำลังจะถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นตึกใหม่ บนโครงสร้างเดิมแล้วแต่สภาพ ที่กำลังถูกก่อร่างสร้างขึ้น ขณะที่กำลังสร้างตึก มันสกปกและเลอะเทอะ คนที่สร้างตึกเขาจะเขียนป้ายติดไว้ว่า ขออภัยในความไม่สะดวก กำลังทำการก่อสร้างอยู่" หรือเขาอาจจะเขียนป้ายติดไว้ว่า ระวังอันตรายเขตก่อสร้าง
... ชีวิตของคริสเตียนอย่างคุณและดิฉันก็เป็นเช่นตึกนี้แหล่ะ กว่าจะสร้างเสร็จ .. กว่าจะออกแบบตกแต่งทั้งภายในและภายนอกคงต้องใช้เวลาอีกนาน เพราะหลักการสร้างขอพระเจ้าจะสร้างขึ้นบนตัวคุณที่มีชีวิต อยู่ที่ว่าพื้นที่จะพระเจ้าจะสร้างคุณมันใหญ่หรือกว้างขนาดไหน
....ดังนั้นชีวิตของคริสเตียนก็กำลังถูกสร้างอยู่อาจจะดูไม่งามนัก คุณจะเห็นข้อบกพร่องเสมอ มันไม่งามในสายต่างของผู้ที่ได้พบเห็น แต่ผู้ที่พบเห็นก็มักจะนึกเหมือนกันว่าถ้าสร้างขึ้นมาเสร็จแล้วตึกนี้จะเป็นอย่างไร บางคนก็อาจจะแอบคิดว่าเขาจะออกแบบตกแต่งภายในอย่างไงนะ เผอๆคุณเองก้อยากจะออกแบบภายในด้วยตัวคุณเสียเอง...จึงไม่แปลกอะไรเมื่อมีคนพูดว่าเธอน่าจะเป็นอย่างงั้นอย่างงี้ ... แต่ผู้ที่สร้างเขาขึ้นมาใหม่ไม่ได้คิดเหมือนกับคุณ....พระองค์ภูมิใจเราเหล่านั้นเสมอ...
..เปรียบอีกในหนึ่งเหมือนเราเป็นเด็กทำกำลังหัดเดิน ทุกครั้งก่อนที่เด็กจะหัดเดินเขาจะต้องคลานก่อนเสมอ บ้างก็คลานเดินหน้าบ้างก็ถ่อยหลัง กว่าจะตั้งไข่ กว่าที่จะกล้าเข้าสู่ย่างเก้าแรก ทุกครั้งที่ฝึกเดินเด็กจะล้มเสมอ เด็กบางคนเมื่อเดินได้สักหน่อยเขาจะวิ่งแบบลืมแบรก ....
..ขั้นตอนของการฝึกเดินจะมีการล้ม และเมื่อมีการล้ม ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่จะกระทืบซ้ำ เพราะเขารู้ดีว่าลูกเขายังเด็กและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ฉนั้นสิ้งที่พ่อแม่ทำคือพยุงให้ลูกลุกขึ้นและพูดให้กำลังใจลูกเพราะพ่อแม่รู้ดีว่าลูกมีศักยภาพที่จะเดินได้ การที่ลูกล้มเพราะเขายังอยู่ในขั้นตอนของการฝึก แม้นจะล้มร้อยครั้งเขาก็จะถูกพ่อแม่พยุงให้ลุกขึ้นร้อยครั้ง
.......ถ้าลูกไม่ยอมเดินล่ะ คงเป็นเรื่องศร้าของพ่อแม่ เพราะต่างรู้ว่าลูกเขาเดินได้เพราะเคยเดินมาแล้ว แต่ที่เขาเดินไม่ได้เพราะเขาไม่ยอมเดินต่างหาก คนที่ไม่ยอมให้สร้างหรือไม่ยอมเดินจะเป็นผู้พิการฝ่ายวิญญาณ แน่นอนพระเจ้าพระบิดาของเราไม่อยากให้เราพิการฝ่ายวิญญาณ
.....อย่างลืมว่าเราเคยชินกับการใช้ชีวิตแบบเก่าๆ เมื่อเรามาเชื่อในพระเยซู พระองค์จะฝึกเราให้ดำเนินชีวิตใหม่ซึ่งเป็นชีวิตที่เราไม่คุ้นเคย ดังนั้นต้องมีการฝึก ของถามคุณหน่อยว่า กว่าคุณจะจำและเขียนภาษาไทยได้แล้วกว่าคุณจะสะกดคำได้ถูกต้องคุณใช้เวลานานแค่ไหน ฉันใดฉันนั้น....
...ความเคยชินกับชีวิตเก่าๆของเราๆเช่น เมื่อมีคนขับรถปาดหน้าเรา เราก้อด่าทั้นที เมื่อมีคนทำให้ไม่พอใจเราก็โกรธทันที เมื่อมีเรื่องเราก็โกหกให้พ้นตัวทันที แต่ชีวิตใหม่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่หลายคนเข้าใจ
...มันเป็นการฝึกที่หนักหนาสากันทีเดียว เพราะจุดมุ่งหมายคือฝึกนิสัยใจคอเราให้เรามีนิสัยใจคอคล้ายพระคริสต์ การฝึกเราจะถูกฝึกทุกวัน (ยังกะเป็นทหารเลยอิอิ)แต่การฝึกจากพระเจ้ามันไม่ได้จบหลักสูตรเตรียมทหาร หรือ จปร นะค่ะ ต้องฝึกตลอดชีวิตเขาว่ากันอย่างงั้น....
..เขาว่ากันว่าหรือหากเราไม่ชอบอะไรเราก็จะเจออย่างนั้นเสมอ แฉกเช่นดิฉันมักจะคนขับรถปาดหน้าเสมอ ตอนนั้นว่าจะไม่แล้วเชีวย...แต่ก็หลุดเสมออออ นึกได้อีกที โอ้พระเจ้าลูกขอโทษ..
..เมื่อเราขอให้พระองค์ช่วยเราให้พ้นจากนิสัยไม่ดีนี้ เราก็จะพบกับเรื่องที่ทำให้เราต้องโมโหอยู่เรื่อยๆ เขาว่ากันว่าอย่าแปลกใจเพราะพระเจ้ากำลังฝึกให้เราไม่โมโห หรือเอาชนะความขี้โมโหอยู่
..ถ้าเราไม่ค่อยมีความรัก พระเจ้าจะให้เราพบกับเหตุการณ์ที่เรารักไม่ค่อยลง เพื่อเราจะสามารถที่จะให้หรือเรียนรู้ที่จะรักได้ และเขาว่ากันว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่พระเจ้าจะใช้เหตุการณ์ต่างๆ เพื่อฝึกฝนชีวิตคุณ
..ดังนั้นหากเราอยู่ในขั้นตอนนี้อยู่ก็อย่าท้อใจเลย เพราะไม่ได้มีคุณเพียงคนเดียวที่อยู่ในขบวนการในการฝึกชีวิตใหม่ ทั้งคุณและดิฉันพลาดทำบาปได้เสมอ แต่อย่าท้อใจ เพราะพระเจ้าจะไม่กระทืบหรือช้ำเติมเราอย่างแน่นอน
...จงมีใจที่อยากจะฝึกหากเราล้มพระเจ้าจะพยุงเราขึ้นถึงแม้บางครั้งที่เราล้มทำให้เราเกิดบาดแผลร้องให้และเสียใจ อาจจะครั้งแล้วครั้งเล่าพระองค์ก็ยังยินดีที่จะใส่ยารักษาเราปลอบใจเราและพยุงเราขึ้นมิใช่เหรอ...
จงอย่าลืมว่าขั้นตอนหรือขบวนการฝึกไม่ใช่แค่ปีสองปีก็จะจบพร้อมรับใบประกาศ เปล่าเลยเราต้องฝึกตลอดชีวิต
การล้มในบาปเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเกิดขึ้นแต่ทุกครั้งที่ล้มในบาป เราจะขอให้พระเจ้าให้อภัยในการล้มลงและพร้อมที่จะลุกขึ้นมาฝึกใหม่ แล้ววันหนึ่งคุณและดิฉันต้องทำได้อย่างแน่นอน เพราะพระเจ้าจะให้เรามีศักยภาพแห่งชีวิตใหม่ให้แก่เราเหมือนกับที่เราหัดเรียนเขียนภาษาไทยหรือราชาศัทพ์ เพราะเราได้ฝึกและเรียนรู้มาแล้วเราต้องทำได้อย่างแน่นอน ภาษาใหม่ที่คุณฝึกจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณและฉันจะใช้มัน คุณจะไม่มานั่งนึกเลยว่าจะใช้มันตอนไหนหรือเมื่อไหร่ คุณจะรู้ว่าชีวติที่ถูกเขียนขึ้นมาใหม่ในพระคริสต์ เป็นชีวติที่ใหม่ที่คุณจะเดินบนโลกใบนี้ได้อย่างสง่าผ่าเผยนี่เป็นมองหามิใช่หรือ.......
เป็นเรื่องไม่เป็นธรรมดาหมายความว่าอย่างไร?
มันจะไม่ธรรมดาแน่หากเราคิดว่า การทำบาปหรือล้มลงในบาป เป็นเรื่องธรรมดา
.หมายถึง เมื่อคริสเตียนทำบาป เขาจะเห็นว่านี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา แต่เป็นเรื่องผิดปกตินิสัยคริสเตียน ที่เราต้องเอาชนะมัน จะต่างจากคนที่เขาไม่เชื่อว่าการทำบาปเป็นเรื่องธรรมดาไม่เห็นเป็นไร แต่เราคริสเตียนจะต้องเห็นว่า "เป็นไร" และต้องเปรี่ยนแปลงและปรับปรุง แก้ไขให้ชีวิตถูกต้องกับความเป็นจริงในพระคัมภีร์ 2 โครินธ์ 3.16
Create Date : 12 มีนาคม 2551 | | |
Last Update : 12 มีนาคม 2551 18:40:21 น. |
Counter : 1241 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
พ่อจะไม่ทิ้งลูกไป
เพราะข้าพระเจ้าเชื่อมั่นว่า แม้ความตายหรือชีวิต
หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า
หรือสิ่งที่มีอยู่ในปัจบันนี้
หรือสิ่งที่จะมีในภายหน้า
หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย
หรือซึ่งสูง หรือซึงลึก
หรือสิ่งใดๆ อื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถทำให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระเจ้า
ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้
ลูกรัก
คิดหรือว่าลูกประพฤติดีแล้วจะทำให้พ่อรักลูกมากขึ้น
หรือถ้าลูกประพฤติชั่วจะทำให้พ่อรักลูกน้อยลง
การกระทำของลูกไม่มีอำนาจขนาดนั้นหรอก
พ่อรักลูกเต็มร้อยเปอร์เชนต์อยู่แล้ว!!!
ความดีของลูกไม่สามารถจะเปลี่ยนความรักของพ่อ
และไม่ว่าลูกจะชั่วขนาดไหนความรักของพ่อก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย
พ่อรักลูกชั่วนิรันดร์
พ่อได้ส่งพระเยซูพระบุตรเพื่อมาพบกับความตายอย่างโหดร้าย
เพื่อลูกจะได้อยู่กับพ่อ
พ่อได้เลือกและแลกลูกมากด้วยสิ่งประเสริฐ
นั่นคือชีวิตของพระเยซูพระบุตรของพ่อ
ไม่มีความผิดใดที่ลูกทำแล้วจะทำให้พ่อพูดว่า "พอที!
พ่อไม่รักลูกอีกต่อไปแล้ว!"
ลูกอาจจะทิ้งพ่อไป แต่พ่อไม่มีวันทิ้งลูก
พ่อรักลูกด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีวันสญสลาย
บทความจากหนังสือจดหมายรักจากพระเจ้า สำนักพิมพ์สุริยบรรณ มูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทย
Create Date : 12 ธันวาคม 2550 | | |
Last Update : 12 ธันวาคม 2550 11:42:31 น. |
Counter : 362 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ความเชื่อและความรัก
"เพราะว่าในพระเยซูคริสต์นั้น การที่รับพิธีเข้าสุหนัตหรือไม่รับก็หาเกิดประโยชน์อันใดไม่ แต่ความเชื่อซึ่งแสดงออกเป็นกิจที่ทำด้วยความรักนั้นสำคัญ" (กาลาเทีย 5:6)
--------------------------------------------------------------------------------
เมื่อความเชื่อและความรักทำงานร่วมกันเป็นทีม จะเกิดผลอย่างดีที่สุด
"ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง" (1โครินธ์ 13:7)
เปาโลยังกล้ายืนยันว่า ผู้ใดก็ตามที่มีความเชื่อถึงขนาดจะย้ายภูเขาแห่งปัญหาไปได้ แต่ขาดความรักก็ไม่มีความหมายอะไรทางฝ่ายวิญญาณ
"แม้ข้าพเจ้าจะเผยพระวจนะได้ และเข้าใจในความล้ำลึกทั้งปวงและมีความรู้ทั้งสิ้น และมีความเชื่อมากยิ่งที่สุดพอจะยกภูเขาไปได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีค่าอะไรเลย" (1โครินธ์ 13:2)
เมื่อเปาโลกล่าวถึงความเชื่อที่ประสพความสำเร็จนั้น ท่านชี้ให้เห็นว่า แม้ความเชื่อจะทำได้หลายอย่าง แต่ถ้าปราศจากความรักแล้ว ย่อมไร้ค่า ความเชื่อที่ทำให้เกิดการอัศจรรย์อาจเป็นความเชื่อที่เยือกเย็น ปราศจากความรักก็ได้ แต่ความเชื่อจะบรรลุคุณค่าสูงสุดต่อเมื่อเป็นความเชื่อที่เอิบอาบไปด้วยความรัก เพราะในความรักมีความไว้วางใจอยู่เต็มเปี่ยม
ความรักพระเจ้าดลใจให้เกิดความเชื่อในพระองค์ คนเราย่อมไว้ใจคนที่เรารู้จักและรัก ยิ่งเรารู้จักพระเจ้าที่ทรงสำแดงพระองค์ทางพระคริสต์มากเท่าไร เรายิ่งรักพระองค์มากขึ้น และมีความเชื่อในพระองค์มั่นคนขึ้น ความรักพระเจ้าทำให้เรามีความเชื่ออย่างไม่มีขอบเขต และมั่นใจในพระวจนะของพระองค์ ซึ่งทำให้เราได้รับตามพระสัญญา และเราจะได้เห็นว่าการไว้วางใจนั้นทำได้ง่ายมาก
ความรักทำให้เราไว้ใจคนอื่นที่ตกอยู่ในสภาพอ่อนแอเหมือน ๆ กัน เพราะ ความรักเป็นการ "เชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ" ความรักนี้ไม่ใช่เป็นการหลงงมงาย แต่ความรักทำให้อยากจะเชื่อในส่วนดีของคนอื่น และถึงแม้จะมีของประทานในการสังเกตวิญญาณได้ แต่ความรักทำให้ไม่มีความหวาดระแวง ความรักไม่สงสัยว่าผู้อื่นจะมีเจตนาร้ายต่อเรา แต่ไว้ใจทุกคน ความเชื่อในลักษณะนี้มักจะช่วยให้ผู้อื่นมีแรงผลักดันให้กระทำดีสมกับที่เขาได้รับความไว้วางใจจากเรา
ลอว์เรนซ์ ผู้เป็นนักบวชสมัยโบราณได้กล่าวไว้ว่า
"ทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับคนที่เชื่อ ทุกสิ่งดูง่ายขึ้นสำหรับคนที่มีความหวัง และง่ายกว่านั้นอีกสำหรับคนที่มีความรัก และยิ่งง่ายขึ้นไปอีกสำหรับคนที่มีทั้ง ความเชื่อ ความหวัง และ ความรัก"
บทความโดย
J. Oswald Sanders
จากหนังสือ ฤทธิ์เดชแห่งความเชื่อ
สำนักพิมพ์ กนกบรรณสาร
Create Date : 27 กรกฎาคม 2550 | | |
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2550 11:49:21 น. |
Counter : 426 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|