เรื่องราวผู้หญิงกับการเดินทางด้วยหัวใจ 2 ล้อ (มอเตอร์ไซด์) รวมถึงการท่องไปในโลกกว้างด้วยวิธีการอื่นๆ คลอเคล้าด้วยคนตรีไพเราะหลากหลายรูปแบบ เรามาผจญภัยด้วยกันนะคะ

เราเป็นเรา เพราะเราหรือเพราะอะไร

ทำไมถึงใช้คำว่าเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะใคร

การที่เราเป็นเราอย่างทุกวันนี้ เพราะอะไร

พันธุกรรม?  การเลี้ยงดู? เราเป็นของเราเอง?

ถ้าตามหลักศาศนาที่มีการเวียนว่ายตายเกิดอย่างพุทธ ก็แน่นอน พ่อแม่และกรรมเก่า แต่มันก็มีหลายตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่เลย

บล็อกนี้ก็แค่อยากเล่าให้ฟังถึงชีวิตฉัน มันก็น่าสนใจไม่น้อยนะ

ฉันถูกเลี้ยงมาในครอบครัวที่มีความโบราณ พ่อและย่าซิ่งยังยิดติดกับคำว่าผู้ใหญ่ว่าไงก็ต้องตามนั้น

ฉันผู้ซึ่งเข้าใจมาตลอดว่าฉันเติบโตมาด้วยคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เพราะฉันรับรู้มาว่าพ่อหย่ากับแม่ตั้งแต่ฉันอยู่ ป.4 ฉันอยู่กับย่าที่เหมือนจะคุยกันคนละภาษาที่ไม่มีวันจะเข้าใจกัน

แต่มาวันนึงโลกของฉันก็เหมือนจะพังทลายลง เพราะฉันได้รับรู้ว่าแม่ของฉันไม่ใช่แม่แท้ ฉันเป็นลูกเลี้ยงของแม่ ที่น่าประหลาดเพราะใครๆ ก็ว่าฉันหน้าตาและนิสัยเหมือนเหมือนแม่ที่ไม่ใช่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กันเลย ฉันเหมือนแม่เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ นิสัย ความชอบ แม้กระทั่งอาชีพในปัจจุบัน 

ความกตัญญูคืออะไร ฉันรู้ว่าใครคือคนที่เราต้องตอบแทนในสิ่งท่ีเขาทำให้กับเรา ดีมาดีตอบ แต่มันก็พ่วงมาด้วยคนที่เกี่ยวข้อง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรให้เรามากเท่าที่เราจะต้องตอบแทน ซึ่งบางคนสร้างรอยแผลเป็นที่เจ็บปวดมากกว่าความสุขให้เราเสียด้วยซ้ำ แต่ฉันก็ยังยึดมั่นในปณิธานนี้ เพราะฉันรู้สึกว่าถ้าสังคมไม่รู้สึกแบบนี้เลย ใครทำดีกับเราหรือเราทำดีกับใครมันก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี มันก็กลายเป็นสังคมร้ายๆ ทีสิ้นหวัง

ฉันเคยถามตัวเองว่าว่า ถ้าไม่มีคำว่ากตัญญูค้ำคอ ฉันจะไปอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรอยู่ตอนนี้ในโลกใบนี้ ถ้าฉันตัวคนเดียว ฉันก็คงท่องไปในโลกกว้างแล้ว แต่เพราะคนที่ฉันแคร์ เขา (แม่เลี้ยง) ก็มีสิ่งที่เขาแคร์ แล้วเราต้องแคร์เขา มันก็เลยเป็นห่วงโซ่ที่ร้อยรัดพวกเราไว้ ไม่ให้ก้าวไปไหนในจุดท่ีเราอยากจะท่องไป

ในวันที่ฉันอายุ 24 ปี เพิ่งเรียนจบ พ่อของฉันซึ่งเป็นประชาชนอเมริกา ถามฉันว่าอยากมาอยู่ที่นี่ไหม 
ฉันถามเขาว่าแล้วปู่กับย่าเล่า จะให้ทิ้งไปเหรอ พ่อตอบว่าก็แล้วแต่ เขาไม่แยเสใดๆ นอกจากชีวิตที่ก้าวหน้า จวบจนวันนั้นที่ย่าป่วยจนนอนติดเตียง พ่อบอกว่าต้องดูแลให้ดีที่สุด ไม่ควรเอาไปฝากไว้ใน Nursing home เราก็เห้ย ใครจะดูไหว 1 คนป่วยต้องใช้คน 2 กะ ถ้าเราไม่อยู่ตรงนี้ใครจะดู แล้วชีวิตเราล่ะ ณ วันนี้พ่อบอกว่า ก็คุณเลือกเอง นั่นหมายความว่าถ้าเราทิ้งไปตั้งแต่ต้น มันก็ไม่ใช่หน้าที่เราสินะ แต่เพราะวันนี้เราอยู่ตรงนี้ คุณก็รับภาระไป ถ้าถามว่าจุดนี้ยอมรับไหม ก็ยอมรับแหละ ยอมรับตั้งแต่ต้น ถึงเลือกที่จะอยู่ดูแลคนในครอบครัว แต่ก็นะ เวลาได้ฟังคำแบบนี้มันก็จี้ด เพราะถ้าเราไม่มีห่วงเรื่องนี้ เราก็ไปใช้ชีวิตตัวเองได้ตามใจ

สิ่งที่ฉันอยากจะสื่อก็คือ อย่าโทษใคร อย่าโทษชาติกำเนิด อย่าโทษพ่อแม่ อย่าโทษสังคม จริงๆ อยู่ที่ตัวคุณเองนั่นแหละ ที่จะเลือกเป็นคนแบบไหน ใช้ชีวิตแบบไหน มันเป็นสิ่งที่คุณเลือกเอง แล้วถ้าเลือกแล้ว ก็จงรับผลของการเลือกนั้นไว้อย่างเบิกบานและเต็มใจ ไม่มีใครบังคับคุณ มีเพียงความขี้เกียจและขลาดเขลาของตัวเองเพียงเท่านั้นเอง ที่ทำให้คุณเป็นคุณในทำวันนี้ ไม่ว่าอดีตจะร้ายกับคุณเพียงใดก็ตาม
 




 

Create Date : 23 ตุลาคม 2565    
Last Update : 24 ตุลาคม 2565 4:26:39 น.
Counter : 371 Pageviews.  

ความเงียบที่ไร้ประโยชน์

ทำไมใครๆ ถึงบอกว่าจบฟังมากว่าพูด แล้วคุณจะได้รับรู้ถึงสิ่งรอบๆ ตัว
มันก็ใช่นะ
ฉันได้รู้อะไรรอบๆ ตัวมากกว่าที่เคย
แต่มันกลายเป็นว่าไม่มีใครได้รับรู้ถึงสิ่งที่ฉันรู้สึกเลย

ฉันคิดถึงตัวเองในวัยยี่สิบมากๆ 
แต่ก่อนฉันไม่ใช่คนพูดมากหรอก
แต่เป็นแค่คนที่อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ได้แคร์ใครมากเท่าไหร่
ถึงแม้วันนั้นฉันไม่รู้ว่ามันส่งผลอะไรกับชีวิตฉันในตอนนี้บ้าง
แต่ฉันกลับรู้สึกว่าการที่แคร์คนอื่นน้อยกว่าตัวเอง มันกลับทำให้ฉันมีความสุขมากกว่าตอนนี้

ในขณะท่ีตอนนี้ฉันเพียบพร้อมในหน้าที่การงาน อยากทำอะไรก็ทำได้
แต่ฉันกลับเอาใจไปผูกกับคนรอบข้างมากเกินไป
จนเกิดคำว่าเหงาเข้ามาใจชีวิตได้อย่างยากจะเข้าใจในตัวเอง 
ว่าทำไมถึงเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นมาได้

ฉันในวัยเลข 4 แต่กลับมีความมั่นคงทางอารมณ์เหมือนคนในช่วงอายุ 20
ฉันกลับรู้สึกว่าตัวเองตอนอายุ 20 กลับมีความมั่นคงทางอารมณ์มากกว่านี้
สนุกไปกับชีวิต ปล่อยวาง กล้าได้กล้าเสีย

เขาว่าคนเราเปลี่ยนไปทุกวัน
เราเรียนรู้ เติบโต
ฉันเคยคิดว่าฉันจะเป็นคนที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน
แต่ ณ วันนี้มันกลับไม่ใช่เลย

ฉันได้แต่หวังว่าฉันจะดีขึ้น มันแปลกจริงๆ



ปล.1 MV มาจากละครเรื่องนึง  แต่จริงๆ เพลงนี้ต้นฉบับเป็นของพี่เบิร์ด ให้ฟังเพลง เนื้อหาดี ชอบมาก
 
ปล.2 ฉันไม่ได้เข้ามาอ่าน Blog ตัวเองบ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่เข้ามาก็จะอ่านสิ่งที่ตัวเองเขียนไว้ ซึ่งมันนานมาๆ เป็นระดับ 10 ปี ก็อดที่จะประทับใจในความคงเส้นคงวากับความเวิ่นเว้อเกี่ยวกับความรักของตัวเองไม่ได้ ว่าทำไมยังเหมือนเด็กอายุยี่สิบได้ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็สี่สิบกว่าเข้าไปแล้ว จะเรียกว่าฉันเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายได้หรือไม่นะ

 




 

Create Date : 08 ตุลาคม 2565    
Last Update : 9 ตุลาคม 2565 4:59:30 น.
Counter : 579 Pageviews.  

ความเงียบที่ไม่เคยเงียบ

คิดถึงครั้งที่ยังเยาว์วัยกว่านี้ เสียงเพลงเคยเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ทุกเวลาต้องมีเสียงเพลงขับกล่อมเพื่อคอยประคับประคองอารมณ์อยู่เสมอ แต่ในวันนี้เรากลับต้องการความเงียบมากขึ้น ใช้ความเงียบเพื่อกล่อมให้ความคิดที่พลุกพล่านในหัว เข้าสู่อารมณ์สงบนิ่ง กลายเป็นว่าเสียงเพลงที่ไม่ถูกจริตกลับจะยิ่งกวนตะกอนแห่งความคิดในห้วงคำนึงให้ขุ่นข้นขึ้นมามากขึ้นกว่าเดิม

เมื่ออารมณ์ไม่ดี แต่ก่อนเราสามารถใช้เพลงบำบัดตัวเองได้ วันวานที่เราย้ำกับตัวเองอย่างแน่นหนักว่าเรา (ไม่น่า) จะไม่เปลี่ยนไป แต่วันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น ในหลายๆ เรื่อง เราเปลี่ยนไปในแบบที่เราไม่เคยคิดว่าเราอยากจะเป็น ที่แน่ๆ มันคือสมรรถภาพทางร่างกาย ที่ต้องยอมรับว่ามันถดถอยไปตามกาลเวลา

ดิฉันอายุเท่าไหร่นะรึ ... ใกล้จะถึงหลัก 4 แล้ว อีกไม่กี่เดือน

เริ่มเขียนใน Bloggang  มาก็สิบกว่าปี มีความตั้งใจจะปรับปรุงและพัฒนาศักยภาพตัวเองในหลายด้าน ก็ยังย่ำอยู่อย่างนั้น แต่ก็ไม่ท้อที่จะตั้งใจใหม่ๆ ทุกๆ ไตรมาศ

การระลึกรู้เท่าทันการเปลี่ยนไป และพยายามจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเป็นคนที่ไม่พึงประสงค์ โดยหวังว่าเราจะเติบโตอย่างมีคุณภาพ รู้แหละว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ผ่านทั้งเรื่องดีและไม่ดีมามากเหลือเกิน แต่ก็ยังต้องเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไป ตราบเท่าที่ยังตื่นลืมตาทุกเช้า และยังมีกิเลสอยากได้นู่นนี่ทำนั่นนี่นู่น

ก่อนที่จะเขียน Blog ทุกครั้ง ก็ได้อ่านงานเขียนตัวเอง แล้วก็อุทานทุกครั้งไป ว่าครั้งสุดท้ายที่เขียนมันปีกว่าอีกแล้วเหรอ 13 พค 62 นู่นแน่ะ ^____^  มาดูกันซิว่า พรุ่งนี้จะลืมกลับเข้ามาเขียนไหม แล้วเราจะเจอกันอีกเมื่อไร มาดูกัน




 

Create Date : 06 ตุลาคม 2563    
Last Update : 6 ตุลาคม 2563 0:18:19 น.
Counter : 480 Pageviews.  

เจ็บน้อยที่สุด ... คือเจ็บมากที่สุดจนชาชินไร้ซึ่งความเจ็บปวด (MV)


 
ฟังเพลงครั้งแรกตัวเพลงเพราะนะ แต่ไม่อินกับเนื้อหาว่ามันเจ็บน้อยตรงๆ ไหนกันที่บอกว่าให้รอ แต่ก็ไม่กลับมา
 
"หรืออยากให้ฉันเจ็บน้อยที่สุด
เลยบอกกันให้ฉันรอ
อยากให้ฉันนั้นมันหยุดรักเธอ
ด้วยการที่มันท้อใจไปเอง หลงลืมกันไปเอง
ว่าเคยมีเธอข้างกัน"

เพิ่งได้ดู MV ตัวนี้ ตอนที่ดูเองโดยไม่ได้อ่านคอมเม้นท์ ยอมรับว่าไม่เก็ทนัยยะในรายละเอียดที่อยู่ใน MV ที่สื่อสารมาได้เยอะนัก รู้แค่ว่าความหมายมันตรงกับชีวิตของนางเอก MV ขณะนั้นมาก เลยเข้าใจได้ไม่ยาก จนต่อมาได้อ่านคอมเม้นท์แล้วกลับไปดูแบบตั้งใจอีก (หลาย) รอบ ถึงกับอุทานว่า "OMG" ออกมาดังๆ 

เร่ิมจาก
- ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เดินเข้ามา แต่งตัวจัดเต็ม เข้ามาในตึกแล้วเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า คือ การเริ่มต้นชีวิตคู่ที่แทนความเพียบพร้อมสมบูรณ์สูงสุด
  • เสื้อคลุมแทนความเชื่อใจว่าถ้าเลือกคนนี้จะอบอุ่นและปลอดภัย
  • หมวกใบไม่เล็กไม่ใหญ่ พร้อมสวมบทบาทเป็นคนรักที่ดี 
  • รองเท้าแทนความหมายของคู่ชีวิต ในขณะที่รองเท้าส้นสูงแสนสวยยิ่งแทนการอดทนที่มากขึ้นไปอีกเพื่อเป็นคนที่คู่ควร
  • แว่นตากันแดด แทนการมองภาพสิ่งที่ทำให้เห็นสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามความเป็นจริงๆ ทั้งจากภายนอกหรือภายในใจของตัวเอง
  • ไฟเขียวรอบวงกลม คือ safe zone
  • ไฟแดงด้านนอก คือ โลกความจริง
- เดินวนอยู่อย่างนั้น แล้วก็หยุด ... เหมือนหยุดรอ คิด ทบทวน
- การถอดแว่นกันแดดออก คล้ายกับจะพาตัวเองออกมาเผชิญความเป็นจริงสักที
- จากฟ้าสว่างจนพอฟ้ามืดลง มันเหมือนการตัดสินใจที่จะหยุดทุกสิ่งอย่างแบบเอาวะ มันมาสุดทางแล้ว
- จากนั้นก็ถอดเสื้อโค้ทแล้วโยนมันทิ้งไป ไม่ต้องการแล้วกับความอบอุ่นที่เคยได้รับ
- การสะบัดรองเท้าทิ้ง คือการทิ้งความเจ็บปวดทั้งหมดไว้ที่ตรงนี้ ความเจ็บปวดที่มาพร้อมกับ “คู่ชีวิต”
- จากนั้นคือน้ำตาไหล แล้วถอดหมวกออกไว้ที่อก แต่ยังไม่โยน คล้ายกับว่ายังรู้สึกรักและคิดถึงอยู่ 
- ต่อมาโยนหมวกทิ้งไป คือตัดสินใจทิ้งบทบาทหน้าที่ที่มาพร้อมกับหมวกใบนั้นแล้วจริงๆ 
- ท้ายที่สุดเหลือแต่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ เท้าเปล่า มันคือการบอกว่า กลับมาอยู่กับตัวเองและรักตัวเองดีที่สุด
- สุดท้ายยอมเดินออกจากตรงนี้ตัวเปล่า ไม่เอาอะไรมาเลย มีเพียงมือกุมหัวใจตัวเองออกมา
- นาทีที่ 4.31 ตัว MV ยังแสดงให้เห็นว่าคนเรามีทางเลือกเสมอ ทางโดดลงมาจากดาดฟ้าหรือไม่ก็เดินลงมาใช้ชีวิตต่อ 

รวมบทสรุปของนัยยะที่สื่อใน MV มาจากหลายๆ คอมเม้นท์ต่างๆ ใน youtube ค่ะ 

และบทสรุปสุดท้าย คือ เพลงนี้ประชดเก่ง

... เจ็บน้อยที่สุด จริงๆ คือ การบอกความจริงๆ ว่าไม่รักกันแล้ว ไม่ต้องรอ ต่างหาก




 

Create Date : 13 พฤษภาคม 2562    
Last Update : 13 พฤษภาคม 2562 16:26:07 น.
Counter : 680 Pageviews.  

ปลุกความเยาว์วัยในตัวเอง ผ่านงานเขียนเก่าๆ ที่ได้กลับมาอ่านซ้ำ



ด้วยหน้าที่การงานของชีวิตที่เปลี่ยน การให้ความสำคัญก็เปลี่ยนไป

คำว่า "ไม่มีเวลา" มักเป็นคำที่เรามักใช้เมื่อเราไม่ต้องการจะทำอะไรบางอย่างกันอย่างคุ้นชิน
จริงๆ แล้ว มันเป็นเรื่องของการไม่แบ่งเวลาหรือการให้ความสำคัญกับมันมากกว่าสิ่งที่ต้องทำหรือกำลังทำอยู่
มันเป็นคำปฏิเสธอย่างสุภาพทั้งต่อบุคคลอื่นและคำแก้ตัวต่อตนเองกับกิจกรรมเหล่านั้น

วันนี้คิดถึงคนๆ หนึ่งใน Bloggang จึงหวลกลับเข้ามาใน Blog เลยได้มีโอกาศนั่่งอ่านงานเขียนเก่าๆ ใน Blog ของตัวเองด้วย งานเขียนถือกำเนิดจากความต้องการบันทึกเรื่องราวการเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซด์ที่เราในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งได้ทำ ซึ่งในเวลานั้นมีแทบจะนับรายหัวได้ กับความต้องการที่จะปลุกให้ผู้หญิงลุกออกมาทำกิจกรรมสนุกๆ นอกบ้าน ลามไปถึงเรื่องราวทางการแพทย์ จนเริ่มบ่นไปเรื่อยเรื่องนั้นเรื่องนี้

ไหลออกทะเลไปละ วกเข้าเรื่อง ... 10 ปีผ่านไป เราพบว่าตัวตนเดิมยังคงอยู่ แม้จากการอ่านจะพบว่าในแต่ละช่วงชีวิตมีความหมกมุ่นไม่เหมือนกัน บางช่วงความรัก ความฝัน ความต้องการในชีวิต จนถึงวันนี้ตัวตนจะมีความเปลี่ยนแปลงไปบ้าง จากที่เราคิดว่าเราเติบโตขึ้นแล้วจากภาระหน้าที่ๆ ต้องทำ แต่เรื่องที่อยู่ในจิตใจไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย ความฝัน ความหวัง ความสับสนยังเหมือนเดิม ทำให้พบว่าจริงๆ แล้วอายุเท่านั้นที่ดำเนินไป แต่ใจยังเด็กเหมือนเดิม แบบนี้จะเรียกว่า Young Heart ได้รึเปล่านะ

ใครที่ผ่านมาอ่านก็ขอบคุณนะคะ ถ้าเป็นคนเก่าๆ ที่เคยติดตามกัน ลองเล่าชีวิตของคุณให้ฟังบ้าง ว่า 10 ปีผ่านไปเป็นอย่างไรกันบ้าง เหมือนกันไหม

การเขียน (หรือพิมพ์) ออกมา จะช่วยกลั่นกรองความคิดได้เป็นอย่างดี ทบทวนความรู้สึก ตั้งใจไว้หลายครั้งว่าจะกลับมาเขียนใหม่อีก แต่ก็ทำไม่ได้สักที แล้วก็แก้ตัวไปเรื่อย อยากเขกหัวตัวเองนัก

ช่วงนี้งดกิจกรรมเกือบทุกอย่าง เพราะงานที่ทำให้กระดิกตัวไปไหนไม่ได้มาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว คงต้องถึงเวลาสังคยานาการแบ่งเวลาชีวิตตัวเองสักที

สัญญา (กับตัวเอง) ว่าคราวนี้จะทำจริงให้ได้ จะไม่มีคำว่า "ไม่มีเวลา" อีกแล้ว




 

Create Date : 03 กันยายน 2561    
Last Update : 3 กันยายน 2561 14:24:46 น.
Counter : 1238 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

blue passion
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




มีหัวใจไว้เดินทาง ค้นหาความหมายของชีวิต เพื่อเติมเต็มให้กับคำถามที่เกิดขึ้นมากมายระหว่างการเติบโต วิธีการในการเดินทางมีมากมาย แต่ ณ วันนี้ ขอเลือกสองล้อเป็นพาหนะในการนำพาไปสู่จุดหมายปลายทาง

Site Meter

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add blue passion's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.