ขับต่อไปเรื่อย เจอป้าย Cape Oteway จากการหาข้อมูลมาก็รู้ว่าเป็นจุดแวะอีกจุด คือ มีประภาคาร แต่พอไปถึงพบว่าต้องเสียตังค์ค่าเข้า และก็เดินไกลพอสมควร จึงขอบาย แต่ระหว่างทางที่ขับเข้ามา จะผ่านป่ายูคาลิปตัสใน Oteway national park สงสัยอยู่เหมือนกันว่าจะเจอตัวไหม พอดูให้ดีๆ ก็เห็นหมี Koala ตัวเป็นๆ เกาะอยู่ตามยอดไม้เต็มไปหมด
ตอนนี้เป็นเวลา 5 โมงกว่าแล้ว ต้องขับอีกเกือบ 100 โล เพื่อไปดู Highlight ของถนนเส้นนี้
London Bridge Scenic View จะเลย Port Campbell ไปไม่ไกลนัก หลังจากแวะจุดสุดท้ายก็ย้อนกลับไปกินข้าวที่นั่น จนถึงเวลา 3 ทุ่ม แล้วก็ขับกลับโดยเส้นทางสายใน ให้ตั้ง GPS ไป Colac เพราะเส้นทางจะไม่คดเคี้ยว ถึงที่พักก็ราวๆ เที่ยงคืน (แต่ขอบอกว่าเส้น Local Road เหยียบกระจายเลยนะคะ ^^ ช่วงถนนใหญ่หรือผ่านเมืองห้ามเหยียบเด็ดขาดนะ เด๋วจะมีใบสั่งตามส่งถึงบ้าน)
วันที่ 4 ของการเดินทาง ช่วงเช้าเราวางแผนไปนั่งรถไฟไอน้ำ
Puffing Billy กัน จริงๆ แล้วควรไปขึ้นตั้งแต่ต้นสาย คือ Belgrave Station จะมีจุดที่เป็นสะพานไม้ข้ามถนนอยู่ ซึ่งถือเป็น Highlight แต่เราดันตาม GPS ไปผิดสถานี จึงไปขึ้นที่ Menzies Creek ซึ่งเป็นสถานีที่ 2 เลยพลาดจุดนั้นไปอย่างน่าเสียดาย แต่อย่างไรก็ตาม วิว 2 ข้างทางตลอดเส้นทางจนไปถึงสถานี Lake Side ก็ยังสวยงามไม่น้อย ผ่านดงต้นไม้ใหญ่ มองเห็นวิวเมือง (รถไฟเที่ยวแรกคือ 10:30)
ถัดจากรถไฟไอน้ำ ตามแผนคือ จะไปหา Winery นั่งชิวๆ แต่ลองเปิด GPS ดูแล้วต้องขับรถขึ้นเหนือไปอีกว่า 50 km กลัวว่าจะไป
Phillips Island ไม่ทัน เพราะต้องขับรถจากตรงนี้ไปอีกกว่าร้อยกิโล และบนเกาะ นอกจาก Penguin Parade แล้วก็ยังมีจุดให้เที่ยวชมอีกหลายแห่ง (ลองเข้าไปดูในเวปที่ให้ไว้นะคะ)
เราแวะที่ i-site เพื่อซื้อตั๋วเข้า
Phillips Island Nature Park เราเลือกซื้อตั๋ว 3 Park Pass + Penguin Plus คือ เข้าดู
Penguins Parade, Koalas Conservation Center and Churchill Island
- Churchill Island เป็นเกาะเล็กๆ ที่เข้าเกาะได้โดยผ่าน Phillips Island อีกที มีโชว์ตัดขนแกะ รีดนมวัว ตัวอย่างฟาร์มในอดีต มีสัตว์ต่างๆ มากมาย มีโชว์อย่างละ 1 รอบต่อวันเท่านั้น ถือว่าเพลินๆ ดีค่ะ Sheep Shade Shearing
เขาว่าคนตัดขนแกะ เป็นอาชีพที่มือนุ่มที่สุด เพราะขนแกะมี Lanolin เยอะ
- Koalas Conservation Center อันนี้ผิดหวังอย่างแรง นึกว่าจะมีเยอะ ที่ไหนได้มีไม่กี่ตัว และไม่ได้อยู่อย่างธรรมชาติ เป็นการจัดฉาก แต่ถ้าไม่มีเวลาไปศูนย์อื่น ก็ถือว่าดีกว่าไม่ได้ดู เพราะจริงๆ ที่นี่มีศูนย์ Koala เยอะแยะมากมาย ได้ยินมาว่ามีอยู่ศูนย์นึงแถวๆ ทางไป Blue Mountain ที่ Sydney หรือไม่ก็ที่ Maru koala park อยู่บนเส้นทางที่จะไป Phillips Island นี่แหละ มี Encounter ด้วย
Wallaby จิงโจ้พันธุ์เล็ก
เห็นหมีแล้ว ก็ขับรถไปต่อ วันนี้เจ้าหน้าที่บอกว่าน้องกวิ้นจะกลับบ้านราวๆ 2 ทุ่ม จึงพอมีเวลาเหลือ เราจึงไปที่ The Nobbies ซึ่งอยู่เลยที่ซุ่มโป่งดูน้องกวิ้นไปเล็กน้อย ตรงจุดนี้มีสะพานให้เดินชมวิว ซึ่งเนินหญ้าใต้สะพานไม้นี้ จริงๆ ก็มีรังเพนกวินอยู่ด้วย ก้มดูใต้สะพาน จะเห็นเพนกวินขนอ่อนๆ หลายตัวทีเดียว และเป็นจุดลงเรือไปดูแมวน้ำที่ Seal Rock
- Penguins Parade คือ ไปดูนกเพนกวิน (หน้าตาเหมือนรูปข้างบน) ที่ออกไปหาอาหาร เดินทางกลับบ้าน มีจำนวนเป็นร้อยๆ ตัว เราเลือกซื้อตั๋ว Penguin Plus อัตถจรรย์ที่นั่งชม จะแยกออกมา และมีขนาดเล็กกว่า แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าเพนกวินจะเดินมาทางนี้มากกว่า น่ารักมากๆ และก็มีเยอะมากจริงๆ ปัจจุบันห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด แม้จะไม่ใช้แฟลชก็ตาม น้องแพนกวินกลับบ้านตรงเวลาแป๊ะ 3 ทุ่มกว่าก็ยังพากันกลับบ้านไม่หมด บางตัวก็ดูงงๆ หารังไม่เจอ จะมีบ้างไหมนะที่กลับบ้านไม่ถูก หน้าตากริยาท่าทางน่ารักชะมัด ^^ ไม่มีรูปตอนที่นั่งดู เพราะอย่างที่บอกห้ามถ่ายรูป ออกจากเกาะกว่ากลับถึงบ้านก็เที่ยงคืนพอดี แต่คืนนี้ฝันดีแน่ๆ เพราะแพนกวินน่ารักจริงๆ ค่ะ
วันที่ 5 ของการเดินทาง สายๆ กลับเข้าไปในเขต CBD อีกครั้ง เพื่อไปเก็บตก (จริงๆ เข้าไปช็อปกันมากกว่า) บ่ายๆ ว่าจะไป Winery แต่ช็อปกันเพลินมากจนไม่สนใจจะไปไหนต่อแล้ว 555+
พรุ่งนี้...เราจะไป Sydney แล้ว ติดตามเป็นตอนต่อไปนะคะ