เรื่องราวผู้หญิงกับการเดินทางด้วยหัวใจ 2 ล้อ (มอเตอร์ไซด์) รวมถึงการท่องไปในโลกกว้างด้วยวิธีการอื่นๆ คลอเคล้าด้วยคนตรีไพเราะหลากหลายรูปแบบ เรามาผจญภัยด้วยกันนะคะ
"หมอ...ไม่มีจรรยาบรรณ"



หลายครั้งที่หมอถูกชี้หน้า...และตะโกนด่าว่า " ไม่มีจรรยาบรรณแพทย์ "
ซึ่งในเหตุการณ์เหล่านั้นมักเกิดจากความไม่พอใจเมื่อคนไข้ไม่ได้อย่างใจ
การนำมาเล่า...อาจฟังดูไม่น่าเชื่อถือ หรือ เข้าข้างพวกเดียวกันเอง

ความหมายของคำว่า จรรยาบรรณ [จันยาบัน, น.] ตามพจนานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถานพศ.2542 คือ ประมวลความประพฤติที่ผู้ประกอบอาชีพการงาน แต่ละอย่างกําหนดขึ้น เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณชื่อเสียง และฐานะของสมาชิก อาจเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ได้

ถ้ายึดตามความหมายนี้ ต้องหมายถึงความประพฤติของผู้ประกอบวิชาชีพนั้นๆ ถ้าไม่คิดเข้าข้างตนเองจนเกินไป น่าจะหมายถึงดำรงตนให้กระทำตามหลักวิชาชีพในแต่ละวิชาชีพ

จะเห็นว่าในทุกๆอาชีพย่อมต้องมีจรรยาบรรณแห่งอาชีพตน

แพทย์ คือ บุคคลผู้ได้รับการศึกษาทางการแพทย์จนจบ แล้วได้ทำการประกอบอาชีพในสาขาที่ได้ร่ำเรียนมา แต่อย่างที่เรารู้ว่าศาสตร์ในการรักษาทางการแพทย์นั้นจัดเป็นศิลปะ เพราะการรักษาในแต่ละบุคคล แม้จะอ้างอิงหลักการเดียวการ แต่การตัดสินใจในการให้การรักษาอย่างใดต่อบุุคคลนั้นล้วนแล้วแต่มีความแตกต่างไม่มากก็น้อย ดังนั้นจะเห็นได้ว่าโรคเดียวกัน แต่เมื่อเราไปพบแพทย์ต่างคน ก็อาจได้รับการรักษาหรือความคิดเห็นที่ต่างไป นั่นหมายความความหมอแต่ละคนย่อมมีความคิดและการกระทำเป็นปัจเจกบุคคล

โดยปรกติแล้วคงไม่มีใครชอบแน่ ถ้ามีคนอื่นที่ไม่เรียนรู้ในสิ่งเดียวกับคุณมาแสดงท่าทางหรือบ่งบอกว่ามีความต้องการอะไรบางอย่าง ที่ไม่สอดคล้องกับองค์ความรู้หรือความเชื่อของตนเองโดยไม่มีสิ่งอ้างอิงที่เชื่อมายิ่งไม่ชอบใหญ่ ทำให้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้มีการตอบสนองต่อสิ่งกระทำออกมา

แต่ลองดูเหตุการณ์ตัวอย่างเหล่านี้
กรณีที่ 1: คนไข้มาโรงพยาบาลด้วยอาการหวัดตอนห้าทุ่ม ให้ประวัติว่าเป็นมาตั้งแต่เมื่อคืน ตรวจต่างกายไม่พบว่ามีน้ำมูกหรือคัดจมูกมาก ไม่มีไข้ แต่ต้องการใบรับรองแพทย์ของวันนี้และพรุ่งนี้ หมอพิจารณาลักษณะแล้วคิดว่า ผู้ป่วยอาจจะมีอาการหวัดจริง แต่ก็เป็นเพียงเล็กน้อย การหยุดงานในวันนี้จริงๆแล้วก็แทบไม่สมควร แต่กลับต้องการของวันรุ่งขึ้น หมอถามว่าทำไมมาตอนกลางคืน ผู้ป่วยตอบว่ามาไม่ไหว ในขณะที่ไม่ยาใดๆกินขณะพักอยู่ที่บ้าน หมอจึงให้เพียงใบรับรองการตรวจรักษา ผู้ป่วยโดยวายแล้วชี้หน้าต่อว่าหาว่าหมอไม่มีจรรยาบรรณ

กรณีที่ 2: คนไข้สูงอายุ ญาติพามา อาการเบื้องต้นเป็นไข้หวัดมาหนึ่งวัน ญาติต้องการให้รับไว้นอนในโรงพยาบาล หมอไม่รับตัวคนไข้ไว้ เพราะยังไม่จำเป็นและไม่มีการรักษาอื่นใดนอกจากการรับประทานยา ญาติไม่พอใจและยังยืนกรานจะให้รับไว้ เมื่อในที่สุดหมอไม่รับไว้ ญาติจึงเริ่มต่อว่าและจบด้วยคำพูดว่าหมอคนนี้ไม่มีจรรยาบรรณ

กรณีที่ 3: คนไข้ดื่มสุรามาเล็กน้อย ขี่รถมอเตอร์ไซด์ประสบอุบัติเหตุ มีบาดแผลถลอกตามร่างกาย และแผลสกปรกเศษขี้ดิน หมอสั่งล้างแผล แต่เนื่องจากแผลสกปรก จึงต้องขัดถูทำความสะอาด ผู้ป่วยจะไม่ยอมให้ล้างแผล แต่หมอและพยาบาลบังคับทำ(จนได้) แน่นอน...ได้รับคำผรุสวาทมากมาย และในนั้นต้องมีคำว่า"ไม่มีจรรยาบรรณ"

กรณีที่ 4: คนไข้ดื่มสุราและประสบอุบัติเหตุสลบในที่เกิดเหตุ แม้จะไม่มีบาดแผลใดๆที่ศีรษะ แต่หมอต้องการรับตัวไว้ในโรงพยาบาล เมื่อคนไข้รู้สึกต้ว โวยวายต้องการกลับบ้าน หมออธิบายถึงความจำเป็นว่าต้องอยู่โรงพยาบาลเพื่อสังเกตุอาการ ผู้ป่วยไม่ยอมและญาติไม่ห้าม จึงได้ให้ลงชื่อว่าไม่ต้องการรับการรักษา สองชั่วโมงต่อมาญาติพากลับมาเพราะผู้ป่วยหมดสติ สุดท้ายเสียชีวิตจากเลือดคั่งในสมอง ญาติไม่พอใจหาว่าหมอไม่มีจรรยาบรรณ พูดว่าถ้าคิดว่าไม่สมควรกลับทำไมไม่รั้งไว้จนถึงที่สุด

กรณีที่ 5: คนไข้มีแผลเย็บที่หน้าขนาด 2 เซ็นติเมตรจากของมีคม ต้องการให้แพทย์ออกใบรับรองแพทย์หยุดงานมากกว่าสี่วัน ซึ่งบาดแผลขนาดนี้ไม่จำเป็นต้องหยุดนานขนาดนี้ เพราะไม่มีบาดแผลอื่นๆร่วมและอาการข้างเคียงใด เพื่อเบิกเงินชดเชยร่วมกันได้หยุดงาน เมื่อหมอไม่ออกให้ก็มีการต่อว่าหาว่าไม่มีน้ำใจและเช่นเดิม "ไม่มีจรรยาบรรณ"

กรณีที่ 6: คนไข้มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูงที่ไม่มีโรคแทรกซ้อนใดๆ มีนัดมารับยาประจำทุกเดือน คนไข้ต้องการให้ออกในรับรองแพทย์แบบหยุดงาน ซึ่งไม่จำเป็น เพราะโดยปรกติการรับยาโรคประจำตัวที่ไม่ได้มีการตรวจพิเศษใดๆ ทางโรงพยาบาลได้เปิดแผนกผู้ป่วยนอกรองรับจะถึง 21-22.00 น. (แล้วแต่โรงพยาบาล) อยู่แล้ว เมื่อไม่ได้ใบรับรองแพทย์ดังใจนึก ก็มีเสียงลอยมากระทบหูว่า "หมออะไร...ไม่มีจรรยาบรรณเอาซะเลย ความดันโลหิตสูงก็จัดเป็นว่าโรค ก็ถือว่าป่วยสิ ทำไมจะหยุดไม่ได้"

มีเหตุการณ์อื่นๆ อีกมากมายที่คำๆ นี้ ถูกนำมาใช้เป็นคำต่อว่าแพทย์ (บางคนอ่านแล้ว อาจจะคิดว่าจะไปถืออะไรกับคนเมา คนกำลังเศร้าหรือโมโห แล้วทำไมเวลาจะพูดอะไรไม่เห็นคิดกันบ้าง พอไม่ได้ดังใจก็โวยวาย ด่าทอ เป็นหมดไม่ว่าจะเรียนน้อย เรียนสูงแค่ไหน) สำหรับหมอแล้ว...คำๆ นี้เป็นคำที่เจ็บปวด เพราะหมอทุกคนล้วนแล้วแต่ทำงานโดยมีพื้นฐานอยู่บนจรรยาบรรณทั้งนั้น มิฉะนั้น...หมอทุกคนคงเพิกเฉยต่อความเจ็บป่วยที่พวกคุณมี ถ้าว่ากันตามจริง คนที่ป่วยคือคุณ ซึ่งเป็นคนอื่น ไม่แม้แต่จะเป็นญาติกัน แต่เพราะความต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สิ่งนี้ทำให้หมอได้มาทำหน้าที่คอยดูแลผู้ป่วย ทั้งๆ ที่มันไม่ได้ให้อะไรกับหมอเลย

บางคนอาจจะบอกว่าหมอได้ความรวยไง เพราะอะไร...ค่าจ้างที่แพงกว่าเหรอ แต่ลองคิดถึงชั่วโมงการเรียนที่มากกว่า ค่าตำราที่มากกว่า ค่าความรับผิดชอบที่มากกว่า ค่าความต่างคือค่าวิชชาชีพ และเงินที่ได้มากกว่าก็มาจากชั่วโมงการทำงานที่มากกว่า บางคนต้องทำงานกว่า 60-80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

หลายครั้ง...ที่คุณเดินเข้ามาบอกว่าป่วยเป็นอย่างนี้ พร้อมๆกับว่าจะเอายาตัวนี้ตัวนั้น วินิจฉัยเอง สั่งยาเอง แล้วมา รพ. ทำไม
หลายครั้ง...ที่หมอวินิจฉัยว่าเป็นอะไร คุณไม่เชื่อเพราะในโทรทัศน์บอกว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งๆที่ในทีวี คนที่พูดไม่ใช่หมอ เอาข้อมูลมาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วคุณมา รพ.ทำไม
หรือบอกว่าหมอคนนั้นไม่เห็นบอกว่างี้เลย แล้วทำไมไม่ไปหาหมอคนเดิม
หลายครั้ง...ที่คุณต้องการจะให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะได้ยินเขาว่า ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ไปให้เขาคนนั้นรักษาพวกคุณ
หลายครั้ง...ที่หมอพูด คุณ...เหล่าคนไข้ไม่เคยฟัง
หลายครั้ง...ที่โรคเดิมๆ กลับมาเป็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะคุณไม่เคยดูแลตัวเอง ไม่เคยมองว่าโรคเกิดขึ้นได้อย่งไร ต้องแก้ไขการปฏิบัติตัวยังไง แล้วจะมีสุขภาพดีได้ยังไง

การดูแลสุขภาพพื้นฐาน ได้แก่
- การกิน กินอาหารให้ตรงเวลา กินอาหารให้ครบห้าหมู่ กินอาหารให้ไม่มากเกินไป ไม่ให้มีไขมันสูงเกินไป
- การนอน นอนหลับให้เพียงพอ
- การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- สุขภาพจิตที่ดี
ข้างต้นจะเป็นการป้องกันโรคที่ดีที่สุด แต่ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครรักตัวเอง แล้วทำไมเวลาป่วยมาโทษหมอว่ารักษาไม่หาย ขนาดเวลาป่วยยังไม่ดูแลตัวเองเลย อ้างว่าไม่มีเวลา ยาทำหน้าที่รักษาโรค อาจจะป้องกันอาการที่เกิดจากผลของโรคในอนาดตได้ในโรคเรื้อรังต่างๆ แต่ตัวมันไม่ได้ป้องกันโรค นั่นหมายความว่าการกินยาไม่ได้หมายความว่า คุณจะไม่กลับมาเป็นโรคที่เคยเป็นอีกต่อไป

ยกตัวอย่างเวลาเราอยากได้คอมพิวเตอร์ คงไม่มีใครกล้าเดินเข้าร้านค้าถ้าไม่รู้อะไรเลยจริงๆ หรือถ้าไม่รู้ เมื่อเดินเข้าไปแล้วได้รับข้อมูล เชื่อว่าทุกคนคงกลับบ้านมาหาหนังสือหรือเปิดอินเตอร์เน็ทเป็นแน่ แต่กับเรื่องสุขภาพ น่าแปลกใจ ที่ส่วนน้อยจะหาความรู้ให้กับตัวเองอย่างจริงจัง ผลักภาระให้แพทย์ มองว่าความรู้ทางการแพทย์เป็นเรื่องไกลตัว เข้าใจยาก จริงอยู่ศาสตร์การแพทย์เป็นอะไรที่ซับซ้อน ยากที่จะเข้าใจในผู้ที่ไม่เคยผ่านการศึกษา นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การสือสารระหว่างแพทย์ คนไข้ ญาติ เป็นเรื่องที่ยาก จึงทำให้บ่อยครั้งแพทย์จึงละเลยที่จะอธิบาย เพราะคิดว่าพูดไปก็ไม่เข้าใจอยู่ดี คนไข้และญาติละเลยที่จะฟัง เพราะฟังแล้วก็ไม่เข้าใจได้ทั้งหมด และนอกจากนี้คนไข้มักไม่ให้ร่วมมือในการรักษาเพื่อให้อาการดีขึ้น กลับคิดจะพึ่งแต่ยา ซึ่งโรคบางอย่างยาไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ต้องใช้การดูแลตัวเอง ปรับเปลี่ยนหรือเลิกพฤติกรรมบางอย่างเพื่อให้หายหรือทำให้อาการป่วยดีขึ้น

ทุกคนมีเวลาเท่ากัน 24 ชั่วโมงต่อวัน ไม่ขาดไม่เกิน เรื่องการดูแลสุขภาพ ทำไมบางคนทำได้ ทำไมบางคนทำไม่ได้ ทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำ

ผู้ป่วยบางคนที่ไม่ดูแลตัวเอง พอหมอเข้าไปยุ่งมากๆ ก็หาว่ายุ่งทำไมเรื่องของเขา แต่พอไม่ยุ่ง ก็บอกว่าเป็นหมอนะ หน้าที่คือดูแลคนป่วย ไม่ว่าเขาจะปฏิเสธอย่างไร ก็ต้องทำ ต้องมีจรรยาบรรณนะ ตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่

คนไข้และญาติ...เคยถามตัวคุณเองบ้างไหม ว่าในชีวิตนี้คุณสามารถคลุกคลีกับความเสี่ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรค ของมีคมที่สัมผัสตัวคนไข้ หรือแม้แต่ต้องมาสัมผัสสิ่งปฏิกูลจากร่างกายผู้ป่วย (น้ำมูก อาเจียน น้ำลาย อุจจาระ ปัสสาวะ หนอง สารคัดหลั่งจากที่ต่างๆ) บางคนแม้กระทั้งบุพการีตัวเอง พวกคุณยังไม่อยากจะสัมผัสสิ่งปฏิกูลจากร่างกายพวกเขาเลย พวกคุณเคยคิดว่าทนได้ไหม แต่เวลาคุณมาโรงพยาบาลพวกคุณจิกนิ้วชี้ให้พยาบาลทำนู่นทำนี่ คิดว่าจะต้องให้เป็นอย่างนู้นอย่างนี้ ต้องได้อย่างใจ จิกหัวยิ่งกว่าคนใช้ในบ้านซะอีก

ลองสำรวจใจตัวเองดีๆ ว่าการนำคนชราหรือพิการที่เป็นญาติของคุณมาทิ้งไว้ รพ. เพราะไม่มีเวลาดูแลจริงๆ หรือเพราะรังเกียจคิดว่าเป็นภาระกันแน่

ถ้าเพราะไม่มีคำว่าจรรยาบรรณ ไม่ว่าจะเป็นหมอหรือพยาบาลค้ำคอ ใครจะทำ

จุดเริ่มต้นของทุกคนที่เดินเข้าสู่อาชีพทางการแพทย์และสาธรณสุข คือ ความต้องการช่วยเหลือผู้อื่น แม้ ณ วันนี้ของเหล่าบุคลากรทางการแพทย์จะทำด้วยความเคยชิน จนไม่รู้สึกรังเกียจ แต่ไม่ได้หมายความว่าบุคคลเหล่านี้จะต้องมารองรับอารมณ์ใครต่อใครได้

แพทย์ก็เป็นคน เป็นมนุษย์ มีเลือดเนื้อ มีหัวใจ ที่สำคัญยังไม่ได้บรรลุโสดาบัน ฉะนั้น คนเป็นหมอไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำอะไรไม่มีพลาด ทำถูก ทำดีมันซะทุกอย่าง หมอก็มีอารมณ์เป็น คุณแรงมา หมอก็แรงไปได้ คุณกวนมา หมอก็โมโหได้ การที่คุณทุกข์ใจ เสียใจหรือไม่ได้อย่างใจ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเอาอารมณ์ที่มีไปลงกับผู้อื่นได้โดยคิดว่ามันไม่ผิด

ถ้าการมีจรรยาบรรณแพทย์คือการต้องทำให้ผู้ป่วยและญาติพึงใจจนถึงที่สุด ก็ขอไม่มีกับคบคนเหล่านี้ดีกว่า
ก่อนจะด่าหมอหรือใครต่อใครว่ามีจรรยาบรรณมั๊ย ไม่ต้องคิดถึงว่าคุณอาชีพอะไร เรียนอะไรมา หรือว่าเลิศหรูอลังการแค่ไหน
จรรยาบรรณของความเป็นมนุษย์ที่มี EQ น่ะพวกคุณมีกันไหม
การด่าคนอื่นเพียงเพราะไม่ดังใจเหมือนเด็กไม่รู้จักโตนี่จะเรียกพวกคุณๆ เหล่านี้ว่าอะไรดี


Create Date : 12 พฤษภาคม 2552
Last Update : 13 พฤษภาคม 2552 23:50:56 น. 1 comments
Counter : 2365 Pageviews.

 
แอบเห็นพี่หมอแหววใน Hi5 เอ้ เพราะพอดีแฟนต่ายก็ขี่ HD อยู่ เลยได้มีโอกาสรู้จักกับเอ้น่ะค่ะ เลยแอบแอดพี่หมอไปเรียบร้อยแระ แต่ไม่ได้เมนท์หาเลย แหะๆ

ได้มาอ่านบล็อกแล้วถูกใจหัวข้อนี้มากๆค่ะ เลยอยากจะขอเอาไปลงที่บอร์ดสุขภาพของเวป dbigbike หน่้อยนะคะ ต่ายดูแลห้องนั้นอยู่น่ะค่ะ ยังไงจะไม่ลืมลงเครดิตจ้า

ขอบคุณพี่หมอล่วงหน้าครับผม


โดย: ต่ายค่ะ ^^ (ever*and*after ) วันที่: 6 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:13:57 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

blue passion
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




มีหัวใจไว้เดินทาง ค้นหาความหมายของชีวิต เพื่อเติมเต็มให้กับคำถามที่เกิดขึ้นมากมายระหว่างการเติบโต วิธีการในการเดินทางมีมากมาย แต่ ณ วันนี้ ขอเลือกสองล้อเป็นพาหนะในการนำพาไปสู่จุดหมายปลายทาง

Site Meter

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add blue passion's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.