คืนกำไรให้ชีวิต เพื่อพิชิตไปในโลกกว้าง
space
space
space
space

ทอดผ้าป่าสามัคคี อ.ผาขาว จ.เลย โน้มนำบุญมาฝากทุกคน ค่ะ
ทอดผ้าป่าสามัคคี อ.ผาขาว จ.เลย
โน้มนำบุญมาฝากทุกคน ค่ะ

การทอดผ้าป่า  เป็นประเพณีอันดีงามสืบเนื่องมาแต่โบราณกาล  ซึ่ง
สามารถจัดการทอดผ้าป่าได้ตลอดทั้งปี  ค่ะ 
การทอดผ้าป่าครั้งนี้  สืบเรื่องมาจากน้องเล็ก (มาริสา)และคณะเพื่อนที่
ไปร่วมแสวงบุญที่ประเทศอินเดียเมื่อต้นปี 2563  
ได้ตั้งใจจัดการทอดผ้าป่าที่วัดป่าวิเวกภูเขาวง  อ.ผาขาว จ.เลย ซึ่ง
มีหลวงตาเป็นเจ้าอาวาส  ซึ่งหลวงตานั้น เชื่อว่า
ในอดีตชาติเป็นพ่อของพระอาจารย์กิตติพันธ์และพ่อของน้องเล็กด้วย
การจัดการทอดผ้าป่าครั้งนี้ จึงได้เกิดขึ้น ค่ะ 
ส่วนการทอดผ้าป่าที่สถานปฏิบัติธรรมของพระอาจารย์กิตติพันธ์ ซึ่ง
ได้เชิญชวนลูกศิษย์ลูกหาทำบุญทอดผ้าป่า
เพื่อทำถนนเข้าไปยังสถานปฏิบัติธรรมของท่าน  ทางเดิมนั้นเป็นดิน
เหนียว เวลาฝนตก การเดินทางยากลำบาก 
ท่านจึงได้คิดที่จะทำถนนคอนกรีตเข้าสถานปฏิบัติธรรม  เพื่ออำนวย
ความสะดวกแก่ญาติโยมที่จะมาปฏิบัติธรรม  
กำหนดการจะทอดผ้าป่าในวันที่ 18  เม.ย. ซึ่งการทอดผ้าป่าทั้งสอง
แห่งเวลาใกล้เคียงกันมาก  คงไปงานทอดผ้าป่าทั้งสองแห่ง
ไม่ไหว  ประกอบกับฉันได้ดำเนินการเป็นสะพานบุญบอกเหล่าลูกศิษย์
และเพื่อนบ้าน ได้ปัจจัยการทำบุญครั้งนี้ สี่หมื่นกว่าบาท
จอย จึงเสนอว่า  จำนวนเงินปัจจัยที่ฉันเป็นสะพานบุญกับจอยอีก 5000
บาท รวมกับกลุ่มลูกศิษย์ทางสมุทรปราการ คือ กลุ่ม ต้อย  จุ๊
คงพอจะจัดการทอดผ้าป่าเฉพาะคณะเราก่อน  จอย รับหน้าที่ไปคุย
กับพระอาจารย์กิตติพันธ์ในเรื่องนี้ ค่ะ 
จึงเป็นที่มาของการทอดผ้าป่าทั้งสองแห่งในครั้งนี้ ค่ะ 

เช้าวันที่ 2  จอยมารับที่บ้าน เวลาตี5  ที่จริงจะมารับประมาณ ตี4 ครึ่ง
แต่เกิดปัญหาออกรถสายและหลงทางมาบ้านฉัน
จอยมาถึงบ้านฉัน ประมาณ ตี5 เศษ ๆ มีน้องผู้ชายและน้องผู้หญิงมา
ด้วย  น้องผู้ชาย เป็นคนขับรถ ชื่อว่า จอร์จ 
น้องผู้หญิงชื่อว่า หลง เป็นตากล้องที่จอยให้มาช่วยกันถ่ายรูปในครั้งนี้
จอร์จมาช่วยจัดกระเป๋าของฉัน ของทัศนีย์ และดาว 
(เพื่อนร้านโจ๊ก สุขุมวิท38 สายบุญประจำของฉัน)  เมื่อจัดกระเป๋าเสร็จ
แล้ว จอยให้ฉันและเพื่อนไปนั่งแถวสอง เพราะจะมี
คนสูงอายุมานั่งแถวหน้า  ฉันก็แปลกใจ ใครนะที่จะแก่กว่าฉัน ฉันก็รู้
อยู่แล้วว่า แถวหน้า คือ เอมและเพื่อนของเอม นั่นเอง
ปรกติ ฉันไปรถตู้มักจะนั่งแถวแรก เพราะเข่าฉันไม่ดี ต้องมีที่วางเท้า
ซึ่งแถวแรกจะมีที่วางเท้าให้ด้วย  ขาจะได้ไม่บวม 
รถออกจากบ้านฉันแล้ว  ก็ไปแถวบ่อนไก่รับเอม  ต่อจากนั้นก็ไปรับ
เพื่อนของเอม  ชื่อ คุณอัชฌา (แก่กว่าฉัน 1 ปี อิอิ) 

จุดนัดพบกับรถอีกสองคัน  คือ คันของ ต้อย และเล็ก  ครั้งนี้รวมเป็นรถ
ทั้งหมด 3 คัน ค่ะ  รถคัน ต้อยไปรับพระอาจารย์กิตติพันธ์
ที่วัด พระยายัง  เป็นรถที่มาถึงจุดนัดพบ เป็นคันแรก กำลังทานอาหาร
มื้อเช้ากัน  ต่างคนต่างซื้อกินไป การไปครั้งนี้
จอยให้เก็บคนละ 3,000 บาท เป็นค่ารถและค่าที่พัก  อาหารให้ต่างคน
ต่างจ่าย  เอมอรทำหน้าที่เก็บเงินจากสมาชิกให้จอย
ฉันซื้อแกงมะระกระดูกหมูกินเปล่า ๆ เพราะว่ากินข้าวพร้อมยาเรียบร้อย
แล้ว  จึงกินแต่แกงจืด ไม่ได้ซื้อข้าวกิน
ทุกคนเจอหน้ากัน ก็ดีอกดีใจ  รถคันของต้อย ฉันรู้จักแต่ วรรณ จุ๊ ต้อย
พระอาจารย์ ซึ่งไปแสวงบุญกันที่อินเดีย อีก 4 คน
น่าจะเป็นเพื่อนของจุ๊และต้อย มีผู้ชายอีกคน  แว่ว ๆ ยินมาว่า เป็นแฟน
ของจุ๊  นั่นเอง  (น่าจะใช่ นะ)  
 
ก่อนขึ้นรถหลังทานข้าวเสร็จ  ไปกราบพระอาจารย์ซึ่งนั่งอยู่ในรถไม่ได้
ลงมาที่ร้านอาหารและนำสมอของทัศนีย์ไปให้ท่านด้วย
รถแล่นไปเรื่อย ๆ น่าจะประมาณ 10 โมง เศษ ๆ  น่าจะได้  ก็แวะร้าน
อาหารเพื่อถวายอาหารเพลแด่พระอาจารย์
พระอาจารย์ฉันอาหารวันละมื้อเท่านั้น  จะฉันประมาณ 10,30 น. มาถึง
ที่ร้านอาหารนี้ (ซึ่งคิดว่าจอยคงเคยมา) ยังเช้าอยู่
ร้านอาหารน่าจะเพิ่งเปิด  พวกเราเลยไปชมบรรยากาศรอบ ๆ ซึ่งอยู่
ท่ามกลางธรรมชาติ  มีคูน้ำ มีนาข้าวด้วย  ระหว่างรอ
รถอีกสองค้น  เราก็เดินชมธรรมชาติและถ่ายรูปกับต้นไม้ ป้ายชื่อร้าน
ร้านเขามีปลาร้า  มีฟักทอง ขายด้วยนะ มาชมภาพ ค่ะ 



ถ่ายที่ร้านอาหารนี้ ค่ะ ป้ายชื่อร้าน เขียนว่า  ร้านอาหารชาวประมง ค่ะ
สังเกตจากร้าน  ซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปถนนสายนอก อาหาร
ของร้านนี้ต้องอร่อยแน่นอนไม่งั้นคนคงไม่เข้ามากินถึงซอยลึกขนาดนี้



บริเวณหลังร้านเป็นบึงน้ำ  อากาศเย็นสบาย  ถ่ายรูปมาให้ชม ค่ะ
 


เอม และจอย  ค่ะ นอนเปลสบายใจเลยนะ จอย 

 


บริเวณบ้านปลูกไม้ดอก ไม้ใบ มากมาย ค่ะ 



รายการอาหารที่สั่งมาหลายอย่าง  ซึ่งล้วนแต่เป็นอาหารเด่นดัง ขึ้นชื่อ
ของร้านนี้ ค่ะ ฉันถ่ายรูปมาให้ชม ค่ะ 



ประเคนอาหารแด่พระอาจารย์ ถวายเพล  ค่ะ 

พวกเรากินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว  จอยเป็นคนจ่ายทั้งหมดในมื้อนี้ จำ
ไม่ได้ว่า เป็นเงินเท่าไร  (สงสัยเสี่ยจอยเลี้ยงอีกแล้ว อิอิ)
พวกเราทานข้าวเสร็จแล้ว  รถคันของเล็กเพิ่งมาถึง ฉันก็ไม่ทราบว่า 
ทำไมคันที่ 3 จึงมาสายมากขนาดนี้ ได้ข่าวแว่ว ๆว่า 
ได้แวะเที่ยวที่ไหนมา แต่ก็ไม่ทราบว่า จริงเท็จประการใด หรือไม่มี
โปรแกรมร่วมกัน ต่างคนต่างมีโปรแกรมของตนเอง
ฉันก็ไม่กล้าไปเปิดปากถามกัน เพราะฉันก็ถือเป็นสมาชิกใหม่ของ
การไปแสวงบุญเพียงครั้งเดียว แต่ก็จำสมาชิกรถคันของเล็ก
ได้นะ  มีเล็ก มีหน่อย เบญจ์บอกว่าจะมาทอดผ้าป่าครั้งนี้ด้วย (พัทลุง)
แต่พอถึงเวลาจริง  เบญจ์ก็ติดธุระเรื่องญาติ ไม่ได้มา
ฉันกับเบญจ์เลยไม่ได้เจอกันเลย  น่าเสียดาย 

ออกจากที่ร้านอาหาร ชาวประมงแล้ว  ก็เดินทางต่อไป เป้าหมายก็ คือ
สกายวอล์คที่เชียงคาน  ซึ่งเป็นที่เที่ยวแห่งใหม่ของ จ.เลย
มาถึงที่นี่  ก็ต้องซื้อตั๋วเข้าชม น่าจะคนละ 20 บาท ต้องซื้อรองเท้า
เดินที่สกายวอล์ค คู่ละ 30บาท น่าจะจอยจ่ายอีกหรือเปล่า
ฉันก็ไม่ทราบ  แต่พวกเราก็ฉลาด เรามีรถอีกสองค้นยังมาไม่ถึง จึงโทร
บอกกันว่า ไม่ต้องซื้อรองเท้า ให้มาเอารองเท้าจากคัน
พวกเราที่ซื้อไปแล้ว นั่นเอง อิอิ มาชมภาพสวย ๆ ของสกายวอล์ค
ซึ่งดาวถ่ายให้บ้าง มาเจอหลง  หลงถ่ายให้บ้าง ค่ะ 

เมื่อซื้อตั๋วเข้าสกายวอล์คแล้ว  เขามีรถสองแถวไปส่งที่สกายวอล์ค ค่ะ



รถสองแถวที่พาพวกเราไปที่สกายวอล์ค  ค่ะ 

ลงจากรถสองแถวเดินไปทางที่ไปสกายวอล์ค  จะมีพระพุทธรูปองค์
ใหญ่ประดิษฐานอยู่ค่ะ  มีนามว่า

ประดิษฐานพระใหญ่ภูคกงิ้ว หรืออีกชื่อ พระพุทธนวมินทรมงคลลีลา
ทวินคราภิรักษ์ เป็นพระพุทธรูปปางลีลาประทานพร
ขนาดใหญ่ สูงประมาณ 19 เมตร หล่อด้วยไฟเบอร์ผสมเรซิ่นสีทอง
ฐานขององค์พระพุทธรูป จะเต็มไปดอกธูปเทียน
และบายศรีดอกไม้ ที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวนำมาวางสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล 



พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ค่ะ  พวกเราถ่ายรูปกับท่านด้วย ค่ะ 




















รวมหมู่สมาชิกรถคันที่ 2 และ 3  ค่ะ แต่ไม่ครบทุกคน นะคะ 

เราอยู่ที่สกายวอล์คประมาณ  ชั่วโมงกว่า ๆ  รถคันที่สองมาแล้วแต่
คันที่ 3 คิดว่า มาหลังสุด เพราะมีรูปน้อยมากค่ะ 

ออกจากที่สกายวอล์ค  รถคันเราก็ไปที่พักคืนแรก  อยู่ถนนคนเดินใน
เชียงคาน  ด้านหลังที่พัก เป็นแม่น้ำ น่าจะเป็นลำน้ำโขงนะ
ชื่อที่พักของเรา ชื่อว่า บ้านก๋ง  ที่นี่  มีแค่สองห้อง ชั้นบนมีฉัน เอมและ
เพื่อนเอม  ชั้นล่างให้ดาวและทัศน์นอน สองคน
ชั้นบนมีเตียงใหญ่สองเตียง เพื่อนเอมนอนไป 1 เตียง ส่วนเอมนอนกับ
ฉันอีกเตียง  บรรยากาศของห้องนอนติดริมน้ำ สวยงาม
ส่วนจอย หลง จอร์จ และรถคันที่2และ3 ต้องไปพักอีกที่หนึ่ง  น่าจะ
เป็นเพราะห้องที่บ้านก๋งเต็มหรือไงก็ไม่ทราบค่ะ 
แต่ก็ไม่ไกลจากที่พักที่บ้านก๋ง ค่ะ จอยเป็นคนติดต่อที่พักค่ะ 



หน้าบ้านพัก  บ้านก๋ง  ค่ะ ที่เห็นเป็นถนนคนเดินเชียงคาน ค่ะ 


รูปนี้ถ่ายเห็นชื่อที่พักคืนนี้ ค่ะ 



ระเบียงห้องพักชั้นสองที่เรามาพัก ค่ะ  ติดริมโขง ทิวทัศน์สวยงาม ค่ะ



รูปนี้ คือ จอร์จ และ หลง  ค่ะ ถ่ายบรรยากาศในห้องนอน ค่ะ 



บรรยากาศทิวทัศน์ของห้องนอน บ้านก๋งริมโขง



หลังจากที่ได้ถ่ายรูปกันแล้ว  พวกเราต่างก็แยกย้ายกันเพื่อหาอาหาร
กินมื้อเย็นกัน  เอม ไปกับเพื่อนเขา  ฉัน ทัศน์และดาว 
ก็ไปเดินที่ถนนคนเดิน  หาร้านเสื้อ ตามแบบที่เยาว์อยากได้ แต่ไม่ได้
แบบที่เยาว์ต้องการ ก็เลยไม่ได้ซื้อให้
เราซื้อโรตี คนละอัน ซื้อน้ำมะพร้าวปั่น  ดาวกับทัศน์ ซื้อยำและคอหมู 
ย่าง กระดูกอ่อนทอดด้วย  เดินจนเหนื่อย
จึงกลับที่พัก นั่งกินกันที่ห้องของดาว  อิ่มแล้ว เดินไปซื้อมะพร้าวแก้ว
ไป 300 บาท เป็นของฝากและกินเองด้วย ที่นี่
เขามีชื่อเรื่องมะพร้าวแก้ว ว่าอร่อย ค่ะ  

รุ่งเช้า วันที่ 3 เราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อใส่บาตร ซึ่งเมื่อวานที่พักเขามา
เชิญชวนให้ซื้อของใส่บาตร โดยเขาจะจัดเตรียม
ให้เราเสร็จ  คนละ 100 บาท  คณะเราที่พักอยู่ที่นี่ 5 คนจ่ายคนละ
100 บาท เพื่อให้คนจัดอาหารให้ในช่วงเช้า ค่ะ 
เป็นการตักบาตรข้าวเหนียวเหมือนที่ฉันเคยได้ยินมาว่าที่หลวงพระบาง
ประเทศลาว  ก็มีการตักบาตรข้าวเหนียว มาชมบรรยากาศ ค่ะ 



ป้าที่จัดของใส่บาตรเตรียมให้เราพร้อมแต่เช้ามืด  มีเสื่อปูเป็นทางยาว
และจัดของใส่กะบะไม้สานเล็ก ๆให้แต่ละคนเตรียมใส่บาตร 



จอย วรรณ จอร์จ และหลงเดินทางจากที่พักมาใส่บาตรพร้อมเรา





กลุ่มรถคันที่ 2 ของต้อย ก็มาใส่บาตรแต่อยู่อีกที่หนึ่ง ค่ะ 



กลุ่มรถคันที่ 2  ค่ะ แต่งชุดไทยสวย ๆ ทั้งนั้นเลย ค่ะ 

หลังจากการใส่บาตรเรียบร้อยกันแล้ว  พวกเราก็เดินหาร้านอาหารกิน
มื้อเช้ากัน  มีร้านขายโจ๊กหมู  เลือดหมู  ไข่กระทะ 
ฉัน ดาว สั่งโจ๊ก ทัศน์ สั่งไข่กระทะ  คนเข้าร้านนี้เยอะมาก พวกเราก็
มากินกันที่ร้านนี้  มีรูปของรถคันที่ 2 เท่านั้น 
พวกเรากินเสร็จรีบกลับที่พัก  หลงเลยไม่ได้ถ่ายรูปให้  อิอิ 



สาวสวยจากรถคันที่ 2 ค่ะ 

หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว  ก็กลับที่พัก  มีเวลาอยู่บ้าง ก็ถ่ายริมโขงเก็บ
บรรยากาศของริมโขงตอนเช้ากัน ค่ะ



ด้านหลังของที่พัก บ้านก๋งริมโขง ช่วงเช้า ค่ะ  



หลังจากทุกคนพร้อมแล้ว  จอร์จก็นำรถมาจอดที่หน้าที่พักและช่วย
นำกระเป๋าพวกเราขึ้นรถ เราต้องรีบไป เพราะว่า
เป็นการเดินทางไกลน่าจะประมาณ 80 กิโลเมตร เพื่อนำองค์ผ้าป่าไป
ทอดที่วัดป่าวิเวกภูเขาวง ซึ่งมีหลวงตาเป็นเจ้าอาวาส
ซึ่งเมื่อคืนรถของคันต้อยได้พาพระอาจารย์มาพักที่วัดนี้ พระอาจารย์จึง
มีโอกาสได้มาช่วยหลวงตาจัดงานทอดผ้าป่าด้วย

รถของเราทั้งคัน 2 และ 3  มาถึงวัด  น่าจะประมาณ 10 โมงเศษ ๆ 
คันเรามาช้ากว่าเพื่อน ปรากฏว่า ประชาชน ชาวบ้าน
ที่มาร่วมทอดผ้าป่ารวมทั้งรถคันที่ 3 ของน้องเล็ก มากันเต็มห้องโถงที่
จัดงานแล้วค่ะ  เห็นหลวงตา  พระอาจารย์กิตติพันธ์
และพระสงฆ์นั่งเต็มอยู่ที่ทำพิธีกันแล้ว  พวกเราก็ได้รับเกียรติให้ไป
นั่งข้างหน้า ๆ ใกล้กับพระสงฆ์ที่มาทำพิธีรับการทอดผ้าป่าครั้งนี้ ค่ะ 
ฉันนำภาพบรรยากาศของการทอดผ้าป่าแทนการเล่าเรื่อง นะคะ 





มีการยกองค์ผ้าป่าถวายหลวงตา แต่ละต้นแล้วจึงนำมานับปัจจัยค่ะ



หลงเก็บภาพหมู่ของพวกเรา เลยได้ภาพตั้งท่าสวยงาม อิอิ 




นับปัจจัยหลังจากที่ได้ทำพิธีทอดองค์ผ้าป่าแล้ว ค่ะ 



ภาพนี้ได้เจอคุณสุนทรที่ไปอินเดียด้วยกัน เป็นพิธีกรด้วย ค่ะ 



น้องเล็ก ประธานการจัดผ้าป่าครั้งนี้ ค่ะ  เจอน้องบุญชูและน้องบัวลา
สองพี่น้องที่ไปแสวงบุญด้วย เลยถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ค่ะ 





น้องเล็ก มาริสา  ประธานผ้าป่าวัดป่าวิเวกภูเขาวง  ค่ะ 


นำหลอดไฟและสมอที่เอ๋ ร้านโจ๊กฝากไปถวาย ค่ะ  (ทัศน์นั่งอยู่ไกล
เข้าไปยาก เลยถวายแทนให้ ค่ะ )  ทอดผ้าป่าเสร็จแล้ว
มีการถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุ ค่ะ  อาหารนั้น ชาวบ้านนำมาถวาย
มากมาย เป็นถาด ๆ เป็นหม้อ ๆ  มีขนมหวาน ทั้งของหวาน
ของคาว  ถวายหมดทุกถาดทุกหม้อ พระท่านจะตักใส่บาตรทุกอย่าง
รวมกันอยู่ในบาตร  นี่เป็นการฉันของพระป่า ค่ะ 
ส่วนฉัน ทัศน์ ดาว ลงไปกินข้าวที่ชั้นล่าง  ได้เจออินแปลงในงานนี้
ด้วย ค่ะ น้องอินแปลง น้องสุนทร น่ารักทั้งคู่  ค่ะ
มาทักทายด้วยความดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งในงานบุญนี้ เสียดายไม่ได้
ถ่ายรูปด้วยกัน ค่ะ  



ก่อนกลับได้ไปกราบลาหลวงตา  หลวงตาแจกวัตถุมงคลให้ ค่ะ 



ผ้าป่าสามัคคี ซึ่งมีทั้งผ้าป่าของชาวบ้านมาร่วมอีกหลายกองได้เงิน
รวมทั้งกองผ้าป่าของเราเป็นจำนวนไม่ถึงแสนค่ะ แต่จะ
เป็นเท่าไร ฉันก็จำไม่ได้  หลวงตาพูดเปรย ๆ ว่า อยากเห็นปัจจัยในการ
สร้างเจดีย์ เป็นหลักแสน เพื่อจะได้สร้างเจดีย์ให้เสร็จเร็วไว
ทุกคนและชาวบ้านที่มาร่วมบุญครั้งนี้ ก็ได้ช่วยเติมให้ครบแสนตาม
คำปรารภของหลวงตาสำเร็จลุล่วงไป ค่ะ คือ ได้ปัจจัย
เป็นเงิน 105,100  บาท ตามรูปที่ถ่ายมาให้ชม ค่ะ 



คิดว่า  คงเจอน้องบุญชูและน้องบัวลา ก่อนกลับ เลยได้ถ่ายรูปกันค่ะ

พวกเราขึ้นรถแล้ว  เพื่อจะไปที่สถานที่ปฏิบัตธรรมของพระอาจารย์ ได้
ผ่านถนนที่พระอาจารย์จะสร้างถนนคอนกรีต 
อันเป็นสาเหตุของการจัดการทอดผ้าป่าครั้งนี้  ฉันเองได้รับข้อความ
จากพระอาจารย์ทางลายน์ตามจุดประสงค์ในการ
สร้างถนนคอนกรีตเข้าสู่สถานปฏิบัติธรรม  เพื่ออำนวยความสะดวก
สบายในการเดินทางเข้าสู่สถานที่ปฏิบัติธรรมของคนที่จะ
มาปฏิบัติธรรม เพราะถนนเป็นลูกรัง ดินเหนียว เวลาฝนตกเดินทาง
เข้าไปสถานที่ปฏิบัติธรรมลำบากมาก ค่ะ 
ฉันทราบจุดประสงค์ของพระอาจารย์แล้ว  มีความหนักใจในการจะ
บอกบุญไปยังลูกศิษย์ลูกหาและเพื่อนบ้าน เพราะว่า
สถานที่ปฏิบัติธรรม ไม่สามารถที่จะออกใบฎีกาในการจัดผ้าป่าได้และ
ไม่สามารถทำใบลดหย่อนภาษีได้ การจะไปเชิญชวน
ลูกศิษย์เพื่อนฝูงโดยไม่มีอะไรอ้างอิง ก็นับว่ายากอยู่ ได้แต่อาศัยความ
ศรัทธา ความเชื่อถือ ความไว้วางใจที่เพื่อนและลูกศิษย์มีต่อฉัน
ครั้งแรก ฉันก็คิดว่า ได้สัก 10 กอง  กองละ 999 บาท ซึ่งค่อนข้างสูง
อยู่  แต่พระอาจารย์ก็บอกว่า จะทำบุญไม่เต็มกองก็ได้
ให้ทำตามกำลังทรัพย์ของตนเอง ก็ได้บุญมากเช่นกัน  ค่ะ  ฉันก็ได้
บอกลูกศิษย์และเพื่อน ๆ รวมทั้งเพื่อนบ้านอีกด้วย 
ปรากฏว่า ได้เงินทำบุญการทอดผ้าป่าครั้งนี้มาอย่างไม่คาดคิดว่าจะ
ได้มากถึง  40,389  บาท เกินจากความคาดหวัง
ของฉันที่คิดว่าได้สักหมื่นต้น ๆ ก็มากแล้ว  เพราะจากเหตุผลดังกล่าว
ข้างต้นและสภาวะเหตุการณ์ โควิดในปัจจุบันอีกด้วย 
พระอาจารย์คงบอกให้ชาวบ้านทำอาหารเลี้ยงพวกเราด้วย  มีชาวบ้าน
มาร่วมงานประมาณ 10กว่าคน  อาหารทำเสร็จแล้วด้วยค่ะ 
ฉันได้นำซองเงินผ้าป่า 40,389 บาท ให้พระอาจารย์ดูก่อนที่จะให้ท่าน
เซ็นรับเงินเป็นการเซ็นรับทราบจำนวนเงินที่ฉันได้
เป็นสะพานบุญ จะได้เป็นเอกสารรับรองว่า ปัจจัยที่พวกเขาทำบุญมา
นั้น ได้ถึงมือของพระอาจารย์แล้ว  ค่ะ 
หลังจากที่พระอาจารย์เซ็นรับปัจจัยแล้ว  ฉันก็นำเงินให้ทุกคนช่วยกัน
เสียบใส่ไม้ปักต้นผ้าป่า เป็นต้นธนบัตรใบละพัน 1 ต้น
ส่วนอีกสองต้น ก็เป็นเงินที่ลูกศิษย์ลูกหาทางฝั่งสมุทรปราการไปบอก
บุญมา  จอยบอกว่า เขาลงผ้าป่าให้พระอาจารย์ 5,000บาท
ส่วนคนอื่น ๆ ฉันไม่ทราบค่ะ  แต่เมื่อรวมเงินแล้วได้มา หกหมื่นสามพัน
กว่าเท่านั้น  พระอาจารย์จึงปรารภว่า พระอาจารย์
ชอบเลขเจ็ด (หมายความว่า ท่านอยากให้ได้ปัจจัยถึงเจ็ดหมื่นนั่นเอง)
(หลังจากที่ได้ครบเลขเจ็ดแล้ว พระอาจารย์ได้อธิบาย
ว่า  เลขเจ็ดนั้น มีความหมายดี หมายถึงพระพุทธเจ้าพอประสูติแล้วก็
เดินได้เจ็ดก้าว  )
มาชมภาพที่หลงถ่ายให้ขณะที่ดำเนินการทอดผ้่ป่า ค่ะ
  


นำปัจจัยใหัพระอาจารย์ตรวจสอบและเซ็นรับปัจจัย  ส่วนทัศน์ได้นำ
สมอและหลอดไฟถวายพระอาจารย์ ค่ะ 



พวกเราได้ช่วยกันเสียบปัจจัยใส่ไม้และปักที่ต้นผ้าป่าที่พระอาจารย์
จัดเตรียมไว้ให้ ค่ะ  พร้อมกับถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก 



ฉันเป็นประธานจุดธูปเทียนในพิธีทอดผ้าป่า โดยมีจอร์จช่วยจุดเทียน
เล่มใหญ่ให้ฉันไปจุดเทียนและธูปหน้าพระพุทธรูป ค่ะ 
จากนั้นก็มีพิธีสวดมนต์ในการรับต้นผ้าป่า แล้วยกต้นผ้าป่าประเคน
ให้พระอาจารย์ และประกาศจำนวนเงินผ้าป่าทั้งหมด
ได้มาหกหมื่นสามพันกว่า  แต่พระอาจารย์ปรารภว่า อยากให้เป็น
เลขเจ็ด  พวกเราก็ได้ทำตามที่พระอาจารย์ปรารภ 
ฉันเพิ่มปัจจัยให้เป็นคนแรก อีก 1,000  บาท  ตามด้วยจอยอีก 1,000
และทัศน์อีก 1,000 บาท  เห็นหน่อยได้ทำบุญอีก 500 บาท
ดาวก็ทำบุญเพิ่มอีก  คนอื่นฉันไม่รู้ว่าทำเพิ่มเท่าไร  แต่ก็ยังไม่ครบ
ถึง เจ็ดหมื่น  จึงได้เชิญชวนชาวบ้านที่มาร่วมงานครั้งนี้
ร่วมทำบุญด้วย  ในที่สุด คำปรารภของพระอาจารย์ก็ประสบความ
สำเร็จค่ะ  ได้ปัจจัยครั้งนี้   70,010  บาท ค่ะ 



คงเป็นเพราะฉันแสดงเจตนาในการทำบุญเพิ่ม จึงมีเสียงเชียร์ให้หลง
ถ่ายรูปให้ฉันด้วย  มั้ง อิอิ 

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีและมอบปัจจัยให้พระอาจารย์ไปเรียบร้อยแล้ว
พระอาจารย์ขอให้พวกเราทานข้าวที่ชาวบ้านได้
ทำเตรียมให้พวกเรา  ซึ่งพวกเราตอนต้นก็ว่ายังอิ่มอยู่  แต่พระอาจารย์
ก็ขอให้ช่วยกันกินเล็กน้อย เดี๋ยวชาวบ้านจะน้อยใจ 
ชาวบ้านทำแกงไก่  มีข้าว ขนมจีน  ไข่เจียว  ผัดผัก  ปรากฏว่า กับข้าว
คงจะอร่อยถูกปากแน่นอน  เห็นแต่ละคนตักกินมากมาย 
ส่วนฉันกินแกงไก่กับขนมจีน ค่ะ  เมื่ออิ่มท้องแล้ว  ก็ขอบคุณชาวบ้าน
และลากลับ  พระอาจารย์ไปกับเราด้วย  ก่อนจะไป
ส่งพระอาจารย์ไปพักที่วัด ป่าผีนาถอน  พวกเราได้ไปเที่ยวที่
พิพิธภัณฑ์ภูกระดึง   ซึ่งได้จัดสถานที่ต่าง ๆ ให้คนมาเที่ยว
ได้ถ่ายรูปสวย ๆ  มีนิทรรศการจัดให้ชมด้วย พวกเราก็ถ่ายรูปกับสถาน
ที่ที่ทางพิพิธภัณฑ์จัดไว้ให้ ค่ะ  มาชม ค่ะ 



มุมสวยของบริเวณพิพิธภัณฑ์ภูกระดึง  ค่ะ 



มุมสวยที่สร้างขึ้นเหมือนเราไปอยู่บนสูงสุดของภูกระดึงค่ะ 





ภาพนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์ ที่แสดงผลงานของสถานที่แห่งนี้





พวกเราถ่ายรูปหมู่ที่พิพิธภัณฑ์ภูกระดึง ค่ะ 

ออกจากพิพิธภัณฑ์ภูกระดึงแล้วก็บ่ายมาก ๆ แล้ว
พวกเราพาพระอาจารย์ไปพักที่วัดป่าผีนาถอน  ซึ่งพระอาจารย์จะจำวัด
ที่วัดนี้  ที่นี่มีพระสงฆ์นั่งอยู่ที่เพิงรูปหนึ่ง
 เป็นพระที่อยู่วัดนี้  วัดนี้มีต้นโพธิ์ใหญ่ มีก้อนหินอยู่ใต้ต้นโพธิ์ พระสงฆ์
รูปนี้เล่าว่า  มีชาวบ้านมาดูก้อนหินสองก้อนนี้ ซึ่งจะปรากฏ
เลขอยู่บนก้อนหินนี้ ชาวบ้านถูกหวยด้วย พวกเราเลยพากันไปดูใหญ่
ดาวก็ไปดูด้วย  บอกว่าเห็นเลขปรากฏ
บนก้อนหินเป็นเลข 3 หรืออะไร ฉันก็จำไม่ได้ อิอิ มาชมรูปบรรยากาศ 



เพิงที่เรามานั่งคุยกับพระสงฆ์ที่ประจำวัดป่านาผีถอน ค่ะ 



พวกเรามานั่งคุยกับพระสงฆ์ที่ประจำอยู่่วัดนี้  ค่ะ 



ต้นโพธิ์ใหญ่ในวัดเป็นต้นโพธิ์เก่าแก่มาก คนมาขอหวย



เป็นก้อนหินที่อยู่ใต้ต้นโพธิ์ ที่เชื่อว่าวันหวยออก จะมีเลขปรากฏขึ้น ค่ะ

หลังจากการดูเลขเด็ดที่ก้อนหินกันแล้ว  บางคนก็บอกว่าเห็นเลข 
บางคนก็มองไม่เห็นเลขอะไรเลย คงแล้วแต่ดวงมั้ง อิอิ 
เรามุ่งไปถ่ายรูปกับท้องนาที่กว้างใหญ่   เป็นบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์
ทุ่งข้าวที่เขียวขจี  พวกเราก็โพสต์ท่าตามใจชอบ
ให้ช่างภาพหลงเป็นคนถ่ายรูปค่ะ  มาชมกันค่ะ 



ท่าโพสต์ของพวกเรา ค่ะ  อิอิ





มีภาพนางงามกลางทุ่งข้าวด้วย ค่ะ  อิอิ

จากที่วัดป่านาผีถอน  เรากราบลาพระอาจารย์ทั้งสองแล้วขึ้นรถตู้กันไป
โดยพรุ่งนี้เช้า  รถคันที่สอง คันของต้อยจะมารับ
พระอาจารย์กิตติพันธ์ที่วัดนี้เพื่อกลับกรุงเทพฯด้วยกันค่ะ พวกเราจะไป
พักที่สวนน้ำภูกระดึงรีสอร์ททั้ง 3  คันรถ ค่ะ  
มาชมภาพสวย ๆ ของที่นี่ ค่ะ 



ทิวทัศน์ของที่พักนี้ ค่ะ 



เล็กและหน่อย  ค่ะ 



ภาพล่าง  เป็นที่พักของฉัน  และ เอมกับเพื่อนเขา ค่ะ บรรยากาศดี
เสียดายเรายังไม่ได้ถ่ายรูปอีกหลายมุม เพราะฝนตก



ถ่ายกับป้ายชื่อของรีสอร์ท ค่ะ 

รถคันเรา นัดกันไปทานข้าวมื้อเย็น เวลา 17.00 น. พวกเราออกมาตาม
เวลาที่นัดหมาย  จอยพาไปตลาดคนเดิน  แต่ยังมีคน
น้อยมาก อาจจะเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลา แต่ร้านค้าต่าง ๆ มาตั้งร้านขาย
ของมากมายแล้ว มีทั้งอาหารสด คาวหวาน
และอาหารประเภทตามสั่ง  มีก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันไก่ ของปิ้งย่าง น้ำดื่ม
โรตี  เป็นต้น  กลุ่มฉัน  ฉันก้บดาวสั่งต้มแซ้บตีนไก่
ทัศน์สั่งก๋วยเตี๋ยว  สักพักมีคนมาร่วม คือ น้องหลง  จอร์จและจอย ร้าน
นี้เลยขายได้หลายคนเลย  ฉันซื้อน้ำลูกหม่อน 6 ขวด
50  บาท เตรียมดื่มให้เยอะ เพราะไม่ได้ถ่ายมาสองวันแล้ว อึดอ้ด
ไม่สบายตัวเอาเสียเลย ซื้อลูกหม่อนอีก 1 กล่อง 20 บาท
กินไป คุยไป ต้มแซ้บเจ้านี้ ไม่แซ้บเลย รสชาติพอทำให้หายหิวเท่านั้น
มื้อนี้  จอยไปแอบจ่ายให้ทั้งหมดเลย พวกเราเลยไม่ได้จ่าย
จอยซื้อน้ำลูกหม่อนเหมาไปเพราะถูกคนขายหลอกว่า  หมดแล้วให้
ช่วยเหมา  เธอก็ใจดี สงสาร ซื้อเหมามาเลย จะไป
เผื่อเพื่อน ๆ ดื่มปรากฏว่าไม่มีใครชอบ เลยเหลือมากมาย (ตอนขากลับ
เธอบอกว่า  จะทิ้งไว้ที่ห้องพัก  ฉันเสียดายบอกว่า
เอากลับเถิด  เผื่อกลางทางหิวน้ำจะได้ดื่มได้  ) ระหว่างทางจอยก็ซื้อ
กบจากแม่ค้าที่นั่งขาย  เหมาอีกเหมือนกัน  กี่ร้อยฉันก็
จำไม่ได้  กลับมาที่พัก ก็นำมาปล่อยบริเวณหนองน้ำที่พวกเราพัก ค่ะ 



จอยกำลังค่อย ๆ เท กบ ออกจากถุงพลาสติดปล่อยพวกมันลงไป
ข้าง ๆ กอหญ้าใกล้บึงน้ำ  พร้อมกับบอกมันว่า ไปใช้ชีวิตใหม่นะ
อย่าให้คนเขามาจับไปขายได้อีกนะ อิอิ  เธอเป็นคนใจดี  ใจบุญ ขอผล
บุญนี้  ส่งผลให้เธอมีแต่ความสุข สดชื่น สุขภาพแข็งแรง จ้ะ 

ห้องพักของเราคืนนี้  เราพักกันสามคน  โดยมีที่นอนเสริมให้กับดาว
ส่วนเอมกับเพื่อนไปนอนห้องติดกัน  
คืนนี้ ฉันไม่ค่อยสดชื่นนัก  เพราะว่าไม่ถ่ายท้องมาสองวันแล้ว  ดื่มน้ำ
ลูกหม่อนไป 2-3 ขวดแล้ว  กินลูกหม่อนไปอีก
เป็นสิบ ๆ ลูก ดื่มน้ำเข้าไปอีก รออาบน้ำดึกหน่อย จะได้นั่งห้องน้ำได้
โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาเข้า แต่ปรากฏว่า ยังเหมือนเดิม
คืนนี้ นอนหลับไม่สนิทนัก เพราะเสียงกรนของทัศน์  ฉันไม่เคยชินกับ
เสียงกรน ถึงจะไม่ดังนักก็ตาม คืนนี้ตอนดึก ฝนตกหนัก
เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ทำให้อากาศเย็นยะเยือกมากขึ้น   ตื่นกลางดึกน่า
จะตีสามตีสี่  ขึ้นมาดื่มน้ำลูกหม่อนที่แช่เย็นไปอีก 1 ขวด
เหลืออีก 1 ขวดให้ทัศน์ไป แล้วก็ไปนั่งในห้องน้ำ  สักพักใหญ่ ก็ได้
เรื่องแล้ว  ความอึดอัดมาสองวัน ก็เรียบร้อย เพราะความดี
ของน้ำลูกหม่อน หลายขวดนั่นเอง  อิอิ 
เช้านี้นัดกันจะไปเดินตลาดตอนเช้า  ปรากฏว่า ไปไม่ได้แล้ว เพราะฝน
ตกพรำ ๆ บางช่วงก็ตกหนักด้วย แล้วก็เปลี่ยนเวลา
รถจะออกเวลา 7 โมงเช้า  


เมื่อรถคันเราพร้อม  ก็ออกรถประมาณ เจ็ดโมงเศษ  รถคันสองต้องไป
รับพระอาจารย์กิตติพันธ์ที่วัดป่าผีนาถอนก่อน 
รถทั้ง 3 คน จึงต่างคนต่างกลับ ไม่ได้เจอรถคันที่ 3 อีกเลย ส่วนคันที่
สอง ยังได้เจอตอนกินข้าวช่วงถวายเพลพระอาจารย์

ตลอดทางฝนตกพรำ ๆ บางครั้งก็ตกหนัก  ขับรถไปต้องระวังมากเป็น
พิเศษ  จอร์จขับรถดี  น่าจะประมาณแปดโมงเช้าได้
จอยพามากินที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง คูหาเดียว แต่คนมากินเยอะมาก
ส่วนหนึ่งของเราต้องมาตั้งโต๊ะอาหารด้านนอกของร้านแต่เป็น
หน้าบ้านของร้านขายอาหาร  ซึ่งมีกลุ่มฉัน  หลง และจอร์จ รวม 5 คน
นั่งอยู่ที่นี่  คือนอกร้านจ้ะ  ในร้านคนเยอะมาก ของเรา
ที่นั่งข้างใน มีแค่ จอย เอมและเพื่อนเอม เท่านั้น  พอได้ที่นั่งพวกเรา
ก็ดูเมนูกัน อาหารมีหลากหลายมาก มีข้าวต้ม ปลา กุ้ง หมู
ต้มแซ้บ เล้ง ข้าวขาหมู  ฯลฯ ฉันสั่งต้มแซ้บเล้งกินกับข้าวสวยร้อน ๆ
แต่เขาให้ข้าวเยอะมาก เลยแบ่งให้ดาวครึ่งหนึ่ง 
ดาวก็สั่งต้มแซ้บเล้งเหมือนกัน ส่วนทัศน์สั่งข้าวต้มปลา  จอร์จ หลง
ดูเหมือนสั่งข้าวขาหมูกับข้าวต้มปลาเหมือนกันมั้ง
รสชาติต้มแซ้บเล้งร้านนี้อร่อยมาก เผ็ดได้ใจมาก  หลายคนมาคุยให้
ฟังที่โต๊ะฉันว่า ข้าวต้มที่นี่อร่อยมาก ฉันเลยอยากชิม
ด้วย  จอยจึงสั่งให้ฉันอีกชาม เป็นข้าวต้มกุ้ง แต่ดูแล้วฉันคงกินไม่หมด
แน่นอนเลยขอถ้วยเล็กแบ่งให้จอร์จไปส่วนหนึ่ง
ฮึม รสชาติอร่อย กุ้งตัวโต  เนื้อหวานสด  มื้อนี้อิ่มมาก ๆ กำลังจะให้คิด
เงินค่าอาหาร ปรากฏว่า จอยจ่ายทั้งหมดของอาหารมื้อนี้อีก
จะให้เงินเธอ เธอก็บอกว่า ไม่เป็นไร ไม่ขาดทุนแล้วที่เก็บพวกเราไป
คนละ 3,000 บาทนั้น ไม่ขาดทุนแล้ว  แต่ฉันคิดว่า
ที่ว่าเธอไม่ขาดทุนนั้น  เป็นเพราะ รถสองค้นเป็นของเขา ถ้าเป็นค่ารถ
ที่เช่ามา วันละก็ 1,700 บาท สองวันก็ 3,400 แล้วยัง
ต้องค่าน้ำมันอีกล่ะ  ฉันจึงคิดว่า  ที่เธอว่าไม่ขาดทุน คือ การไม่ได้คิด
เรื่องค่ารถหรือเปล่า  อิอิ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้อง
ขอบใจเธอที่ให้การบริการเพื่อนในการไปทอดผ้าป่าครั้งนี้เป็นอย่างดี

น่าเสียดาย ไม่ได้ถ่ายรูปตอนที่พวกเรากินข้าวมื้อเช้านี้ไว้ด้วย  มีแต่
รูปของรถคันที่ 2 ที่ช่วงเช้าไปดื่มกาแฟ มีรูปมาฝากด้วย ค่ะ 



สาวสวยจากรถคันที่ 2 มีสาวเล็ก สาวหน่อย คันที่ 3 มาแจมด้วย ค่ะ 

ส่วนรถคันของเรา  เมื่อทานข้าวมื้อเช้าเสร็จแล้ว  ก็เดินทางต่อไป  มี
ลายน์จากพระอาจารย์ถามมาว่า  พวกเราเดินทางถึงไหนแล้ว
ฉันถามจอยและตอบพระอาจารย์ว่า  ถึงภูเขียวแล้ว พระอาจารย์บอกให้
เดินทางไปที่ร้านขายหม่ำ แก้งค้อ ที่ชัยภูมิ
  พระอาจารย์จะฉันเพลที่นี่ ค่ะ ฉันก็ถ่ายทอดข้อความของพระอาจารย์
ที่บอกมาให้จอยรับทราบ และพวกเราก็เดินทางไป
ยังสถานที่ตามที่พระอาจารย์บอกให้ไปเร็ว ๆ พระอาจารย์รอพวกเราอยู่
ในที่สุดเราก็เจอคณะของรถค้นที่สอง  กำลังทานไก่ย่าง
ส้มตำ หม่ำ ไส้กรอกกันอย่างอร่อยเลย  เชิญชวนพวกเราให้ร่วมกินด้วย
พวกเราก็แจมด้วยเล็กน้อย เพราะยังอิ่มมื้อเช้าอยู่





หลงเก็บรูปได้เพียงเท่านี้ ค่ะ  

หลังจากออกจากร้านนี้แล้ว  ทุกคนต่างก็ขึ้นรถของตนไป  มื้อนี้  จอย
น่าจะจ่ายอีกมั้ง (เดา) เพราะรถคันนี้เป็นรถของจอย ค่ะ 
คิดว่าน่าจะเก็บเงินเท่ารถคันของเรา  

รถคันเรา ออกเดินทางต่อไป มีการแวะอีกสองแห่ง  ร้านแรกก็คือ ร้าน
ที่ขายหม่ำ ขายของชำหลายอย่าง มีขายครกด้วย
ฉันซื้อสาก ไม่เอาครก เพราะสากที่บ้านหักไปเสียแล้ว ได้สากหินมา
ราคา 100  บาท จอยซื้อหม่ำไปฝากคนที่บ้าน
หม่ำที่นี่จอยคงเคยแวะมาซื้อ จึงรู้ว่าอร่อย  ฉันกับเอม ก็ซื้อกันคนลุะ
พวง  พวงละ 100  บาท มี 10 ลูก  ค่ะ 
ร้านที่สองที่แวะก็คือ  แวะร้านขายข้าวโพด นมข้าวโพด ตลอดจนขนม
ขบเคี้ยวต่าง ๆ  คนมาซื้อมากมาย  ฝนก็ตกลงมา
ต่างคนต่างไปหาซื้อกัน ฉันซื้อข้าวโพดสองแพ็ค แพ็คละ 40 บาท
ซื้อนมข้าวโพด 15 ขวด  เอมแบ่งซื้อไป 2 ขวด ให้จอย
และหลงไปคนละขวด  ที่จริงฉันให้เขาใส่น้ำแข็งไม่เอาโฟม เพราะที่
บ้านกล่องโฟมมีเยอะแยะ แต่พอจอยไปเห็นก็ไป
ซื้อโฟมมาใส่ให้ จอยกลัวว่า  มันจะเสีย  ที่จริงไม่เสียหรอก  เพราะฉัน
เคยซื้อกลับบ้าน ไม่เคยมีปัญหา 
ได้ของกินพอใจแล้ว  ก็ขึ้นรถ  โดยมีจอร์จช่วยถือของขึ้นรถกันไป 
รถแล่นไปเรื่อย ๆ ฝนตก ๆ หยุด ๆ ใกล้กรุงเทพฯ 
ฉันโทรถามเพื่อนที่กรุงเทพฯว่า  ฝนตกไหม  เขาบอกว่า กรุงเทพฯ
ไม่มีฝนตกเลย  ค่อยยังชั่วหน่อย  
รถไปถึงกรุงเทพฯ  ประมาณทุ่มหนึ่ง แวะส่ง เพื่อนของเอมอรก่อนแล้ว
ไปส่งเอมอรที่แถวสะพานดำ คลองเตย  สุดท้ายจึงมาส่ง
ฉัน ทัศน์ และดาว ที่บ้าน  ทุกคนช่วยยกของ กระเป๋า ของที่ซื้อมาส่ง
ที่บ้านฉัน จอยเอาน้ำลูกหม่อนที่ตั้งใจเหมาซื้อให้เพื่อน ๆ 
ดื่ม แต่ไม่ใครชอบ  ฉันเป็นคนบอกให้เขาเอากลับบ้าน แต่เขาก็ไม่ได้
เอากลับ หิ้วมาให้ฉันทั้งแพ็ค อีกแพ็คหนึ่งให้ทัศน์ไป 
จอร์จและหลง ขอเข้าห้องน้ำฉันก่อนจะกลับ เพราะยังต้องไปอีกไกล
กลั้นปัสสาวะนาน ๆ ไม่ดี ค่ะ  
หลังจากขนของแล้ว  ก็ส่งจอย จอร์จ หลง แล้ว  ฉันก็เอาของฝากไป
ให้เพื่อนบ้าน ทั้งหมด 3 บ้านที่ฉันสนิทอยู่ 

การเดินทางเพื่อไปทอดผ้าป่าที่จังหวัดเลย ครั้งนี้  นับว่า ได้อิ่มบุญ
ได้สนุกสนานได้เที่ยวตามทางที่ผ่าน ถือว่าเป็นการอิ่มสุข
และที่สำคัญ  ฉันได้บรรลุจุดประสงค์ที่ได้นำเงินที่ฉันเป็นสะพานบุญ
ในการบอกบุญให้ลูกศิษย์ เพื่อน ๆ ช่วยกันทำบุญผ้าป่า
เพื่อสร้างถนนคอนกรึตเข้าสถานที่ปฏิบัติธรรมสำเร็จลุล่วงไปแล้ว และ
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือ เรากลับจากทอดผ้าป่าครั้งนี้ 
โควิดก็ระบาดหนักมากขึ้น  โดยระบาดจากบาร์ คลับ แถวทองหล่อ
คนได้รับเชื้อโควิด วันละเป็นร้อย ๆ คน 
นับว่า คณะทอดผ้าป่าของเรานั้น โชคดี  ได้ทำบุญกันและกลับถึง
กรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพ ค่ะ 
ฉันขอโน้มนำบุญกุศลของการทอดผ้าป่าครั้งนี้มาเผื่อแผ่เพื่อน ๆ 
ชาวบล็อกแก๊งและทุกคนที่เข้ามาอ่าน นะคะ 
สวัสดี  ค่ะ 
































 




 

Create Date : 12 เมษายน 2564   
Last Update : 17 เมษายน 2564 19:34:01 น.   
Counter : 2306 Pageviews.  
space
space
ทวาทศมาสประจำปี 2563 ประจำเดือน มี.ค. เม.ย.
ทวาทศมาสประจำปี 2563   ประจำเดือน  มี.ค.  เม.ย.

การบันทึกประจำปีของฉันได้ผ่านไปตอนที่ 1 คือ เดือน ม.ค.และก.พ.
ตอนที่ 2 นี้ ก็จะเป็นเหตุการณ์ของเดือน มี.ค.และ เม.ย.ค่ะ 

ในเดือน มี.ค. ก็มีเหตุการณ์ต่าง ๆ ต่อเนื่องจากเดือน ก.พ. คือ วันที่ 1 
ฉันยังอยู่อินเดีย ค่ะ  วันนี้พวกเราเดินทางกลับ
จากพุทธคายาเพื่อจะมาพักที่วัด สารนาถ อีก 1 คืน (วัดที่เรามาพัก
ในคืนแรกที่มาถึงอินเดีย ค่ะ ระหว่างทาง ก็มีโอกาสได้
ทอดผ้าป่าอีก 1 วัด คือ วัดไทยสะสาราม ค่ะ 



ทานข้าวมื้อกลางวันที่วัด ไทยสะสาราม และทอดผ้าป่าด้วยค่ะ 
หลังจากทอดผ้าป่าที่วัดนี้แล้ว ก็มุ่งหน้าเดินทาง
ไปยังเมืองพาราณสี ซึ่งเป็นเมืองที่เรามาถึงเมื่อวันแรก ค่ะ  วันนี้เป็น
วันที่เดินทางไกลมาก กิจกรรมพูดถึงความรู้สึกการ
มาทริปอินเดียครั้งนี้ ค่ะ มาถึงเมืองพาราณสี  พระอาจารย์ กิติพันธ์ก็
พาไปที่พุทธสถานของเมืองสารนาถในเมืองพาราณสี 
ซึ่งเคยมาถึงวันแรก  แต่ว่า เวลาน้อยและเจอฝนโปรยลงมาก่อน จึงยัง
ไม่ได้ศึกษาและพระอาจารย์ยังไม่ได้ให้ความรู้อะไร
วันนี้จึงถือว่ามาซ่อมในวันแรก นั่นเอง  ถ้าสนใจก็ไปอ่านตามลิ้งค์นี้ได้


https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=14-05-2020&group=8&gblog=29






เดินเวียนพระสถูป  ค่ะ 
เราอยู่ที่นี่ถืง 6 โมงกว่า จึงเดินกลับไปที่วัดไทยสารนาถ เพื่อทานข้าว
มื้อเย็น เตรียมพักผ่อนและจัดกระเป๋าให้เรียบร้อย 
เพราะพรุ่งนี้เช้า  วันที่ 2 มีนาคม เรายังมีอีกสถานที่หนึ่งที่ต้องไปชม 
นั่นก็คือ  แม่น้ำคงคา อันเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดีย
มีอาคารตั้งอยู่ริมแม่น้ำมากมาย มีเรือ มีฤษ๊แต่งตัวให้เราถ่ายรูป คนละ
10  รูปี ค่ะ มาชมรูปและติดตามอ่านได้จากลิ้งค์นี้ ค่ะ 


https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=17-05-2020&group=8&gblog=30

 
เตรียมดอกไม้ลอยกระทงในแม่น้ำคงคา ค่ะ 



บริเวณ ริมฝั่งแม่น้ำคงคา ค่ะ 







ใกล้ ๆเรือของเรา มีพ่อค้ามาขายของให้พวกเรา แต่ไม่มีใครซื้อ 





พระอาจารย์นำสวดมนต์ด้วย ค่ะ 



ถ่ายกับฤษี คนละ 10  รูปี ค่ะ 



กลับจากไปชม แม่น้ำคงคา มีเวลาเหลือ เราถ่ายรูปความสวยงาม
รอบ ๆ สถานที่ ของวัด ค่ะ 


มีการมอบทิปแก่มัคคุเทศก์และคนขับรถและเด็กรถด้วยค่ะ 

พวกเรากลับถึงกรุงเทพฯประมาณ 1 ทุ่ม  ฉันกับเอมอร จ้างเท็กซี่กลับ
บ้าน  โดยไปส่งเอมที่แถวคลองเตยแล้วจึงมาส่งฉัน
เป็นอันว่าจบทริปอินเดียด้วยความอิ่มบุญ อิ่มสุขและอิ่มใจ ค่ะ 

วันที่ 4  หนุ่ม (กิตติพันธ์) แวะมาเยี่ยม   ซื้อมะม่วงข้าวเหนียวและ
เกาเหลาเลือดหมู มาฝากด้วย ค่ะ 



ของฝากจาก หนุ่ม ค่ะ 

วันที่ 8  บ้านฉันไปเช็งเม้ง ไหว้พ่อไหว้แม่ที่สุสาน หัวกุญแจ ชลบุรี
ปีหนึ่งพวกเราลูกหลานก็มาเยี่ยมบ้านท่านครั้งเดียว 
นอกนั้นถึงวันสาร์ทจีน เราก็ไหว้พวกท่านที่บ้านกัน ค่ะ ฉันคิดถึงพ่อ
และแม่เสมอ  น่าเสียดายตอนที่ท่านทั้งสองมีชีวิตอยู่
ฉันก็ไม่สามารถทำให้ท่านมีความสุข มีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายได้
เต็มที่  เพราะพ่อถึงแก่กรรมตั้งแต่ฉันยังเรียนอยู่ปีหนึ่ง
ส่วนแม่ ถึงฉันได้อยู่กับแม่หลังจากเรียนจบ ก็เป็นช่วงเวลาที่ไม่นานนัก
เพียง  12  ปี  ซึ่งข้าราชการครูชั้นจัตวา  ชั้นตรี 
ในขณะนั้น  ก็ประมาณ 1550  บาท  ก็ไม่สามารถอำนวยความสะดวก
สบายแก่แม่ได้เท่าที่ควร เพราะที่บ้านฉันมีรายได้
เพียงคนเดียว  เราก็อยู่กันอย่างประหยัดเต็มที่  ปี 20 มีโอกาสได้ย้าย
มาอยู่ที่ ธาตุทอง และ มีโอกาสได้สอนภาคค่ำ
ชีวิตพวกเราก็ดีขึ้นกว่าเดิมพอสมควร  แต่แม่ก็อยู่กับฉันได้เพียงปี 29
แม่ก็จากฉันไปอีกคนด้วยวัย 76 ปี เฮ้อ ! ถ้าแม่มีอายุ
ยืนยาวกว่านี้ ฉันคงมีโอกาสให้แม่ได้มีความสุข สะดวกสบายมากกว่านี้
น่ะนะ  ก็คงจะมีโอกาสตอบแทนบุญคุณกัน
ในชาติหน้า  ถ้าเราจะมีโอกาสมาเป็นพ่อแม่ลูกกันอีกชาติหนึ่ง  ค่ะ 



สุสานของพ่อกับแม่ ค่ะ เราถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกไว้ทุกปีที่มาไหว้

วันที่ 11  หนึ่งมาเยี่ยมและรับซองผ้าป่าการศึกษาไปให้ทางโรงเรียน
หลุงกัง  ซึ่งฉันจะไปทอดผ้าป่าการศึกษาให้
เด็ก ๆ โรงเรียนนี้้  ตามความตั้งใจของฉันว่า ชาตินี้ ต้องการทำเรื่องอยู่
4 เรื่อง คือ เขียนหนังสืออย่างน้อย 1 เรื่อง ออกจำหน่าย
เรื่องที่สอง  ต้องการบริจาคเงินให้กับโรงพยาบาล แสนห้า เรื่องที่ 3 
ต้องการเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน (เรื่องศาสนา) อีก 1 แสน
และปีนี้ อายุครบ 6 รอบ (72 ปี) ก็ตั้งใจทำผ้าป่าการศึกษาสำหรับ
โรงเรียนที่ยากจน ขาดแคลน  ซึ่งก็ให้ หนึ่ง ลูกศิษย์
ไปสรรหามา ก็ได้โรงเรียนหลุงกัง ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมศึกษาที่
ค่อนข้างขาดแคลน  ฉันต้องไปพิมพ์ซองผ้าป่าเพื่อบอกบุญ
แก่เหล่าลูกศิษย์ลูกหาและเพื่อนบางคน ตั้งไว้อีก 1 แสน



หนึ่งมารับซองผ้าป่าบางส่วนไปให้โรงเรียนหลุงกัง เพื่อร่วมเป็น
เจ้าภาพจากครูในโรงเรียนและชาวบ้านด้วย
หนึ่งมีองุ่นมาฝากด้วย ค่ะ

ช่วงนี้ เดือนนี้  โรคโควิด 19 ระบาดในไทยหนักมากขึ้น  มีคนติดเชื้อ
โควิดมากขึ้นในทุกวัน  รัฐบาลออกกฎ หลายอย่าง เช่น เคอร์ฟิล์ว
กระทรวงสาธารณสุข ทำงานหนัก ให้ความรู้  รักษา  ครั้งนี้ ระบาดจาก
สนามมวย  คนเข้าไปดูมวยเยอะ โดยมีคนเป็นอยู่แล้ว
ก็เลยปล่อยเชื้อกันมากมาย ขณะทั่วโลกติดกันมากมาย ของไทยเรา
ยังนับว่าน้อย  เพราะมีระบบการบริหารจัดการดี
ออกพระราชบัญญัติฉุกเฉิน  มีการคัดกรอง ป้องกัน  รณรงค์การต้อง
สวมหน้ากากอนามัยเวลาไปยังสถานที่ต่าง ๆ 
โชคดีที่เรากลับจากอินเดียเพียงอาทิตย์เดียว  อินเดียก็ระบาดหนักและ
ปิดประเทศเลย ค่ะ ถ้าช้ากว่านี้ อาจต้องถูกกักอยู่
ที่อินเดีย หรือกลับมาแล้วต้องถูกกักตัว 14 วัน  โชคดี  บุญรักษา พวก
เรารอดพ้นกันทุกคน ค่ะ กลับถึงไทยอย่างปลอดภัย

วันที่ 15 เป็นวันจอกี่ (วันถึงแก่กรรม) ของแม่  เราก็มีการทำกับข้าวมา
ไหว้แม่  โดยน้องสะใภ้เป็นคนทำมาให้เราไหว้ 
วันที่ 21  ทิพย์ ทิพย์ ลูกศิษย์ มารับไปกินข้าวที่ บ้านส้มตำ ขาประจำ
ของฉัน  ทิพย์ ทิพย์ เป็นลูกศิษย์อีกคนที่ไม่ได้เป็นลูกศิษย์ประจำชั้น แต่เราก็สนิทกัน  ถึงวันคล้ายวันเกิดของฉัน ก็จะ
สั่งเค้กวันเกิดจาก เอสแอนด์พี  ให้เขามาส่งที่บ้านฉัน  ส่งมาได้สองปี
แล้วน่ะ อาหารวันนี้ก็เหมือน ๆ ที่เราเคยสั่ง ค่ะ 



นอกจากพาไปกินข้าว ทิพย์ยังซื้อของมาฝาก โดยเฉพาะเจลล้างมือ
ป้องกันโควิด กระดาษเปียก  ลูกพรุนน้ำ วีต้า ค่ะ 



ทิพย์และศิษย์เขย ค่ะ 



กินอาหารเสร็จแล้ว สั่งโดนัทมาให้อีก 1 กล่องด้วย ค่ะ 

หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว  ทิพย์พาฉันไปบริจาคลูกศิษย์เพื่อน
ของทิพย์ที่ถูกไฟไหม้ แถวซอยปรีดีพนมยงค์ 26 
ฉันเอาเสื้อผ้าของฉันไปบริจาคและมีเสื้อผ้าของเพื่อนบ้านไปอีกสอง
กล่อง  ฉันให้เงินช่วยเหลือไปอีก 500  บาท ค่ะ ทิพย์ซื้อ
โดนัทไปแจกเด็ก ๆ อีกกล่องใหญ่ ด้วย ทิพย์เขาบริจาคและช่วยไป
ก่อนที่ฉันจะกลับจากอินเดียแล้ว วันนี้เขาพาฉันมา นั่นเอง



สภาพบ้านที่ถูกไฟไหม้และของที่เราเอามาบริจาค ค่ะ 



มอบเงินช่วยเหลือให้แม่ของเด็กไป 500  บาท ค่ะ 

วันที่ 29  เล็ก  สถิดา แวะมาเยี่ยมและรับใบลดหย่อนภาษีที่ได้บวชพระ
บวชเณร ค่ะ  


เล็ก สถิดา แวะมารับใบลดหย่อนภาษี ไม่ได้คุยอะไรมาก เพราะเป็น
ช่วงที่ต้องอยู่ในระยะห่างป้องกันโควิดกัน ค่ะ  

กิจกรรมต่าง ๆ ในเดือน มีนาคม ก็จบลงเพียงเท่านี้ ค่ะ 

เดือน เมษายน  กิจกรรมมีไม่มากนัก เพราะโควิดก็ยังคงเพิ่มจำนวน
คนติดโรคโควิดมากขึ้น  เป็นงานหนักของรัฐ
ของกระทรวงสาธารณสุข มีการประกาศจำนวนคนติดโรคทั้งในประเทศ
ของเราและต่างประเทศ รวมถึงจำนวนคนติดโรคทั่วโลก

วันที่ 5  น้ำฝน ลูกศิษย์ประจำชั้น ปี 29  ได้โทรมาบอกว่า จะนำ
อาหารมาให้ฉัน เป็นเสบียงในช่วงโควิด  ฝนเป็น
ลูกศิษย์ที่ดีกับฉันเสมอต้นเสมอปลายและหวังว่าเธอจะเป็นเช่นนี้ต่อไป
อาหารที่นำมาให้ มีหลายอย่าง  หมูแดดเดียว  
กุ้งแกะเสร็จแช่แข็งมาให้  ปลาสลิดตัดครีบ   ตัดหาง บั้งเนื้อปลามา
ให้อย่างเรียบร้อย ใส่เป็นถุงเล็ก ๆ เพื่อหยิบออกมา
ทอดกินได้อย่างง่าย ๆ  เธอเป็นคนมีระเบียบ เหมือนแม่บ้านที่เก่ง
ในเรื่องการจัดการ ค่ะ 



นี่เป็นอาหารที่ฝนนำมาเป็นเสบียง กินได้เป็นอาทิตย์ เลยค่ะ 
ฝนไม่ได้อยู่คุย เพราะเป็นช่วงที่ต้องเว้นระยะห่าง ๆ กัน หลังจากส่ง
เสบียงเสร็จสักพัก  ฝนก็กลับบ้านไปค่ะ 

วันที่ 15  หลวงศิษย์ตู่ ได้ส่งทุเรียนแผ่นมาให้ 10  กล่อง  ค่ะ 



ของฝากจากโอท้อปเมืองสุรินทร์  ค่ะ ได้นำไปใส่บาตรและแจก
เพื่อนบ้านบ้าง ค่ะ 

วันที่ 19  หนุ่มนำทุเรียนมาฝาก 1 ผล ค่ะ  น่าจะเป็นหมอนทอง 
ตอนนี้เขาพยายามทำมาหากิน ผันตัวไปขายทุเรียนด้วย 



ทุเรียนที่หนุ่มนำมาฝากลูกใหญ่ น่าจะประมาณ  2 โลได้ ค่ะ 

สงกรานต์ปีนี้  ทางรัฐให้งดจัดงาน  ห้ามเล่นสงกรานต์และไม่ได้ให้เป็น
วันหยุดแต่จะหาวันหยุดชดเชยให้  ค่ะ 

วันที่  21  เป็นวันเศร้าและการสูญเสียนักประพันธ์ที่มากด้วยคุณภาพ
ไทยคนหนึ่ง  นั่นก็ คือ คุณพนมเทียน  เป็นเจ้าของ
นามปากกา ของ ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ เป็นเจ้าของบทประพันธ์ที่
โด่งดังมาก ๆ  คือ เรื่อง เพชรพระอุมา  เป็นศิลปินแห่งชาติ
สาขา วรรณศิลป์  เมื่อปี พ.ศ. 2540  ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 21 เมษายน
 2563  ด้วยโรคชรา  สิริอายุ ได้ 89  ปี ค่ะ 
ประวัติโดยย่อ  เกิด เมื่อ 23  พ.ย. 2474 ที่จังหวัด ปัตตานี เริ่มเขียน
นวนิยายตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มัธยมที่โรงเรียนสวนกุหลาบ
เรื่องเห่าดง  ต่อมาได้ไปเรียนต่อที่อินเดีย มีผลงานมากมายถึง 38 
เรื่อง นอกจากนามปากกา พนมเทียน แล้ว 
ยังมีนามปากกาอื่น  คือ ก้อง สุรกานต์  และ รพินทร์ หรือ รพินทร์ 
ไพวัลย์ ( พระเอกในเรื่อง เพชรพระอุมา)  เรื่อง ศิวาราตรี
เป็นจินตนิยาย  สกลวรรณ ได้นำเรื่องนี้ไปเขียนเป็นร้อยกรอง มี
ความยาวถึง 30,000  คำกลอน 



คนกลาง คือ พนมเทียน ตอนเป็นหนุ่ม  ค่ะ 



พนมเทียน  ตอนอายุมากแล้ว  ค่ะ 

วันที่ 28  สดใส ลูกศิษย์บอกว่า  จะให้วินมอเตอร์ไซด์รับจ้างนำมะม่วง
จากสวนของพี่เขยมาให้ที่บ้าน  แต่ฉันเกรงใจที่เขาต้อง
เสียเงินค่าจ้างวินมอเตอร์ไซด์นำมะม่วงมาให้ฉัน จึงบอกว่า เดี๋ยวจะให้
เหมียวเพื่อนบ้านเขาขี่มอเตอร์ไซด์ไปรับมะม่วงด้วยกัน
ใสน่ารัก   เขาจัดมะม่วงอีกชุดหนึ่งให้เหมียวด้วย ที่ช่วยพาฉันไปรับ
มะม่วงด้วย  มะม่วงของพี่เขยใส  เป็นเขียวเสวย
เป็นส่วนใหญ่  มีอกร่องให้ฉันเพิ่มอีก 4 ผล  อกร่อง ปัจจุบันหากินยาก
ไม่ค่อยเห็นขายกันค่ะ  แล้วยังมีมะม่วงผลใหญ่ ชื่ออะไรจำไม่ได้



มะม่วงของฝากจากสวนของพี่เขยสดใส ค่ะ อร่อย หวานฉ่ำค่ะ  ขอบใจ
สดใสมาก ๆ จ้ะ ส่งเสบียงผลไม้มาในยามโควิดระบาด 

ช่วงเย็นของวันนี้  นงลักษณ์ มาเยี่ยมพร้อมขนมปังมากมาย ได้เสบียง
ของกินช่วงโควิดอีก กินไม่ทันแจกเพื่อนบ้านและใส่บาตร
ด้วย ขอให้ผลบุญนี้ส่งผลให้ลักษณ์มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ๆ ด้วย



ขนม เค้ก ที่ลักษณ์นำมาฝาก ค่ะ อิ่มท้อง อิ่มทานและอิ่มบุญ ค่ะ 

วันที่ 30  รุ่ง  คุณลูกนุ้งนิ้ง ได้นำผัก ผลไม้ มาเป็นเสบียงช่วงโควิด
มาฝากหลายอย่างตามภาพที่ถ่ายมาให้ชม ค่ะ ขอบใจรุ่งนะ
ขอให้ทำมาหากินเจริญรุ่งเรืองตลอดไป จ้ะ 



เสบียงจาก รุ่ง ค่ะ 

ทวาทศมาสประจำปี 63  ตอนที่สอง ประจำเดือน มี.ค.และ เม.ย.
กิจกรรมต่าง ๆ ค่อนข้างน้อย เนื่องจากโควิดเป็นเหตุ ค่ะ 
โปรดติดตามตอนที่ 3  ต่อไป นะคะ 













 

Create Date : 29 มีนาคม 2564   
Last Update : 1 เมษายน 2564 22:13:31 น.   
Counter : 989 Pageviews.  
space
space
ทวาทศมาส ประจำปี 63 ประจำเดือน ม.ค. และ ก.พ.


ทวาทศมาส ประจำปี  63 ประจำเดือน  ม.ค.และก.พ.

วันเวลาผ่านไปเร็วเหมือนมีปีก ปีนี้ ก็เป็นปี พ.ศ. 2564 แล้ว ค่ะ ฉันก็ยัง
มีโอกาส  มีลมหายใจที่จะมาเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ 
ในปี 63  ให้เพื่อน ๆ ชาวบล็อก ตลอดจนคนที่มีโอกาสมาอ่านในบล็อก
ของฉัน  ซึ่งฉันคิดว่า  ก็น่าจะได้ประโยชน์บ้างค่ะ 

วันที่ 2 ของปีนี้  มีลูกศิษย์มาสวัสดีปีใหม่  คือ ดร.รัฐไท (ป๊อป) ลูกศิษย์
ป๊อป เป็นลูกศิษย์ประจำชั้นเมื่อปี 29  เป็นเด็กกตัญญู
เขามาเยี่ยมฉันเกือบทุกปี และบอกว่า ฉันเป็นไอดอลของการเป็นครู
ของเขา  ฟังแล้วก็ปลื้มใจเหลือเกิน เนาะ มาชมภาพค่ะ 



ดร.รัฐไท  พรเจริญ  ลูกศิษย์ประจำชั้น ปี 29  ค่ะ 

วันนี้นอกจาก ป๊อบมาสวัสดีปีใหม่แล้ว  ยังมีสดใสมาสวัสดีปีใหม่ด้วย
อีกคน  ซึ่งสดใสมาสวัสดีปีใหม่ทุกปี เสมอต้นเสมอปลายเช่นกัน ค่ะ 



สดใสและฉันถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก  ค่ะ 



ของฝากและการ์ดปีใหม่ของใส  ค่ะ 


เริ่มออกงานบุญเป็นวันแรกของปีเลยค่ะ  คือ วันที่ 4  มกราคม แดงมา
รับฉันไปวัดธรรมมงคล  ซึ่งใกล้วันคล้ายวันเกิด
ของหลวงพ่อวิริยังค์  ปีนี้จะมีอายุครบ 100  ปี ค่ะ  และจะมีพิธีสวด
มนต์พร้อม ๆ กันของศิษยานุศิษย์ที่มาจากสถานที่ต่าง ๆ 
มาสวดมนต์อำนวยพรแด่หลวงพ่อ  ฉันมีโอกาสมาสวดมนต์ที่นี่เป็นปี
ที่ 2  แล้ว ค่ะ รู้สึกปลื้มปิติเป็นอย่างมาก ค่ะ มาชมภาพค่ะ 



ถ่ายรูปที่ด้านนอกกับลูกศิษย์ แดง ที่พาไป ค่ะ 




ห้องที่เราไปนั่งสวดมนต์  ซึ่งเป็นที่พักค้างคืนของคนที่มาจาก
ต่างจังหวัดตอนที่มาร่วมสวดมนต์ถวายพรแด่หลวงพ่อ ค่ะ 



เพื่อนของแดงก็มาด้วยค่ะ  เราสวดมนต์ที่ห้องนี้ ค่ะ 

วันที่ 5  ก็ไปงานขาวดำ  งานศพคุณยงยุทธ  ศิษย์เก่ารุ่นที่ 5  เป็นผู้ที่
ให้ความช่วยเหลือแก่สมาคมศิษย์เก่าเสมอมา  ถือเป็น
ผู้มีอุปการคุณต่อสมาคมฯและโรงเรียนคนหนึ่ง ค่ะ 




กรรมการสมาคมนักเรียนเก่ามัธยมวัดธาตุทอง ที่มางานฟังสวดค่ะ 

วันที่ 7  เมี่ยง  ทิพย์ และโอ๋  นัดฉันไปเลี้ยงปีใหม่  นัดไปที่เซ็นจูรี่ที่อยู่
ตรงข้ามกับโลตัสอ่อนนุช  โดยนัดกันประมาณ 5 โมงเย็น
ฉันไปถึงที่ห้างเซ็นจูรีก่อนนัด เลยเดินชมร้านค้าต่าง ๆ แถวนั้น เป็น
พวกเสื้อผ้าเป็นส่วนใหญ่  แต่ไม่ได้ซื้ออะไรเลย ค่ะ 
พักใหญ่ ๆ  เมี่ยงกับทิพย์ก็มา  เหลือโอ๋ที่ยังไม่มา  เลยถ่ายรูปที่หน้า
ร้านที่ขายแหนมเนืองที่เราจะมากินในวันนี้ ค่ะ 



ถ่ายที่หน้าร้าน แหนมเนือง  ทิพย์มีส้มโอจากบ้านและคุ้กกี้มาฝากค่ะ



อาหารที่สั่งมากินในวันนี้ค่ะ  รสชาติก็พอประมาณ ค่ะไม่มากมายนัก


กินไปคุยไป  สนุกสนาน นาน ๆ จะได้นัดเจอกันสักครั้ง  นั่งกินกันได้
ประมาณชั่วโมงเศษ ๆ  คนเข้ามาร้านนี้มากเหมือนกัน
พอออกจากร้าน  ทิพย์กับโอ๋ ก็แยกตัวกลับบ้านไป ส่วนฉันกับเมี่ยง
รออ๊อดมารับ  เพราะเมี่ยงจะให้อ๋อดไปส่งฉันที่บ้าน

วันที่ 8  พวกเราได้เก็บรวมรวมเงินเพื่อไปซื้อของขวัญให้เหล่าซือ ปีนี้
เราจัดเป็นของกินพวกบำรุง  เครื่องดื่ม เต็มกระเช้า ค่ะ มาชมค่ะ 



มีเจ๊หุยเป็นตัวแทนมอบกระเช้าและกล่าวอวยพร ค่ะ 
วันนี้ นอกจากมีพิธีมอบกระเช้าปีใหม่ให้เหล่าซือแล้ว  ยังมีคณะจาก
กระทรวงมาเยี่ยมที่ห้องสมุดด้วยค่ะ ก็มีการพูดคุย
แนะนำ ทักทาย  แล้วก็มีการถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกตามระเบียบ ค่ะ 



คณะจากกระทรวงมาเยี่ยมห้องเรียน ห้องสมุด  ค่ะ 

วันที่  11-12  แดงชวนไปเที่ยวภูลมโล  โดยเช่ารถตู้กันไป  มีทั้งหมด
7 คน  ค่ะ แดงมารับฉันไปนอนค้างที่บ้านเขาตั้งแต่
คืนวันที่ 10  เพราะเราจะออกแต่เช้า  โดยให้ลูกชายของแดงไปส่งยัง
ที่นัดหมาย  เรื่องนี้ ฉันได้เขียนไว้ในบล็อกแล้ว 
ใครที่สนใจอ่านเรื่อง เที่ยว ภูลมโล  อ่านได้จากลิ้งค์นี้  นะคะ 


https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=26-01-2020&group=8&gblog=18
ฉันนำรูปบางส่วนมาเป็นน้ำจิ้มให้ชม ค่ะ ถ้าสนใจจะได้ตามไปอ่าน ค่ะ 



สมาชิกส่วนหนึ่งของการไปเที่ยว ภูลมโล  ค่ะ 








อาหารมื้อเย็น  หมูกระทะ ค่ะ 


รุ่งเช้าวันที่ 12 เราต้องตื่นแต่เช้า เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ค่ะ 




ไปชมต้นพญาเสือโคร่ง แต่น่าเสียดาย เหลือน้อยต้นแล้ว   ปีนี้ ต้น
พญาเสือโคร่งบานเร็วกว่าทุกปี ค่ะ 





ที่สุดท้ายในการเที่ยว  คือ ทุ่งดอกกระดาษ พิษณุโลก  ค่ะ 

วันที่ 19  รุ่งมาเยี่ยมที่บ้าน  ซื้อผักหลายอย่างมาฝากด้วย และชวนไป
ทานข้าวเลี้ยงฉลองปีใหม่ย้อนหลัง แล้วก็พาไปซื้อของใช้
ที่โลตัส พระราม 4 คุณลูกนุ้งนิ้งน่ารักเสมอ ค่ะ 



น้ำลำไยร้าน บ้านส้มตำอร่อยมาก ถึงจะแพงไปหน่อย  แก้วละ 70
บาท  แต่ก็ให้ลำไยมากประมาณ 10-12 ลูก ค่ะ 


รายการอาหารเป็นของโปรดของเราสองคน ค่ะ  อิอิ


หน้าตาอาหารที่เราสั่งมากินวันนี้  ค่ะ อิ่มท้องทั้งสองคน ห้าห้า 



รายการผักและมีเสื้อขาว 1 ตัว เพื่อใส่ไปแสวงบุญที่อินเดียด้วย ค่ะ
วันที่ 24  เป็นวันสาร์ทจีน  บ้านเรามีการไหว้พ่อแม่
และบรรพบุรุษเหมือนทุกปี  วันนี้เลยครึกครื้น  มีน้อง หลาน สะใภ้มากัน
หลานคน  ไหว้เสร็จก็กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน
เต๊ะเฮียหลาน ๆ ไปตามระเบียบ เสร็จจากการกินข้าวแล้ว   มาลี หลาน
สะใภ้ก็ช่วยกวาดบ้าน ถูบ้านอย่างที่เคยทำ   ก่อนฉันจะจาก
โลกนี้ไป  ต้องมีของฝากเขาบ้างแน่นอน อิอิ  ใครทำดีกับฉัน  ฉันไม่
ลืมหรอก ว่าง ๆ คงต้องเขียนพินัยกรรมเอาไว้เสียแล้ว ห้าห้า 
วันที่ 25  ซึ่งเป็นวันตรุษจีน  และเป็นวันที่กำหนดให้สมาชิกสหกรณ์
ออมทรัพย์ครูเป็นวันเลือกตั้งกรรมการ ค่ะ 
ไปเลือกที่โรงเรียนปทุมคงคาเหมือนทุก ๆ ปีที่ผ่านมา  ฉันก็ออกจาก
บ้านไปน่าจะประมาณ  เกือบ 9 โมง เขาให้ลงได้
ตั้งแต่ 8.30-12.00  น.  เลือกเสร็จก็มานั่งตรงศาลาทุกปีแหละ เพราะ
จะมีเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนมาพบปะคุยกันหลังจากเลือกตั้งเสร็จ

วันที่  28  นัดกับแดงไปทำบุญกันที่เน่งเล่ยยี่และปอเต็กตึ้ง  แดงแวะ
หาเพื่อนเขาที่ขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ใกล้ ๆแถวนั้นก่อน
ได้เจอเพื่อนและสั่งก๋วยเตี๋ยวเจ้านี้  รสชาติอร่อย ชอบลูกชิ้นปลาของ
เขา รสชาติดี  ฉันและแดงซื้อกลับบ้านไปด้วย

เรื่องราวต่าง ๆ ในเดือน มกราคม ก็มีเพียงเท่านี้ ค่ะต่อไปก็เป็นเรื่องราว
ของเดือน ก.พ. ค่ะ  เริ่มต้นวันที่ 1 ก.พ. 
ชมรมครูเก่ามัธยมวัดธาตุทอง ได้จัดนำเที่ยวไปสวนนงนุชกัน ค่ะ เป็น
ทริปที่สนุกสนาน  เราไปรถไฟกันค่ะ  เรื่องนี้ฉันก็ได้เขียน
ลงในบล็อกแก๊งแล้วค่ะ ถ้าใครสนใจ สามารถไปอ่านตาม ลิ้งค์ นี้ ค่ะ 
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=10-02-2020&group=8&gblog=19

ทริปนี้ เราเก็บค่าเที่ยวคนละ 1,000 บาท เป็นค่ารถไฟและค่าเข้าชม
สวนนงนุช ค่ะ  ฉันคัดรูปบางส่วนเพื่อเป็นน้ำจิ้มในการติดตามอ่านค่ะ



รอรถไฟที่สถานีหัวลำโพง  ค่ะ 
 

อยู่ในรถไฟ  ค่ะ 


นั่งรถกอล์ฟ ขมสวน ค่ะ 




ชมการแสดงของช้างในสวนนงนุช  ค่ะ  





เที่ยวป่าไดโนเสาร์  ค่ะ 




ถ่ายรูปหมู่อีกครั้ง ขณะรอรถไฟขากลับ  ค่ะ 
 วันที่ 7 ได้ไปร่วมทอดผ้าป่าที่ โรงเรียนเก่า คือ มัธยมวัดธาตุทอง เรือง
มารับฉันที่บ้านแล้วไปด้วยกัน ค่ะ ได้ทำบุญแล้วก็สบายใจดี 





กระถางผ้าป่าปีนี้มีหลายกระถาง ค่ะ 

วันที่ 9 ก.พ.  ฝนมาชวนไปกินข้าวกัน  เพราะปีใหม่เรายังไม่ได้ไปกิน
ข้าวด้วยกันเลย  ฝนเป็นลูกศิษย์ที่สนิทกับฉันมากคนหนึ่ง
และมีความเสมอต้นเสมอปลายมาโดยตลอด  วันนี้เรานั่งรถไปกินที่
ร้านสบายใจไก่ย่าง  เจ้าประจำที่ฉันชอบไปกินกัน 



นั่งกินกันสองคน อาหารเต็มโต๊ะเลย ค่ะ กินไปคุยกันไป 


รายการอาหารที่พวกเราสั่งเป็นประจำกัน ค่ะ  อิอิ

วันที่ 13  นัดกับวัชรีไป ส.พ.ท. เพื่อเบิกค่ารักษาพยาบาลกัน  ได้เงิน
ค่ารักษาพยาบาลที่จ่ายไปของ คณะทันตแพทย์ประสานมิตร
เพราะจ่ายตรงไม่ได้  นั่นเอง 
วันที่  16  กลุ่มธาตุทองสานรัก (ศิษย์เก่ารุ่นแรกที่ฉันสอน) เขาจัดงาน
สานรักธาตุทอง  เหมือนทุกปีที่เคยจัด  ปีนี้ ภาวดี เป็นคน
โทรมาเชิญฉันไปงาน (เขาแบ่งหน้าที่เชิญครูแต่ละคน)  งานปีนี้ ก็
เหมือน ๆ ทุกปีที่เคยจัด  ฉันไปถึงโรงเรียนประมาณ
11 โมงน่าจะได้ (จัดที่โรงเรียน)  ไปถึงทั้งศิษย์ ทั้งครู มากันหลายคน
แล้ว ค่ะ เด็ก ๆ มาสวัสดีและเชิญไปนั่งโต๊ะที่เขาจัดให้ ค่ะ 
เรื่องนี้ฉันได้เขียนไว้ในบล็อกแก๊งแล้วค่ะ ถ้าสนใจอ่านได้ที่ลิ้งค์ต่อไป
นี้  ค่ะ https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=05-03-2020&group=5&gblog=97

ส่วนหนึ่งของครูที่เรียนเชิญมางาน ค่ะ 



มีพิธีการแสดงความกตัญญุตาแด่ครูที่มางาน ค่ะ 










 
รูป ครู ศิษย์ ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก  ค่ะ 

วันที่ 20  เพ็ญและทิพย์ มาเยี่ยมฉันที่บ้าน  ทิพย์มาจากอเมริกา เขาไม่
ได้โทรมาบอกฉันหรอก  ฉันก็รู้จากเพ็ญ  ช่วงหลัง ๆ 
ทิพย์มาเมืองไทย เขาไม่อยากให้ใครรู้  คงมีเหตุผลส่วนตัวอะไรบาง
อย่าง  และครั้งนี้ไม่ได้มาเที่ยว มาธุระเรื่องบ้านมั้ง
อยู่ไม่กี่วันก็จะต้องรีบกลับอเมริกาแล้ว  เพราะคงลางานได้ไม่กี่วันมั้ง
เจอกันก็เม้าส์กันสนุกสนาน ตามประสานาน ๆ ได้เจอกัน
เขานำลิปติกมาฝากฉัน 1 แท่ง สีสวยดี ค่ะ 



ส่วนขนมเต้าซ้อจาก ภา น้ำลูกพรุนจากแอน  ยังมีก๋วยเตี๋ยวและขนม
ของฝากจากเพ็ญและตุ๊ก  ค่ะ 

วันที่ 21-28 ก.พ. ถึง 1-2 มี.ค. ฉันได้ไปแสวงบุญกับ คณะเพิ่มบุญพูน
สุข  ซึ่งได้จัดทริปไปแสวงบุญครั้งนี้   มีสมาชิก
31 คน  โดยมีพระสงฆ์ จำนวน 4 รูปไปด้วย  มีพระอาจารย์ดร.มหา
กิติพันธ์เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายสงฆ์ มีพระมหาเหมือน  พระมหาสมอินทร์
(เขียว  เพิ่งได้เปรียญ 9  เมื่อเร็ว ๆ นี้) พระจ่อย   ฝ่าย
คณะจัดทริป เขาแบ่งหน้าที่กันอย่างดี  ฝ่ายเหรัญญิก  ฝ่ายอาหาร 
ฝ่ายที่พัก  ฝ่ายบริการ ฯลฯ ทำงานเป็นทีมอย่างดี
ฉันได้บันทึกการแสวงบุญครั้งนี้ไว้ทั้งหมด 11 บล็อก ไว้ในบล็อกแก๊ง
ถ้าใครสนใจสามารถติดตามอ่านได้จากลิ้งค์ต่อไปนี้ ค่ะ 
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=23-03-2020&group=8&gblog=20

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=28-03-2020&group=8&gblog=21
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=28-03-2020&group=8&gblog=21
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=09-04-2020&group=8&gblog=23
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=16-04-2020&group=8&gblog=24
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=21-04-2020&group=8&gblog=25
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=26-04-2020&group=8&gblog=26
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=02-05-2020&group=8&gblog=27
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=02-05-2020&group=8&gblog=27

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=07-05-2020&group=8&gblog=28
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=14-05-2020&group=8&gblog=29
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=suvimol&month=14-05-2020&group=8&gblog=29

ฉันได้นำรูปในแต่ละวันที่เดินทางไปมาประกอบให้ชมเป็นบางรูปด้วย
ดังนี้ ค่ะ 


เตรียมตัวเคลื่อนขบวนไปขึ้นเครื่องบิน ค่ะ 


ส่วนหนึ่งของสมาชิกที่ไปแสวงบุญครั้งนี้ ค่ะ 


อาหารมื้อแรกที่วัดที่พักคืนแรก เป็นอาหารไทย คนไทยที่อยู่ที่วัด
เป็นแม่ครัวทำ ค่ะ อร่อยปลอดภัย  ค่ะ 


  เตรียมทอดผ้าป่าวัดแรก คือ วัดไทยสารนาถ ค่ะ 


วันที่ 2  ออกเดินทางจากวัดไทยสารนาถแล้ว  แวะพักเที่ยงที่นี่เพื่อ
ทานข้าวกลางวันและทอดผ้าป่าด้วย ค่ะ 


  
  มาชมภาพตัวอย่าง วันที่ 3  ต่อไป  ค่ะ 


อยู่ที่วัดไทยลุมพินีแล้วค่ะ  ประเทศเนปาล  


ทอดผ้าป่าที่วัดไทยลุมพินี  ค่ะ 









สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ค่ะ 


ก่อนกลับจากเนปาล ได้ถวายผ้าป่าที่อีกวัดหนึ่ง เป็นสถานพยาบาล
ของคนที่ยากจน  ค่ะ 

มาชมภาพของ  วันที่ 4 ค่ะ 


พิธีเผารายชื่อส่งผลบุญไปให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไป  ค่ะ 


สถานที่ปรินิพพาน  คะ 






ต่อไปเป็นภาพจากวันที่ 5  ค่ะ 






ไปเยี่ยมโรงเรียนที่มีครูอาสามาสอน ค่ะ มาบริจาคด้วย ค่ะ 


พักเที่ยงทานข้าวที่วัดอโศการามและทอดผ้าป่า ค่ะ 


มากราบสักการหลวงพ่อ องค์ดำ  ค่ะ 


มหาวิทยาลัยนาลันทา  ค่ะ 
 
ภายในมหาวิทยาลัยนาลันทา




พวกเราพักที่วัดนี้ ค้ะ 

ต่อไปเป็นรูปของวันที่  6  ค่ะ 



ขึ้นเขาสัตตบรรพต  ค่ะ  นั่งเสลี่ยงขึ้นไป เดินไม่ไหว อิอิ


ท่านเขียวและท่านจ่อย  ด้านขวา คนหามเสลี่ยง  ค่ะ  อิอิ


พิธีสวดมนต์หน้าถ้ำ  ค่ะ 




สวดมนต์เสร็จ  ถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึก  ค่ะ 





ต่อไปจะเป็นรูปภาพ วันที่  7  ค่ะ 



ช่วงเช้าของวันนี้  อำลาเจ้าอาวาส เพื่อนของพระอาจารย์ดร.มหา
กิติพันธ์เพื่อเดินทางต่อไป มีน้องหมาอยากมีส่วนร่วมด้วย ค่ะ  อิอิ




ไปชมสถานที่เก็บสมบัติของพระเจ้าพิมพิสาร  ค่ะ 



ทางเดินที่จะเข้าไปยังถ้ำที่เชื่อว่าเป็นที่เก็บสมบัติของพระเจ้าพิมพิสาร


ถ่ายรูปหมู่กันภายในถ้ำ ค่ะ 


มาชมสถานที่ที่พระเจ้าอชาตศัตรูขังพระเจ้าพิมพิสารผู้เป็นพระราชบิดา






ช่วงเย็น พระอาจารย์ดร.มหากิติพันธ์พาไปสวดมนต์ที่พุทธคายา
ครั้งหนึ่งก่อน พรุ่งนี้ ช่วงเช้า เราจะมาสวดมนต์อีกครั้ง 


วันนี้  พวกเราก็ได้รับทราบข่าวคราวทางเมืองไทยว่า  นักร้องชาย
ที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งของเมืองไทย  มีเสียงไพเราะมาก
คนหนึ่งที่ฉันชื่นชอบได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว  นั่นก็คือ สุเทพ วงศ์กำแหง
หรือ เรืออากาศตรี  สุุเทพ วงค์กำแหง เกิดเมื่อวันที่ 12 
พ.ค. 2477  ที่จังหวัด นครราชสีมา  เป็นนักร้องเพลงไทยสากลอมตะ
มีเสียงนุ่มทุ้มไพเราะ  เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปการแสดง
ได้รับฉายาจาก รงค์  วงษ์สวรรค์ว่า "นักร้องเสียงขยี้แพรบนฟองเบียร์"
เป็นตำนานเพลงลูกกรุงอมตะนานกว่า  40 ปี
ผลงานที่โด่งดังของ สุเทพ  วงศ์กำแหง  เช่น  รักคุณเข้าแล้ว ป่าลั่น
เธออยู่ไหน  เย้ยฟ้าท้าดิน  บทเรียนก่อนวิวาห์ เสน่หา เป็นต้น
สุเทพ วงศ์กำแหง  ยังได้รับพระราชทานแผ่นเสียงทองคำ ไม่น้อยกว่า
5  ครั้ง  รางวัลเสาอากาศทองคำในฐานะนักร้องยอดเยี่ยม 2 ครั้ง
สุเทพ  วงศ์กำแหง  ถึงแก่กรรม เมื่อเช้าวันที่  27 ก.พ. 64
อายุ  86  ปี จัดงานศพที่วัดธาตุทอง ค่ะ 



รูปของ สุเทพ  วงศ์กำแหง  สมัยหนุ่มและตอนชราแล้ว  ค่ะ 

ต่อไปเป็นรูปภาพของวันที่  8  ค่ะ 



ดอกไม้สวยงามที่วัดที่เรามาพัก ค่ะ 


เช้านี้พวกเราไปสวดมนต์ที่พุทธคายาอีกครั้งหนึ่ง ค่ะ  


นั่งรอเพื่อจะเข้าไปภายใน พุทธคายา  สวดมนต์  ค่ะ 


















ช่วงเย็นของวันนี้  เรากลับมาพักที่วัดนี้และมีพิธีทอดผ้าป่าแล้วถ่ายรูป
ไว้เป็นที่ระลึก ค่ะ  

เดือน  มกราคม และกุมภาพันธ์  กิจกรรมทั้งสองเดือนนี้ ก็จบแค่นี้ ค่ะ
โปรดติดตามเดือนต่อไปได้ ค่ะ  สวัสดี

















 




 

Create Date : 16 มีนาคม 2564   
Last Update : 20 มีนาคม 2564 23:14:05 น.   
Counter : 807 Pageviews.  
space
space
ทวาทศมาสประจำปี 62 เดือน พ.ย.และ ธ.ค.
ทวาทศมาสประจำปี  62   เดือน  พ.ย.และ ธ.ค.

วันเวลา ผ่านไปเร็วเหมือนมีปีก วันแล้ววันเล่า  มีเหตุการณ์สำคัญในชีวิตเกิดขึ้นมากมาย  เรื่องของเราเองบ้าง 
เรื่องของสังคมบ้าง   เรื่องของบ้านเมืองบ้าง เรื่องใดที่ฉันเห็นว่า
สำคัญสำหรับฉัน เป็นเรื่องที่ฉันอยากจดจำ 
หรือเรื่องที่เกิดขึ้นในสังคม  เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา  ฉันก็ชอบบันทึก
เอาไว้  เพื่อเก็บความทรงจำเหล่านั้น
ไว้เป็นที่ระลึก  ไว้เป็นภาพสวยงามของชีวิต ค่ะ 

ทวาทศมาส ประจำปี  62  ของฉัน   บล็อกนี้  ก็มาถึงเดือน พ.ย.และ
ธ.ค. แล้วค่ะ  เรามาดูว่า  เดือน  พ.ย. มีเหตุการณ์อะไรสำคัญบ้าง

วันที่  2  พ.ย. เป็นวันคล้ายวันเกิดของเจ้าอาวาสวัดธาตุทอง  พวกเรา
กรรมการสมาคมนักเรียนเก่า ฯ นัดกันมากราบอำนวยพร
ท่านในช่วงเช้า แล้วก็ต้องไปงานแต่งของ ตี๋ พริษฐ์ด้วย ตี๋ เป็นลูกศิษย์
ประจำชั้น  ปี 2533  จัดงานแต่งเป็นสองช่วง
คือ  วันนี้ จัดเป็นโต๊ะจีน  เลี้ยงแขกผู้ใหญ่เป็นงานกลางวัน  สำหรับให้
ความสะดวกกับผู้ใหญ่  ไม่ต้องลำบากในการเดินทาง ค่ะ
วันที่ 1 ธ.ค.จะเลี้ยงฉลองอีกครั้งสำหรับเพื่อนร่วมงาน  เพื่อนในวงการ
นักข่าวของเขา  ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นพวกรุ่นราวคราวเดียวกับเขา
มาชม ภาพสวย ๆ กันค่ะ  วันนี้เราอาศัยรถของ สุเทพ อดีตนายกสมาคม ฯ ไปกับ เรือง ด้วย 


กราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดธาตุทอง เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของท่าน 


นายกสมาคมฯ  หนุ่ม ถวายปัจจัยแด่เจ้าอาวาสเนื่องในวันคล้ายวันเกิด

หลังจากได้นมัสการเจ้าอาวาสแล้ว   ฉัน สุเทพ และเรือง ก็ต้องรีบไป
งานแต่งของตี๋ ที่โรงแรม (จำชื่อไม่ได้) แต่รู้สึกว่าไกล) ครั้งนี้
เราอาศัยรถของ อดีตนายกสมาคมนักเรียนเก่า ฯไปด้วย เรืองเอารถ
จอดไว้ที่ลานวัด  จะได้ไม่ต้องนำรถไปหลายคัน
งานแต่งของตี๋  จัดเป็นสองวัน  คือ วันนี้ จัดเป็นงานหมั้นและรดน้ำสังข์
เลี้ยงโต๊ะจีน  สำหรับผู้ใหญ่ที่สูงอายุ  จะได้ไม่ต้อง
ลำบากในการเดินทางกลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ  กรรมการสมาคมฯ ก็ล้วน
สูงอายุ  ตี๋ เลยให้พวกเรามาในวันนี้  
ส่วนวันที่  1  ธ.ค. จะฉลองงานแต่ง  แขกที่เชิญมา ก็จะเป็นกลุ่มเพื่อน
ที่เรียน  เพื่อนที่ทำงานและในวงการหนังสือพิมพ์
เราไปถึงงานแต่งของตี๋  10 โมงกว่าแล้ว  โชคดี  ได้มีโอกาสขึ้นไป
หลั่งน้ำสังข์คู่บ่าวสาวด้วย  ค่ะ  มาชมภาพ ค่ะ 
 
หลั่งน้ำสังข์ให้คู่บ่าวสาวพร้อมอวยพร คู่บ่าวสาว ค่ะ 


คุณสุเทพและเรือง ก็ขึ้นไปอวยพรคู่บ่าวสาว เช่นกัน  ค่ะ 


โต๊ะจีน  ค่ะ  เจ้าบ่าว เจ้าสาว ถ่ายรูปกับแขกที่มางาน  ค่ะ 






ถ่ายรูปหมู่กัน  ค่ะ 


ถ่ายรูปกับมุมสวย ๆ ในโรงแรม ก่อนกลับบ้านกันค่ะ 

วันที่ 3  อุ้ย  มารับของที่ซื้อจาก ส้ม  ซึ่งส่งมาให้ทางไปรษณีย์  มี
มะม่วงทอด  ปลาเค็ม  กุ้งแห้ง  กะปิ ฯลฯ  
นอกจากมารับของแล้ว  อุ้ยก็ซื้อขนม  ของกินมาฝากฉันอีกด้วย ค่ะ



ของฝากจากอุ้ย  ลูกศิษย์ รุ่น  ปี 37



วันที่  5 พ.ย. ที่วัดธาตุทอง  จะจัดงานเทศน์มหาชาติ  ฉันนัดกับเรือง
ไปร่วมบุญครั้งนี้ด้วย  เรืองมารับฉันที่บ้านไปวัดด้วยกัน ค่ะ 


ทำบุญผ้าป่ากันค่ะ  


พระนักเทศน์ที่นิมนต์มาเทศน์มหาชาติ  ค่ะ 


พระสงฆ์กำลังเทศน์มหาชาติ  เทศน์จบกัณฑ์ใด  ก็มีการเชิญชวนให้
ผู้ฟังออกไปถวายปัจจัยกัณฑ์เทศน์นั้น ๆ แล้วแต่ศรัทธา  อิอิ 

เสาร์ที่ 9  เป็นเสาร์สุดท้ายที่ไปเรียน  การใช้มือถือเรื่องแอปต่าง ๆ ใน
มือถือ กับ อ.เต๊ก (สิรภพ) เป็นครูจิตอาสา  ค่ะ 
หลังจากเรียนจบแล้ว  มีการถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึก  ค่ะ   ซึ่งฉันรวมรูป
ไวัในเดือน ตุลาคม แล้ว  ค่ะ 
วันที่ 19  ภัชลีย์  ได้แวะมารับบัตรงานธาตุทองคืนถิ่น  รุ่นเขาซื้อโต๊ะ
งานนี้ไป 1 โต๊ะ ค่ะ  


ภัชลีย์  เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับรวงทอง แต่เขาเรียนรอบบ่าย เลยไม่ได้
สอนห้องของเขา  แต่เขาก็น่ารัก นะ มีเวลาก็มาเยี่ยมฉัน

วันที่ 20 เดือนนี้  ก็มีเรื่องน่าบันทึก  คือ ประมุขแห่งศาสนาคริสต์ ที่เรา
เรียกว่า  พระสันตะปาปา   ได้เสด็จมาเยี่ยมประเทศไทยเราค่ะ 
พระสันตะปาปาหรือเรียกว่า "โป๊บ" พระองค์เสด็จมาเยือนประเทศไทย
ถือว่า เป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สำคัญ เพราะว่า
พระองค์เป็นบุคคลสำคัญของโลกได้เสด็จมาเยี่ยมประเทศไทยของ
เรา  พระองค์ทรงมีพระนามว่า  พระสันตะปาปาฟรานซิส
หรือ โป๊บฟรานซิส  เป็นประมุขแห่งศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก
มาครั้งนี้  พระองค์มีหมายกำหนดการ หลายกืจกรรม
เช่น เสด็จไปพบผู้นำศาสนาของไทย คือ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ที่วัดราชบพิธ
เสด็จไปให้กำลังใจผู้ป่วยและผู้สูงอายุที่ โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์  เสด็จ
ไปเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ร. 10 
เป็นประธานในการทำพิธีมิสซา ที่สนามศุภชลาศัยตามพิธีของศาสนา
คริสต์  มีชาวคริสต์เข้าร่วมไม่ต่ำกว่า ห้าหมื่นคน   เป็นต้น  



สมเด็จพระสันตะปาปา  ฟรานซิส  ค่ะ  

วันที่  23  พ.ย. เป็นวันที่สมาคมนักเรียนเก่าฯ จัดงานราตรีคืนสู่เหย้า
ฉันมีหน้าที่ช่วยสมาคมฯขายบัตรโต๊ะทุกปี  ปีนี้ 
ขายโต๊ะไม่ค่อยดี  ขายไม่ได้ถึงเป้าหมายเหมือนทุกปี  อาจจะเป็น
เพราะว่า เศรษฐกิจปีนี้ ค่อนข้างย่ำแย่
งานนี้ บูลย์มารับฉันที่บ้าน  เพราะเรืองต้องไปรับครูของเขาที่หมู่บ้าน
นักกีฬา  ก็ยังโชคดี ที่ฉันมีลูกศิษย์เขาแวะมารับได้
ช่วงบ่าย ๆ  ของวันนี้  คงณัฐ  ซึ่งปีนี้  ห้องของเขาได้ซื้อโต๊ะจีนมางาน
โรงเรียนด้วย  จึงแวะมารับบัตรและถือโอกาสสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้า


คงณัฐ  ลูกศิษย์ 6/1  มารับบัตรและมาสวัสดีปีใหม๋ล่วงหน้า ค่ะ 

บรรยากาศของงานราตรีคืนสู่เหย้าปีนี้  เด็ก ๆ ที่ฉันเคยสอนและซื้อบัตร
มางาน  ต่างทยอยกันมางาน  กว่าฉันจะรอให้เด็ก ๆ 
ที่ซื้อโต๊ะ  แต่ไม่มารับบัตรที่บ้านล่วงหน้า  มารับบัตรที่หน้างานน่าจะ
ประมาณ  10  โต๊ะได้  เหนื่อยมากเลย ค่ะ อากาศก็ร้อนมาก
มาชมบรรยากาศของงาน  ราตรีคืนสู่เหย้า ที่ฉันเคยเขียนไปแล้ว ฉัน
ได้นำรูปบางส่วนของงานมาลงให้ชม  ค่ะ 



จุดลงทะเบียน  เด็ก ๆ มาลงทะเบียนและถ่ายรูปด้วยกัน ค่ะ 


สมาชิก

ห้องของเล็ก  ธวัชชัย ค่ะ 




มีพิธีมุทิตาจิต  ครู อาจารย์ ทุกปี  ค่ะ  








งานราตรีคืนสู่เหย้าชาวธาตุทอง  ปีนี้ ก็จบลงไปด้วยดี  ค่ะ งานเลิก
ประมาณ  ห้าทุ่ม  บูลย์มาส่งฉันที่บ้านก่อนกลับไปบ้านเขา 
เดือน พ.ย.  ก็จบลงที่งานราตรีคืนสู่เหย้าชาวธาตุทอง  ค่ะ 

เดือน  ธ.ค. เดือนสุดท้ายแห่งปี  62  ก็มีกิจกรรมที่ฉันบันทึกไว้หลาย
กิจกรรมเหมือนกัน ค่ะ  มาชม ค่ะ  
วันที่  1   วันนี้ ก็มีกิจกรรมที่ต้องทำ  คือ งานแต่งของ ตี๋ พริษฐ์ ที่จริง
ฉันคิดว่า  คงไม่ได้ไปงานอีกครั้งแน่  เพราะไม่มีคนมารับ
แต่ปรากฏว่า  แหม่ม  เยาวลักษณ์ โทรมาชวนไปงานแต่งตี๋ด้วยและ
จะมารับ มาส่งฉันด้วย  เออ!  เลยได้ไปงานของตี๋รอบสอง
เพื่อนทำงานของเขา  ดูเหมือนเป็นคนใหญ่คนโตหลายคนนะ  กลุ่มเรา
ก็เป็นเพียงเพื่อนร่วมห้อง  ร่วมเรียนกันมา 
งานครั้งนี้เลยเหมือนเป็นการเจอเพื่อน  พบปะสังสรรค์กันไปในตัวด้วย
ปรกติ  ก็ไม่เคยเจอกันเลย  ห้องนี้ ไม่ได้นัดสังสรรค์กันนานมาก
งานแต่งของตี๋ครั้งนี้  นอกจากจะเป็นการแสดงความยินดีกับตี๋สันแล้ว
ก็ยังเป็นการสังสรรค์กันไปในตัวด้วย  คุยกันไม่หยุดปากเลย
ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย  มาชมภาพของพวกเรา ค่ะ 


โฉมหน้าของห้อง  6/1  ปี  33  ที่มาร่วมงานแต่งของ ตี๋  ค่ะ 




ก่อนกลับ  ก็ถ่ายรูปหมู่กับเจ้าบ่าวเจ้าสาว  ค่ะ 

วันที่  2  อุ้ยแวะมาสวัสดีปีใหม่ก่อนปีใหม่  โดยแก้วฝากขนมจีบให้อุ้ย
มาให้ฉันด้วย ค่ะ ก็ขอขอบใจลูกศิษย์ทั้งสองคนนะ


มีแต่ของบำรุงทั้งนั้นเลย  ค่ะ  อิอิ
วันที่ 5   ลูกศิษย์ที่ไม่เคยได้เจอหน้ากันเลยตั้งแต่จบ ม.6 ไปแล้ว  เจอ
กันแต่ในเฟซบุ๊ค   วันนี้ก็นัดเจอกัน  ตอนที่มาหา
ก็ตกใจ  เพราะเขาตกบันได  ฝ่าเท้าบวมมาก  บอกเขาว่าที่นัดกันจะไป
หาอะไรกินกันไม่ต้องไปแล้ว คุยกันที่บ้านดีกว่า  
เขาก็ไม่ยอม จะพาไปให้ได้ เรียกแท้กซี่พาฉันไปยังสำนักงานแห่งหนึ่ง
พบกับเจ้าของสำนักงาน  อ้อ ! ถึงตอนนี้  ฉันพอจะรู้ว่า
เขาคงต้องการให้ฉันช่วยเขาทำอะไรสักอย่าง  ฟังจากที่เขากับเจ้าของ
สำนักงานคุยกัน  ก็คือ การหาตัวแทนในการตรวจยีนส์
ของสมาชิกเพื่อจะได้ซื้อของบำรุงตามยีนส์ที่เขาตรวจให้ ซึ่งราคาไม่
ได้ถูกเลย  เป็นสองหมื่น  ฉันก็ฟังเขาพูดอธิบายไป
ตามมารยาทผู้ฟังที่ดี  สรุปว่า  ฉันก็ชมว่า เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ นะ แต่ก็
ขอไปคิดดูก่อน  เพราะราคาไม่ถูกกับข้าราชการบำนาญ
อย่างฉัน  ซึ่งเงินบำนาญน้อยนิด ต้องอาศัยยารักษาจากรัฐฟรี  เขาก็
คงรู้แล้วว่า  ฉันปฏิเสธไปในตัวแล้วแหละ 
จากนั้น เสียเวลาไปอยู่ที่นั่นน่าจะประมาณชั่วโมงกว่า  เมตตาก็บอกว่า
จะพาไปกินสุกี้  ไม่เห็นเพื่อนของเขาคนนั้นจะไปด้วยเลย
แล้วขาก็เจ็บอย่างนั้นจะไปได้อย่างไร  หาลูกค้าให้เขาไม่ได้  เขาก็ไม่
พาไปกินหรอกนะ  กลวิธีการขาย การค้าแบบนี้
ฉันมองออกอยู่แล้ว  เมตตา เขาเป็นคนซื่อ ๆ ตามคนไม่ค่อยทันหรอก
ฉันเลย บอกไม่ต้องกินหรอก  ให้เขาเรียกแท้กซี่ให้ 
เราจะกลับบ้านดีกว่า  เขาก็เลยไปเรียกแท้กซี่ให้มาจอดหน้าห้องสำนัก
งานของเขา  เมตตากว่าจะก้าวขาขึ้นรถได้ยังย่ำแย่อยู่เลย 
ระหว่างทาง  ฉันตัดสินใจพาเขาไปห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลตำรวจ
เพราะเขาก็อยู่ตัวคนเดียว  ใครจะไปหาหมอเป็นเพื่อนเขา
อาการก็หนักไม่น้อย  ฝ่าเท้าบวมมาก  ตกบันไดมาสองวันแล้ว กินแต่
ยาแก้ปวด  กระดูกเท้าหักหรือเปล่าก็ไม่รู้  ฉันเคยหกล้ม
ขาแพลง  เจ็บปวดขนาดนั้น กระดูกนิ้วเท้าหัก  มันทรมานแค่นั้น ฉันรู้
รสชาติมันดี  เลยให้แท้กซึ่ไปส่งที่ห้องฉุกเฉินที่ ร.พ.ตำรวจ
ช่วยเดินเรื่องทำบัตร  แจ้งอาการ และส่งเขาเข้าห้องฉุกเฉิน  วันนี้ห้อง
ฉุกเฉิน  คนไข้เยอะมาก  รอนานครึ่งชั่วโมงก็ยัง
ไม่มีวี่แววว่าจะออกจากห้องฉุกเฉิน  ฉันหิวจนหน้าจะมืดแล้ว  เดินไปที่
ร้านค้าสะดวกซื้อใน ร.พ. หาซื้อแซนวิชและนมกล่อง
กินประทังท้องไปก่อน  ตอนนั้นน่าจะบ่ายสามโมงกว่าแล้ว  เลยอาหาร
เที่ยงไปหลายชั่วโมงทีเดียว
กว่าจะเสร็จ  เอ๊กซเรย์  รับยา  โชคดีกระดูกนิ้วเท้าไม่หัก  หมอนัดว่า
ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นให้มาพบหมอกระดูกโดยตรงในวันทำการ
เรียกแท้กซี่มาที่บ้านฉัน  เพราะเขายังมีกระเป็าเสื้อผ้าอยู่ที่บ้านฉันและ
หนังสือที่อุดหนุนฉันไปอ่านด้วย  และเขาซื้อโจ๊กจากร้านโจ๊ก
แถวบ้านฉันกลับไปด้วย จะได้ไม่ต้องจ้างวินมอเตอร์ไซค์ไปซื้ออาหาร
มื้อเย็นกินอีก  เฮ้อ ! อยู่ตัวคนเดียวมันก็ลำบากอย่างนี้แหละนะ 

วันที่ 6 วันนี้ขอให้ก๊องช่วยมาพาฉันไปที่บริษัทอิเล็คโทรลักซ์  เพื่อนำ 
เครื่องดูดฝุ่นไปซ่อมด้วย   ก๊องมาเอาตอนเที่ยง
กำลังหิว  เลยชวนไปกินข้าวมื้อเที่ยงที่ บ้านสัมตำก่อนจะไปซ่อม
เครื่องดูดฝุ่น  ก๊องสั่งอาหารตามที่เขาชอบ มาชมภาพค่ะ 




อาหารอุดมสมบูรณ์ เกลี้ยงทุกอย่าง  ห้าห้า กำลังหิว นี่นา 

ทานเสร็จแล้ว  เราก็ไปที่บริษัทออเล็คโทรลักซ์   ทำเรื่องแจ้งอาการ
ของเครื่องดูดฝุ่นไว้  เขานัด มารับเครื่องคืนใน 1 สัปดาห์

วันที่  7  โชค  ลูกศิษย์ภาคค่ำนัดมาช่วยเปลี่ยนปลั๊กไฟให้ที่บ้าน เขา
เป็นเด็กน่ารัก  มีฝีมือเป็นช่างไฟ แต่ด้วยกิจการของที่บ้าน
ไม่มีใครช่วย  เขาจึงต้องออกจากงานประจำมาช่วยกิจการงานที่บ้าน
นาน ๆ ที เขาก็จะแวะมาเยี่ยมและถามเสมอ ไฟที่บ้าน
มีอะไรให้เขาช่วยบ้าง เช่นไฟศาลเจ้า  หิ้งพระ  เป็นต้น  เขาก็จะจัดการ
ซื้ออุปกรณ์มาช่วยจัดการให้  ค่าแรงก็ไม่ยอมรับด้วย อิอิ



โชค  มาเยี่ยมและมีขนมมาฝากด้วย ค่ะ 

วันที่  10  พาโน้ตไปพบพระแจ้  ลูกศิษย์ที่วัดธาตุทอง  เนื่องจากโน้ต
ต้องนำกระดูกพ่อและแม่ของเขาไปไว้ที่เก็บกระดูก
ของวัดธาตุทอง เขาเคยไปติดต่อ เจอคนในวัด  เขาเอาเงินตกประมาณ
ห้าพันบาท  พอมาเล่าให้ฉันฟัง  ฉันเลยบอกเขาว่า  
จะติดต่อพระลูกศิษย์รุ่นพี่เขาและถามราคาดูว่า เป็นอย่างไร  โน้ตมารับ
ฉันที่บ้านประมาณ  น่าจะ 10  โมง ตามที่นัดกับพระแจ้ไว้
เมื่อคุยกับพระแจ้  ท่านบอกว่า  ไม่มีการเรียกเงิน  เลือกช่องที่จะบรรจุ
กระดูกพ่อแม่  แล้วทำพิธี  การทำบุญช่องบรรจุกระดูก
ก็แล้วแต่จะทำบุญ  วันที่จะนำกระดูกมาบรรจุ  ก็ทำพิธีถวายสังฆทาน
ง่าย ๆ  ท่านจะช่วยทำพิธีให้ก็ได้  โชคดีไป  ไม่ต้อง
เสียเงินเยอะ โน้ตเสียเงินไปจ้างเขาทำแผ่นป้ายชื่อพ่อและแม่  เพื่อปิด
ที่ช่องเก็บกระดูก  ดูเหมือนสองพันกว่าบาท เป็นแผ่น
หินอ่อนพร้อมสลักชื่อพ่อแม่ด้วย  ส่วนการโบกปูนปิดช่องเก็บอัฐิ  โน้ต
ทำเองได้  ก็เลยซื้อของมาถวายเป็นสังฆทาน
และปัจจัยทำบุญในวันทำพิธีเท่านั้น  ประหยัดไปได้เป็นพัน ๆ  อิอิ 
ถือเป็นความโชคดี  ที่มาเล่าให้ฉันฟัง เลยช่วยเหลือเขาได้
หลังจากคุยกับพระแจ้เรียบร้อยแล้ว  ก็กำหนดวันที่จะมาทำพิธีบรรจุ
อัฐิของพ่อแม่เขา  ก็คือ ต้องรอช่างที่ทำแผ่นหินอ่อน
ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่   ซึ่งก็ไม่เกิน หนึ่งสัปดาห์ แล้วค่อยแจ้งให้พระแจ้
ทราบอีกครั้งหนึ่ง ค่ะ  เสร็จแล้ว ก็อำลาพระแจ้กลับ
เพราะท่านต้องไปฉันเพลแล้ว    เราจึงลาท่านกลับ  ระหว่างทาง
เนื่องจากใกล้เที่ยง  โน้ตจึงบอกให้ทานอาหารกลางวัน
ก่อนที่จะไปส่งฉันที่บ้าน ฉันจึงเลือกร้านที่ราคาปานกลาง คือก๋วยเตี๋ยว
เตาถ่าน  ง่ายดี และใกล้บ้าน  ตอนบ่าย โน้ตต้องทำงานต่อ



ฉันสั่งบะหมี่เย็นตาโฟ  นอกนั้น โน้ต สั่งสิ่งที่เขาชอบทาน  ค่ะ 
ทานกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว  โน้ตก็ขับรถไปส่งฉันที่บ้าน  แล้วจึงไปทำ
งานที่บริษัทต่อ  

วันที่  17   ก๊องก็มารับฉันไปที่บริษัท อิเล็คโทรลักซ์  เพื่อรับเครื่อง
ดูดฝุ่นที่ไปซ่อมไว้  ปรากฎว่า  มันไม่ได้เสีย
แต่เป็นเพราะว่า  ตอนชาร์ท  เราไม่ได้ปิดสวิตช์ไว้  ไฟจึงไม่เข้า ชาร์ท
ไม่เต็มสักที นั่นเอง  เฮ้อ !  หลังจากรับเครื่องกลับแล้ว
ก๊องพาไปกินช้าวร้าน  บ้านส้มตำเหมือนเดิม ค่ะ 



รายการวันนี้ มีแค้ปหมูด้วย  อร่อยดี  อิอิ

วันที่  18  ได้รับพัสดุจากเยาว์  ปีนี้เยาว์ส่งขนมสวัสดีปีใหม่มาเร็วกว่า
ทุกปี  มีลูกหยีของโปรดของฉัน  มีปลาตัวเล็กด้วย มาชม ค่ะ 


ของฝากปีใหม่จากเยาว์เพื่อนรักจากปัตตานี  ขอบใจนะเยาว์เพื่อนรัก 

วันที่ 19   เอกกับแฟนเขามาหาฉันที่บ้าน  นำเจ้าลักกี้มาฝากไว้ที่บ้าน
ฉัน  เพราะเขาจะพาฉันไปกินสุกี้  ตามที่เขาเคยพูดอยู่เสมอ
เพิ่งมีเวลาวันนี้เอง  มาโดยไม่ได้นัดไว้  เขาคงมาทำธุระที่กรุงเทพฯ
แล้วก็เสี่ยงดวงดู  โทรหาฉันว่าอยู่บ้านไหม ถ้าอยู่
ก็จะได้รับไปกินสุกี้ เอ็มเคด้วย เขาชอบกินเป็ดย่างมาก  บอกจะมาพา 
ฉันไปกินเป็ดมาเป็นแรมปีแล้ว วันนี้ก็เป็นโชคดีของเขา
ที่ฉันไม่ติดงานอะไร และเป็นโชคดีของฉันที่จะได้กินเป็ดย่างของเขา
และตัวเขาเองก็จะได้กินเป็ดย่างด้วย ไงล่ะ  ห้าห้า 



เอกและศิษย์สะใภ้มาจากเมืองชลแวะมาเยี่ยมและไปกินสุกี้เอ็มเค ค่ะ  

วันที่ 20  ก็มีกิจกรรมอีกแล้ว   พาโน้ตไปหา พระแจ้  เพื่อนำอัฐิของ
พ่อและแม่ไปบรรจุในช่องบรรจุตามที่โน้ตเลือกไว้
และจะมีพิธีสวดมนต์อัญเชิญอัฐิบรรจุในช่องที่จะบรรจุ  โน้ตและอิ๋ว
แฟนโน้ต (โรงเรียนเดียวกัน)  มารับฉันน่าจะ 8 โมงเช้า
ตามที่พระแจ้ท่านว่าง  แต่ปรากฏว่า  พระแจ้เปลี่ยนแปลง  ไปเรื่องที่
รับนิมนต์ที่อื่นก่อน แล้วจึงมาทำพิธีให้พ่อแม่ของโน้ตช้าไป
ประมาณ  1  ชั่วโมงได้  ค่ะ มาชมภาพเล่าเรื่อง ค่ะ 


ฉันเป็นช่างภาพถ่ายรูปให้โน้ตขณะที่ทำพิธีบรรจุอัฐิพ่อแม่เขา ค่ะ 

กว่าพิธีการจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ก็เกือบเที่ยง  โน้ตชวนไปกินอาหาร
ญี่ปุ่นที่เกทเวย์  เพราะใกล้ที่สุด กินเสร็จเขาจะต้องไปทำงานต่อ



พวกเขาชอบกินปลาดิบมาก  แต่ฉันไม่กล้ากินเลย  สั่งกินเส้นอย่าง
เดียว  พวกเขากินปลาดิบสองจาน อย่างเอร็ดอร่อย 
วันนี้เขาซื้อยาคู้มาให้ฉัน เป็นของขวัญปีใหม่ด้วย ค่ะ 

วันนี้ชมรมครูเก่ามัธยมวัดธาตุทอง  นัดเจอกันที่โรงเรียนเพื่อไปเยี่ยม
น้องชูจิต  โดยมีรถโรงเรียนไปส่ง ขากลับ พวกเรากลับเอง
เพราะรถโรงเรียนไม่ว่าง ค่ะ   น้องชู ป่วยเป็นเนื้องอกที่สมอง  เฮ้อ!
เนื้องอกผ่าออกไปเรียบร้อยแล้ว  โชคดี ที่น้องกล้วย
ลูกสาวของ น้องจิรวัฒน์ เป็นอาจารย์พยาบาลอยู่ที่ ร.พ.จุฬา ก็เลยได้
ความช่วยเหลือในการติดต่อห้องพักพิเศษที่ตึกภูมิสิริ ค่ะ 



เยี่ยมน้องชูจิต  ผอ.จิณภัทร  ก็มาเยี่ยมด้วย จ้ะ  
วันนี้ยังได้รับของฝากจากพระลูกศิษย์ตู่   โดยให้น้องสาวท่านที่ทำงาน
อยู่ที่บริษัทนี้  ส่งเจลอาบน้ำและครีมทาผิวมาฝากปีใหม่ด้วย ค่ะ



ของฝากปีใหม่  น้องสาวพระตู่จัดส่งมาให้ ค่ะ 

วันที่ 27  ธ.ค. อุ้ยโทรมานัดว่า  อ้น จะเลี้ยงเพราะปีนี้ได้โบนัสเป็นแสน
เขาจะเลี้ยงแม่  เลี้ยงพี่สาว อุ้ย และฉันซึ่งเป็นครูเขาด้วย อิอิ 
จะพาไปกินร้านดัง คือ ดังเรื่องปูทะเล ตัวละเป็นพันสองพัน  อยู่ที่
ไอคอนสยาม ชื่อร้าน จัมโบ  ที่นี่ เปิดมานานเหมือนกัน 
ฉันยังไม่เคยไป  เขาว่าติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย  มีทิวทัศน์ให้ถ่ายรููป
สวย ๆ ด้วย  อ้นขับรถมารับฉันที่บ้าน  กะไปกินมื้อเที่ยง ค่ะ 







กินเสร็จก็ถ่ายรูปวิวสวย ๆ ในบริเวณ นี้ด้วย ค่ะ 


ถ่ายรูปเสร็จ  อาหารย่อยแล้ว  ก็ต่อด้วยเค้กคอฟฟี้บีน อีก ค่ะ อิ่มมาก

วันที่ 29  เมี่ยง อ๊อด  มารับไปฉลองส่งท้ายปีเก่ากันค่ะ ปีนี้ไปเที่ยวที่
บางปูและกินข้าวที่ร้านอาหารในบางปูด้วย 
อาหารแพง ไม่ค่อยอร่อยเท่าที่ควร นะ 



เมี่ยง ซื้อของกินมาให้ ทั้งซาลาเปา  บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว หลายถุงมาให้
กินได้หลายมื้อเลยทีเดียว  อิอิ  ไม่ต้องกล้วอดในช่วงวันหยุด ค่ะ 


บรรยากาศสถานที่ตากอากาศบางปู ค่ะ  มีนกนางนวลบินโฉบอาหาร
ที่คนมาเที่ยวโปรยให้มันกิน  มันเก่งมาก  สามารถคาบอาหาร
ที่พวกเราโปรยให้มันได้แทบจะไม่พลาดเลย ค่ะ 


รายการอาหาร ครั้งนี้ เอาใจ น้องวุ้นเส้น อยากกินปู  ซึ่งเป็นจานที่แพง
ที่สุด  พ่ออ๊อด แม่เมี่ยงจ่ายไม่อั้น กินหมดคนเดียวเลย อิอิ 


อาหารก็เหมือน ๆ ที่เคยกิน  เพียงแต่ไม่อร่อยเท่าไหร่  

วันที่ 30  รวง  ลูกศิษย์รุ่นแรก ปี 20  ที่ธาตุทอง  ส่งขนมมาสวัสดี
ปีใหม่  โดยให้แมสเซ็นเจอร์  มาส่งให้ ค่ะ  



คุ้กกี้  ของฝากปีใหม่ของรวงทอง  ค่ะ 

31  ธ.ค. วันสุดท้ายของปีนี้   น้องรินมาสวัสดีปีใหม่  ส่งท้ายปีเก่าของ
ปีนี้  เป็นคนปิดท้ายการมาสวัสดีปีเก่า ค่ะ  
มีทั้งของฝากหลายอย่าง  และบอกอยากกินอะไรที่เป็นน้ำ และร้อน ๆ 
ฉันเลยพาไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเตาถ่าน  ปรากฎว่า  เธอถูกใจ
ชมว่าอร่อย  ราคาก็ย่อมเยาด้วย อิอิ 


น้องรินเลี้ยงปีใหม่ แล่ะมีของฝากมาหลายอย่างด้วย ค่ะ 

วันนี้  เหลนและเหลนสะใภ้  ก็มาสวัสดีส่งท้ายปีเก่าด้วย ค่ะ 



มีของกินมาฝากหลายอย่าง จ้ะ  

เดือน ธ.ค. ก็จบลงด้วย ลูกศิษย์  เพื่อน และเหลนมา เยี่ยม มาสวัสดี
ส่งท้ายปีเก่า  ก็ถือว่า เป็นเดือนแห่งการกิน จริง ๆ เนาะ 
ทั้งหมด ก็เป็นภาพแห่งความทรงจำดี ๆ  ความสุขของฉันในการปิด
ท้าย หรือส่งท้ายปี  2562  เป็นปีแห่งความสุขบ้าง
ทุกข์บ้าง  เศร้าบ้าง ไปตามวิถีทางของชีวิตที่ฉันเก็บเกี่ยวไว้ บันทึก
ไว้ เป็นภาพแห่งความทรงจำดี ๆ ของฉัน ค่ะ 
หวังว่า เพื่อน ๆ ชาวบล็อกคงได้เพลิดเพลินกับความทรงจำดี ๆ ของฉัน
ถ้าชีวิตฉันยังไม่ถึงเวลาที่ต้องอำลาจากโลกนี้ไป
ปีหน้า ก็คงได้มีการบันทึกความทรงจำเช่นนี้อีก ค่ะ  สวัสดี ค่ะ  




































  




 

Create Date : 03 กันยายน 2563   
Last Update : 9 กันยายน 2563 18:01:01 น.   
Counter : 1609 Pageviews.  
space
space
ความสุขจากการเลือก "ชีวิตพอเพียง"
ความสุขจากการเลือก  "ชีวิตพอเพียง"

"ความสุข"  ของคนเรา  ฉันว่า  อยู่ที่เราเลือกเองได้  ค่ะ  งานเขียนวันนี้
ที่เกิดขึ้นได้  ต้องขอบใจ  อาท  ลูกศิษย์ประจำชั้น 6/9
ของฉัน  ที่ได้จัดทริปนี้ขึ้น  สืบเนื่องจากฉัน  ได้ปรารภกับ ลัดดา เพื่อน
ร่วมห้องของอาท ว่า  ปีนี้ อายุฉันครบ  6 รอบ  ได้จัดการ
ทำบุญใหญ่  คือ จัดทำผ้าป่าการศึกษาให้กับโรงเรียนหลุงกังตามที่ได้
เล่าไปแล้วในบล็อกก่อน  และได้จัดทำหนังสือภาพ
รวบรวมกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหลังเกษียณอายุราชการแล้ว  ซึ่งเป็น
กิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ร่วมกับลูกศิษย์หลาย ๆ  รุ่น
เพื่อเป็นหนังสือที่ระลึกให้ลูกศิษย์ เพื่อนฝูงที่ร่วมทำบุญใหญ่ครั้งนี้ไว้
เป็นที่ระลึก   จึงขอให้ลัดดาช่วยนัดเพื่อน ๆ ห้องของเขา
มาเจอกัน  เพื่อจะได้รับหนังสือภาพที่ระลึก  ปรากฏว่า  ลัดดา โพสต์
ลงเชิญชวนในลายน์กลุ่ม   ทุกคนยังเงียบอยู่ 
ฉันจึงต้องโทรหา อาท ให้จัดการเรื่องนี้ต่อ   อาทโพสต์ลงในกลุ่มเพื่อ
เชิญชวนไปเที่ยวบ้านไร่ของ จ๊อด เพื่อนในห้องอีกคน
ที่ปลีกตัวจากงานประจำไปเลือกใช้ชีวิตอย่าง  "พอเพียง" ที่นครนายก
โดยโพสต์ว่า  จะเรียนเชิญอาจารย์สุวิมลไปด้วย 
ใครจะไปร่วมทริป  ให้ลงชื่อไปกัน  คราวนี้  จึงมีผู้แสดงตนไปด้วย
บางคนก็บ่นเสียดาย  เพราะติดธุระ  เราก็ไม่ว่ากัน 
รวมตัวกันได้เพียง 6 คน เท่านั้น  ฉันก็เตรียมหนังสือภาพไปให้ตาม
จำนวนคนที่ไป  ค่ะ และเผื่อจ๊อดด้วย 


หนังสือภาพที่ฉันตั้งใจทำให้ลูกศิษย์  เพื่อน  ที่ร่วมทำบุญผ้าป่า ค่ะ 

อาท  มารับฉันที่บ้านประมาณ 8.30  น. และนัดเพื่อนคนอื่น ๆ ที่ลานวัด
ธาตุทอง  9.00  น.  อาท  มีรถให้เช่าด้วย จึงสะดวกสบาย
เพื่อนที่นัดมาขึ้นที่นี่  มีลัดดา  เปิ้ล และนิรมล   เมื่อมาพร้อมกันแล้ว รถ
ก็ออกจากลานวัดธาตุทองเพื่อไป บ้านไร่ของ  จ๊อด
ในรถ  นาน ๆ มีโอกาสได้เจอกัน  ก็คุยกันอย่างสนุกสนาน  ส่วนอาทนั่ง
หน้าคู่กับคนขับ  ไม่ค่อยคุยตามนิสัยของเขาเหมือน
ตอนเป็นเด็กนักเรียน  เป็นหัวหน้าห้องที่ทำงาน  ไม่ค่อยมีปากมีเสียง
โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว  เขาก็นิสัยเหมือนเดิม  แต่พวกผู้หญิง
ไม่ได้เลย  คุยกันไม่หยุดปาก ตามประสาผู้หญิง  นั่นเอง  
ระหว่างทาง นัดแนะกับ ปิยะบุตร  จากโคราช จะไปทริปนี้ด้วย โดย
นัดกันที่คลอง 6  (หรือคลองเท่าไหร่  จำไม่แม่น)
เมื่อถึงที่นัด  ปิยะบุตรนั่งรออยู่ก่อนแล้ว  ปัจจุบัน  สะดวกสบาย  มี
โทรศัพท์มือถือ  สามารถโทรติดต่อกันได้ตลอดเวลา
เมื่อรับปิยะบุตร ขึ้นมาอีกคน  วงสนทนาก็คุยกันสนุกสนานต่อไปตลอด
ทาง   มาถึงที่ขายต้นไม้มากมาย  อาทจอดรถ เพื่อ
ซื้อต้นมะม่วงไปปลูกที่ไร่ของ จ๊อด (สมบูรณ์)   เป็นต้นไม้ของห้อง 6/9
เออ !  ความคิดดีจัง  ต้นมะม่วงที่ซื้อ เป็นพันธุ์มหาชนก  ลูกดก
ชื่อเป็นมงคลดีจัง  ค่ะ  ซื้อต้นไม้เสร็จแล้ว  รถเราก็แล่นต่อไปเรื่อย ๆ 
น่าจะ  11 โมงได้มั้ง  ก็ถึงบ้านไร่ของจ๊อด  โดยให้สังเกต  บ้านที่ทา
สีเขียว ๆ  เราขับตาม จีพีเอส  บ้านไร่ของจ๊อด
เข้าไปจากถนนใหญ่  เพียงนิดเดียว  โชคดี ที่ฝนไม่ตก  ถนนที่เข้าไป
ที่บ้านเขา จึงไม่เฉอะแฉะมากนัก   
ถึงบ้านจ๊อด  จ๊อดออกมาต้อนรับถึงที่จอดรถ  ทุกคนดีอกดีใจที่ได้เจอ
กัน  แม่ยายของ จ๊อดและศิษย์สะใภ้กำลังทำอาหารกัน
เพื่อเลี้ยงพวกเราตอนมื้อเที่ยง  ค่ะ  บรรยากาศท้องไร่ท้องนา อากาศ
บริสุทธื์  เขาทำนาข้าวปลอดสารพิษกินเองด้วย
มีปลูกพืชผักหลายชนิด  ทุกอย่างไม่ใส่ปุ๋ยเคมี  มีต้นไผ่หลายต้น  มี
มะนาวมากมายเก็บขาย  พริก มะเขือ  กระเพรา  แตงไทย
และแตงอื่น ๆ  เรียกว่า  เป็นชีวิตพอเพียง  อากาศดี  ไร้มลพิษ  อาหาร
การกิน  ก็แทบจะไม่ต้องหาซื้อเลย ยกเว้นเนื้อสัตว์



มอบหนังสือที่ระลึกให้กับจ๊อด ที่ร่วมทำบุญผ้าป่า  ค่ะ  


จ๊อดพาเดินชมไร่   นาข้าวที่เขียวขจี  ค่ะ 


ฟังจ๊อดอธิบาย  ค่ะ 


มุมนี้  ปลูกมะนาวไว้มากมาย น่าจะเป็นสิบ ๆ ต้น  ค่ะ ลูกดก ดี 


จ๊อด  อธิบายวิธีเก็บมะเขือเปาะ
ค่ะ เก็บให้ฉันหลายสิบลูกอยู่  อิอิ


จ๊อดไปหาถังให้พวกเราเก็บมะนาวตามสบาย  เยอะมาก  ค่ะ สนุกมาก


ตากล้อง อาท ถ่ายรูปให้ตลอดรายการ  โชว์มะนาว หน่อย 


ความสุขในการเก็บมะนาว  ห้าห้า  


โดนแอบถ่ายตอนเก็บมะนาว   อิอิ 


น้องที่ขับรถ ถ่ายรูปหมู่ให้พวกเรา  ค่ะ เลยครบ คน


ด้านหน้าที่เห็น  คือ ทุ่งนาข้าวที่เขียวขจี  ยังไม่ออกรวง  ถ้าออกรวง
คงจะงดงามมากกว่านี้ แล้วก็ต้องร้องเพลง "ทุ่งรวงทอง" เนาะ 


เดินชมและเก็บมะนาว มะเขือกันสนุกสนานแล้ว ก็ถึงเวลาเที่ยง
กับข้าวที่ศิษย์สะใภ้และแม่ยายจ๊อดทำเสร็จเรียบร้อยพอดี
ทั้งศิษย์สะใภ้และแม่ยายจ๊อดอัธยาศัยดี  น่ารัก  ให้การตัอนรับพวกเรา
ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส  พวกเขามีความสุข
ตามวิถีการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง  แต่งกายเรียบง่าย  สู้แดด ทนฝน อยู่
ท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่น  อากาศที่บริสุทธิ์ ไร้มลพิษ
มองไปทางไหน  ก็มีแต่ต้นไม้สีเขียว ๆ  ทุ่งนาที่เขียวขจี  ดูแล้วสบาย
ตา  สบายใจ  หายใจเข้าออกด้วยอากาศบริสุทธิ์ 
นี่แหละ   ความสุขของชีวิต  "แบบพอเพียง"  ฉันดีใจกับจ๊อดและศิษย์
สะใภ้  ที่พวกเขาเลือก ความสุขของชีวิต "แบบพอเพียง"
ดังเช่นที่ฉันได้ไปเห็นวิถึชีวิตของพวกเขาในวันนี้  ค่ะ 



ภาพแห่งความสุข  ความพอเพียง ที่ได้นั่งทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา
ด้วยอาหารที่ได้จากผลผลิตในไร่นาของจ๊อดเป็นส่วนใหญ่
มีน้ำพริกกะปิ  ผักต้ม  แกงจืดหน่อไม้น่องไก่  ผัดผักบุ้งไฟแดง ปลา
ทอดกระเทียม  แกงจืดฟักไก่  อาท  ซื้อไก่ย่างไปสมทบ
เพิ่มอีก 1 อย่าง  และน้ำอัดลมอีกหลายขวด   อาหารมื้อนี้ตบท้ายด้วย
ของหวาน แตงไทยน้ำกะทิใส่น้ำแข็งแรง  เย็น  หอม และชื่นใจมากค่ะ



จ๊อด  และศิษย์สะใภ้ไปเก็บมะนาวเพิ่ม  หน่อไม้  ใบกระเพรา  ตะไคร้
แตงไทย  มะเขือ  มะละกอ  แถมหาถุงมาให้พวกเรา
ใส่กลับบ้านด้วย   ลัดดาเป็นคนแบ่งให้เพื่อน ๆ  ของฉันได้มะนาวมาก
กว่าเพื่อน  เพราะจะนำไปฝากเพื่อนบ้าน  จะขอซื้อจ๊อด
เพราะเกรงใจเขา   เขาไม่ยอม  เขาว่า เก็บขายวันหนึ่ง ๆ  ก็เหลือเป็น
ร้อยอยู่แล้ว  ก็เลยสบายใจ  เดี๋ยวจะหาว่าฉันโลภมาก ห้าห้า
จ๊อดเห็นฉันบ่นชอบกินหน่อไม้ต้มกระดูกหมู  ก็อุตส่าห์ไปหาหน่อไม้
หวานซึ่งลำเล็ก ๆ  มาให้ 4-5 อัน  มาให้ฉันด้วย น่ารักจัง



อาท ทำหน้าที่มอบต้นมะม่วงมหาชนก  พันธุ์ลูกดกให้จ๊อด  เพื่อไป
ปลูกไว้ในไร่ของเขา  โดยทำป้ายชื่อว่า  ม.6/9  รุ่นแรก
เปรียบเสมือนหนึ่ง  ความยั่งยืนของมิตรภาพของพวกเขาต่อไป



ก่อนอำลาจากกันไป  พวกเราได้ถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึก ค่ะ  

ออกจากบ้านไร่ของจ๊อดแล้ว น่าจะประมาณบ่ายโมงครึ่ง  ก็มุ่งหน้าไป
เที่ยววัดพระพิฆเนศ  ซึ่งมีรูปพระพิฆเนศองค์ใหญ่มาก
ขณะที่ไปถึง  เจ้าอาวาส  ที่มีฉายาว่า  หลวงพ่อนิ้งหน่อง  กำลังเชิญ
ชวนให้ไปฟังท่านและพรมน้ำมนต์ด้วย  พวกเราก็เดินไป
นั่งด้วย  มีการให้เลขไปแทงหวยด้วย  เฮ้อ !  พวกเราหยอดเงินทำบุญ
ใส่ตู้ไปแล้ว  รับน้ำมนต์ที่ท่านพรมแล้ว  ก็ถ่ายรูปกันค่ะ 



เจ้าอาวาส  นิ้งหน่อง  กำลังประกาศเชิญชวนคนไปให้ท่านพรมน้ำมนต์
ทำบุญ และมีแจกพระเครื่องด้วย ค่ะ  


ได้เจิมหน้าผากกันทุกคนด้วย ค่ะ 




ดอกชบาที่วัดนี้  ดอกโตมาก  ขอถ่ายรูปหน่อย  ค่ะ ลูกศิษย์จัดให้ อิอิ




รูปนี้  ฝีมืออาท  ค่ะ  


ขอสามสาว  ๆ  สักรูป  ค่ะ 


จุดขายของวัดนี้  มีพระพิฆเนศ   เราไหว้เสร็จ  ถ่ายรูปเสร็จ  ก็ขับรถไป
ที่เอเด็น  คาเฟ่  เป็นสถานที่ขายอาหาร  การแฟ  
และมีดนตรีเล่นให้ชม  มีของขาย  ส่วนใหญ่เป็นของที่ระลึก  จุดเด่น
ของที่นี่  คือ  การจัดเป็นพื้นที่สีเขียว  มีสะพานไม้
ให้เดินชมรอบ ๆ  สระน้ำ   มีจุดให้คนมาเที่ยวถ่ายรูปกันหลาย ๆ จุด
เหมาะกับคนที่ชอบธรรมชาติ  ร่มรื่น  ชมวิว  ค่ะ 


ถ่ายกับชื่อสถานที่หน่อย ค่ะ จะได้รู้ว่าไปเที่ยวที่ไหน  


รูปหอยโข่ง  เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของ เอเดน  ฟาร์ม ค่ะ 


ประตูที่จะเข้าไปในตัวฟาร์มเอเดน   ค่ะ  




เข้าประตูมาทั้งหมดแล้ว ค่ะ  เริ่มเห็นบรรยากาศ ในนี้  มีร่ม หลากสี
เป็นตัวเร้าความสนใจ ค่ะ  


ภายในของฟาร์ม  มีร่มตกแต่งสวยงาม  มีร้านอาหาร  ร้านขายน้ำ
ขายกาแฟ   ร้านขายของที่ระลึก


มีทางเดินไปตามบึงน้ำ  มีชิงช้าให้นั่งถ่ายรูปกันด้วย ค่ะ 




ภาพบนเป็นบันไดเดินลงมา มีทางเดินไม้ไผ่  ให้เดินไปชมนาสาธิต ค่ะ


ตั้งกล้องถ่ายรูปโดยอัตโนมัติ  กล้องเปิ้ล   ค่ะ 


ถ่ายรูปกับวิวธรรมชาติแล้ว ผู้ชาย  เขาไม่เดินแล้ว  นั่งอยู่แถวร้านกาแฟ
อาท  ถามเพื่อน ๆ และฉันจะดื่มน้ำอะไรบ้าง
แก้วละ  60  บาท ก็เป็นราคาไม่สูงนัก  ส่วนใหญ่สั่งกาแฟ  มีฉันกับ
ลัดดา  สั่งน้ำผลไม้  เท่านั้น  อาทจ่ายคนเดียว



หลังจากออกจาก เอเดนฟาร์ม  ตามโปรแกรมจะไปน้ำตกกับหลวงพ่อ
ปากแดง  แต่ต้องขับรถย้อนไปอีก ประกอบกับฝนตกด้วย
เลยตัดสินใจกลับกรุงเทพฯ  กลัวกันว่า  จะถึงกรุงเทพฯค่ำเกินไป  ค่ะ  
รถส่ง ปิยะบุตร ที่เดิมตอนที่ขึ้นรถ  
อาทส่ง  เปิ้ล และนิรมล  ตรงที่ใกล้บ้านที่สุด  แล้วมาส่งฉันที่บ้าน และ
ลัดดาโชคดี  เพราะอาทจะไปหาเจ้านายที่ซอย
ที่ลัดดาอยู่  ลัดดาจึงไปลงที่บ้านเลย ค่ะ 

ฉันมาถึงบ้านแล้ว  ก็จัดแจงแบ่งมะนาว  แตงไทย  มะละกอ  ให้กับ
เพื่อนบ้าน    5  บ้าน ทุกคนขอบใจ  ชมว่า 
มีลูกศิษย์ดีจัง  รับไปเที่ยวเป็นการฉลองอายุ ครบ 6 รอบ  แล้วยังมี
ลูกศิษย์ที่รักชีวิตพอเพียง  ทำไร่ ทำนา ปลูกผักสวนครัว
พวกเขาพลอยได้รับแบ่งปันพืชผักด้วย  ค่ะ 
ต้องขอบใจทั้ง อาท และ จ๊อด ค่ะ  



แจกไป เหลือ แค่นี้  ค่ะ  ต้องแจกมะนาวอีกบ้านที่ลาดพร้าว  ต้องรอ
ให้ ป้อม เพื่อนข้างบ้านซึ่งมีร้านบะหมี่คนแซ่ลีอยู่ที่นั่น
จะได้ฝากไปให้พี่เสริม อีก สัก 10-15 ลูก  เพราะแกกินเป็นประจำและ
ไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน  (อายุ  85 แล้ว)  ทริปนี้
คนที่ได้บุญมากที่สุด  คือ  อาท และจ๊อด  ค่ะ  อิอิ  
ก่อนจบการเขียนทริปนี้  ครูก็ขอขอบใจ อาท ที่ได้จัดทริปนี้  และพาครู
ไปเที่ยว  ไปเจอจ๊อด  เจอเพื่อน คนอื่น ๆ ด้วย
ข้อสำคัญ  คือ ทำให้ได้เห็นวิถีชีวิต  ที่ได้เลือก ความสุขแบบพอเพียง
ตามแนวคิดในพระราชดำริของ พ่อหลวง  ร.  9 
ฉันได้สัมผัสถึงชีวิตที่เรียบง่าย  อาหารการกินที่ปลอดสารพิษ  ถ้าฉันมี
ครอบครัว  ฉันก็อยากจะใช้ชีวิตแบบนี้ในต่างจังหวัดนะ 
แต่  ตัวคนเดียว  ยากที่จะทำชีวิตให้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติเช่นนี้ได้
อิอิ  ก็ขอดีใจกับลูกศิษย์ที่เขาสามารถทำความฝันและ
ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง  ท่ามกลางธรรมชาติที่สุข สงบ  อากาศบริสุทธิ์
ขอขอบใจ จ๊อด ที่ให้การต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี
มีมิตรภาพที่แสนงดงาม  หวังว่า  คงมีโอกาสได้ไปสูดอากาศบริสุทธิ์
ได้ไปเห็นทุ่งนาที่เขียวขจี  และพืชสวนครัวที่ปลอดสารพิษ
และที่สำคัญ  คือ มะม่วงพันธุ์มหาชนก ลูกดก ของ ห้อง 6/9  เจริญ
เติบโต  ออกดอกออกผล  เหมือนดั่งมิตรภาพ
ที่เจริญงอกงามและยั่งยืนตลอดไป  ค่ะ  
สวัสดี  ค่ะ  











 





 




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2563   
Last Update : 25 สิงหาคม 2563 16:50:34 น.   
Counter : 1074 Pageviews.  
space
space
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  

อาจารย์สุวิมล
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]




เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ

http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif
space
space
space
space
[Add อาจารย์สุวิมล's blog to your web]
space
space
space
space
space