ความรักที่มีในโลกใบนี้ มีหลายรูปแบบ ทั้งสมหวัง ทั้งผิดหวัง ...ตอนนี้ความรักของชั้นเป็นแค่เพียงความหวัง แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ชั้นก็ดีใจที่ได้รัก...”รักคุณนะ”...
Group Blog
 
All Blogs
 

จากหลวงพระบางสู่วังเวียงและเวียงจันทร์..จบทริปสบายใจ สบายกาย สบายกระเป๋าตังส์

เช้าวันสุดท้ายที่หลวงพระบาง..วันนี้เราจะเดินทางกลับ โดยแวะค้างที่วังเวียงก่อน
เราเลือกซื้อตั๋วรถ minivan จากร้านเดิม ..ตอนซื้อได้เจรจาว่าให้เค้ามารับก่อน และขอนั่งด้านหน้า ซึ่งน้องคนขายตั๋วก็รับปากซะดิบดี
แต่....เช้าวันนี้เรามาตามนัด คือ 8.30 น.เพราะน้องบอกว่ารถจะมารับก่อน (เวลารถออกคือ 9.30 น.) แต่ต้องรอนานมากก (พยายามบอกให้เด็กที่ร้านโทรตาม..ซึ่งเค้าก็โทรให้และบอกว่ารถกำลังตลอด) ประมาณ 9.10 น. ถึงมีรถตุ๊กๆ มารับเพื่อไปที่ท่ารถอีกครั้งหนึ่ง พอไปถึงคิว ก็มีรถแวนจอดอยู่หลายคัน มีผู้โดยสารขึ้นนั่งรออยู่แล้ว พอเราทักท้วงเรื่องที่นั่งกับเวลาไปรับ คนขับบอกว่าเค้าไม่รู้เรื่อง เป็นเรื่องของคนขายตั๋วที่เค้าตกลงไปเอง ณ เวลานั้นอย่างเซ็งเลยค่ะ แต่จะบ่นไปก็เท่านั้น ไม่มีประโยชน์ เพราะเค้าไม่รับผิดชอบอะไรอยู่แล้ว (เค้าบอกเค้าไม่เกี่ยว) สุดท้ายพวกเราเลยต้องนั่งแยกกันไป เพื่อให้ได้ที่นั่ง 3 แถวหน้า และไม่ใช่เบาะเสริม (เพราะพนักพิงจะสั้น ปวดคอมากมายอ่ะค่ะ)

เป็นบทเรียนให้เราว่า..อย่าไปเชื่ออะไรกับคนขายตั๋วมากนัก

หน้าตารถประมาณนี้


รถจอดประมาณ 2 ครั้งนะคะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับพี่คนขับด้วย (อย่างคันเรานั่งมาเนี่ย แกอารมณ์เสีย เพราะคุณฝรั่งด้านหลังเค้าขอให้เราบอกพี่คนขับปิดเพลงเพราะเค้าจะนอนกันค่ะ...เปิดเสียงดังพอควรน่ะค่ะ) แกก็เลยจอดแค่ครั้งเดียว

จุดพักรถจุดแรก ที่นี่เค้าจอดพักให้กินข้าวค่ะ มีร้านอาหารขายด้วย



แต่พวกเราพกมาเองค่ะ
ลุงที่เกสเฮ้าท์สอนไว้ อิอิ เพราะกับข้าวข้างทางไม่อร่อยเท่าไหร่ สังเกตุดูบรรดาคุณฝรั่งที่นั่งมาด้วยกัน เค้าก็ห่อกันมาซะส่วนมากเหมือนกันค่ะ (เค้าห่อ "ข้าวจี่" มากัน) มาดูกับข้าวพวกเรากัน ข้าวผัดฝีมือคุณเพื่อนเหมือนเคย กับขนมจากร้านโจมา ที่ไปซื้อมาตุนตั้งแต่เมื่อคืน



จุดนี้มองเห็นวิวภาพกว้างเลยค่ะ แถมพานอฯ (ต่อรูปเองอีกตามเคย ) อีกสักรูปนะคะ



วิวข้างทางสวยๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ เพราะเป็นทางเลียบเขามาเรื่อยๆ โค้งมากมาย ประมาณแม่ฮ่องสอน-ปางมะผ้า-ปาย ประมาณนั้นน่ะค่ะ แต่ระยะทางน่าจะไกลกว่าสักสองเท่าได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง เราก็มาถึงวังเวียงกันค่ะ

นั่งรถตุ๊กๆ เข้าเมือง + เดินหาที่พักสักหน่อย ก็ได้ไปนอนตากแอร์เย็นๆ ที่ Grand View Guesthouse ค่าห้องต่อได้เหลือ 160,000 กีบ/3คน/คืน ค่ะ

ไม่มีรูปที่พักนะคะ อารมณ์ตอนนั้นคือไม่ไหวแล้ว ร้อนมากมาย ขอเข้าไปอยู่ห้องแอร์เย็นก่อนเถอะ

มาดูวิววังเวียงกันนะคะ เราได้แค่นั่งมองวิวแม่น้ำซองจากที่พัก เพราะหมดสภาพแล้วเดินไม่ไหว









สะพานไม้..ที่ไม่ได้ข้าม



วิวในเมืองยามเย็น..เดินไปหาข้าวหมกแพะกินกัน



มาถึงนาซิม..วันนี้กินอาหารสไตล์อินเดียนกัน อร่อยดีค่ะ แผ่นแป้งนิ่มมากก ชอบๆ แต่สลัดไข่ไม่ชอบเลยค่ะ ตอนอ่านเมนูเค้าบอกเป็นไข่ต้ม แต่พอมากลายเป็นไข่เจียวซะงั้น





หลังมื้ออาหารก็เดินเล่นในเมืองนิดหน่อยค่ะ หาตั๋วรถไปเวียงจันทร์ด้วย ซึ่งถ้าเราจะไปรถแวนอย่างที่มาจากหลวงพระบาง มีรอบแรกคือ 9.00 น.แน่ะค่ะ กว่าจะถึงประมาณ 4-5 ชั่วโมงก็บ่ายกว่าแล้ว ซึ่งมันค่ำค่ะ เดี๋ยวคุณเพื่อนจะตกเครื่อง พวกเราก็เลยต้องใช้บริการของ Local Bus ได้บรรยากาศรถแอร์ (ธรรมชาติอีกแล้ว) เหอะๆ

เราจองรถเที่ยว 6.30 น.ค่ะ ค่ารถ 50,000 กีบต่อคน มีรถตุ๊กๆ ไปรับจากที่พักไปคิวรถด้วย (บางร้านก็ 55,000 - 60,000 กีบนะคะ ต้องลองเดินหาดู)

ยามเช้าที่วังเวียง และรถที่เราจะไปกัน



รถออกตรงเวลาค่ะ 6.30 น.เคลื่อนออกจากคิวรถ แต่...พี่วิ่ง 10 km/hr ไปอีกครึ่งชั่วโมง เพื่อบีบแตรเรียกผู้โดยสารระหว่างทางค่ะ คิดดูเอาว่าจักรยานขี่แซงไปสองคันน่ะ



ผู้โดยสารค่อยๆ ทยอยกันขึ้นตามทางเรื่อยๆ กว่าจะถึงที่หมายก็ยืนกันจนล้นล่ะค่ะ แทบจะปิดประตูหน้าไม่ได้เลย



คันนี้ไม่แวะกินข้่าวนะคะ น่าจะเป็นเพราะเวลาเดินทางไม่คาบเกี่ยวมื้ออาหารด้วยล่ะมั้ง (ออก 6.30 น. ถึงประมาณ 11 น.) แต่มีกินข้าวกันบนรถนะคะ ผู้โดยสารกับพี่คนขับ




วิวระหว่างทาง



ถึงเวียงจันทร์ประมาณ 11 โมงนิดๆ ซื้อตั๋วกลับอุดรฯ (ได้เที่ยวบ่ายสอง) ฝากกระเป๋าไว้ที่ป้อมยามหน้าท่ารถ จากนั้นเราไปกินบุฟเฟ่ต์ที่ร้านขอบใจเด้อกันค่ะ ใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้ว อาหารรสชาติโอเคค่ะ และที่ประทับใจอีกอย่างคือเวลาคิดเงิน เนื่องจากเรามีเงินกีบเหลือพอจ่ายสำหรับสองคนเท่านั้น อีกคนขอจ่ายเป็นเงินไทยซึ่งก็เข้าใจว่าเค้าคงคิดแบบเอา 4 คูณให้ปกติ แต่ไม่ใช่ค่ะ เค้าคิดให้ตามเรทเงิน ข้าวเที่ยงมื้อนี้เลยจ่าย 45,000 กีบ x 2 กับอีก 175 บาท



ตรงข้ามขอบใจเด้อเป็นร้านโจมาค่ะ...แวะซะหน่อย
ใครแวะมาอ่านบล๊อกเราคงคิดว่า โจมามันอร่อยอะไรนักหนาเลยไปได้ทุกวัน จริงๆแล้วขนมกับกาแฟก็อร่อยล่ะค่ะ แต่เหตุผลที่เข้าทุกวันคือสะสมแต้มค่ะ ที่สาขาหลวงพระบางมีบัตรให้สะสม 10 แก้ว ได้ฟรี 1 แก้วและซื้อขนม 1 ชิ้นในราคา 50% (แต่ที่สาขาเวียงจันทร์ไม่เห็นบัตรสะสมนะคะ..แต่ใช้ด้วยกันได้) วันนี้เราเลยไปซื้อ + รับแก้วฟรีจ้า



จากนั้นเราก็นั่งสามล้อกลับไปขึ้นรถที่ท่ารถตลาดเช้า ..รถออกบ่ายสองถึงอุดรฯประมาณบ่ายสี่ เป็นอันจบทริปนี้ค่ะ

ค่าใช้จ่ายทั้งหมด (นับจากอุดรฯ และกลับถึงอุดรนะคะ) ....6 วัน 5 คืน 4,300 บาท จ้า ส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายจะหนักเรื่องค่าเดินทางกับค่ากินค่ะ

ส่วนค่าที่พัก ทริปนี้เราประหยัดไปได้อีกนิด เพราะที่พักที่หลวงพระบางสามคืน คุณลุงคุณป้่าลดราคาให้อีก เหลือ 130,000 กีบ ต่อคืน
ขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ เจ้า

ขอบคุณทุกคนที่ผ่านมาแวะเวียนติดตามนะคะ

สุดท้้ายลากันไปด้วยภาพสภาพบนรถ Local Bus ค่ะ
ป.ล. หากใครจะนั่งรถเปิดหน้าต่าง ควรหาผ้าปิดปากไปด้วยนะคะ ฝุ่นเยอะค่ะ



สบายดีทุกท่านค่ะ




 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2554 10:10:30 น.
Counter : 2020 Pageviews.  

หลวงพระบาง...ทริปโปรแกรมบางๆ เบาๆ (3)

จากสองบล๊อกที่แล้ว พาเที่ยวกันไปสามวันแล้ว มาถึงวันสุดท้ายในหลวงพระบางกันค่ะ

เช้าวันที่สามในหลวงพระบาง พวกเราตื่นเช้ามาใส่บาตร (เพิ่งจะได้ตื่นก็วันนี้แหละค่ะ ) โดยมีคุณป้ามาเคาะห้องปลุกด้วยอีกแรงนึง (เมื่อคืนบอกคุณป้าไว้ว่าช่วยปลุกด้วย)

พวกเราใส่บาตรที่ข้างตลาดเช้านะคะ ไม่ได้ไปถนนสายหลักกับนักท่องเที่ยว (เอาสะดวกน่ะค่ะ) และที่นี่ก็ได้รับน้ำใจจากพี่สาวชาวลาวด้วย คือตอนใส่บาตรผู้หญิงจะต้องนั่งใช่ไหมคะ พวกเราไม่มีที่รองนั่งกันเลย ทีแรกก็กะว่านั่งกับพื้นนั่นแหละ ช่างมัน แต่พี่สาวแถวนั้นมาปูเสื่ออยู่ด้านหน้า พร้อมกับหันมาบอกพวกเราว่า นั่งด้วยกันได้นะ เราก็ขอรับน้ำใจนั้นเลยค่ะ (ไม่มีรูปนะคะ)

จากนั้น เราก็ไปกินอะไรรองท้องกันสักนิด ที่ประชานิยม วันนี้เป็นเช้าวันเสาร์ นักท่องเที่ยวไทยเยอะมากมาย



ที่นี่เราเจอคุณลุงวัยเกษียณมาเที่ยวกันสองคน เห็นว่านั่งเรือมาจากทางเชียงของ ดูคุณลุงเปรี้ยวมากๆ เม้าท์กับคุณลุงสักพัก แล้วก็ลากันไป
วิวริมโขง



จากนั้น ก็ไปชิม "ข้าวจี่" กับ "เผือกทอด" ที่ร้านนางแอค่ะ ..อร่อยทั้งสองอย่างเลยค่ะ



เสร็จแล้วก็มาจองตั๋วรถ minivan ไปเที่ยวน้ำตกกัน เราจองรอบ 11.30 น. จะกลับประมาณบ่ายสาม (ร้านนี้อยู่ตรงหัวมุมสี่แยก ข้างไปรษณีย์ค่ะ ซึ่งร้านส่วนใหญ่ที่ไปถามจะมีแค่รอบ 13.30 น.จะกลับมาถึงประมาณห้าโมงเย็น ซึ่งเราว่าค่ำเกินไป ก็เลยเลือกร้านนี้ ราคาคนละ 50,000 กีบ



จากนั้นก็เข้าไปพักที่ห้องก่อน แถมทำกับข้าวไว้ห่อไปปิ๊กนิกที่น้ำตกด้วยค่ะ เพราะคุณลุงบอกไว้ว่าห่อไปเองดีกว่า อาหารที่นั่นไม่อร่อย มื้อนี้เป็นหมูทอดกระเทียมค่ะ (แต่ลืมถ่ายรูปมาเสียนี่)

มาถึงน้ำตกแล้ว...ก่อนเข้าน้ำตกจะผ่านจะที่เค้าเลี้ยงหมีไว้ (เพื่อการอนุรักษ์) น่ารักดีค่ะ



ที่นี่เป็นภูเขาหินปูน น้ำเลยเป็นสีเขียวๆ คล้ายๆ สระมรกตที่กระบี่บ้านเราแหละค่ะ สวยดี




น้ำตกจะแบ่งเป็นชั้นๆ...ชั้นนี้เป็นแอ่งน้ำกว้าง มีต้นไม้พร้อมเชือกสำหรับให้นักท่องเที่ยวโหนเล่น เลยเป็นกิจกรรมที่ชื่นชอบสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ (และเราก็ชอบที่จะนั่งมอง )



หรือทำกิจกรรมอื่นด้วยก็ได้ อย่างคุณลุงคนนี้วาดรูปสวยเชียวค่ะ



เดินไปชั้นบน วิวสวยดีค่ะ





ถึงเวลาก็กลับกัน..มีเรื่องขำๆ คือ ลานจอดรถที่นี่เค้าไม่จัดระเบียบค่ะ รถที่พานักท่องเที่ยวมาก็จะจอดกันอย่างระเกะระกะ หารถยากมาก (ดีนะที่ขามาเราถ่ายทะเบียนไว้) พอถึงเวลานัดสมาชิกรถตู้ ก็มากันเกือบจะครบแล้วขาดแค่ 3 คน (จาก 12 คน) พอพี่คนขับเดินมาก็เลยบอกว่าเปิดรถให้ขึ้นไปนั่งรอหน่อยสิ เพราะไม่มีที่นั่ง...พี่คนขับเดินไปเสียบกุญแจผิดคันค่ะ แถมทำหน้างงๆ ลูกทัวร์ทุกคนชี้เป็นทิศเดียวกันว่ารถคุณน่ะทางนี้ ให้มันได้อย่างนี้สิ เหอะๆ

ระหว่างทางกลับ จู่ๆ พี่คนขับก็จอดแล้วบอกว่า Mong-Village ให้เวลาเดิน 10 นาที ทุกคนทำหน้างงๆ ว่ามีโปรแกรมแถมด้วยเหรอเนี่ย พี่แกเลยบอกว่านักท่องเที่ยวญี่ปุ่น (คนเดียวน่ะ) ถามก็เลยแถมให้
เอิ่มมม พี่แถมไม่บอกกันล่วงหน้าเลยเนอะ



กลับมาแล้วเราก็ไปขึ้นภูสีกันจ้า



มุมมหาชน





วิวด้านแม่น้ำโขง


รูปครบแก๊งสักใบ



ลงมาแล้ว เราก็ไปทำหน้าที่ลูกหลานที่ดี ทำกับข้าวให้ลุงกิน มื้อนี้เป็นผัดกะหล่ำน้ำมันหอย กับแกงเขียวหวาน ไม่มีรูปกับข้าว มีแต่รูปรวมญาติจ้า (คุณป้ากลับไปทำงานที่เวียงจันทร์แล้วตั้งแต่เช้า)



คืนนั้นเราก็ไปช๊อปสั่งลากันซะหน่อย คุณเพื่อนได้กระเป๋ามาสองใบ ส่วนเราได้กระเป๋ามาตั้งแต่เมื่อคืนวาน แล้วก็กางเกงตั้งแต่วันแรก

จากนั้นก็ไปบอกลาน้องที่โจมา...อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ พวกเราไปงอกญาติที่ร้านโจมาไว้อีก เรื่องของเรื่องคือเมื่อวานที่ไปนั่งตากแอร์กัน ที่ชั้น 2..แขกอื่นไปหมดแล้ว พวกเราก็นั่งเม้าท์ๆ กันเรื่องยังตื่นไปตักบาตรไม่ทัน สงสัยว่าจะเสียงดังอีกตามเคย น้องเด็กเสิร์ฟที่มาเก็บโต๊ะด้านหลังหัวเราะในลำคอเบาๆ พร้อมกับแนะนำขึ้นมาว่า
"ผมมีวิธีแนะนำพวกพี่สองวิธีครับ"
"วิธีแรก พวกพี่ก็ไปนอนที่วัดกันเลย หรือวิธีที่สองก็แจกเบอร์ให้พระท่านไปแล้วให้พระโทรมาปลุก"
โอววว...น้องแรงส์นะน่ะ แต่ก็ขำๆ กันนะคะ คุยกันไปอีกสักพัก (เพราะน้องเก็บโต๊ะคณะใหญ่ที่เพิ่งไป..ของมันเยอะ ไม่ได้อู้เม้าท์กะลูกค้าน๊าา ) ก่อนจะแยกย้ายน้องมีการบอกว่า มาครั้งหน้าอย่าลืมของฝากนะพี่

เอ้าๆๆ เมื่อน้องขอมาอย่างนี้ พวกเราเลยต้องมาบอกลาก่อนกลับกันสักนิด คืนนี้เลยมาอุดหนุนพร้อมกับบอกลาน้อง ส่วนของฝากคือป๊อกกี้ 1 กล่อง (หอบไปจากเมืองไทยเชียวน๊า ) ตอนเดินเข้าร้านน้องทำหน้าตาดีใจเชียวค่ะ แต่คืนนี้ไม่ได้เม้าท์กันมาก เพราะลูกค้าเยอะ แถมวันนี้น้องเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นคนชงแทน ..พอทักว่าวันนี้คนเยอะไหม คุณน้องก็ตอบเชียวว่า "วันนี้คนไทยครึ่งประเทศมาน่ะพี่" มุขเยอะนะน่ะ

มาดูรูปคุณน้องกันค่ะ อิอิ



พรุ่งนี้เราจะลาหลวงพระบางไปแล้ว 2 วันที่เหลือเป็นวันแห่งการเดินทางโดยแท้ แล้วมาติดตามกันต่อนะคะ

ลากันไปด้วยภาพพานอรามาจากยอดภูสี(ตัดต่อรูปเองนะคะ อาจจะไม่เนียนสักเท่าไหร่)





 

Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2554 10:38:19 น.
Counter : 1261 Pageviews.  

หลวงพระบาง...ทริปโปรแกรมบางๆ เบาๆ (2)

ต่อจากตอนที่แล้วกันนะคะ
ทริปนี้เหมือนกับเป็นทริปตามหาญาติก็ว่าได้ค่ะ
จากตอนที่แล้ว เราก็ได้รู้จักพี่ชายคนไทย 2 คน ที่ท่ารถ (ถึงคำแนะนำพี่เค้าจะไม่ค่อยเวิร์กก็เถอะนะ)
จากนั้น ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ฯ ก็ได้รู้จักพี่ไกด์ชาวลาวคนหนึ่ง (พี่สาวในมาดพี่ชาย..แกชื่อจอนนี่) เข้ามาช่วยถ่ายรูปให้พวกเรา คุยเสียถูกคอ พี่แกบอกว่ามีเพื่อนสนิทอยู่เมืองไทย เลยชอบคุยกับคนไทย แถมมีการบอกอีกว่าจะไปเที่ยวไหน เดี๋ยวแกส่งลูกทัวร์เสร็จแล้ว (เมื่อวาน) แกว่างพาเที่ยวได้ ค่าไกด์ไม่คิด แชร์ค่าน้ำมันอย่างเดียวก็พอ พวกเราแบ่งรับแบ่งสู้ขอเบอร์มาก่อน แล้วบอกว่าถ้าสนใจจะโทรหาอีกที (แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้โทร...เกรงใจพี่แกน่ะ )
แต่พี่จอนนี่นี่ดวงสมพงษ์กับพวกเรามากเลยนะคะ สมพงษ์ยังไง ตามมาอ่านกันนะคะ

เช้าวันที่ 3 ในลาว เราเิริ่ิมกันด้วยเดินตลาดเช้า ซื้อกับข้าวมาทำ ไม่ผิดหรอกค่ะ ทริปนี้เป็นทริปแห่งญาติมิตรอย่างที่บอก เรื่องของเรื่องคือเพื่อนเราไม่ค่อยถูกปากกับอาหารท้องถิ่นสักเท่าไหร่ ก็อย่างที่รู้กันว่า "ผงนัว" เยอะมากกก เลยไปบ่นๆ กับลุงป้าเจ้าของเกสเฮ้าท์ ป้าก็เลยบอกว่างั้นทำกับข้าวกินเองสิ มีครัว..(ที่มีแต่กะทะไฟฟ้าใบเดียว) เข้าทางคุณเพื่อนเลยสิ เช้านี้เลยไปจ่ายตลาดเช้า ได้เมนู "ผัดเห็ดหอม" กับซื้อผัดหมี่ + ข้าวเหนียวดำที่ตลาดมา

ระหว่างจ่ายตลาดเราก็เจอพี่จอนนี่กลางตลาดเชียว พี่จอนนี่ทำหน้าตายินดีที่ได้เจอพวกเรามากมาย จนเรารู้สึกผิดนิดๆ เลยอ่ะที่ไม่ได้โทรหาพี่แก

ไปจ่ายตลาดกันต่อดีกว่า



พ่อครัว..มุ่งมั่นน่าดู



ข้าวเช้าเสร็จแล้ว น่ากินไหม


ส่วนนี่ผัดหมี่จากตลาด รสชาติโอเคนะคะ


หลังจากอาหารเช้าอันอิ่มหมีพีมัน เราก็เช่าจักรยานของลุงกับป้านั่นแหละค่ะ ไปขี่รถเล่นรอบเมืองกัน







เช้านี้ไปวัดเชียงทองกันก่อน

















ออกจากวัดเราก็ขี่จักรยานเลียบแม่น้ำคาน...ไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านแคมคานกัน
บรรยากาศริมน้ำ



ถึงร้่านแล้ว..เราสั่งเมนู "สลัดผักน้ำ" กับ "แกงอ่อม"
ผักน้ำ..รสชาติแปลกๆ ติดลิ้น กินไปๆ ผักสลัดหมด เหลือแต่ผักน้ำ



มื้อนี้สั่งแค่ 2 อย่าง กินพอเป็นน้ำจิ้ม เพราะต่อไปเราจะไปกินเฝอ "ร้านจันทะนอม" ถ.พูว่าว
ระหว่างกินข้าวก็เม้าท์เรื่องโปรแกรมเที่ยวกันไปเรื่อยๆ บ่นๆ กันว่ายังไม่ได้ไปน้ำตกกวางสีเลย
แล้วสงสัยจะเม้าัท์ดังไปหน่อย (ตอนที่เราไปมีเราแค่โต๊ะเดียวน่ะค่ะ) พอเรียกน้องคิดเงิน น้องก็เลยเสนอตัวว่า เค้าขับรถตุ๊กๆ ด้วย รับเหมาไปน้ำตกด้วยนะ คิดคนละ 50,000 กีบ
เราก็เลยขอเบอร์มาก่อน...สุดท้ายก็ไม่ได้โทร (อีกตามเคย)


ขี่จักรยานเลียบไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 นาที ก็ถึงแล้วจ้า



เฝอร้านนี้อร่อย..คุณเพื่อนไม่บ่น
ก่อนขี่ัจักรยานออกจากร้านเฝอ ก็มีรถมอเตอร์ไซต์คันนึงปรี่เข้ามาหาเชียว ทายสิคะว่าใคร?...พี่จอนนี่ค่ะ ดวงสมพงษ์กันมากๆ แถมพี่ยังย้ำอีกว่า พรุ่งนี้จะไปน้ำตก จะไปด้วยกันไหม ...แต่พวกเราเห็นว่าดวงสมพงษ์กันจนน่ากลัวไปแล้ว ก็เลยไม่ได้โทรไปรบกวนพี่เค้าหรอกค่ะ

บ่ายแล้ว..ห้องพักเราเป็นพัดลม คงไม่เย็นแน่ๆ เลยตกลงกันว่าจะไปนั่งกินขนมตากแอร์ที่ร้านโจมา
ระหว่างทางเจอโต๊ะตั้งขายหวยเป็นระยะๆ (หวยถูกกฏหมายนะจ้ะ) ก็เลยลองเสี่ยงโชคกันสักหน่อย


ถึงโจมา..วันนี้กินเค้กแบล็กฟอร์เรส



ชอบบรรยากาศร้านนี้จริงๆ

เย็นนี้ก็จ่ายตลาด เพราะเมื่อเช้าคุณเพื่อนไปโฆษณากับป้าไว้ว่าจะทำแกงเขียวหวาน


กินข้่าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา จนแขกที่มาพักถามป้าว่า หลานมาเยี่ยมเหรอ

หลังกินข้าวเย็นเสร็จ ก็ไปเดินช๊อปที่ตลาดมืดกันต่อ
วันนี้เป็นวันมาฆบูชา เมืองไทยก็จะเป็นวันหยุดยาวใช่ไหมคะ...เลยเหมือนกับเดินอยู่เมืองไทยเลยค่ะ คนไทยเยอะมากกก





จบวันที่ 3 ด้วยภาพเวียนเทียนที่วัดใหม่สุวันนารามนะคะ ได้มีโอกาสเวียนเทียน (อยู่เมืองไทยยังไม่ได้ไปมาตั้งหลายปีแล้วเลยค่ะ..มาเวียนเทียนที่เมืองลาวแทน ) คืนนี้ก็เลยอิ่มบุญกันไปถ้วนหน้า




 

Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2554 10:38:31 น.
Counter : 880 Pageviews.  

หลวงพระบาง...ทริปโปรแกรมบางๆ เบาๆ (1)

หลวงพระบาง เมืองมรดกโลก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ใกล้ไม่ไกลและน่าสนใจ
เราใช้โอกาสวันหยุดยาวที่ผ่านมาแถมลาเพิ่มอีกสามวัน ไปเยี่ยมเยือนพร้อมเพื่อนสาวและเืพื่อนชาย รวม 3 คน (จากเดิมจะมีพี่สาวอีกคนหนึ่งร่วมทริปด้วย แต่เคลียร์งานไม่ทันเลยเอาไว้โอกาสหน้า...น้องสัญญาจะพาเจ๊ไปอีกรอบแน่นอนจ้า)

ป.ล.1 รีวิวนี้อาจจะยืดยาวเยิ่นเย้อสักหน่อย มือใหม่หัดรีวิวน่ะค่ะ ไม่เน้นที่เีที่ยว ไม่เน้นที่กิน (แล้วเธอจะเน้นอะไรยะ ) แต่เน้นการรำพึงรำพันแทน
ป.ล.2 รูปที่รีวิว ไม่ใช่ฝีมือเราทั้งหมดนะคะ รวมๆ กันของทั้งสามคน สามกล้อง

เริ่มเดินทางกันเลยดีกว่า
โปรแกรมที่วางไว้คร่าวๆ หลวมๆ ว่าจะเิดินทางตามเส้นทาง อุดร-เวียงจันทร์-วังเวียง-หลวงพระบาง แล้วก็กลับตามเส้นทางเดิม แต่พอไปเจอหน้างานกลับกลายเป็นว่าเปลี่ยนแผนตั้งแต่วันแรก เหตุเพราะสิ่งใดตามมาอ่านกันนะคะ

วันแรก เราเดินทางจาก จ.เลย (คนเมืองเลยจ้า) โดยผู้อุปการะคุณที่บ้านไปส่ง แวะรับคุณเพื่อนที่บินมาจากกรุงเทพฯ แล้วไปขึ้นรถ Inter Bus ที่่ บขส.เก่า (ด้านหน้า Robinson อุดรฯ) เราไปถึงประมาณ 10 โมง แต่รถเที่ยว 10.30 น. เต็มแล้ว เลยได้เที่ยว 11.30 น.
(ค่ารถ 80 บาท ต้องแสดงพาสปอตก่อนซื้อ)




รถแวะจอดแค่ที่เดียว คือ ตม.ไทย-ลาว ที่สะพานฯ จ.หนองคาย จากนั้นก็ยิงยาวถึงเวียงจันทร์เลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.
ถึงเวียงจันทร์....รถจอดที่ท่ารถตรงข้ามตลาดเช้า...จุดแรกที่ทำให้แผนการเดินทางเราเปลี่ยน

พอลงจากรถปั๊บ ทั้งคนขนของทั้งนายหน้ารถตู้ก็กรูกันมาข้างรถมากมาย รวมทั้งกลุ่มเราด้วย
มีพี่วินรถตู้มาถามไปวังเวียงไหม ต่อราคากันไปมาได้อยู่ที่ 250 บาท จากนั้นพี่ก็มาแบกกระเป๋าเป้เราไปแล้วเดินนำออกไปประมาณ 1 แยกไฟแดง แล้วก็โทรตามรถ
คันแรกมาถึง เก่าและโทรม พวกเราเลยไม่ยอมไป พี่แกไ่ม่ยอมแพ้ โทรตามคันใหม่แต่ก็ไม่มาสักที สรุปเรายืนรออยู่ตรงนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วพี่แกก็มาบอกว่ารถคันที่โทรตามไปรับแขกที่อื่นแล้ว จะรอคันใหม่ไหม
อ้าว..ไหงงั้นละ เราก็เลยไม่รอแล้ว เดินกลับไปกินข้าวที่มาบุญครอง (ลาว) หน้าตลาดเช้า แล้วก็ตกลงกันได้ว่า ไหนๆ ก็บ่ายแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราไปหลวงพระบางกันเลยดีกว่า

นั่งสกายแล๊บจากตลาดเช้าไปท่ารถสายเหนือ..ต่อได้ในราคา 3 คน 35000 กีบ (จริงๆ รถส่วนใหญ่ให้ราคา 40000 กีบ แต่คันนี้ยอม...ที่ยอมน่าจะเพราะรถเก่ามากกกก ลุ้นแทบแย่ว่าจะถึงไหม )

ท่ารถสายเหนือ...


รถมี 2 แบบ คือปรับอากาศ กับ VIP ซึ่งทีแรกเราเข้าใจว่าปรับอากาศคือมีแอร์ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นแอร์ธรรมชาติอ่ะค่ะ
และที่นี่เองเราก็มีเหตุให้แผนที่วางไว้เปลี่ยน (อีกแล้ว)
เรื่องของเรื่องคือ พอเห็นสภาพรถ เราก็ตกลงกันว่าจะไปรถ VIP เที่ยวสองทุ่ม (ถึงจะรอนานหน่อยแต่ก็มีแอร์..น่าจะดีกว่ารถปรับอากาศน่ะ) พอจองตั๋วเสร็จ นั่งรอสักพัก ก็เจอพี่ชายคนไทยสองคนเข้ามาทัก (บังเอิญวันนั้นใส่เสื้อสกีนเชียงคานไป ) คุยไปคุยมา พี่เค้าก็ถามว่าไปรถเที่ยวกี่โมง พอบอกไปเท่านั้นละ พี่ท่านชักแม่น้ำทั้งห้ามาบอกเชียว ว่าจะรอทำไมนาน รถอะไรก็เหมือนกันแหละ รถแอร์ก็ไม่ต่างจากรถหน้าต่างสักเท่าไหร่หรอก บลาๆๆๆ จนเราคล้อยตามแล้วก็เลยไปขอเปลี่ยนตั๋วเป็นรถปรับอากาศ เที่ยว 6 โมงเย็นแทน



มันเป็นประสบการณ์ที่...บอกไม่ถูกนะ จะว่าไม่ดีก็ไม่เชิง ได้บรรยากาศย้อนยุคไปสัก 10-20 ปีที่แล้ว รถคนแน่นๆ เปิดเพลงลูกทุ่ง (ลาว) ดังสนั่นทั้งคืน จอดให้ฉี่ทุก 2-3 ชั่วโมง มีเอ๊ฟเฟ็คบ้วนน้ำลายข้างหน้าต่างอีกต่างหาก เหอะๆ...แต่ถ้าให้เลือก ก็ไม่อยากจะเลือกบรรยากาศนี้แล้วนะคะ

และแล้วการเดินทางอันยาวนาน 12 ชั่วโมง ก็จบลง ถึงหลวงพระบางประมาณ 6 โมงเช้า
เดินหาที่พัก ฝากกระเป๋าไว้ที่เกสเฮ้า แล้วก็กินข้าวเช้ากันที่ร้านยอดนิยม "ประชานิยม"


จากนั้น ระหว่างรอเข้าพัก (แขกเก่ายังไม่ check out) ก็ไปกินขนมกันต่อที่ "โจมา"
เช้าๆ แบบนี้ บรรยากาสสบายๆ แดดเอื่อยๆ วิวดีๆ ...มีความสุขแระ




จากนั้น ก็เข้าไปอาบน้ำอาบท่ากันก่อนออกไปเที่ยว
ที่พักของเรา...อุดมพงษ์ 2 สามารถเข้าได้ 2 ทาง คือจากซอยข้างร้านโจมา เข้ามาแล้วเลี้ยวขวาซอยแรก หรือเข้าจากถนนด้านตลาดเช้า ซอยข้างลาวเทเลคอม
ค่าห้องสำหรับ 3 คน ต่อได้ในราคา 150,000 กีบ


วันแรก เราเดินเล่นรอบเมืองกันนะ
ตลาดเช้า




บรรยากาศในเมือง





พิพิธภัณฑ์ฯ









วัดใหม่สุวรรณาราม




มื้อเที่ยงวันนี้ "พิซซ่า" ที่ร้านแสกนดิเนเวียน สั่งสลัดไก่ กับพิซซ่าฮาวายเอี่ยน แต่หน้าตาสลัดเหมือนผัดเปรี้ยวหวานมากกว่า แต่พิซซ่าอร่อยนะ แป้งหนานุ่ม ชีสเยอะพอประมาณ



ต่อด้วยมื้อเย็นกันดีกว่า เริ่มจากซอยข้างโรงแรม (จำชื่อไม่ได้) ตรงแถวๆ ตลาดม้งน่ะ
มีของกินตลอดซอย ส่วนใหญ่เป็นบุฟเฟ่ แต่..มันมีแต่ผักๆ อ่ะ




ลองชิม "แหนมขาว" หน้าตาเหมือนข้าวเกรียบปากหม้อบ้านเราเลย อร่อยดี


เดินตลาดม้ง ของเพียบ


คืนนั้นเราไป "รำวงเมืองซวา"
อืมมม บรรยากาศเหมือนไนท์คลับสมัยก่อน ความคาดหวังก่อนไป คือเราอยากเห็นเค้าเต้น "บาสลอป" กัน แต่.. คนค่อนข้างน้อยมาก มันเลยดูเหงาๆ เงียบๆ
อืมมม ถ้าไปอีกคงไม่ไปแล้วน่ะค่ะ



...จบสองวันแรก แล้วตามมาดูอีกสองวันที่เหลือในหลวงพระบางกัน




 

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2554 10:38:43 น.
Counter : 1274 Pageviews.  

หนาวนี้...ไปดูดอกไม้เมืองเหนือกันดีกว่า

ไม่ได้อัพบล๊อกนี้มานานมากกกก
ได้โอกาสไปเที่ยวเชียงใหม่ ขึ้นอ่างขางเป็นครั้งแรก
หนาวได้ใจจริงๆ >.<
อากาศหนาวๆ ดอกไม้สวยๆ ถ้ามีคนให้เดินจูงมือด้วยก็คงดีสิเนอะ
เฮ้อ..เพ้อไปใหญ่ละ มาดูรูปดอกไม้กันดีกว่านะจ้ะ









ชอบดอกบ๊วยสีขาวๆ ตัดกับฟ้าใสๆ จริงๆ

มาดูซากุระเมืองไทยกันบ้าง ....






รักอ่างขางจัง




 

Create Date : 09 ธันวาคม 2553    
Last Update : 9 ธันวาคม 2553 23:13:52 น.
Counter : 857 Pageviews.  

1  2  3  

คนหลังม่าน
Location :
เลย Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




พยายามใช้ชีวิตอย่างมีสติทุกย่างก้าว
ทั้งการงาน ครอบครัว และความรัก


กำลังฝึก
"วาง" ให้มากที่สุด
"วีน" ให้น้อยที่สุด
"หยุด" และ "พอ" ให้เป็น


แม้ไม่ง่ายที่จะทำ แต่ก็ยังดีกว่าไม่คิดจะเริ่มทำ

มาพยายามด้วยกันไหมคะ
New Comments
Friends' blogs
[Add คนหลังม่าน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.