ขออำนาจพุทธธรรมสงฆ์ โพธิสัตว์ จักรพรรดิ์ จงบันดาลบารมีท่าน บุญข้า ให้แก่ผู้ต้องการตลอดไป
 

พยายามน้อมใจเข้าหาบทสวดมนต์และคำแปล แต่แล้วสักพักก็ฟุ้งซ่าน พักนี้เป็นอยู่บ่อยๆ

สติครับ

รักษาสติ ระหว่างสวดให้ดี ให้อยู่กับปัจจุบัน
อย่าคิดไปหน้า อย่าย้อนมาหลัง

เช่น

ถ้าดูหนังสือ
ให้สติอยู่ที่ตัวหนังสือ
ขณะที่สวดถึงตรงไหน ให้สติจับอยู่ตรงนั้น
ส่วนใหญ่บทที่เราคุ้นเคย เราจะข้ามไป ไม่มอง

ถ้าออกเสียง
ให้สติอยู่ที่เสียงที่กำลังสวด

ระหว่างสวด
ปล่อยความคิดต่างๆ ทั้งหมด
แม้แต่ความคิดที่กำลังสวดอยู่ในใจ
ถ้าจะคิด ก็ให้คิดตามที่กำลังสวด
ถ้ามีความคิดอื่นเข้ามา ให้ปล่อยไปทันที

ถ้าสวดในใจ
ให้ตามรู้ ความคิดที่สวด คือเสียงในใจ ไปเรื่อยๆ
ให้ทันกับขณะนั้น

ทั้งหมดที่ว่ามา คือ
ถ้าเราทันกับปัจจุบันจริงๆ เมื่อไร

สติจะแนบกับสิ่งที่เรากำหนดอยู่
จนเป็นสมาธิมากขึ้น เรื่อยๆ
ความคิดต่างๆ ก็จะค่อยๆน้อยลงไปตามลำดับ

ส่วนคำแปลนั้นก็ดี แต่ถ้าฟุ้งซ่านมาก
ยิ่งคิดตามคำแปล ก็ยิ่งฟุ้งไปใหญ่
ให้มีสติทันปัจจุบันให้เป็นสมาธิก่อน
แล้วค่อยน้อมมาพิจารณาคำแปล
จะเข้าใจได้ดีกว่า
เพราะกำลังสมาธิมาก ปัญญาก็มีกำลังมากตามไปด้วย




 

Create Date : 17 มกราคม 2549    
Last Update : 17 มกราคม 2549 3:39:29 น.
Counter : 596 Pageviews.  

คนทายว่าเคยทำกรรมผิดศีลข้อ3มา อยากรู้เรื่องเจ้ากรรมนายเวร


ไม่รู้ว่าเค้าพูดถึงอดีตนั้นจริงๆไม่จริงๆ ไม่ขอวิจารณ์

แต่เอาเฉพาะเรื่องเจ้ากรรมนายเวร

เจ้ากรรมที่แท้ ก็คือ ตัวเรานี่เอง
ไปทำอะไร ใครไว้ ถึงเค้า ไม่แค้น
เราก็ย่อมได้รับผลกรรมตามกำลัง
ให้ได้รับความรู้สึกแบบเดียวกับที่เค้าได้รับ

การแก้ ก็คือ ทำกรรมดี ให้มีกำลังมากพอ
จะบีบให้กรรมชั่วส่งผลไม่ได้ หรือ ไม่ถนัด

ส่วน นายเวรนั้น มีจริงๆครับ ในพระไตรปิฏกก็มี

เราไปทำอะไรใคร ให้แค้นใจเอาไว้
เค้าก็จะตามแก้แค้นจองเวรเราไป จนกว่าจะอโหสิกัน

การแก้ คือ ขออโหสิกรรมกันในปัจจุบัน

ง่ายๆ คือ เราไม่รู้ว่าใครเป็นใครก็จริง
แต่ใครที่เราเหม็นหน้า โดยไม่มีสาเหตุ นั่นแหละ
เราน่าเป็นนายเวรของเค้า
หรือเราไม่ชอบเค้ามากๆ เป็นศัตรูกับเค้าในปัจจุบัน เดี๋ยวก็ไปเจอกันอีก
ใครที่เกลียดเราเข้ากระดูก โดยไม่มีสาเหตุ นั่นแหละ เค้าน่าจะเป็นนายเวรเรา

สรุป ว่า เราไม่ชอบใคร ใครไม่ชอบเรา ก็ดีๆกันซะนะครับ
จะได้ไม่ต้องไปเจอกันอีก

ขออภัยเค้าอย่างจริงใจ ขออโหสิกรรมแก่กันและกัน
ถ้าเค้าให้อภัยเราด้วยใจจริง มันจบลงได้จริงๆเหมือนกัน

พระพุทธเจ้าท่านจึงยกว่า อภัยทาน เป็นทานอันสูงสุดไงครับ




 

Create Date : 17 มกราคม 2549    
Last Update : 17 มกราคม 2549 3:36:35 น.
Counter : 692 Pageviews.  

คนใช้วิชาผูกจิตทำร้าย ชักกระตุก มีเสียงด่าในหัวตลอด เช็คหมอแล้วปกติ

จะจริง หรือไม่
เราก็ทำความดี ให้มากที่สุด

ทำทาน เช่น สังฆทาน
รักษาศีล5ให้ได้
สวดมนต์ ไหว้พระ
นั่งสมาธิ
แผ่เมตตา ให้สรรพสัตว์ โดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวร

แล้วความดีจะรักษาเราครับ

เค้าทำได้แค่กายเรา
แต่ทำใจเราไม่ได้ครับ

กายจะเป็นอะไร ก็สักแต่ว่ากาย เราอาศัยอยู่ชั่วคราว
ใครจะด่าเราอย่างไร ในหัว ก็เป็นเพียงเสียงก็สักแต่ว่าเสียง
รู้ด้วยใจเฉยๆ แล้ววาง ไม่ต้องสนใจ

ใครคิดร้ายกับเราอย่างไร เราก็ให้อภัย
อโหสิกรรมแก่กันและกัน
อภัยทานเป็นทานอันสูงสุดครับ
แล้วแผ่กุศลจากอภัยทาน กลับให้คนทำบ่อยๆ
จะดีขึ้นครับ




 

Create Date : 17 มกราคม 2549    
Last Update : 17 มกราคม 2549 3:34:31 น.
Counter : 739 Pageviews.  

ถอยรถทับหมา จะเป็นกรรมไม๊ครับ

ทุกคนย่อมอยู่ภายใต้กฏแห่งกรรม
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

แต่การจองเวรนั้น ก็มีอยู่

ถ้าเราไปทำอะไรใคร ให้ผูกใจเจ็บ
ต่อไป เค้าก็จะทำเราบ้าง เมื่อมีโอกาส
ถ้าเค้าตายก่อน ก็จะเก็บเอาความแค้นนี้ไปด้วย
ชาติต่อๆไป
เมื่อสบโอกาส กรรมก็จะส่งผลทำให้ได้ชำระแค้นกับเรา
ถ้าไม่ ก็จะติดตามไป จนกว่าจะได้ชำระ

แก้ด้วยการอโหสิกรรมแก่กันและกัน

แต่ถ้าไปทำใคร แล้วเค้าไม่ผูกใจเจ็บ
ก็จะได้รับผลกรรม ให้ได้รับความรู้สึกแบบเดียวกับที่เค้าได้รับ
อันนี้เป็นปกติของกรรม ไม่มีเวร

แก้โดยทำกรรมที่มีกำลังแรงกว่า จึงจะบีบให้กรรมนั้นส่งผลอะไรไม่ได้ หรือไม่ถนัด

กรณีหมาคุณ ที่ควรจะทำ
คือ ต้องดีกับมันมากๆ
ให้เห็นว่า เราไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับมัน
ส่งความรู้สึกขออภัยให้มัน เป็นประจำ
ดูตามันก็รู้ ว่าเวลามองเรา มันอาฆาตหรือเปล่า

ต่อไป ก็ต้องระวังกว่านี้ เวลาถอยรถ
เพราะอาจทำร้ายหรือฆ่าหมาตัวอื่นได้

ถือเป็นอุทธาหรณ์เตือนใจ ให้มีสติกว่านี้ครับ
อย่าความประมาท




 

Create Date : 17 มกราคม 2549    
Last Update : 17 มกราคม 2549 3:31:54 น.
Counter : 594 Pageviews.  

อสุภะกรรมมฐานไม่ผิดธรรมชาติหรือ ทำไมเราจึงไม่กำจัดกระจกแทน จะได้ไม่มีฝุ่นมาเกาะ

ชินเชา เขียนโศลกไว้ว่า
"กายของเราตือต้นโพธิ์
ใจของเราคือกระจกเงาอันใส
เราเช็ดมันโดยระมัดระวังทุกๆชั่วโมง
และไม่ยอมให้ฝุ่นละอองจับ"

แต่พระสังฆปรินายก สมัยท่านเป็นฆราวาส ท่านว่า
"ไม่มีต้นโพธิ์
ทั้งไม่มีกระจกเงาอันใสสะอาด
เมื่อทุกสิ่งว่างเปล่าแล้ว
ฝุ่นจะลงจับอะไร"
จากสูตรของเว่ยหลาง โดยท่านพุทธทาส

ก็แล้วแต่เราว่าจะมองว่ามีกระจก หรือไม่
หรือเราเข้าใจว่าเป็นอย่างไร

ระดับของธรรม มีเหตุผลตามระดับของปัจเจกบุคคล

ก็ธรรมดาแล้ว
สิ่งที่สวยงามนี้ ยังมีสิ่งปฏิกูลอยู่
สิ่งที่ดูเที่ยงแท้ กลับหาความเที่ยงได้ไม่
สิ่งที่มีความสุข กลับมีแต่ความทุกข์ ซ่อนอยู่
สิ่งที่เป็นตัวเขา ตัวเรา เอาเข้าจริงๆ กลับหาความเป็นตัวตนจริงๆไม่ได้เลย

อสุภะกรรมฐาน สำหรับพิจารณาให้เห็นสิ่งปฏิกูล
เป็นธรรมฝ่ายสมถะ ไว้ข่มกิเลส คือ ราคะ

อนิจจลักษณะ สำหรับพิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง
ทุกขลักษณะ สำหรับพิจารณาให้เห็นความทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้
อนัตตลักษณะ สำหรับพิจารณาให้เห็นความไม่เป็นตัวตน
เป็นธรรมฝ่ายวิปัสสนา คือ ไว้ถอดถอนกิเลส

พิจารณาตามเหตุปัจจัยเถิด




 

Create Date : 17 มกราคม 2549    
Last Update : 17 มกราคม 2549 3:29:09 น.
Counter : 717 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  
 
 

Mr.เต้ย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




...ดอกไม้ก็สักแต่ว่าดอกไม้

จุดมุ่งหมายของBlogนี้ คือ

ความตั้งใจที่จะเก็บรวบรวม ปัญหาต่างๆ ที่เราได้เข้าไปตอบไว้ในห้องศาสนา

เพราะคิดว่าอาจมีประโยชน์แก่ผู้สนใจ ที่แวะเข้ามาเยี่ยมBlog ของเรา

เพราะแท้จริง อักษรเหล่านั้น ย่อมเลือนหายไปตามกาลเวลา หาได้คงอยู่ตลอดไปไม่

แต่ถ้าสามารถยังประโยชน์ ขณะที่อักษรนั้นยังดำรงอยู่
อย่างน้อย ก็มีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด

ด้วยความมุ่งหวังที่จะช่วยเหลือผู้อื่น เท่าที่จะสามารถทำได้ จริงๆ
[Add Mr.เต้ย's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com