สุภารัตถะ บล็อก
Group Blog
 
All Blogs
 
นิพพานที่ไม่สนุก แต่สุขอย่างยิ่ง...


ท่านพุทธทาสเคยพูดถึง.. มีหลายคนอยากรู้ว่า.. ในนิพพานมีการร้องรำทำเพลงไหม? เพราะความที่ยังติดในความสุข อยากให้นิพพานเป็นสุข และถ้านิพพานสุขจริง ก็นึกอยากจะให้นิพพานนั้นรื่นเริงสนุกสนาน

ความสุขที่น่าหลงใหล แท้จริงเป็นแค่เพียงอีกขั้วความทุกข์อันยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นของคู่.. ไม่อาจพรากจากกัน คือมีความเป็นธรรมดาของสิ่งหนึ่งและอีกสิ่งหนึ่งซึ่งขาดกันไม่ได้ ถ้าไม่มาอีกขั้วหนึ่งก็จะวิ่งไปอีกขั้วหนึ่งตามธรรมชาติของทวิลักษณะ ที่ว่าสุขนั้น.. ที่แท้เป็นเพราะทุกข์น้อยลง จึงทำให้รู้สึกเป็นสุขมากขึ้นมา และความที่ได้ทุกข์น้อยลง จึงเป็นเหตุให้หลงใหล อยากกอดสุขนั้นไว้นานๆ ไม่อยากถูกพัดพาไปในอีกขั้วของความทุกข์มาก นึกถึงและคะนึงหาในสิ่งที่ชอบที่ปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกามตัณหา ตัณหาในความอยากจะมีจะเป็น ทั้งความร่ำรวย ความสุขสบาย ความมีชื่อเสียงมีชื่อเสียง ถวิลหาความสุขนั้นไม่อยากจากมันไป แม้มันจะไม่เที่ยง ไม่อาจเป็นไปตามบังคับบัญชา มีการเกิดและมีความสุญสลายไปตามธรรมดา

เฉกเช่นความเป็นหนุ่มสาวที่น่าลุ่มหลงแม้ต้องแลกด้วยความแก่อันยาวนาน แต่ความสดสะพรั่งก็เรียกร้องให้เราอยากกลับมาเป็นอย่างนั้นอีก ความสำคัญมั่นหมายในอุปาทานต่างๆ อย่างไม่เข้าใจธรรมชาติของมันเป็นเหตุแห่งการเกิดขึ้น บางคนเดินทางไกลด้วยเครื่องบินก็รู้สึกสุข อยากเดินทางแบบนั้นอีก ความอยากเป็นเหตุของการเกิดโดยทันทีทันใด รวดเร็วตามกฎแห่งปฏิจจสมุปบาท

แต่แม้นเราจะฝันหวานหรือวาดหวังถึงชีวิตที่จะต้องดีขึ้น มีสิ่งดีๆ เข้ามาตามที่เฝ้าฝันเท่าใดก็ตาม ชีวิตแท้จริงก็ไม่อาจเป็นเช่นนั้น โลกธรรมแปดเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีสุขมีทุกข์ มีสรรเสริญมีนินทา มีลาภเสื่อมลาภ มีเกียรติเสื่อมเกียรติ

และเพราะจิตมีธรรมชาติของความดีความชั่ว เต็มไปด้วยกิเลสตัณหา ขึ้นลงตามอุปาทานและยังมีธรรมชาติดิ่งไปสู่เบื้องต่ำ คือพร้อมที่จะตกต่ำอยู่เสมอ ตกเป็นทาสเป็นกิเลสอย่างละเอียดอย่างกลางหรืออย่างหยาบได้หากขาดสติ ทำให้จิตต้องตกอยู่ในระบบการชดใช้กรรมที่ทำไว้ และกลไกที่จะหลุดจากกระแสขึ้นลงของวัฎฎะนั้น คือจะต้องหลุดจากลักษณะทวิภาวะโดยสิ้นเชิง มันจำเป็นที่จะต้องละทิ้งความลุ่มหลง ความติดยึดในสุข (ซึ่งที่จริงเป็นทุกข์)ลง คือเป็นอิสระจากสุขที่ไม่เที่ยงซึ่งต้องแลกมาด้วยความทุกขฺนั้นเสีย ที่เรียกว่า ลอยบุญลอยบาปดับขันธ์ปรินิพพานด้วย

หากใครยังอยากจะเสวยสุขก่อนนิพพาน อยากจะไปท่องสวรรค์ก่อนนิพพาน ก็ต้องตั้งสติให้ดีก่อน เพราะโอกาสหลงเพลินไปจนตกไปสู่ภูมิต่ำอีกก็มีมาก ใครเบื่อแล้ว เบื่อสุขทุกข์แล้ว เห็นความไม่เที่ยง ความแปรปรวน และการเกิดที่เป็นทุกข์ อยากดับตัวตนลงสักที ก็ลองปล่อยวางความสุขอย่างโลกๆ ที่คิดว่าสุข แต่ที่จริงต้องแลกด้วยทุกข์มหาศาล ก็ต้องเดินตามเส้นทางอริยมรรคมีองค์แปดแล้ว เป็นผู้เข้าใจในอริยสัจสี่แล้ว ตามพุทธดำรัสนี้แล้ว..

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย! ความทุกข์เป็นความจริงประการหนึ่งที่ชีวิตทุกชีวิตจะต้องประสบไม่มากก็น้อย ความทุกข์ที่กล่าวนี้มีอะไรบ้าง? ภิกษุทั้งหลาย! ความเกิดเป็นความทุกข์ ความแก่ ความเจ็บ ความตายก็เป็นความทุกข์ ความแห้งใจ หรือความโศก ความพิไรรำพันจนน้ำตานองหน้า ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ ความคับแค้นใจ ความพลัดพรากจากบุคคล หรือสิ่งของอันเป็นที่รัก ความต้องประสบกับบุคคลหรือสิ่งของอันไม่เป็นที่พอใจ ปรารถนาอะไรมิได้ดังใจหมาย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความทุกข์ที่บุคคลต้องประสบทั้งสิ้น เมื่อกล่าวโดยสรุป การยึดมั่นในขันธ์ห้า ด้วยตัณหาอุปาทานนั่นเอง เป็นความทุกข์อันยิ่งใหญ่

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย! กามคุณนี้เรากล่าวว่าเป็นเหยื่อแห่งมาร เป็นพวงดอกไม้แห่งมาร เป็นกำลังพลแห่งมาร ภิกษุผู้ปรารถนาจะประหารมารพึงสลัดเหยื่อแห่งมาร ขยี้พวงดอกไม้แห่งมารและทำลายกำลังพลแห่งมารเสีย ภิกษุทั้งหลาย! เราเคยเยาะเย้ยกามคุณ ณ โพธิมณฑลในวันที่เราตรัสรู้นั้นเองว่า ดูก่อนกาม! เราได้เห็นต้นเค้าของเจ้าแล้ว เจ้าเกิดความดำริคำนึงถึงนั้นเอง เราจักไม่ดำริถึงเจ้าอีก ด้วยประการฉะนี้ กามเอ๋ย! เจ้าจะเกิดขึ้นอีกไม่ได้

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย! เราตถาคตกล่าวว่า ความทุกข์ทั้งมวลย่อมสืบเนื่องมาจากเหตุ ก็อะไรเล่าเป็นเหตุเกิดแห่งทุกข์นั้น เรากล่าวว่าตัณหาเป็นเหตุเกิดแห่งทุกข์ ตัณหาคือความทะยานอยากดิ้นรนซึ่งมีลักษณ์เป็นสาม คือ ดิ้นรนอยากได้อารมณ์ที่น่าใคร่น่าปรารถนาเรียกกามตัณหาอย่างหนึ่ง ดิ้นรนอยากเป็นนั่นเป็นนี่เรียกภวตัณหาอย่างหนึ่ง ดิ้นรนอยากผลักสิ่งที่มีอยู่แล้วเป็นแล้วเรียกวิภวตัณหาอย่างหนึ่ง นี่แลคือสาเหตุแห่งความทุกข์ขั้นมูลฐาน ภิกษุทั้งหลาย! การสลัดทิ้งโดยไม่เหลือซึ่งตัณหาประเภทต่างๆ ดับตัณหาคลายตัณหาโดยสิ้นเชิงนั่นแลเราเรียกว่านิโรธ คือความดับทุกข์ได้

การปลอดจากกามตัณหาก็ดี ภวตัณหาก็ดี วิภวตัณหาก็ดี สำหรับปุถุชนแล้วอาจทำให้ถึงกับหดหู่เหี่ยวเฉาและมึนงง เพราะเหมือนสิ้นความสุขความสนุกไปดื้อๆ ไม่มีความรักใคร่ใหลหลง ไม่มีความทะยานอยากในอำนาจบารมี ไม่มีแม้แต่ตัวตน นิพพานดูช่างไม่น่าสนใจเอาเสียเลย แต่ใครที่เข้าถึงความสงบสุขมาแล้ว เห็นทางแล้ว ย่อมรู้ว่านิพพานเป็นความสุขอย่างถาวรเพราะหมดเชื้อแห่งการเกิด เมื่อไม่มีการเกิด ความทุกข์ย่อมหาที่เกิดไม่ได้เช่นกัน ดังพุทธพจน์นี้..

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย! บุคคลผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วจากอาสวะย่อมพบกับปิติปราโมทย์อันใหญ่หลวงรู้สึกตนว่าได้พบขุมทรัพย์มหึมา หาอะไรเปรียบมิได้ อิ่มอาบซาบซ่านด้วยธรรม ตนของตนเองนั่นแลเป็นผู้รู้ว่า บัดนี้กิเลสานุสัยต่าง ๆ ได้สิ้นไปแล้ว ภพใหม่ไม่มีอีกแล้ว”

นิพพานสำหรับทุกคน ..ท่านพุทธทาส


Create Date : 31 ตุลาคม 2548
Last Update : 31 ตุลาคม 2548 19:00:51 น. 18 comments
Counter : 1163 Pageviews.

 




สวัสดีค่ะ คุณสุภาฯ

ตอนนี้เริ่มรู้สึกเบื่อๆแล้วล่ะ

อยากแก่ๆๆๆและตายๆๆๆๆไป

แต่ก็ไม่อยากกลับมาเกิดใหม่อีก

มีคนรักมากก็น่าเบื่อ

ไม่มีคนรักก็น่าเบื่อ

คนไม่เข้าใจ

ก็น่าเบื่อๆๆๆ

อะไรๆก็น่าเบื่อ

ปลงๆดีกว่า


โดย: รักดี วันที่: 31 ตุลาคม 2548 เวลา:19:40:18 น.  

 
" ตัณหา " ตัวเดียวเท่านั้นที่ทำเอาทุกข์มาเยี่ยม
มาเยือนกันได้บ่อยๆ มีมากอยากมากก็ทุกข์มาก
มีน้อยอยากน้อยแต่ก็ยังทุกข์อยู่ดี .. เฮ้อ เมื่อ
ไหร่ตัณหามันจะหมดๆ ไปสักทีล่ะน๊อ

มีความสุขนะค่ะคุณสุภา


โดย: JewNid วันที่: 31 ตุลาคม 2548 เวลา:19:46:58 น.  

 
เดินทางสายกลาง บนความพอดี ไม่โลภ ไม่หลง
ได้ฟังเป็นประจำ... คุ้นหูมากๆ แต่ทำไมจึงหาจุดพอดีไม่ค่อยเจอสักที พูดง่าย ฟังง่าย แต่ทำยากกกก ที่ยังต้องมีทุกข์ มีร้อนใจ ก็เพราะเหตุนี้ล่ะค่ะ

ให้กำลังใจตัวเองเสมอค่ะ ว่าเราดีขึ้นแล้วนะ เรานิ่งและสบายใจมากกว่าแต่ก่อนแล้ว

เจริญธรรมค่ะคุณสุภาฯ คุณรักดี คุณ Jewnid



โดย: ป้าแจ๋ว IP: 61.91.136.182 วันที่: 31 ตุลาคม 2548 เวลา:20:11:32 น.  

 


โดย: rebel วันที่: 31 ตุลาคม 2548 เวลา:20:35:00 น.  

 
รักดี มาแปลกจัง ... จะหลงขำๆ ดีไหม??
มีคนรักมาก ก็น่าเบื่อ......โอ พระเจ้า...

คุณจิ๋วนิดเคยเจอวิภวตัณหาหรือยัง มันโหดไม่แพ้กันน้า..

ป้าแจ๋วแหวว อยู่กับดอกไม้เยอะแยะ อิจฉาง่ะ...


โดย: suparatta วันที่: 31 ตุลาคม 2548 เวลา:20:39:03 น.  

 
เรเบล อินเลิฟ... สีหน้าฟ้องๆ อยู่...


โดย: suparatta วันที่: 31 ตุลาคม 2548 เวลา:20:41:18 น.  

 

สาธู๊....


โดย: yyswim วันที่: 31 ตุลาคม 2548 เวลา:22:14:42 น.  

 
อยากสุขมากก็ต้องแลกด้วยทุกข์อันมาก เป็นสองขั้วที่ขัดแย้งกันให้เกิดให้เป็นอยู่ วนเวียนอยู่เช่นนั้นไม่จบไม่สิ้น ความไม่อยากเสียซึ่งสุขนั้นคือทุกข์อันมาก ยิ่งสุขมากยิ่งประคองให้สุขนั้นคงอยู่ก็ยิ่งใช้ความทุกข์มากๆๆๆๆ ขึ้นไปอีก เพราะไม่ยอมรับว่ามันต้องเกิดต้องดับไปไม่จีรัง ฝืนจะให้มันคงทนถาวร ยิ่งฝืนมากก็ทุกข์มาก ....ท่านพี่มีแต่เรื่องซึ้งๆ..

สาธุ อนุโมทนาค่ะ ฝันดีฝันธรรมะนะคะ..


โดย: ป่ามืด วันที่: 31 ตุลาคม 2548 เวลา:22:59:46 น.  

 
สาธุค่ะ

ไม่สุขมาก ไม่ทุกข์มาก

ชีวิตนี้ ขอแค่นี้ พอแล้ว


โดย: พฤษภาคม 2510 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2548 เวลา:2:37:37 น.  

 
สาธุ


โดย: Bluejade วันที่: 1 พฤศจิกายน 2548 เวลา:5:55:26 น.  

 
สาระคำสอนทั้งหมดนี้คือแก่นแท้
ในพุทธศาสนาเลยนะคะ
เนื้อหาอาจฟังดูค่อนข้างหนัก คล้ายยาขม
แต่หากรับรู้ เข้าใจ และนำไปปฏิบัติได้
ก็เป็นประโยชน์ยิ่งต่อการดำรงชีวิตเลยนะคะ



โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2548 เวลา:15:26:42 น.  

 
ขอบคุณสำหรับสาระดีๆ นะครับ
แล้วจะลองเอาไปประยุกต์ใช้กับชีวิตจริงมั่ง


โดย: it ซียู วันที่: 1 พฤศจิกายน 2548 เวลา:17:13:32 น.  

 


โดย: ภูติพราวแสง วันที่: 2 พฤศจิกายน 2548 เวลา:3:57:49 น.  

 
สังคมมนุษย์สร้างความ ติดสุข ให้กับผู้คน
อีกไม่นานศาสนาจะเสื่อมแล้วสูญสลายไป


โดย: เกือกซ่าสีชมพู วันที่: 8 พฤศจิกายน 2548 เวลา:14:31:31 น.  

 
สาธุค่ะ


โดย: ปาลินารี วันที่: 12 พฤศจิกายน 2548 เวลา:20:56:56 น.  

 
สวัสดีค่ะ

คนสนใจพุทธศาสนา และเข้าวัดเข้าวา
ไม่จำเป็นต้องรอให้อกหัก รักคุด หรือมีปัญหาชีวิตอะไรมากมายก็ เข้าวัดได้นะคะ

ศาสนาพุทธ ถ้าเข้าใจ และปฏิบัติจริงๆ สามารถช่วยให้คนมองโลกตามความเป็นใจ และไม่ทุกข์มาก(ทุกข์น้อยลงๆ จนอาจดับทุกข์ได้ --> นิพพาน) เลยนะคะ เพราะฉะนั้น ทุกเพศ ทุกวัย สามารถนำหลักพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้กับชีวิตได้คะ


โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 13 พฤศจิกายน 2548 เวลา:19:18:42 น.  

 
แก้ไข คคห ก่อนหน้านิดหนึ่งคะ มองโลกตามความเป็นจริงคะ

อิอิ ปล เราไม่เคยอกหักคะ กลัวแต่จะหักอกคนอื่นดิ


โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 13 พฤศจิกายน 2548 เวลา:19:21:30 น.  

 


โดย: ศาลาลอยน้ำ IP: 58.10.77.208 วันที่: 26 ตุลาคม 2550 เวลา:16:41:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

suparatta
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




..วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร..
..ท่านนาคารชุนะ..
วิภาษวิธี..เกริ่นนำ..ตอนจบ..

๐ สมุดเยี่ยมและบ่นได้..
**ทางลัด**
๐ สารบัญทักทาย(ทั้งหมด)
๐ ชวนคุย&ฟังเพลงปี48(ทั้งหมด)
๐ นอนดูจันทร์..(ส่วนตัว)

**log in หน่อยน่า..



Google.co.th
Friends' blogs
[Add suparatta's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.