Group Blog
 
All blogs
 
บทเรียนสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ให้ลูกเล่นเครื่องคิดเลข


บทเรียนสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ให้ลูกเล่นเครื่องคิดเลข


วันนี้เกิดเหตุการณ์ระทึกให้หัวใจคนเป็นแม่หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม นึกแล้วยังอดใจหายไม่ได้ เรื่องเริ่มที่โนแลนลูกคนเล็กอยากเล่นเครื่องคิดเลข มันเป็นเครื่องคิดเลขอันเล็ก ๆ แบบพกพาเป็นของแถมที่ได้มานานแล้ว เราก็คิดว่ามันคงไม่เป็นไร ไม่อันตรายก็เลยให้ไปเล่น โนแลนก็ไปนั่งเล่นที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เราก็ไปล้างจานในห้องครัว ล้างไปดูลูกไปเห็นนั่งก้มหน้าก้มตา ก็คิดว่าคงนั่งกดตัวเลข แล้วนิคโก้ลูกคนโตเข้ามาเล่นกับน้องด้วย ก็เห็นสองคนเล่นกันดี สักพักได้ยินเสียงนิคโก้ร้องไห้จ้าเสียงดัง เรารีบวิ่งไปดูทันที ภาพที่เห็นคือ ปุ่มตัวเลขหลุดออกมาเป็นตัว ๆ ส่วนนิคโก้ก็ร้องไห้ไปชี้จมูกไป เท่านี้ก็เดาเรื่องทั้งหมดได้เลย คือน้องคงดึงปุ่มตัวเลขออกมาเป็นชิ้น ๆ พี่ชายอยากรู้อยากเห็นเลยเอายัดใส่จมูกแล้วเอาออกมาไม่ได้ ใจเรางี้หายวาบ มองเข้าไปในจมูกเห็นปุ่มสีดำ ๆ คาปิดรูจมูกอยู่ ไม่ลึกมากแต่ก็ไม่ตื้น



เจ้าเครื่องคิดเลขตัวปัญหา ถ่ายรูปเสร็จก็โยนทิ้งไปเลย


เห็นแล้วก็พยายามเช็คดูว่าลูกหายใจได้ไหม หายใจดีหรือติดขัดไหม ดูแล้วหายใจไม่ผิดปกติ เดชะบุญที่ใส่เข้าไปแค่ข้างเดียว อย่างน้อยก็ยังเหลือรูจมูกอีกหนึ่งข้างไว้หายใจ แต่นิคโก้ก็ร้องไห้ไปสะอึกสะอื้นไปสูดจมูกซื๊ดซื๊ด เรากลัวว่ามันจะยิ่งเข้าไปลึก เลยไปหยิบไฟฉายกะว่าจะดูชัด ๆ ปรากฎว่าไฟฉายเสียอีก เวลาไม่อยากใช้ดันใช้ดี พอเวลาฉุกเฉินเกิดเจ๊งขึ้นมาซะงั้น จมูกลูกก็เล็กเอานิ้วใส่เข้าไปไม่ได้เดี๋ยวดันเข้าลึกกว่าเดิม จะเอาคีบหนีบก็ไม่อยากเสี่ยงเพราะถ้าพลาดจะหนักกว่าเดิม งานนี้จนปัญญาแก้เองไม่ได้ต้องเพิ่งหมอแล้วล่ะ เลยโทรหาพ่อบ้านบอกให้กลับมาบ้านอย่างด่วน แล้วก็บอกเด็ก ๆ ให้แต่งตัว เท่านั้นแหล่ะจากที่ร้องไห้อยู่ก็หยุดเลย สงสัยดีใจนึกว่าจะพาไปเที่ยว เที่ยวแน่นอนแต่ไปเที่ยวโรงพยาบาล

พอพ่อบ้านมาถึงก็รีบไปโรงพยาบาล ฝนดันตกอีก โชคดีโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลมาก เรากับลูกก็รีบลงตรงทางเข้าห้องฉุกเฉินก่อนเลย ใครที่ไม่เคยเข้าห้องฉุกเฉินคงนึกว่าคุณหมอพยาบาลจะกระวีกระวาดรีบเข้ามาดูอาการแบบในหนังในละคร ขอบอกว่าคิดผิดค่ะ ถึงจะได้ชื่อว่าฉุกเฉินแต่ก็ทำงานช้าถึงช้ามากพอ ๆ กับห้องตรวจคนไข้ทั่วไป ถ้าคุณไม่ถึงกับสมองไหล เลือดอาบ อวัยวะขาดก็ต้องนั่งรอตามคิว ประมาณ first come, first serve โชคดีที่นิคโก้มีประวัติที่โรงพยาบาลแล้ว เลยไม่ต้องมานั่งกรอกแบบฟอร์มให้เสียเวลาอีก พอไปถึงพยาบาลก็วัดน้ำหนัก ความดัน อุณหภูมิ แล้วก็ให้นั่งรอเรียก ระหว่างรอนิคโก้ก็กระดี๊กระด๊าวิ่งเล่นในล็อบบี้ พอโนแลนตามมาสมทบเลยกลายเป็นสนามเด็กเล่น เล่นเก้าอี้ดนตรีกันสนุกสนาน พยาบาลท่าทางรู้ทันเลยเปิดการ์ตูน Spongebob Squarepants ให้ดูซะ ได้ผลทั้งสองคนไปนั่งดูทีวีเรียบร้อย

รอได้ 15 นาที เจ้าหน้าที่ธุรการมาเรียกเพื่อถามเรื่องประกัน เรื่องที่อยู่บิล เบอร์ติดต่อ กลัวตามเก็บเงินไม่ได้ แล้วก็ให้ไมโครชิพมาหนีบไว้ที่เสื้อ ทันสมัยมาก คิดถึงเมืองไทยสมัยก่อนเวลาคุณเข้าไปในอาคารสำนักงาน หรือสถานที่บางแห่ง ต้องแลกบัตรประชาชนแล้วเขาจะให้คุณหนีบบัตรที่เขียนว่า VISITOR ต๊ายยยย อย่างนั้นน่ะเชยแหลกแล้วค่ะ ที่นี่เข้าใช้ไมโครชิพกันแล้ว คุณจะเดินไปไหน ทำอะไร อยู่ที่ไหน นานเท่าไร เขาตามได้หมด เธออธิบายว่าเพื่อการพัฒนาบริการ ทางโรงพยาบาลจะได้ติดตามได้ว่าคนที่เข้ามาในห้องฉุกเฉินไปไหนบ้าง รออยู่ที่ล็อบบี้นานเท่าไร ใช้เวลาในห้องตรวจนานเท่าไร จริง ๆ กลัวเดินหายไปไม่จ่ายตังค์ล่ะสิ ฟังดูเหมือนวิธีนี้จะดี แต่คนที่คิดไม่ซื่อจะถอดไมโครชิพไว้ที่ไหนสักที่แล้วเดินหายไปก็ได้นิ แต่ทางโรงพยาบาลอาจจะดูจากกล้องวงจรปิดอีกที ก่อนออกมาคุณธุรการก็พูดให้ดีใจว่าตอนนี้มีแค่คุณที่รอ คิดว่าคงอีกไม่นานพยาบาลจะมาเรียกไปข้างในห้องตรวจค่ะ

ผ่านไปอีก 15 นาที รวมครึ่งชั่วโมงแล้วนะตั้งแต่เดินเข้ามาเนี่ย พยาบาลก็พาไปห้องตรวจด้านใน เรากับนิคโก้เข้าไปกันสองคน พ่อบ้านกับโนแลนรออยู่ในล็อบบี้เพราะพ่อบ้านไม่อยากให้โนแลนเห็นคนเจ็บ ไม่อยากให้เห็นนิคโก้ร้องไห้ เดี๋ยวโนแลนร้องตาม ต๊ายยยย จิตใจอ่อนโยนมากกก เราก็รอ..รอ..รอ..กับนิคโก้ในห้อง จนนิคโก้เปิดตู้ครบทุกตู้ เข้าห้องน้ำ เล่นก๊อกน้ำ ไม่รู้จะเล่นอะไรแล้ว ผ่านไป 30 นาทีก็ยังไม่มีหมอหรือพยาบาลโผล่มาสักคน ถ้าไม่เกรงใจกะว่าจะหยิบคีบหนีบเล็ก ๆ ในห้องหนีบปุ่มออกมาจากจมูกนิคโก้เองแล้วนะเนี่ย เลยไปถามพยาบาล "เอ่อ คือว่ารอ 30 นาทีแล้วน่ะค่ะ ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่มาดูอาการเด็กเลย" เจ้าหน้าที่ตอบแบบโปรแกรมที่ฝึกมาเลยคือ "คือวันนี้เราค่อนข้างยุ่งอ่ะค่ะ คุณต้องรอหน่อยนะคะ" เราก็ห่วงตัวเล็กที่รอในล็อบบี้ ป่านนี้ไม่ป่วนไปทั่วแล้วเหรอ "เอ่อ ถ้างั้นขอออกไปที่ห้องล็อบบี้แป๊บหนึ่งได้ไหมคะ เพราะพ่อของเด็กรออยู่ คือไม่คิดว่าจะต้องรอนานขนาดนี้" พยาบาลผู้ชายใจดีให้ออก เลยออกไปบอกพ่อบ้านว่าต้องรอต่อ ไม่รู้นานเท่าไร เข้ามารอข้างในห้องด้วยกันเลยแล้วกัน

พอเดินกลับเข้ามาอีกที คราวนี้บริการไวยิ่งกว่าส่งพิซซ่า ทั้งหมอทั้งพยาบาลรอยืนต้อนรับหน้าห้อง เมืองนอกก็มีข้อดีตรงที่กลัวโดนฟ้อง โดนคอมเพลน สงสัยกลัวเราทำเรื่องฟ้องเรื่องบริการช้าในห้องฉุกเฉิน แล้วหมอก็เอาตะขอเล็ก ๆ เกี่ยวปุ่มตัวเลขแถมน้ำมูกใส ๆ ยืด ๆ เล็กน้อยออกมาจากจมูกนิคโก้ หมอยังใจดีแจกสติคเกอร์ให้คนละตั้ง 2 ตัว เป็นอันว่าจบเหตุการณ์ระทึก รวมเวลาเจอหมอ 5 นาที นั่งรอเกือบ 90 นาที

เลยอยากเตือนคุณพ่อคุณแม่ว่าอย่าไว้ใจเครื่องคิดเลข เครื่องคิดเลขแบบราคาถูก เป็นปุ่มยาง วัสดุคงแย่มาก เด็กสองขวบก็ดึงออกมาได้แล้ว ผู้ใหญ่ต้องนั่งดูอยู่ข้าง ๆ ไม่งั้นเดี๋ยวดึงออกมาใส่หูใส่จมูก คราวนี้โชคดีบุญรักษาแก้ไขได้ทันท่วงที


Create Date : 10 ตุลาคม 2551
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2552 3:36:10 น. 5 comments
Counter : 585 Pageviews.

 
เดชะบุญค่ะ ... โชคดีที่คุณพระคุ้มครอง
ไม่คิดว่าแค่เครื่องคิดเลขจะเป็นอันตรายแบบนี้เหมือนกัน
ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อมูล เป็นประโยชน์มากเลย


โดย: jenniepoko วันที่: 11 ตุลาคม 2551 เวลา:10:29:39 น.  

 
อูย น่ากลัวมากเลย

ขอบคุณที่นำมาแบ่งปัน


โดย: ริวคิ-mawin-maji-minic วันที่: 11 ตุลาคม 2551 เวลา:13:07:19 น.  

 
สยองมากเลย ของที่คิดว่าไม่อันตรายก็กลายเป็นว่าสำหรับเด็กนี่อันตรายทุกอย่างเลยนะคะ


โดย: pingpongzung วันที่: 11 ตุลาคม 2551 เวลา:13:11:12 น.  

 
ขอบคุณค่ะที่มาเตือน อีกอย่างที่ต้องระวังมากคือแม่เหล็กที่มากับของเล่นค่ะ เราคิดว่าไม่เป็นไรแต่จริงๆถ้ากินเข้าไปทำให้ลำไส้ทะลุได้ค่ะ


โดย: akachan วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:9:15:30 น.  

 
ใช่แล้วค่ะคุณ akachan ที่เมืองนอกมีเคสเด็กตายเพราะกลืนแม่เหล็กที่หลุดออกมาแล้วค่ะ คือเด็กกลืนแม่เหล็กเล็ก ๆ ที่เป็นขั้วเหนือกับขั้วใต้ พอไปอยู่ในร่างกายแม่เหล็กก็ดูดหากันโดยไปบีบลำไส้ไว้ บีบแบบบี้ปิดไว้เลย เด็กแค่สองขวบพูดไม่ได้ก็ได้แต่ร้องไห้แล้วก็กุมท้อง พ่อแม่ไม่รู้ก็นึกว่าอาหารเป็นพิษ แก้ผิดทาง ลูกร้องไม่หยุดข้ามวันเลยพาไปโรงพยาบาล ปรากฎว่าสายเกินไป เลือดมันไม่เดินหรือเดินผิดทางยังไงจำไม่ได้แล้วค่ะ เด็กตาย บริษัทของเล่นเลยโดนฟ้องร้องให้เรียกเก็บของเล่นจากร้านค้า เป็นข่าวใหญ่อยู่พักหนึ่งเลยค่ะ


โดย: Sunny Shiny Day วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:11:43:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sunny Shiny Day
Location :
WA United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




"โลกสอนมนุษย์ว่าทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่โลกก็กลับสอนให้มนุษย์ผูกพัน"

โดยพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต
Custom Search

Free Blog Content

WeatherBug
Your weather just got better.
Friends' blogs
[Add Sunny Shiny Day's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.