บันทึกธรรม - หน้า 15
- เวลารู้ว่าจิตไหล มีจุดอ่อน คือชอบไปดึงคืน ให้รู้ว่าจิตไหลไม่ไปดึงคืน - จิตดื้อ ยอมรับยาก ใช้เวลานาน, จิตไม่ดื้อ ยอมรับง่าย ใช้เวลาไม่นาน - เวลาเล็กๆ สำคัญ เพราะมีเยอะมาก - ตามดูจนรู้ว่า ตัวที่ทำอยู่ ไม่ใช่เรา - มันต้องดิ้น ห้ามไม่ได้ แต่ละขั้นการปฏิบัติต้องดิ้น ดิ้นจนมันปล่อย - แรงดิ้น เกิดจากอนุสัยทั้งสิ้น มันพยายามรักษาตัวมันสุดฤทธิสุดเดช - หมดแรงดิ้น ก็จะพบว่าอยู่ตรงนี้เอง - จิตถูกดูดไปตามความเคยชิน ถ้าฝืนจะปวดหัว มันจะลงนรกก็ไป ไปอย่างมีความสุข จิตเป็นกลางก็หลุด - เวลาเสื่อมมันลงเร็วมาก แต่เวลาพัฒนา มันค่อยๆกระเถิบๆ - กิเลส ชอบตามหลังความคิด, หลังเวทนา - ฝึกใหม่ๆ เห็นใจนี้มีความสุขเมื่อมีสติปัญญา พอฝึกไปเห็นมีแต่ความทุกข์ - ในนี้มีเราอยู่คนหนึ่ง โสดาบันไม่เห็นอย่างนี้ - ฝึกจนเห็นว่า 3 แดนโลกธาตุ ไม่มีที่หยั่งเท้าอย่างมีความสุขได้เลย - เราดิ้นรนหาทางพ้นทุกข์ มันไม่พ้นหรอก ต้องสู้จนหลังชนกำแพง เอาไว้ก็ไม่ดี หนีก็ไม่ได้ ทำอย่างไรก็ไม่พ้น ไม่สู้ไม่หนี จิตจึงจะสลัดออกเอง - จิตติดภพ อย่ารีบถอน ถ้าติดหลายวันให้ค่อยๆสังเกต ต้องอาศัยภพเรียนรู้ทุกข์ อย่าสังเกตภพตลอดเวลา ถ้าสังเกตภพตลอดจิตจะหลุดออกจากการเจริญสติ ไม่รู้จะดูอะไร ดูอะไรไม่ออก - ที่พัก มีที่เดียว คือสมถกรรมฐาน แต่ไม่ใช่ ซึมๆทือๆ หลงเพ่ง พอมีเรียวแรงก็ออกมาเจริญสติใหม่ - ภาวนา ต้องสว่างออกจากข้างใน ไม่ใช่สว่างแต่ข้างนอกข้างในมืดๆ - พิจารณา อย่าให้เกินกายออกไป - การเพ่ง ภาวนา(จะ)ละเอียดแค่ไหนก็มีโอกาสติดเพ่ง - วิธีดูว่าเพ่งหรือเปล่า ให้ดูที่จิต ถ้าหนักๆแน่นๆ แสดงว่าเพ่ง - ที่ผ่านมา เราหลอกตัวเอง ว่านี่เป็นคน สวยๆงามๆ - โมหะ ภาวนาใหม่ๆจะรู้สึกมัวๆมืดๆ พอภาวนาละเอียดจะรู้สึกสว่างนึกว่าดี (ตรงนี้)ดูยาก - เราไม่บีบคั้นไม่ก่อกวนจิต จิตก็จะมีความสุขเอง - พระอนาคา ยังมีโมหะจรเข้ามา โลภะโทสะไม่มี - ภพ คือ การดิ้นรนของจิต, ชาติ คือ การยึดถือของจิต - ทุกข์ เกิดเพียงขณะๆเท่านั้น แต่ความจำได้(สัญญา) ทำให้นึกว่าทุกข์ต่อเนื่อง นานๆ - สัตว์ทั้งหลายมักติดใจในภพของตน - เราเคยชินที่จะดูอะไรด้วยลูกตา ทำให้มักจะเผลอออกไปดูข้างหน้า - เมื่อภาวนาปราณีต มักจะหลงไปดูภาวะที่ละเอียดขึ้น - ไม่ ตามไปดู ให้ตามรู้ ไม่มีคำว่า ไป - เผลอไปดู พอดูแรงๆเป็นเพ่ง
Create Date : 18 กรกฎาคม 2554 | | |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2554 21:08:16 น. |
Counter : 406 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
บันทึกธรรม - หน้า 14
- เมื่อฝึกไปช่วงหนึ่ง จะรู้สึกว่า จิตเป็นเรานั้นจะมีเป็นพักๆเท่านั้น - ถ้าไม่คิดไม่นึกไม่ปรุงไม่แต่ง ความรู้สึกว่าจิตเป็นเราจะไม่มี - สิ่งที่กลวงๆ จะมีเปลือก คือใจยังถูกหุ้ม - จิตที่ไม่มีสิ่งห่อหุ้ม จะกระจายออกไป - พระโสดาบัน ความทุกข์หายไป 10 เปอร์เซ็นต์ จะรู้สึกว่าพระพุทธเจ้าเป็นพ่อแม่เรา - จิตเป็นผู้รู้ผู้ดู เราจะดูจิตอยู่ห่างๆ ไม่ได้ , ไม่เหมือนกาย ไม่เหมือนเวทนา ไม่เหมือนสังขาร (ดูห่างๆได้) - ดูจิต ให้ดูมันเกิดดับ ถ้าดูไม่ได้ก็ดูมันเผลอไป เพ่งไป หลงไป หรือดูจิตที่โลภ จิตที่โกรธ ก็ได้ คู่กับจิตที่รู้ - ดูจิตคู่ เพื่อให้เห็นไตรลักษณ์ - การที่เห็นจิตขาดเป็นช่วงๆ ไม่ใช่มีดวงเดียวทั้งคืนหรือทั้งชาติ ทำให้ละความเห็นผิดว่าเป็นตัวตนได้ - นิพพาน ไม่ใช่การส่งจิตเข้าไปไหน ไม่มีเข้ามีออกมีจุดมีดวง - ภพใดภพหนึ่ง อย่าสำคัญมั่นหมายว่าสุข , (มัน)ทุกข์ชัดๆ - ธาตุดิน, ไฟ, ลม รู้สึกด้วย กาย แต่ธาตุน้ำ รู้ด้วยใจ - ผู้ที่ฝึกสมาธิและปัญญาควบคู่กัน จะดูจิตในสมาธิ - ถ้ารู้ทันจิตที่ไม่ตั้งมั่น จะเดินอริยมรรคต่อได้ - จิตไม่ตั้งมั่น จะไปสร้างภพ จิตที่ตั้งมั่นเองโดยไม่จงใจ จะไม่เป็นภพ แต่เบื้องต้นให้จงใจบ้าง - มิจฉาทิฐิ (การ)เห็นว่ามีเราถาวร, เห็นว่าตายแล้วมีเราไปเกิด, เห็นว่าเราตายแล้วสูญ ทั้งหมดนี้เห็นผิดตรงที่มีเรา - นิพพานเป็นธรรมารมณ์ รู้ได้ด้วยใจ - ถ้าจิตพ้นจากความปรุงแต่ง ความทุกข์เข้าสู่ใจไม่ได้ - วิปัสสนู เกิดเพราะสมาธิไม่พอ จิตไม่ถึงฐาน ออกนอก เคลื่อนไปยึด พอรู้ทันก็ตั้งมั่น - อนัตตา ไม่ได้แปลว่า ไม่มีอะไร แต่แปลว่าไม่มีตัวตนถาวร - ไม่ต้องไปรักษาให้จิตตั้งมั่น ถ้าไปรักษาจะเป็นการเพ่งตัวผู้รู้ - ภาวนาแล้วกูเก่ง ไม่ถูกต้อง ต้องภาวนาแล้วเห็นกิเลส - ภาวนาแล้วจิตจะไปสู่ความเป็นกลาง - จงใจภาวนาเป็นภพ (คือ)ภพนักปฏิบัติ - จิตเป็นกลาง คือ ไม่หลงยินดี ไม่หลงยินร้าย - ใจถึงๆ กล้าปล่อยให้ใจทำงาน โดยไม่บังคับ ไม่กด - ถ้าเพ่งเบาๆ ก็เคลิ้ม เพ่งแรงๆ ก็เครียด - สติ คือ เครื่องระลึกรู้ของความมีอยู่ของกาย ความมีอยู่ของใจ - เวลาทำอกุศลมากๆ จะรู้สึกถึงก้อนอะไรก้อนหนึ่ง เหนียวหนา - อย่าไปเริ่มจากราบๆ(เรียบๆ) ให้เริ่มนับหนึ่งมีสติรู้กายรู้ใจทุกครั้ง - น้อมใจว่าง ใช้ไม่ได้ - เรียนเยอะไป ไม่ดีตรงที่คาดหวัง - สมาธิ ความตั้งมั่น ไม่เพ่ง แต่รู้อารมณ์ด้วยความรู้ตื่นเบิกบาน เป็นผู้รู้ผู้ดู ไม่ใหลตามอารมณ์
Create Date : 02 กรกฎาคม 2554 | | |
Last Update : 2 กรกฎาคม 2554 6:45:11 น. |
Counter : 406 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
บันทึกธรรม - หน้า 13
- สภาวะ กิเลสปรุงจิต จิตปรุงกิเลส - หัดดูสภาวะบ่อยๆ แล้วสติจะเกิดบ่อย - ปกติ จิตขึ้นรับอารมณ์แล้วจะดับไปขณะหนึ่ง - เวลาที่จิตมีกิเลสขึ้นมา ถ้าเราไม่ไปตกใจซะก่อน จิตกำลังมีจุดอ่อนให้เราเห็น - ถ้าไม่ตั้งใจรู้จะรู้จริง ถ้าตั้งใจรู้จะรู้ไม่จริง - จิต ส่ายไปมา เพราะอยากได้ความสุข หนีทุกข์ เหมือนว่าวที่ไม่ติดลมบน ถ้าอยู่ในอารมณ์เดียวจะนิ่งเหมือนติดลมบน เป็นสมถะ - สมถกรรมฐาน ไม่ใช่น้อมใจให้สงบ แต่ให้ใจอยู่ในอารมณ์ที่มีความสุข ควรเลือกอารมณ์ที่เกื้อกูลต่อการเจริญปัญญา คือเกี่ยวเนื่องด้วยกายด้วยใจ ไม่ออกนอกได้ง่าย - เมื่ออยู่ในความสงบอย่าบังคับให้จิตถอน ให้จิตถอนเอง ถอนแล้วให้เจริญปัญญาต่อไป แต่ถ้าจิตติดความสงบจะซึมๆ ให้หาอะไรทำไม่ให้จิตติดสงบ เช่นพิจารณากาย - รู้เพื่อจะรู้ ไม่ใช่รู้เพื่อจะละ - คนที่จิตตื่น จะตื่นๆหลับๆ จิตพระอรหันต์ ตื่นแล้วตื่นเลย - รู้ จะรู้แป๊บเดียว เหมือนแมลงปอโฉบผิวน้ำ - ถ้ารู้ถึงการมีอยู่ของกายของใจ เรียกว่า มีสติ แต่ถ้ารู้ด้วยว่ากายใจนี้เป็นไตรลักษณ์ เรียกว่ามีทั้งสติและปัญญา - ความรู้สึกว่ามีตัวเรา สภาวะนี้เรียกว่าตัวเรา ถ้าแยกสภาวะออกไป จะเห็นว่าไม่มีเรา - ไม่ต้องคิดว่าจิตไม่ใช่เรา ให้หัดมีสติรู้กายรู้ใจไป วันหนึ่งมันจะเฉลียวมาเห็นเอง - ตั้งใจตื่น ใช้ไม่ได้ มีโลภะ - เห็นจิตแตกต่างกัน เรียกว่าเห็นจิตเกิดดับ เห็นช่องว่างคั่น - ปฏิบัติ เว้นวรรคไม่ได้ ให้ปฏิบัติเป็นปกติ จะเห็นการเจริญแล้วเสื่อม - ไปรู้ไปเห็นอะไร ไม่สำคัญ แต่เห็นแล้วจิตเราเป็นอย่างไร ตรงนี้สำคัญ - ก่อนจะดู อย่าอยาก ให้รู้สึกก่อนแล้วค่อยดู - ถ้าเพ่งอยู่ กี่ปีกี่ปี มันก็อยู่อย่างนั้น - จิตรวม คล้ายมันตัดการรับรู้ภายนอก เหลือแต่รู้ตัวภายใน - พอรู้ตัวเป็น กิเลสมากขึ้น แต่เบาลง - โทสะ มักจะเกิดตามหลังทุกขเวทนา ( ราคะ มักเกิดตามหลัง สุขเวทนา ) - ไม่ว่าจะทำอะไร รากเหง้ามันคือ อวิชชา หน้าที่ของเราคือรู้ทันจิต ไม่ใช่ไปดัดแปลงมัน - ไม่ต้องคิดหรอกว่า ภาวนาอย่างไรจึงจะถูก - รู้เท่าที่รู้ได้ ไม่ต้องรีบร้อนไปรู้เท่าพระอรหันต์ - พอเห็นสภาวะ มักจะใหลเข้าไปจ้อง เรียกจิตไม่ถึงฐาน - อดทนไว้ ยิ่งฉลาดยิ่งค้นคว้ามาก ยิ่งห่างไกล - ก่อนรู้อย่าอยาก ระหว่างรู้อย่าอยากรู้ให้ชัด(จะ)ถลำลงไปจ้อง รู้แล้วอย่าไปแทรกแซง - พระพุทธเจ้า ไม่ได้สอนให้หนีทุกข์ ละทุกข์ แต่สอนให้รู้ทุกข์ - พระอรหันต์ ธาตุรู้ซึมซ่านซึมแทรกไปกับทุกสิ่ง
Create Date : 17 มิถุนายน 2554 | | |
Last Update : 17 มิถุนายน 2554 18:29:35 น. |
Counter : 400 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
บันทึกธรรม - หน้า 12
- มหากิริยาจิต นั้นไม่เที่ยง แต่เกิดขึ้นมาทีไร ก็เป็นจิตที่ไม่ทุกข์ เป็นธรรมะที่อัศจรรย์ เป็นความสุขที่มหาศาล จนธาตุขันธ์แทบทนไม่ไหว - เวลาเข้าฌาน ไม่ขาดสติ มีสติรู้ตลอดสาย - ไม่มีใครทำวิปัสสนารวดเดียวได้ จิตจะพลิกไปมา แต่สมถะมีรวดเดียว - หัวใจของกรรมฐาน คือ มีสติรู้กายรู้ใจในชีวิตประจำวัน จะยืนจะเดินจะนั่งจะนอน รู้สึกตัว - ผู้ปฎิบัติ พลาดตรงชอบไปกดไว้ ไม่ต้องกลัวกิเลส ถือศีล 5 แล้ว ดูมันไป - วิธีดูเวทนา ไม่ใช่ดูเพื่อให้หายเวทนา แต่ดูให้เห็นว่าเวทนาส่วนเวทนา ไม่ใช่จิต - ดูจิต ไม่ต้องรู้ชัด - วิธีดูว่าบังคับจิตหรือเปล่า ให้ดูว่าย้อนมาแล้วแน่นๆหรือเปล่า - เวลาเกิดความอยาก ใจจะถูกบีบเค้นทันที - วันใดเห็นกายเห็นใจเป็นก้อนทุกข์ มันจะคว้างทิ้งเอง เห็นกายนี้จิตนี้เป็นทุกข์ล้วนๆ ไม่ทุกข์บ้างสุขบ้าง มีแต่ทุกข์เกิดขึ้น มึแต่ทุกข์ตั้งอยู่ มีแต่ทุกข์ดับไป - จิตพระอรหันต์ต่างกับเราตรงที่ เวทนาย้อมใจท่านไม่ได้ - ถ้าไม่รู้วิธีพัฒนาตนเอง หมื่นปีนิสัยก็ยังไม่เปลี่ยน - ตราบใดที่เรายังผลักอารมณ์ จิตจะยังเกาะกับอารมณ์ เช่นเราผลักเสา มือเราก็ยังติดกับเสา - ตัวจิตแท้ๆ ดูไม่ได้ การดูจิตไม่ได้ดูที่จิต ให้ดูที่อารมณ์ - ยิ่งรีบยิ่งช้า ยิ่งขี้เกียจยิ่งไม่ถึง - ถ้ามีสัมมาสติ และ สัมมาสมาธิที่แท้จริง จะเห็นไตรลักษณ์เอง ไม่ต้องไปกำหนดเห็น - กรรมฐาน เริ่มต้นด้วยการ หัดดูสภาวะ - เริ่มต้นให้แรงนิดนึง พอคลายจะพอดี ถ้าเริ่มต้นเบามันจะลืมไปเลย - ภาวนา ตอนที่บรรลุ เป็นช่วงที่ไม่ได้จงใจอะไร ให้ภาวนาเพราะว่าสมควรจะภาวนา - ขณะเกิดสติ ถ้ามีสัมมาสมาธิ จิตตั้งมั่นจะมีปัญญา - ไม่ทำอะไร คือ ทำแค่มีสติ รู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง ด้วยความตั้งมั่น เป็นกลาง ไม่ทำอย่างอื่น ไม่ใช่ไม่ทำอะไรเลย - เพ่งมันทำไม เสียเวลา - ให้รู้ทัน นิดๆหน่อยๆ ก็ต้องรู้ - อาศัยการสะสม(ภาวนา) ด้วยการจงใจ จนกระทั่งหมดความจงใจ - ถ้าเกินจริง (แสดงว่า) ต้องแกล้งทำ - เรียนเพื่อให้เห็นความต่างของจิตแต่ละขณะ - คนภาวนาเป็น ช่วงที่มีความทุกข์จะภาวนากระปรี้กระเปร่าที่สุด พอผ่านมาได้จิตจะพัฒนาไปอีก - ไม่ให้เหลือตัวที่นิ่งๆ ให้มันเคลื่อนไหวทุกตัว - ฝึกเพื่อให้รู้ทันตัวเอง - จิตเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว เรียกว่าจิตฟุ้งซ่าน - สู้ไม่ไหวจริงๆ ถึงค่อยหนี ถ้าหนีตลอดจะแพ้ตลอด
Create Date : 27 พฤษภาคม 2554 | | |
Last Update : 27 พฤษภาคม 2554 21:12:55 น. |
Counter : 416 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
บันทึกธรรม - หน้า 11
- แค่รู้อย่างเดียวก็พอ ไม่ต้องดูไตรลักษณ์ มันจะเห็นเอง - โยนิโสนมัสสิการ สังเกตสภาวะเทียบเคียงกับคำสอนพระพุทธเจ้า - เป็นกลางโดยการทำขึ้นมา ไม่ใช่กลางจริง - การคิดนำ เหมือนกินยาแก้ปวด มันจะติดยา - คนจิตตื่น เห็นสภาวธรรม ผ่านมา ผ่านไป ไม่ใช่เรา - ตัวผู้รู้ ก็ไม่เที่ยง ไม่ต้องรักษา มันมีบ้างหายไปบ้าง ถ้าจงใจประคองผู้รู้จะหนัก - นิพพาน ไม่เกิดไม่ดับ มีอยู่ตลอด แต่เราไม่เห็น - อยากรู้ของจริง ต้องรู้กับปัจจุบัน - การเห็นไตรลักษณ์ ต้องเห็นที่กายใจของตนเอง ไม่ใช่ของคนอื่น - อนาลโย ไม่อาลัยอาวรณ์ในรูปนาม - เมื่อไหร่ สติเกิดขึ้น มันจะรักษาจิต เราไม่ต้องรักษา คือทันทีที่สติเกิด อกุศลจะดับ - เวลาที่เราหายใจตามปกติ เรียกว่าหายใจยาว - จิต มีธรรมชาติ ไหลไปตามความเคยชิน - จิตเป็นอนัตตา บังคับไม่ได้จริง แต่จิตเป็นธรรมชาติฝึกได้ - จิต เหมือนสุนัขจรจัด หิวหาอารมณ์ ไหลไปตามความเคยชิน เริ่มจากจุดเล็กๆ จนเคยชิน แล้วก็มากขึ้น - ก่อนจะมีปัญญาอัตโนมัติ ต้องมีสติอัตโนมัติก่อน - การที่มีแล้วไม่มี หรือ ไม่มีแล้วมีขึ้น คือ อนิจจัง, สิ่งมีอยู่ ไม่มีอยู่ตลอดไป คือ ทุกขัง - จิตที่เป็นผู้รู้ผู้ดู เรียกว่าจิตเป็นสมาธิ - กรรมฐาน ทั้งหลาย เป็นของที่ถูกรู้ถูกดู - ปัญญา เห็นไม่มีเราในขันธ์ 5 ไม่เห็นแบบพลุบๆโพล่ๆ - ฝึกในรูปแบบ ผู้รู้ผู้ดูจะเด่นขึ้นมา จิตมีกำลัง สติอัตโนมัติจะเกิดง่าย - เวลาฝึกสติ ถ้าเห็นเกิดดับ เป็นการฝึกวิปัสสนา แต่ถ้าจิตไม่มีแรงจิตจะจับกับอารมณ์เป็นสมถะ พลิกไปมาระหว่างสมถะและวิปัสสนา (ถ้าไม่ติดสมถะ) - ฝึกสมาธิ ถ้าเคลิ้ม (ถูก)โมหะแทรก ต้องไม่เอาเลย (เพราะ)เลิกแล้วโมหะจะติดออกมา - ถ้าเห็นกิเลสเกิดทั้งวัน ใช้ได้ ถ้าเพ่งจะไม่ค่อยเห็นกิเลส ใช้ไม่ได้ - จิตชอบเที่ยว ต้องหาอารมณ์ที่จิตชอบมาเป็นเหยื่อล่อให้จิตสงบ หรือ ให้รู้ทันศัตรู คือนิวรณ์ นิวรณ์จะหายไป จิตก็จะสงบ - แค่เห็นว่า สิ่งใดเกิดขึ้นสิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา ก็ถูกต้องแล้ว ไม่ต้องฉลาดไม่ต้องดี - จิตเคลื่อนไหวไปตามธรรมชาติ แต่มีสติรู้ทัน - พวกที่สงสัย ให้กล้าหาญ ยอมโง่ - ตอนที่ตาเห็นรูป เพ่งได้ หลายแบบ รูป ประสาทตา(อายตนะ) -จุดกระทบทางตา จิตที่เกิดที่ตา เป็นการแทรกแซงจิต - สักว่ารู้ เช่น เห็นสาวเกิดราคะ รู้ว่าเกิดราคะ ไม่ทำอะไรต่อดูมันต่อไป - วัฏจักร ไม่ได้อยู่ที่ไหน หมุนอยู่ในจิตเรานี่แหละ ถ้ารู้กายรู้ใจมากๆ วัฏจักรนี้จะคว่ำลง เกิดเป็นมหากิริยาจิต
Create Date : 05 พฤษภาคม 2554 | | |
Last Update : 28 พฤษภาคม 2554 21:23:57 น. |
Counter : 498 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
MY VIP Friend
|
|
|
|