พระประจำวันคำกลอน
พระประจำวัน(วันอาทิตย์-วันเสาร์).......ฐีติญาโณ
พระประจำวันอาทิตย์
พระประจำวัน
๐ แจ้งเหตุที่เกิดพระประจำวัน ชีวิตนั้นทุกชีวิตควรคิดไข
ทุกชีวิตมีวันเกิดกำเนิดใน เกิดทำไม?..ไยต้องเกิดกำเนิดมา??
แล้วอยู่เพื่ออะไร?ทำไมอยู่? ตายแล้วรู้บ้างไหม?ไปไหนหนา?
พระประจำวันคือสื่อชีวา ให้ศึกษาชีวิต....คิดใคร่ครวญ
ว่าทำไม?เกิดมาอยู่ไม่รู้จัก- วันเกิดจักรราศีฤดีหวน
วันเกิดของตัวเองเร่งคิดควร เกิดมาล้วนเพื่ออะไร?ในโลกนี้!!
พระพุทธรูปปางวันอาทิตย์ ทรงโสภิตธาตุไฟวิไลศรี
ปางถวายเนตรห้ามกาม...ห้ามกายี ห้ามเกิด-ที่ต้นเหตุ....กิเลสมาร
หากต้องการห้ามได้....ไปศึกษา พระพุทธาวันถัดไปใฝ่ประสาน
คือพระประจำวันจันทร์ประทาน อาทิตย์ท่านถวายเนตรวิเศษธรรม......
มนุษย์เกิดจากกามความรักใคร่ หากคิดได้จะชื่นชมว่าคมขำ
ถวายเนตรให้มีดวงตาเห็นธรรม เกิดจากกรรมของตนเกิดผลเอง
ทุกชีวิตเกิดจากกามคือความรัก ที่แน่นหนักจำเพาะอย่างเหมาะเหม็ง
ไม่รักใคร่ไม่กำเนิดใช่เกิดเอง โดยพุทธเพ่งลักษณะประทับยืน.......
ทำมือประสานไว้ในเบื้องหน้า ปิดทวาราเกิดตัดต้องขัดขืน
ไม่ให้เกิดชีวิตคิดคลายคืน เป็นผู้ตื่น-เห็นแจ้งโลกมีโชคชัย
มองเห็นภัยในการเกิดกำเนิดทุกข์ แก่-สิ้นสุข-เจ็บหนักแลตักษัย
ล้วนเป็นทุกข์เกิดกับกายร้ายเหลือใจ กามดับไปไม่เหลือแม้เชื้อแกน.....
ที่มา-เมื่อพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ ประทับอยู่ใต้ร่มโพธิ์สุโขแสน
เสวยวิมุติสุขเจ็ดทิวาออกมาแดน เหนือดินแผ่นนอกพฤกษามหาโพธิ์......
ประทับยืนกลางแจ้งแหล่งอุดร เป็นขั้นตอนแน่นหนักอยู่อักโข
ถึงเจ็ดวันทอดพระเนตรต้นโพธิ์ พระพุทโธไม่ขยิบกระพริบตา
เกิดอนิมิสสเจดีย์ที่ประทับ นิมิตสรรพมิ่งมงคลผลมหา
ถวายเนตรพระพุทธะจริยา เป็นที่มาแห่งตำนานการสร้างองค์ฯ......
พระพุทธรูปปางวันจันทร์อันวิสุทธิ์ ห้ามสมุทรห้ามใจไม่ประสงค์
อกุศลทั้งกุศลตัดพ้นปลง ทั้งตัดลงห้ามญาติถึงขาดรอน
ถ้าต้องการห้ามได้ไปศึกษา พระพุทธาปางวันอังคารที่ท่านสอน
วันจันทร์ปางห้ามสมุทรสุดอาทร แสนเร่าร้อนสมุทรหรือคือทะเล.......
เป็นที่เกิดแห่งชีวิตคิดว่าสุข ทะเลทุกข์ที่เรียกกันใช่หันเห
วันจันทร์คือธาตุดินถิ่นกาเม หลงเสน่ห์เวียนว่ายตายเกิดกัน.......
จิตเวียนวนจนเห็นเป็นวัฏฏะ ไร้จิตตะ...ไร้ชีวิตมิผิดผัน
ไร้ชีวิต....ไร้ทะเลทุกข์จบกัน การห้ามนั้นห้ามสมุทรเป็นสุดดี
ห้ามสมุทรคือการห้ามความยิ่งใหญ่ ยังห่างไกลห้ามญาติขลาดเป็นผี
ที่ใกล้ตัวต้องห้ามตัวเรานี้ ห้ามแล้วดีมีสุขไร้ทุกข์ครอง
ห้ามตัวเรายิ่งใหญ่กว่าใครหมด เกียรติปรากฏสุดดีไม่มีสอง
ยิ่งกว่าห้ามมหาสมุทรสุดคะนอง จันทร์-นวลผ่องคือ ใจ....แจ่มใสครัน
จิตเราเองมีสุขมีทุกข์สุด ห้ามสมุทรคือห้ามใจใช่เสกสรร
ห้ามสุข-ทุกข์ในตัวเรารู้เท่าทัน ชีวิตนั้นจึงพ้นทุกข์เป็นสุขจริง
อยู่สงบพบพระเย็นสะอาด จิตพิลาศเพริศพรายทั้งชายหญิง
ปราศจากเครื่องร้อยรัดเห็นสัจจริง สว่าง-นิ่ง-ดับเขลา-เบา-สบาย.......
ที่มา-ครั้งเกิดโรคะแพร่ระบาด อาละวาดแก้ไขก็ไม่หาย
ครั้งใหญ่ในเมืองไพศาลีมีคนตาย- กันมากมายเกลื่อนกลาดอนาถนอน
ร้อนถึงกษัตริย์ลิจฉวีที่ครองเมือง กราบทูลเรื่องพระพุทธองค์ทรงถ่ายถอน
อาราธนาให้มาโปรดไถ่โทษกรณ์ ให้เดือดร้อนโรคร้ายมลายลง
ทรงรับสั่งพระอานนท์สวดมนต์ช่วย เอื้ออำนวยด้วยคาถาผลานิสงส์
เจริญรัตนสูตรล้ำเลิศธำรง ประพรมส่งน้ำพระพุทธมนต์-
ไปทั่วรอบพระนครผ่อนโรคร้าย จนสิ้นหายบรรลุด้วยกุศล
ด้วยพุทธานุภาพองค์พระทรงพล พระคุณล้นปางห้ามญาติประกาศลือ.......
อีกชื่อหนึ่งรียกปางนามห้ามพยาธิ โรคระบาดยังหยุดได้มิใช่หรือ?
ห้ามสมุทรแลห้ามใจเพียงใช้มือ ไม่ยึดถือทุกสิ่ง.....ให้ทิ้ง-วาง.......
พระพุทธรูปปางวันอังคาร ปางนิพพานกายตัดไม่ขัดขวาง
ปางไสยาสน์ทั้งกาย-ใจ....ให้ละ-วาง คืน-ทุกอย่างสู่โลกเอาโชคชัย.......
วันอังคาร-ธาตุลมสมสะอาด สีห์ไสยาสน์นิพพาน....กาลสมัย
ทอดพระองค์ตะแคงขวามหาชัย เลิศวิไลสุดสง่า....นิพพานัง ฯ
ว่างจากเครื่องร้อยรัดตัดกิเลส สมุทเฉทปหานจัดการฝัง
อังคารคือชีวิตอนิจจัง ชีวิตยังต้องต่อสู้ทุกผู้คน
ชีวิตคือการต่อสู้อยู่กับทุกข์ สลับสุขแอบแฝงทุกแห่งหน
สู้กับการเป็นอยู่....สู้ความจน ความขัดสนอาหารและการกิน......
ที่อยู่อาศัย-ยารักษาโรค สู้กับโศกเสียงตำหนิเขาติฉิน
เครื่องนุ่งห่มแสวงหาคลุมกายิน ไม่หมดสิ้นการต่อสู้....ดูให้ดี
โอ้มนุษย์จุดสุดท้ายหมายหลุดพ้น ออกจากวนสังสารวัฏจรัสศรี
พ้นจากเครื่องร้อยรัดสิ้นไม่ยินดี ตายเป็นผีตัดกาย-ใจ....ได้ก็พ้น!!!
แต่เราจะทำอย่างไร?ไฉนเล่า? ให้รู้เท่าถึงความตายขยายผล
ต้องศึกษากายและใจในตัวตน เพื่อให้พ้น...ความยึดมั่นในสันดาน!!
ยังมีลมหายใจอยู่ให้รู้สึก พึงรำลึกถึงชีวังแลสังขาร
คิดถึงความตายให้มั่นนิรันดร์กาล ทุกลมผ่านเข้า-ออกทั้งนอก-ใน......
เพื่อมิให้หลงโลกหลงโศก-สุข หลงทนทุกข์หลงธรรมที่พร่ำไข
ไม่หลงกายลืมแก่....แน่หรือไร? ไม่หลงใจหลงชีวิตจงคิดดู......
ที่มา-เมื่อสมัยหนึ่งพระพุทธเจ้า ประทับเนาเชตวันอันเลิศหรู
ในกรุงสาวัตถี....ชมบรมครู อสุรินทราหูผู้สำคัญ-.......
ตนว่ามีกายร่างกว้างโตใหญ่ กว่าเทิดไท้พุทธองค์หลงเหยียดหยัน
ไม่ยอมแสดงความอ่อนน้อมอภิวันท์ พระทรงธรรม์ทรงเอ็นดูอสูรา......
หวังจะช่วยลดทิฐิอสูร จึงอังกูรนิรมิตกายให้ใหญ่กว่า-
จอมอสูรในท่าสนิทนอนนิทรา แล้วเทศนาธรรมโปรดประโยชน์ยัง
ในที่สุดอสุระละทิฏฐิ พลางดำริอ่อนน้อมยอมฝากฝัง-
ตนเป็นศิษย์บรมครูอดสูจัง จึงเรียกครั้งปางไสยาสน์ประกาศชัย.....
หรือเรียกปางโปรดอสุรินทราหู ช่วยอุ้มชูเสริมส่งหายหลงใหล
ปางนิพพานสุดท้ายวางกาย-ใจ คืนโลกไป...หลุดพ้นพบสงบเย็น......
พระพุทธรูปปางวันพุธ(กลางวัน) อุ้มบาตรนั้นปางนี้เราที่เห็น
ประทับยืนโปรดสัตว์ทรงจัดเจน ผู้รู้-เห็นช่วยโลกดับโศกซม
เป็นผู้ช่วยผู้อื่นทั่วพื้นหล้า ทรงเมตตาสอนธรรมด้วยให้สวยสม
ให้เป็นผู้เสียสละประชาคม โลกนิยมพุทธะปางพุธกลางวัน
เกิดวันพุธกลางวันนั้นธาตุน้ำ พุทธะนำโพธิจิตมิผิดผัน
ปางอุ้มบาตรพุทธะหรือ?คือเท่าทัน ดวงจิตนั้นคือผู้รู้ทุกครู่ยาม.......
พุทธะ คือ จิตผู้รู้แจ้งโลก อำนวยโชคโปรดสัตว์กำจัดหนาม
ถางกิเลสอนุสัยให้งดงาม เฝ้าติดตามช่วยเหลือและเจือจุน
อุ้มบาตร คือ อุ้มโลกแลช่วยโลก กับทุกข์โศกพุทธธรรมช่วยนำหนุน
เสียสละเผื่อแผ่แน่วแน่บุญ ทรงการุณย์ช่วยผู้อื่นให้ชื่นบาน
วันพุธเป็นธาตุน้ำโดยธรรมชาติ ต้องไหลลาดลงทางต่ำฉ่ำประสาน
เพื่อช่วยเหลือผู้ต่ำกว่าพยาบาล ได้รับญาณแสงสว่างหนทางมี.......
แสงสว่าง-ญาณนิยาม คือ ความร้อน โง่เสียก่อนแล้วจึงรู้เชิดชูศรี
ร้อนก็ขึ้นสูงได้เป็นไรมี วันพุธนี้คือผู้รู้ตัวอยู่ทั่วพร้อม!!!
เป็นผู้รู้-ผู้ตื่น-ผู้เบิกบาน นิรันดร์กาลคือพุทธะสุดถนอม
เป็นพุทธา-พุทโธ-จิตโพธิ์พร้อม พุทเธย้อมใจคน....ล้นเมตตา
ที่มา-ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์ ท่านได้ทรงแสดงธรรมฉ่ำหรรษา
โปรดพระญาติที่สุดพุทธบิดา เหล่าคณาญาติแช่มชื่นระรื่นใจ
โสมนัสจนลืมอาราธนา รับภัตตาหารเช้าเปล่าไฉน......
ในราชวังอารามที่ต่างดีใจ ไม่มีใครได้คิดสักนิดเลย......
วันรุ่งขึ้นจึงพระพุทธเจ้า เสด็จเข้ารับบิณฑบาตประกาศเผย
กบิลพัสดุ์ทั่วกรุงเฟื่องฟุ้งเลย ชนไม่เคยเป็นครั้งแรกแปลกใจจัง
ได้เฝ้าชมบรมวงศ์ทรงอุ้มบาตร พุทธลีลาศโปรดสัตว์ปัถมัง
เพิ่มปีติชนไปทั่วในรั้ววัง เป็นสัจจังปางอุ้มบาตรประกาศธรรม........
พระพุทธรูปวันพุธ(กลางคืน) พระจิตชื่นรื่นรมย์แลคมขำ
ราตรีปางป่าเลไลยก์ซึ้งในธรรม ทรงโน้มนำเปิดหนทางสอนช้าง-ลิง!!
จิต คือ พระพุทธฉายสอนกาย(ช้าง) สอนใจบ้าง(วานร)ตอนยุ่งขิง
ใจหลุกหลิกพลิกผันง่ายก็คล้ายลิง จับ-ยึดสิ่งสารพัน.....ทุกวันคืน
พุธ(กลางคืน)-ธาตุลมพัดพรมอยู่ คือผู้รู้มีมานะสุดจะฝืน
มีทิฏฐิไม่เชื่อฟังใครยั่งยืน สอนผู้อื่นไม่ได้แปลกใจจัง!!
ด้วยความมืดอวิชชามาปิดกั้น เป็นเครื่องคั่นคุกคามดับความหวัง
ติดอัตตา-ตัวตนเวียนวนวัง เครื่องกำบังแน่นหนากว่ากำแพง
สอนตัวเองก่อนดีกว่าข้าป่าไป ตนมีใจเป็นบริวารหาญกำแหง
คือ ลิง-ผู้รับใช้ไวเรี่ยวแรง กุญชรแกร่ง....เป็นพาหะให้สบาย.......
มีจิต เป็นพุทธะละอาทร คอยสั่งสอนลิง-ช้างไม่ห่างหาย
แม้ช้าง-ลิงสอนได้ฝึกนึกละอาย เมื่อสอนกายตนไม่ได้เข้าไพรวัน!!
เฝ้าฝึกสอนตนเองให้เก่งกล้า เกิดปัญญายิ่งใหญ่ดั่งใจฝัน
สอนตนเองได้แล้วไม่แคล้วกัน ผู้อื่นนั้นย่อมสอนได้ไม่ยากเย็น......
ที่มา-ในสมัยพุทธกาล ณ เมืองผ่านโกสัมพีชี้ให้เห็น
พระภิกษุสององค์ปลงไม่เป็น เกิดลำเค็ญวิวาทกันลือลั่นไป
พระวินัยธร-ธรรมธร(ธรรมกถึก) ขาดสำนึกมีบริวารมากขานไข
รูปละห้าร้อยองค์เสริมส่งไป ได้อาศัยอยู่ในวัดโฆษิตาราม
ทะเลาะกันเหมือนเด็กๆเรื่องเล็กน้อย เป็นเรื่องย่อยพุทธองค์ไม่ทรงถาม
ด้วยพระองค์ทรงทราบก่อบาปทราม ทรงตรัสห้ามถึงสามครั้งไม่ฟังเลย!!
ทั้งสององค์ไม่ปฏิบัติขืนขัดข้อง พระองค์ต้องเสด็จหนียากที่เฉย
ออกไปจำพรรษาในป่าเลย ชื่อชื่นเชยรักชิตวันอันสบาย
พญาช้างป่าลิไลยก์ดีใจยิ่ง พญาลิง....ปรนนิบัติจัดถวาย
อาหาร-ผลไม้ป้องกันอันตราย มิย่ำกรายพระพุทเธทุกเวลา......
พระอานนท์พุทธอุปัฏฐาก ทูลเสด็จจากไพรวันออกพรรษา
สู่เมืองโกสัมพีพุทธลีลา จึงเรียกว่าป่าเลไลยก์ปางไพรพง
พระพุทธรูปวันพระพฤหัสบดี คือจิต ที่สงบนิ่งปราศสิ่งหลง
เรียกว่าปางสมาธิดำริปลง จิตมั่นคง-เยือกเย็นมิเว้นวัน.......
จิตสงบพบความจริงทุกสิ่งสรรพ ชีวิตกับธรรมชาติไม่คาดฝัน
รู้ความจริงแห่งชีวิตที่ติดพัน เป็นสามัญ-ธรรมดาทุกคราไป......
จึงสามารถพูดสั่งสอนนิกรชน รู้เหตุผลความจริงสิ่งสงสัย
พฤหัสบดี-ธาตุดินศีลคู่ใจ ผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้รู้เป็นครูคน
เพราะเป็นผู้รู้จริงทุกสิ่งผ่าน ประสบการณ์จากตัวรู้นำสู่ผล
ใช่จำ-อ่าน-เรียน-สอนได้ผ่อนปรน หยุดแล้วพ้นความวุ่นวายทลายลง
ปางสมาธิ คือ หยุดถึงพุทธะ หยุดพบพระ-ความจริงดับสิ่งหลง
ปางตรัสรู้-จากตัวรู้ผู้ยิ่งยง ตัวรู้คง คือ จิตสนิทเนา......
ตัวถูกรู้ คือ ใจตนที่ค้นพบ มันซ่อนหลบคือความจำก่อกรรมเขลา
รู้จริงจากพุทธะละความเมา จิต-กายเบาทุกเวลาเป็นสามัญ
ที่มา-หลังจากพระพุทธองค์ กำราบลงพญามารดับสานฝัน
พระองค์ตั้งพระทัยในไพรวัน เจริญมั่นสมาธิสติพูน
จนบรรลุฌานญาณขั้นต่างๆ ถึงสุดทางสุญญตาเมื่อคราสูญ
บรรลุอนุตรโพธิญาณผ่านจำรูญ ถึงอังกูรแห่งธรรมเป็นสัมมา-
สัมพุทธเจ้าเช้าเพ็ญคราสิบห้าค่ำ- เดือนหกย่ำเปี่ยมสติวิสาขา
จึงเรียกปางสมาธิดำริมา วันวิสาขบูชาพุทธาครอง
พระพุทธรูปวันศุกร์(ปางรำพึง) ณ จุดหนึ่ง คือ ความพอ..... ไม่ก่อหมอง
คือจุดยืนของมนุษย์ที่สุดปอง อยู่เพียงครองความพอก็ร่มเย็น
คือ พอกายและพอใจในสรรพสิ่ง ในความจริงอันแท้ที่แลเห็น
วันศุกร์ คือ ธาตุน้ำอันฉ่ำเย็น ลักษณะเด่นปางรำพึงลึกซึ้งจริง
มือทาบหน้าอกไขว้ต้องทั้งสองข้าง ขวาทาบทางอกซ้ายทั้งชายหญิง
รำพึงว่ากรรมที่งามเป็นความจริง สุขทุกสิ่งเกิดจากใจใช่อื่นเลย......
ส่วนมือซ้ายทาบทางอกข้างขวา ใจอยู่กับกายาวางท่าเฉย
หากใจพอ-กายก็สุขไม่ทุกข์เลย นี้เปิดเผยจุดยืนคนพ้นภัยพาล
ที่มา-หลังตรัสรู้ได้ไม่นานนัก ทรงตระหนักใต้ต้นไทรพลางไขขาน
ทรงรำพึงธรรมตรัสรู้อยู่เป็นนาน สุดประมาณยากลึกซึ้งพึงเข้าใจ.........
ทรงรู้สึกอ่อนพระทัยในการโปรด ยังประโยชน์เวไนยสัตว์นิรัติศัย
แต่เพราะกรุณายิ่งกว่าใคร จึงทรงได้พิจารณาบารมี
เห็นว่าสรรพสัตว์บารมีที่ต่างกัน ตามภูมิชั้นบำเพ็ญมาจักรราศี
แล้วดำริแสดงธรรมฉ่ำธาตรี จึงเกิดมีปางรำพึงเพียงหนึ่งเดียว.......
พระพุทธรูปวันเสาร์(ปางนาคปรก) เพราะเสาร์ยกธาตุไฟให้เฉลียว
คือ สุดท้ายของมนุษย์เพียงจุดเดียว ต้องเด็ดเดี่ยวคือความเห็นดี-เด่น-ดัง........
คือ ความเห็นที่ถูกต้องมองให้ซึ้ง มีเพียงหนึ่งแต่องค์เจ็ดสำเร็จหวัง
เรียกสัมมาทิฏฐิดำริดัง คือ จิตตั้งไว้ตรงองค์สัมมาฯ
องค์เจ็ดคือความสำเร็จนาคเจ็ดเศียร ปัญญาเพียรรักษาจิตสนิทหนา
ทุกชีวิตต้องมีในชีวา คือพุทธาพระพุทธสุดสำคัญ
เพราะเสาร์ปางนาคปรกยกธาตุไฟ เมื่อจอมไท้ทรงบำเพ็ญเด่นแข็งขัน
พญามารมากรบกวนปั่นป่วนครัน น้ำท่วมพลันเนรมิตทำบิดเบือน
ให้ฝนตกไหลบ่าหลั่งมามาก พญานาคผู้ยิ่งใหญ่กว่าใครเหมือน
มีเจ็ดเศียรรักษาเข้ามาเยือน หมายเสมือนจิตพุทธะจะบำเพ็ญ-
ต้องอาศัยปัญญาสัมมาทิฏฐิ เปี่ยมสติมีองค์เจ็ดสำเร็จเห็น
คือแสงสว่างแห่งจิตพินิจเป็น คือใจเห็น-เกิดปัญญารักษาตน......
มีปัญญารักษ์จิตตนพ้นกิเลส ตัณหาเหตุพญามารบันดาลผล
ต้องยับย่อยเหือดหายวอดวายจน จิตหลุดพ้นจากตัณหา-อุปาทาน
ที่มา-ครั้งเมื่อพระพุทธเจ้า ประทับเนาเสวยวิมุติพุทธสังขาร
ใต้ต้นจิก(มุจจรินทร์)ถิ่นพุทธกาล ฝนตกนานอยู่เจ็ดวันน้ำธารนอง.......
พญานาคมุจจรินทร์ปิ่นนาคราช แทบพระบาทพระพุทธเจ้ามิเศร้าหมอง
เลื้อยมาทำขนดล้อมองค์อ้อมครอง เข้าปกป้องไว้เบื้องบนกั้นฝนบัง
แผ่พังพาบเจ็ดชั้นเหมือนกั้นฉัตร ฝนสาดซัดมิได้ไม่มีหวัง
จึงเรียกว่าปางนาคปรกยกให้ฟัง สติตั้งมีปัญญารักษากาย ฯ......