Group Blog
 
All Blogs
 
IPSC; พึงสละความถือตัว ลงมาบ้างดีไหม?

IPSC; พึงสละความถือตัว  ลงมาบ้างดีไหม?




Free TextEditor





------------------------------------

ผมเพิ่งจะมาอยู่ในวงการipscได้ไม่นานมากนัก ด้วยใจที่รักกีฬาประเภทนี้ เข้ามาแล้วก้รักสังคมipsc รักชาวipsc และเท่าที่สังเกตนักกีฬาส่วนใหญ่ก็คงคิดไม่แตกต่างกับผมในเรื่องที่กล่าวมานี้ คือ เรารักipscและชาวipsc

ดังนั้น ด้วยความรักนี่เองจึงมีเรื่องราวบางเรื่องบางประการนำเสนอชาวipscเพื่อเป็นแนวทางในการที่จะทำให้วงการipscมีความรักความสามัคคีต่อกันมากยิ่งขึ้นไป คือ เรื่องการสละความถือตัว

ลองอ่านบทความที่ยกมาข้างล่างนี้ดูนะครับ พิจารณาดูดีๆจับพฤติกรรมของเรา/เขาดู แล้วท่านจะรู้ว่าเรา/เขาถือตัวมากน้อยแค่ไหน เเรา/เขา มีปมเด่น ปมด้อยอย่างไร หรือ ทำไมเจอคนนี้แล้วสบายใจ เจอคนนั้นแล้วต้องแสดงปมเขื่อง เป็นต้น

ดังนี้..

พึงสละความถือตัว
ความถือตัวแปลมาจากคำว่า
"มานะ" แปลอีกอย่างหนึ่งว่า ความทะนงตน

ส่วนมานะที่คนทั่วไปใช้ เช่น "จงมานะพยายาม" นั้นไม่ใช่มานะที่กำลังพูดถึงในที่นี้ เพราะเป็นคำมีความหมายเพี้ยนไป คนไทยเข้าใจความหมายไปอีกทางหนึ่งว่า "พยายาม"

ท่านสอนไม่ให้มีมานะว่า สูงกว่าเขา เสมอเขา หรือต่ำกว่าเขา

เพราะเมื่อถือตัวว่าเราสูงกว่าก็ทำให้ดูหมิ่นเขา
เมื่อถือตัวว่าต่ำกว่าเขา ก็อาจริษยาเขา หรือแสดงอาการน้อยเนื้อต่ำใจ
เมื่อถือตัวว่าเสมอเขาก็อาจเป็นเหตุให้แข่งดีกัน แก่งแย่งกัน ชิงกันเป็นใหญ่หรือยกตนให้เด่น

ธรรมดามีอยู่ว่า ไม่มีใครที่สูงกว่าผู้อื่น หรือมีความรู้ความสามารถดีกว่าผู้อื่นโดยประการทั้งปวง อาจเป็นอย่างนั้นได้คือสูงกว่าหรือมีความรู้ความสามารถมากกว่าก็เพียงในด้านใดด้านหนึ่ง คือในบางเรื่องเท่านั้น เช่น

ก. มีความสามารถกว่า ข. ในเรื่องดนตรี แต่ข. มีความสามารถมากกว่า ก. ในด้านงานเกษตร

ดังนี้เป็นต้น แม้คนที่ทำงานอยู่ด้วยกัน เป็นนายเป็นลูกน้องของกันและกัน ก็มิได้หมายความว่า นายจะมีความสามารถเหนือลูกน้องไปทุกด้าน นายอาจมีความสามารถในด้านบริหาร แต่เมื่อต้องพิมพ์หนังสือราชการ นายอาจสู้เสมียนพิมพ์ไม่ได้ หรือเมื่อต้องกวาดสำนักงาน ล้างส้วม นายอาจทำให้ดีเท่าภารโรงไม่ได้ ดังนี้เป็นต้น

คนเรามีความรู้ความสามารถกันไปคนละอย่าง เมื่อรวมกันเข้าจึงนำภาระของสังคมไปได้ เปรียบเหมือนอวัยวะน้อยใหญ่ในตัวคน ทำให้คนเป็นคนอยู่ได้
เพราะฉะนั้น จึงไม่ควรดูหมิ่นเหยียดหยามกัน
ควรเห็นว่า ทุกคนทำหน้าที่ของตนเพื่อจรรโลงสังคมให้อยู่เย็นเป็นสุขต่อไป

โดยปกติ สัตวโลกมีอัสมิมานะ หรือมานะ ด้วยกันทุกคน โดยปริยายเบื้องสูง หมายถึงความสำคัญมั่นหมายว่าเป็นเรา ตัวเรา หรือที่ท่านเรียกตามสำนวนจิตวิทยาว่า
"ปมเขื่อง - superior complex"

พูดอย่างท่านแอดเลอร์ (นักจิตวิทยา ศิษย์ของซิกมันต์ ฟรอยด์) ก็ว่า
มีความรู้สึกที่จะทำตัวให้เด่น เมื่อใดการทำตนให้เด่นนั้น ถูกกีดขวางไม่ให้ดำเนินไป

เมื่อนั้นปมด้อยก็เกิดขึ้น อันที่จริงปมด้อยก็มิใช่อะไรอื่น
มันคือปมเขื่องที่ลดลงนั่นเอง
เหมือนความเย็นคือความร้อนที่ลดลง

คนมีปมด้อยในเรื่องใด มิได้หมายความว่า ปมเขื่องในเรื่องนั้นของเขาจะไม่มี แต่มีอยู่น้อย
เราจะเห็นได้ว่า เมื่อไปเจอคนที่มีปมด้อยในเรื่องนั้นกว่า เขากลับแสดงปมเขื่องได้ทันที
ตัวอย่างนักเรียนภาษาอังกฤษ
เมื่ออยู่ต่อหน้าครูผู้สอนภาษาอังกฤษ เขาจะรู้สึกด้อย เพราะความรู้ในภาษาอังกฤษของเขาสู้ครูไม่ได้
แต่พอลับหน้าครู ได้อยู่ในหมู่นักเรียนชั้นต่ำกว่า เขากลับมีปมเขื่องในเรื่องภาษาอังกฤษ เพราะสามารถทำตนให้เด่นได้ อธิบายให้นักเรียนชั้นต่ำกว่าฟังได้อย่างภาคภูมิ
นี่แสดงว่า ปมด้อยก็คือปมเขื่องที่ลดลงนั่นเอง

มิตรสหายที่คบกันอยู่ได้นาน และต่างถูกอกถูกใจกันนั้น ก็เพราะต่างฝ่ายต่างก็หล่อเลี้ยงอัสมิมานะ หรือปมเขื่องของกันและกันไว้ได้

ถ้ายิ่งฝ่ายใดยอมลดตนลงให้ ego ของอีกฝ่ายหนึ่งเด่นขึ้นมากเท่าใด ก็จะยิ่งเป็นที่รักที่ปรานีของฝ่ายนั้นมากขึ้นเท่านั้น

แต่ถ้าใครไปข่มอัสมิมานะ หรือปมเขื่องของเขาเข้าโดยที่เขาไม่ได้ยินยอมเอง เขาก็จะต้องเจ็บใจเห็นเป็นว่า ดูถูกันและต้องเลิกคบกัน
ท่านจะเห็นว่ามานะมีความหมายในชีวิตมนุษย์และสัตว์เพียงใด

ท่านพุทธทาส ภิกฺขุ (อินทปัญโญ) ได้กล่าวไว้ในเรื่อง
"ปมเขื่องส่วนที่เกี่ยวกับการประกอบกรรมชั่ว" ตอนหนึ่งว่า
"อัสมิมานะ หรือความรู้สึกที่เป็นตัว "ปมเขื่อง" อันนี้เอง เป็นมูลเหตุอันสำคัญชั้นรวมยอดของการทำความชั่ว การทำความดี หรือทั้งทำบุญและทำบาป แต่เป็นความตรงกันข้ามกับการเข้าถึงพุทธธรรมหรือนิพพาโดยตรง"

ด้วยเหตุนี้เอง พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้สละเสีย มันเป็นกิเลสอย่างหนึ่ง สละเสียได้แล้วจะมีความสุข ดังที่พระองค์ทรงเปล่งอุทานเมื่อตรัสรู้ใหม่ๆ ว่า

"อสฺมิมานสฺส วินโย เอตํ เว ปรมํ สุขํ - สละอัสมิ มานะเสียได้นั่นแลเป็นบรมสุข"

คนที่ต้องทะเลาะวิวาทกัน ต้องรบราฆ่าฟันกัน ก็เพราะกิเลสตัวนี้เป็นมูลเดิม ถ้าละมันได้อย่างที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ละได้ก็จะมีความสุขอย่างยิ่ง ไม่ต้องเดือดร้อนด้วยเรื่องของโลกใดๆ

(โดย.. อ. วศิน อินทสระ)

------------------------

การทำอะไรให้กับวงการก็มีหลายๆช่องทางที่จะช่วยกันทำ ตามความสะดวก ความชอบ ความสนใจ ความพร้อม และความถนัดของแต่ละคน ..แต่ที่สำคัญทำแล้วอย่าทวงหรืออย่ามาถือเป็นบุญคุณที่คนในวงการจะต้องตอบแทน สบยยอม ยกย่อง เพราะไม่มีใครเขาใช้ให้ไปทำ เราทำเองด้วยความสมัครใจ!


ใคร...ที่ทำดีเพื่อวงการอยู่แล้วก็ทำให้มากๆยิ่งๆขึ้น เชื่อว่าคนในวงการต่างก็มองเห็นและพร้อมใจกันปรบมือให้ เพราะให้เกียรติในความเสียสละเพื่อส่วนรวมของท่าน



ใคร...ที่ชอบแสดงปมเขื่องไปในทางที่อาจจะทำให้สังคมipscดูกระจอก หยาบช้า กักขฬะ สถุล ไร้สาระ ฯลฯ หรืออะไรต่างๆในทางลบ จนอาจจะทำให้เกิด ความเสื่อมเสีย/ขัดแย้ง/แตกแยก ขึ้นในวงการนั้น .. คงจะต้องรีบปรับปรุงตัว เพราะเมื่อคนเขาอ่านบทความนี้แล้วก็จะรู้ว่า..ถึงแม้จะมีความพร้อมทางโลกมากพอสมควร แต่ที่แทัคุณก็คือ คนที่มี..ปมด้อย..ในบางเรื่องราวตนหนึ่งเท่านั่นเอง! และเชื่อเถอะว่าแม้เราไม่ทำก็จะมีคนอื่นมาทำได้อยู่แล้ว ดีไม่ดีอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ

ช่วยกันครับเพื่อวงการipsc ให้สมกับที่เรากล่าวว่า..เรารักipsc..






Uploaded with ImageShack.us>

------------------------


Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2554 12:53:26 น. 0 comments
Counter : 1419 Pageviews.

SUER
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 27 คน [?]




เป็นนักกีฬายิงปืนIPSC และเป็นสมาชิก...

1.สมาคมกีฬายิงปืนรณยุทธไทย(THPSA) ตั้งแต่ 25 ธ.ค.48-ปัจจุบัน
2.Thailand IPSC Shooting Association (TISA) ตั้งแต่ 10 มกราคม 2553
3.ชมรมกีฬายิงปืนสโมสรข้าราชการศูนย์รักษาความปลอดภัย(ศรภ.)
4.NAVAMINDRAJINEE SHOOTING RANGE

การยิงปืน..
1.เรียนยิงปืนพกสั้นเบื่องต้น กับ พล.ต.ท.จารักษ์ แสงทวีป

2.เรียนยิงIPSC กับ คุณเฉลิมชัย บุญคุ้มสวัสดิ์ เป็นหลัก

--

Tanapol Chutmas

Create Your Badge --*
widget free counters
Contact Email: ctanapol@yahoo.com
-- world map hits counter
map counter
Friends' blogs
[Add SUER's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.