โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย

จับวัยทีน...ให้อยู่หมัด!!!

'วัยทีน' ขุมทรัพย์กำลังซื้อที่หลายสินค้า "ขอเมิน" แต่บางส่วนอยาก "กระโจน" เข้าหา เหตุเพราะจุดอ่อนอารมณ์ที่ปรับเปลี่ยนง่าย และจับทางได้ยาก แต่นาทีนี้คงเร็วเกินไปที่จะมองข้าม เพราะหากสินค้าใด รู้ช่องทาง "จับใจ" และ "เจาะต้องการ" ได้อยู่หมัด การันตีได้เลยว่า ...คุณจะ "ลอยลำ" และ "กินยาว" แบบไร้คู่แข่ง



การปรับขบวนไป-มาของสินค้าและบริการ จากคนรุ่นใหญ่สู่วัยรุ่น และโน้มเอียงหาวัยทีน (18-25 ปี ) และ พรี-ทีน (12-18 ปี) ทดแทน "รุ่นใหญ่" ที่เริ่มพอเพียงในชีวิตและยากที่จะกระตุ้นความต้องการเพื่อเรียกกำลังซื้อ

แต่ละเจเนอเรชั่นที่ถูกแบ่งแยกตามประชากรศาสตร์ ล้วนส่งผลต่อการทำให้พฤติกรรมความสามารถในการซื้อของลูกค้าแต่ละกลุ่มให้มีรูปแบบการใช้ชีวิต พฤติกรรมในการบริโภค และอำนาจการใช้จ่ายที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของนักการตลาดที่จะต้องเล็งหาตลาดในอนาคตเอาไว้

โดยการนำสินค้าและแบรนด์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของช่วงชีวิตเด็กให้ได้ และทำให้แบรนด์นั้น ๆ เติบโตและผูกพันไปพร้อมๆ กัน

....แต่ใครล่ะ จะ "มัดใจ" ตลาดวัยทีนเอาไว้ได้อยู่หมัด!!!

Bizweek ชวนลงลึกถึงพฤติกรรมกลุ่ม "วัยทีน" ที่ไม่เพียงมองหาความต้องการว่า "ซื้อ" หรือ "ไม่ซื้อ" เท่านั้น แต่คนที่คิดจะทำตลาดนี้อย่างจริงจัง คงต้องทำความเข้าใจให้มากกว่าเดิม

"การจับ ทีน มาร์เก็ต ยากมาก เพราะมี sub group เข้ามาเกี่ยวข้อง หากลงลึกจะพบว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หากมองเผินๆ เด็กกลุ่มนี้จะแยกออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ ซื้อ และ ไม่ซื้อ" จิตร ตัณฑเสถียร Brand Strategist&Human Expert , Hat consulting&Research บอกไว้

ไม่เพียงเท่านี้ ทีน มาร์เก็ต ที่หลายคนต้องการจะเข้าถึง ยังมีงานยากให้ตระหนัก เพราะไม่เพียงกำลังซื้อเท่านั้นที่จะต้องประเมิน แต่ยังต้อง "รู้ทัน" การใช้ชีวิตและความต้องการของเด็กกลุ่มนี้ด้วย

จากการทำงานเกี่ยวกับการทำวิจัยในตลาดวัยรุ่นมาหลายโปรเจค จิตร บอกด้วยว่า ทีน มาร์เก็ต ในไทยหลัก ๆ แบ่งได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ เด็กที่มีเงิน แต่เลือกใช้จ่ายเรื่องของความรู้ ทุกสินค้าไม่ควรมองข้ามเด็กใฝ่รู้กลุ่มนี้ โดยเฉพาะธุรกิจติวเตอร์ เรียนภาษา หนังสือ หรือ สถานที่พักผ่อนหย่อนใจเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต ธุรกิจอินเทอร์เน็ต ร้านกาแฟ

...สรุปแล้ว หากจะขายได้ต้องเป็นสินค้าที่ทั้งสนุก แต่ก็ต้องไม่ขาดสาระ

"สุขนิยม" เด็กที่ต้องการมองหาอะไรที่ทันสมัย และเป็นที่นิยมของสังคม

ตลาดส่วนนี้อาจจะเป็นอีกโอกาสที่นักการตลาดจะทำเงินได้มาก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนท์ เอ็มพี 3 โทรศัพท์มือถือ

อย่างไรเสีย เด็กกลุ่มนี้อาจมีข้อจำกัดของ "รายได้" อยู่บ้าง โดยจะมีบางช่วงที่ "มีเงิน" เฉพาะในช่วงต้นเดือน และ "หดหาย" ไปบ้างในช่วงใกล้ปลายเดือน

"อนาคตนิยม" กลุ่มเด็กที่ยอมลำบากในวันนี้เพื่อความสุขในอนาคต โดยยอมทุ่มเทและขยัน เพื่อสิ่งที่ดีในอนาคต

สินค้าทุกประเภทน่าจะเข้าถึงได้กับเด็กกลุ่มนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีความคิดและความใฝ่ฝันของตัวเอง เมื่อเจอกับสินค้าที่พูดและนำเสนออะไรที่โดนใจก็จะตอบรับทันที

โดยเด็กกลุ่มนี้มักจะเคารพคนที่เป็น "ตัวจริง" ของสังคม

ไม่แปลกที่จะเห็นหลายสินค้านำเสนอ "คน" หรือ "กลุ่มคน" ที่ "เก่ง" และมีความสามารถขึ้นมาเป็นเสมือน "ต้นแบบ" ของแรงบันดาลใจให้กับเด็กวัยทีน

"เด็กแถวหน้า" เด็กกลุ่มนี้จะมีเงิน และมักจะมีหู ตา กว้าง ไกล จากความรู้และชำนาญด้านภาษา ซึ่งส่วนใหญ่จะศึกษาอยู่ในโรงเรียนชั้นนำ ทำให้กลุ่มนี้เป็นเสมือนเทรนด์ เซ็ตเตอร์ ของคนในวัยเดียวกัน

กลุ่มนี้จะมีจำนวนน้อย แต่ก็มีสีสัน อาทิเช่น เด็กโรงเรียนสาธิต มีเงิน และมีโลกที่กว้าง ใช้ภาษาอังกฤษเป็น สนใจสินค้าทันสมัยชิ้นไหนก็จะสั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ต "โลกของเขาคือโลกนี้" ตลาดไม่มีพรมแดนสำหรับเขา เพลงต่างประเทศวางขายเด็กกลุ่มนี้จะสั่งซื้อและมีไว้ครอบครองก่อนใคร

โดยจะชอบและใช้ชีวิตเสมือน Global Standard เขาจะเทียบสินค้าของเรา (ในประเทศ) กับสินค้าที่ออกวางขายทั่วโลก และยอมลงทุนในสิ่งที่ชื่นชอบ

มีความเป็นไปได้ที่สินค้าทุกตัวน่าจะต้องการจับตลาดกลุ่มนี้เอาไว้ให้ได้ เพราะหากทำสำเร็จ เด็กๆ กลุ่มนี้จะเป็นพลังซื้อที่สำคัญ

ประเมินจากพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์เด็กทุกกลุ่มข้างต้น อาจจะคาบเกี่ยวกันได้หมด กรณีของเด็ก "แถวหน้า" ก็อาจจะมีพฤติกรรมของ "สุขนิยม" และ "อนาคตนิยม" ร่วมด้วย โดย "ราคา" จะเป็นอีกปัจจัยที่กระทบโดยตรง หากไม่โดนใจ แบรนด์นั้น ๆ ก็อาจถูกวางไว้นอกความสนใจทันที

การแข่งขันวันนี้ จึงไม่ใช่ขึ้นอยู่กับว่ารายเล็กหรือรายใหญ่ แต่อยู่ที่ว่า "ใครจะเป็นตัวเลือก" ของวัยรุ่นมากกว่า

จะเห็นว่าธุรกิจเพลงวันนี้รายใหญ่ก็ไม่ใช่แล้ว เพราะปัจจุบันทางเลือกคือ ออนไลน์ คนทำเพลงไม่จำเป็นต้องมีช่องทางจัดจำหน่าย ที่เข้มแข็งจึงจะอยู่ได้ ไม่ใช่เจ้าตลาดจะเป็นเจ้าตลาดอีกต่อไป มีแต่ต้องเร่งทำงานให้มากขึ้น โดยไม่เผลอ และหยุดนิ่ง

เทรนด์ที่เห็นมากขึ้น คือ การที่ธุรกิจให้ทุนกับเด็กรุ่นใหม่ และดึงเอาแนวคิดของเด็กรุ่นใหม่นั้นๆ มาทำงานร่วม เพื่อให้รู้ทันถึงความต้องการของคนในวัยเดียวกัน

แนวคิดดังกล่าวถูกนำมาใช้แล้วในหลายธุรกิจซึ่งตระหนักกันดีว่า "วัยรุ่น" เป็นตลาดที่ปราบเซียนขนาดไหน

ซึ่งก็ทำให้หลายธุรกิจตื่นขึ้นมาตอบรับ

เซ็นทรัล กรุ๊ป กับการควานหาไอเดียเจ๋งจากเด็กรุ่นใหม่ภายใต้โปรแกรม "เซ็นทรัล จูเนียร์ มาร์เก็ต เทียร์"

รวมถึงกรณี แก๊งเป็ด ของค่ายดีแทค กับโปรเจค "ใจดีให้ยืม" ซึ่งเป็นบริการที่วัยรุ่นใช้มากที่สุด ก่อนจะถูกต่อยอดด้วยการให้ยืม ดนตรี หนึ่งในของรักของวัยรุ่น

"20 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรที่เป็นวัยรุ่นไม่น้อยในแง่การลงทุนเพื่อเข้าใจความต้องการที่แท้จริง" ธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ว่าไว้ และนั่นก็ทำให้แฮปปี้ยอมควักกระเป๋าจ่ายไตรมาสละ 5 ล้านบาท เพียงเพื่อให้แบรนด์ได้เข้าใกล้กลุ่มเป้าหมาย

"สไปรท์" ซึ่งจับกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก โดยที่ผ่านมาแม้ว่าในระดับแมสจะไม่ค่อยได้เห็นกิจกรรมที่สไปรท์จัดเท่าไรนัก ซึ่ง กรอบแก้ว ปันยารชุน ผู้จัดการสื่อสารการตลาดบริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) ยืนยันว่าเป็นสิ่งที่ตั้งใจไว้ที่จะเข้าไปทำกิจกรรมกับกลุ่มวัยรุ่นโดยตรง

"ถ้าเป็นกลุ่มเป้าหมายเราจริง จะได้พบเห็นสไปรท์ในทุก ๆ ที่ที่ใช้ชีวิตแน่ คนทั่วไปอาจคิดว่าสไปรท์ไม่ค่อยมีกิจกรรม แต่จริง ๆ แล้ว เราเจาะเข้าไปในกลุ่มย่อยมากกว่าจะทำกับแมส จึงทำให้ไม่ค่อยเป็นที่รับรู้ในวงกว้าง" กรอบแก้ว กล่าว

กิจกรรมล่าสุดซึ่งถือเป็นงานใหญ่ประจำปีนี้ของสไปรท์ ได้แก่ งาน "SPKRITE MTV STREET FESTIVAL" ซึ่งจัดไปเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

งานดังกล่าวถือเป็นโปรเจคต่อเนื่อง ระหว่างสไปรท์และเอ็มทีวี ซึ่งเคยจับมือกันทำรายการ SPRITE MTV STREET VIBE ซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับวัยรุ่นไทยที่มาโชว์ความสามารถพิเศษแบบสุดขั้วในไลฟ์สไตล์แบบสตรีท

โดยแต่ละกิจกรรมที่จัดไว้ จะเน้นความเร้าใจและสีสัน ตั้งแต่การเล่นสเกตบอร์ด การเต้นบีบอย การแร็พสด เป็นต้น ซึ่งก็ได้ตอกย้ำไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่นแนวสตรีทให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น จนเกิดเป็นความร่วมมือต่อเนื่องมาสู่งานสตรีทเฟสติวัล สำหรับเจาะกลุ่มฮิพฮอพโดยเฉพาะ

สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายหลักที่สไปรท์ตั้งไว้ คือ นิสิตนักศึกษา ระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าใจความต้องการของตัวเองแล้วระดับหนึ่ง โดยเริ่มมีความเป็นตัวของตัวเองและต้องการแสดงออกถึงความเป็นตัวตนออกมา

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมย่อยๆ ที่สไปรท์จัดขึ้นอีก อาทิเช่น แบงค็อกแจ๊ส เฟสติวัล ซึ่งจับกลุ่มนิสิตนักศึกษา และยังจับมือกับเอ็มทีวี เพื่อจัดอันดับมิวสิคโพลล์ โดยเข้าไปทำโพลล์กับกลุ่มนิสิตนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อจัดอันดับเพลงยอดนิยมขึ้นมา ซึ่งกรอบแก้วบอกว่ากิจกรรมที่สไปรท์จัดขึ้นส่วนใหญ่จะเลือกช่วงเวลาปลายปี ซึ่งเป็นช่วนปิดเทอมก่อนจะเริ่มเทศกาลสอบเอนทรานซ์

แบรนด์ในเครือ โคคา-โคลา นั้น แม้ว่าจะเน้นจับกลุ่มวัยรุ่นเช่นเดียวกัน แต่ก็แบ่งแยกย่อยลงไปได้อีก โดยสำหรับสไปรท์จะมุ่งจับไปที่นิสิตนักศึกษาระดับอุดมศึกษาและมัธยมตอนปลาย ขณะที่แบรนด์โค้ก เจาะกลุ่มมัธยม ส่วนแฟนต้าเจาะกลุ่มพรีทีน ตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป

ซึ่งถ้าเอากลุ่มเป้าหมายทั้งสามกลุ่มนี้มาเทียบกับมิวสิค มาร์เก็ตติ้ง กรอบแก้ว อธิบายเพิ่มเติมว่า สำหรับสไปรท์ ก็จะเข้ากับดนตรีประเภทฮิพฮอพ ส่วนแฟนต้า จะเป็นพวกเอเชี่ยนป๊อป ขณะที่โค้กก็จะเข้ากันได้ดีกับป๊อปร็อค

กลุ่มมัธยมตอนปลายจนถึงระดับอุดมศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของสไปรท์นั้น กรอบแก้ว บอกว่า เป็นกลุ่มที่ค่อนข้างโตแล้ว มีอิสระในการแสดงออกทางความคิด ความชอบ และสิ่งที่สนใจ โดยจะค่อนข้างเป็นกลุ่มที่นำเทรนด์ ชอบเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม ชอบแฟชั่นประเภทสตรีทแฟชั่น มีกิจกรรมในประเภทของสตรีทคัลเจอร์

ซึ่งในส่วนของสไปรท์เองก็ได้เข้าไปจัดกิจกรรมตามสถานที่ที่กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่ อาทิเช่น ลานออกกำลังที่สนามกีฬาหัวหมาก ซึ่งเด็กกลุ่มนี้จะมารวมกลุ่มกันฝึกเล่นสเกตบอร์ด และ เบรกแดนซ์ เป็นต้น

ครึ่งปีที่ผ่านมา ต้องถือว่า "อาวีโอ" เป็นอีกแคมเปญสื่อสารการตลาดที่ครบถ้วนและอิมแพคที่สุดเท่าที่ทำมา

เกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน หนึ่งใน โค-ซีอีโอ ของอินเด็กซ์ เผยถึง การทำพรีลอนช์แคมเปญ อาวีโอ ว่า หลักๆ เป็นการเลือกใช้สื่อนอกบ้านที่แปลกใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ คือ AVEO RESEARCH UNIT

โดยเน้นสร้างความประหลาดใจให้กับผู้พบเห็นด้วย Key Visual นักวิจัย และกล้องส่องทางไกล เพื่อสื่อถึงการวิจัย ค้นหา ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

จากนั้น จะทำการฟอร์เวิร์ดคลิปวิดีโอ โปรโมทงานนี้สำทับเข้าไปอีก โดยหมดงบประมาณถึง 15 ล้านบาท แต่ก็เป็นผล เพราะทันทีที่สื่อใหม่นี้แพร่กระจาย อาวีโอ มีตัวเลขยอดจองเกือบ 1,500 คัน จาก 4 วัน ที่เปิดจอง

....จะขายให้ได้ต้อง "สนุก" "จับทางถูก" และเสนอราคาที่ "รับไหว" ก็อาจได้เข้าไปอยู่ในใจ "วัยทีน"

ที่มา : //www.bangkokbizweek.com / Marketing - 24-11-2549


Create Date : 27 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2549 2:30:38 น. 1 comments
Counter : 1699 Pageviews.  

 
อูบาทมากครับ เเต่ฏ็อยาก เหมือนกัน เรื่องบนเตียง


โดย: กิตติศักดิ์ เเสงจันทร์ IP: 203.114.96.114 วันที่: 16 เมษายน 2550 เวลา:18:38:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sriphat
Location :
ภูเก็ต Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย
New Comments
[Add sriphat's blog to your web]