โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย

ยอดคุณหมอนักลงทุน'บุญ วนาสิน'

เฉลิมชัย ศิรินันทวิทยา
ถนนนักลงทุน วันที่ 26 เม.ย. 47
กรุงเทพธุรกิจ Biz&Money
//www.bangkokbiznews.com

ถ้าเอ่ยชื่อ "หมอบุญ วนาสิน" คนในวงการธุรกิจ หรือในวงการตลาดหุ้นรุ่นเก๋าย่อมรู้จัก "ผู้ชายคนนี้" เพราะธุรกิจที่หมอบุญเข้าไปหยิบจับนั้น ล้วนเป็นข่าวดังสนั่นวงการ โดยเฉพาะ"ธุรกิจโรงพยาบาล"
จากข้อมูลของกรมทะเบียนพัฒนาธุรกิจการค้านั้น "หมอบุญ" ได้เข้าไปนั่งเป็นกรรมการของบริษัทต่างๆ ในไทยมากกว่า 20 บริษัท มีทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้นมากกว่า 13,000 ล้านบาท
กับความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นมากมาย ทำให้ "หมอบุญ" ก้าวขึ้นสู่ทำเนียบ "Wealthy man" คนหนึ่งของเมืองไทย
ประกอบกับการเล่นหุ้นตัวหนึ่งไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท คือเครื่องยืนยันความร่ำรวยของเขาได้เป็นอย่างดี
เขาทำอย่างไรถึงรวย ? .... เล่นหุ้นอย่างไรถึงรวย ? .... ทำธุรกิจอย่างไรถึงรวย ? คำตอบพร้อมแล้วที่จะถูกเฉลย...
*******************************
เพราะได้อ่านอัตชีวประวัติของ "จอห์น เดวิดสัน ร็อกกี้เฟลเลอร์" อภิมหาเศรษฐีโรงกลั่นน้ำมันในยุคต้น ค.ศ.1900 โชคชะตาของ "หมอหนุ่ม" ที่มีอนาคตไกล ตัดสินใจหันเหทางเดินชีวิตไปเป็น "นักลงทุน"
"ผมจะทำให้เงินสร้างเงิน" เป็นคำกล่าวของ "ร็อกกี้เฟลเลอร์" เขาเรียนรู้ว่าเงินนั้นสร้างเงินได้ จอห์นจะจดผลประโยชน์ที่เขาได้รับลงสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ ในตอนกลางคืนเขาจะนั่งพิจารณาถึงงานที่ทำในช่วงกลางวันเปรียบเทียบกับผลประโยชน์ที่ได้รับ
.....เฉกเช่นหมอหนุ่มเขาครุ่นคิดถึงเส้นทาง"ต่อยอด"เงินจาก"เงิน"
"ตอนนั้นผมไปเป็นแพทย์อยู่ที่อเมริกา และได้ไปอ่านหนังสือชีวประวัติของ "ร็อกกี้ เฟลเลอร์" ในหนังสือเขียนบอกธุรกิจที่จะทำให้คนรวยได้เร็วในขณะนั้น คือ 1. เรื่องที่ดิน 2. เรื่องน้ำมัน และ 3. การอ่านหนังสือ เพียงไม่นานหลังการอ่านผมก็ตัดสินใจทำที่ดิน เพียง 5 ปี ในการทำธุรกิจก่อนกลับสู่ประเทศไทย ก็ทำให้ผมมีเงินมากกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งนับว่ามากโขสำหรับสมัยนั้น"
การอ่านหนังสือในแง่มุมของหมอบุญเป็น"การลงทุน" กิจวัตรของหมอจะอ่านหนังสือวันละ 4 ชั่วโมงต่อวัน พร้อมๆ กับใช้ความสามารถในการสังเคราะห์ข้อมูลนั้นๆ ออกมาเป็นโอกาสในสร้างสรรค์ผลงานในการดำเนินธุรกิจ
แผนปฏิบัติการล่าสุด "หมอบุญ" ตั้งใจต่อยอดความมั่งคั่ง โรงพยาบาลธนบุรี ที่เขาถือหุ้นใหญ่ ประกาศเข้าถือหุ้นใหญ่ในโรงพยาบาลเครือข่ายทั้งหมด 22 แห่ง จากปัจจุบันโรงพยาบาลธนบุรี ถือหุ้นใหญ่ในโรงพยาบาลเครือข่ายเพียง 4 แห่งเท่านั้น
ขณะเดียวกัน หมอบุญ ยังสร้างความมั่งคั่งอีกทางหนึ่งด้วยการเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในวงการตลาดหุ้น
...ไม่เพียงแค่ตลาดหลักทรัพย์ไทยเท่านั้น แต่เขาข้ามช็อตไปลงเล่นในตลาดหุ้นต่างประเทศด้วย
แม้ว่าหมอบุญ จะไม่ยอมเปิดเผยถึงเม็ดเงินลงทุนในพอร์ต แต่หลักฐานจากใบหุ้นปึ้งใหญ่ที่เห็นอยู่เบื้องหน้า (ในขณะนั่งสัมภาษณ์) ใบละ 5-6 แสนดอลลาร์หรือราว 20 ล้านบาทต่อหุ้น ก็พอจะเป็นคำยืนยันได้อย่างดีว่า....
"หมอบุญ คือ Wealthy Man คนหนึ่งในวงการธุรกิจของเมืองไทยขณะนี้"
เคล็ดลับในการสร้างความมั่งคั่ง หมอบุญ บอกว่า คนเราจะรวยได้สิ่งแรกก็จะต้องรู้และบริหารจัดการเงินให้เป็น
หมอบุญจะแบ่งเงินของเขาออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ด้วยกัน
50% หมอจะนำไปลงทุนในส่วนของธุรกิจ 25% จะเป็นเงินออม ส่วนอีก 25% คือเงินที่ใช้ต่อยอดการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง และเป้าหมายก็คือ "ตลาดหุ้น"
ปีที่ผ่านมาเป็นปีทองของการลงทุนสำหรับคุณหมอนักลงทุน เพราะทำกำไรจากการลงทุนเฉลี่ยสูงกว่า 70%
"ปีที่แล้วนับว่าเป็นปรากฏการณ์เลยทีเดียว เพราะหุ้นที่ผมเล่นแต่ละตัวไม่มีตัวไหนขาดทุนเลย บางตัวได้มาตั้ง 100% บางตัวได้มาก 78%"
เคล็ดในการลงทุนอย่างชาญฉลาด หมอบุญ แนะนำว่า จะต้องรู้จักจังหวะเล่น และรู้จังหวะถอย
ฉนั้น สไตล์การลงทุนของหมอบุญ จะไม่ลงทุนตลอดเวลา จะมีจังหวะพักด้วย โดยพิจารณาจากอารมณ์ของตลาดเป็นสำคัญ
"ผมจะไม่ลงทุนตลอด แต่จะลงทุนเป็นจังหวะ สมมติว่า เศรษฐกิจมันลง เราก็จะต้องถอนเงินมาสำรองไว้ และดูว่ามันจะเริ่มฟื้นเมื่อไหร่ ผมจะเริ่มขายก่อนที่มันจะขึ้นไปสูงสุดในตลาด สไตล์ผมจะเล่นตามคลื่น 3-6 เดือน เราอาจจะได้ตัวนี้ 10% บ้าง 15% บ้าง แต่ปีหนึ่งถ้ารวมกันแล้วเราก็ได้มากถึง 30% ต่อหุ้น 1 ตัว ก็น่าจะพอใจ"
หมอบุญ เตือนว่านอกจากเราจะต้องเลือกจังหวะในการลงทุนแล้ว อีกอย่าง ก็คือ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ก็อย่าโลภมาก
ส่วนจังหวะการลงทุนจะต้องพิจารณาจากสถิติย้อนหลัง 1 ปี และ 5 ปีว่า ราคาที่สูงสุดประจำปีอยู่ที่เท่าไหร่ และราคาที่ต่ำสุดประจำปีอยู่ ณ ตัวเลขใด
เมื่อราคาหุ้นปัจจุบันมีทีท่าว่าต่ำลงไปจนใกล้สถิติการต่ำสุดในอดีต นั้นแหละคือจังหวะเวลาช้อนซื้อ และหากราคาหุ้นสูงจนใกล้แตะสถิติสูงสุดในอดีตนั้นแหละ คือ เวลาที่ต้องขาย
แต่การเล่นหุ้นแบบนี้ นักลงทุนจะต้องเล่นในระยะปานกลาง ไม่ใช่ซื้อขายวันต่อวัน
"เมื่อสถิติคือส่วนสำคัญในตัดสินใจซื้อหุ้น ดังนั้น นักลงทุน ควรที่จะทำตารางเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ ไว้อย่างครบถ้วน เพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์"
ในระหว่างการสนทนาหมอบุญหยิบแผ่นกระดาษใบหนึ่งขึ้นมา เป็นรายชื่อหุ้นที่เขาต้องการทำการซื้อขาย
ในกระดาษมีข้อมูลสถิติที่ถูกรวบรวมจัดทำเป็นตาราง เริ่มตั้งแต่ ชื่อหุ้น ราคาปัจจุบัน การจ่ายปันผล มูลค่าตลาด ค่าพีอี/เรโช มูลค่าหุ้นตามราคาบัญชี หนี้สินต่อทุน ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด ในช่วง 1 ปี และ 5 ปี
"เวลาที่ผมจะซื้อขายหุ้น จะต้องดูค่าต่างๆ ทั้งหมด ถ้าเราเห็นว่าพี/อีสูง เราก็อย่าไปซื้อ นี่คือเรื่องสำคัญมาก จะต้องเอาประวัติการบริหาร ประวัติราคาหุ้นเก่าๆ มาวิเคราะห์ หุ้นทุกตัวผมจะเอามาทำเป็นตารางทั้งหมด อย่างสถิติเก่าหุ้นตัวนี้ ต่ำสุด 31 บาทในรอบ 12 เดือน ฉะนั้นถ้าราคาประมาณ 35 บาท ผมจะซื้อแล้ว และมันเคยสูงสุด 42 บาท พอมันขึ้นมาถึง 41 บาทผมก็ขายแล้ว"
หมอบุญ บอกว่า การเล่นหุ้นถ้าจะไม่ให้เสี่ยงก็จะต้องเลือกลงทุนในหุ้นบลูชิพ หรือหุ้นขนาดใหญ่ เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี แต่สิ่งสำคัญอย่าลืมพิจารณาค่าพี/อี เงินปันผล หนี้สิ้น และผลการดำเนินงานของบริษัทนั้นๆ ด้วย
"ตัวที่ผมใช้ประจำก่อนจะซื้อหุ้นจะดูค่าพี/อี เงินปันผล และสัดส่วนหนี้สินเป็นหลัก เพื่อจะได้ไม่เสี่ยง แต่การพิจาณาพี/อีนั้น จะต้องดูควบคู่ไปกับพี/อีตลาดด้วย แต่หากพี/อีไม่เกิน 10 เท่า ถือว่าปลอดภัยมาก" หมอบุญอธิบายพลางชี้ให้เห็นตัวเลขในตาราง
ยอดคุณหมอนักลงทุน ยังบอกถึงสิ่งที่ทำให้เขาได้เปรียบ เป็นเพราะว่าสามารถลงทุนได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยมีคนไว้ใจในต่างประเทศช่วยดูแลพอร์ตให้ วิธีบริหารความเสี่ยงในต่างประเทศหมอจะเลือกซื้อเฉพาะหุ้นบลูชิพที่มีพื้นฐานดี และจ่ายเงินปันผลเท่านั้น
"วิธีที่ปลอดภัยที่สุดจะ ซื้อหุ้นบิ๊กมาร์เก็ตแคปซัก 10 บริษัทแรกในต่างประเทศ เพราะหุ้นต่างประเทศนี่เวลาลง จะลงมาก แต่เวลาขึ้น มันก็ขึ้นเยอะ ซึ่งหุ้น 10 กว่าตัวนี้ที่เราซื้อ มันก็ขึ้น เราก็ได้กำไรเยอะเช่นกัน"
หมอเล่าว่าอย่างหุ้นฮ่องกงเซี่ยงไฮ้แบงก์ให้ผลตอบแทน 37% ,หุ้นเอบีเอ็นแอมโร ก็ให้กำไรค่อนข้างเยอะ หรือหุ้นโตโยต้า ก็ได้กำไรเยอะ ลงไป 2 หมื่นเหรียญ ได้มา 2 หมื่นเหรียญ อย่างหุ้นวอลท์มาร์ทซิตี้ ซื้อเมื่อตอน 52 เหรียญ ขายที่ 60 ก็ได้กำไรเกือบ 7,000 เหรียญ ก็จะดูจากปัจจัยพื้นฐาน และตามตารางที่เขียน ซึ่งผมจะมีข้อมูลทั้งหมดเลย
การลงทุนในต่างประเทศหมอ บอกว่า จะต้องมองทิศทางของเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างครอบคลุมให้ออก พร้อมๆ กับยกตัวอย่างหุ้นตัวหนึ่งที่เขาซื้อ คือ หุ้น WMCในตลาดหุ้นออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทขายถ่านหิน ยูเรเนียม โดยเหตุผลที่ซื้อหุ้นตัวนี้ว่าเกิดจากการมองเห็นทิศทางการเติบโตอย่างสูงของเศรษฐกิจจีน ซึ่งมีความต้องการใช้พลังงานอย่างมาก
ดังนั้นหมอบุญจึงหาข้อมูลสืบเสาะไปถึงแหล่งต้นตอในการป้อนพลังงานให้จีน และหุ้นตัวนี้ก็สร้างผลตอบแทนให้กับเขาถึง 40% ทีเดียว
"อย่างเช่นหุ้นจีนที่ผมเล่น เราดูว่าจีนตอนนี้มีการปรับปรุงเยอะ อะไรก็มาหาจีน เราก็ไปไล่ซื้อบริษัทในออสเตรเลียที่ส่งสินค้าไปยังจีน ไปดูบริษัทในอเมริกาใต้ที่ส่งสินค้าเข้าจีน อะไรอย่างนี้เราก็ไปไล่ซื้อบริษัทนั้นๆ" เขากล่าว
เซียนรุ่นเก๋าอย่างหมอบุญก็มีพลาดท่ากับเขาเหมือนกัน ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจหมอไปค้ำประกันให้กับเพื่อนเอาไว้มาก
"ผมลงหุ้น 10% แต่ผมก็ต้องไปค้ำประกันหนี้ให้เพื่อนทั้งก้อน สุดท้ายเราต้องมานั่งจ่าย ต่อไปนี้ต้องยึดคติ ไม่ค้ำ ไม่กู้ ....ไม่หมด"
นอกจากความมั่งคั่งด้านการลงทุนแล้ว หมอบุญยังประสบความสำเร็จจากเส้นทางธุรกิจที่ทำด้วย แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการผิดพลาดจนกระทั่งปิดตัวสำหรับบางธุรกิจไปบ้าง แต่หมอบุญบอกว่า ธุรกิจที่ปิดลงไปนั้น ส่วนใหญ่ไม่มีอำนาจการบริหาร
"บริษัทที่ผมมีอำนาจในการบริหารนั้น ไม่มีหรอกที่จะล้มเหลว" เขากล่าวอย่างไม่ถ่อมตัว
ถ้าถามว่า กลยุทธ์เด็ดในการสร้างธุรกิจของเขาคืออะไร ตอบอย่างง่ายๆ หมอบุญ คือ "นักเสพข้อมูล" ชั้นยอด
"ข้อมูลคือหัวใจสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ"หมอสรุปให้ฟัง
และด้วยข้อมูลนี้เอง ทำให้หมอบุญมีความมั่นใจที่จะเปิดดำเนินธุรกิจอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงพยาบาล เครื่องมือทางการแพทย์ อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ธุรกิจประกัน และสนามกอล์ฟ
หมอแนะนำว่าแม้จะเห็นช่องทางทำเงิน แต่อย่าทำธุรกิจที่เราไม่ถนัด สำหรับหมอบุญ ธุรกิจที่ถนัดที่สุด คือ "ธุรกิจบริการ"
"เราต้องรู้ว่าทางด้านเศรษฐศาสตร์มันเปลี่ยนตลอดเวลา ในระยะเวลาที่แตกต่างกัน ดีมานด์ก็จะไม่เหมือนกัน โอกาสต่างๆ มันก็ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นมันจะต้องมีอาร์แอนด์ดี(วิจัยและพัฒนา)ตลอดเวลา เราจะต้องเก็บข้อมูลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของคน ความต้องการของคน เศรษฐกิจของประเทศไทย เศรษฐกิจของโลก เงินเฟ้อ คู่แข่ง เราต้องมองให้หมด ซึ่งจะทำให้เราเห็นโอกาส"
ด้วยข้อมูลที่ล้นปรี่อยู่ตลอดเวลา ทำให้หมอบุญเห็นโอกาสในธุรกิจโรงพยาบาลและการแพทย์ จากการที่ไทยประกาศตัวเป็น "เมดิเคิลฮับ" หรือ ศูนย์กลางทางการแพทย์
ที่ผ่านมาเขาได้ลงทุนเปิดบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ด้วยเครื่องบิน เรือ และรถยนต์ รองรับการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติที่มากขึ้น รวมถึงการเปิดบริการให้คำปรึกษาการรักษาทางโทรศัพท์ และได้เตรียมที่จะทุ่มเงิน 300 ล้านบาท เนรมิตโรงพยาบาลปิยะเวท ให้เป็นศูนย์การแพทย์ทางเลือก
ซึ่งจะเป็นรูปแบบกึ่งสปา นวด โยคะ โดยจะสามารถเปิดดำเนินการได้ในเดือนธันวาคมนี้ พร้อมกันนั้นยังเตรียมเสริมจุดเด่นให้โรงพยาบาลปิยะเวทเป็นเลิศทางการแพทย์เฉพาะทาง ทั้งในด้านกระดูก และลดความอ้วน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาหมอบุญก็ประกาศใส่เงิน 500 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงศูนย์บริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลธนบุรี ให้เป็นเลิศด้านศูนย์รักษาโรคทางเดินอาหาร ศูนย์โรคหัวใจ และเตรียมเปิดศูนย์ใหม่ เช่น ศูนย์รักษาโรคนอนไม่หลับ และศูนย์ Critical Care ซึ่งจะมีแพทย์ให้คำปรึกษาวินิจฉัยโรค
"จากการศึกษาเราพบว่า ในปัจจุบันคนเราจะมีความเครียดเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นโอกาสธุรกิจในด้านการแพทย์ทางเลือกจะมีมากขึ้น"
ในส่วนของบริหารงาน หมอบุญบอกว่า จะต้องยอมลงทุนด้านบุคลากร เรื่องการอบรมบุคคลสำคัญมาก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญขององค์กรเรา อย่าไปเสียดายเงินกับการอบรม อันนี้ถือว่าเป็นหัวใจ ความจริงต่างประเทศให้ความสำคัญกับ HR(ทรัพยากรบุคคล)มาก แต่คนไทยที่ไม่ประสบความสำเร็จก็เพราะ HR กับ Research
"การเป็นอุตสหากรรมบริการจะต้องใช้ความสำคัญทุกระดับ เราต้องมีการวัดประสิทธิภาพการทำงาน ผลิตผลต่อตารางเมตรต่อคน พื้นที่นี้ 10 ตารางเมตรต่อรายได้นี้ได้เท่าไหร่ เราจะมีวิธีการวัดละเอียดยิบ แต่เราก็ต้องตอบแทนเค้าอย่างดีด้วย"
พร้อมกันนี้ยังต้องรู้จักการควบคุมต้นทุนทางการเงินของธุรกิจ ด้วย
สำหรับ "หมอบุญ" เขาใช้วิธีการเปิดตัวเองในการเข้าหาและรู้จักนายธนาคาร ระดับซีอีโอให้มาก
"สมัยนี้การจัดการเงินถือเป็นเรื่องที่สำคัญว่า ทำอย่างไรเราถึงจะหาแหล่งเงินทุนที่ต้นทุนถูกได้ ก็ต้องไปรู้จักคนเยอะ ทั้งนายแบงก์ หรือคนอื่นๆ ซึ่งเป็นคีย์ของระดับซีอีโอ"
ด้วยการให้ความสำคัญกับข้อมูล งานวิจัย ตลอดจนการจัดทรัพยากรบุคคลที่ดี จึงทำให้ชื่อของ "หมอบุญ วนาสิน" ติดอันดับผู้ที่มีความมั่งคั่งของเมืองไทยในวันนี้



Create Date : 15 กันยายน 2548
Last Update : 15 กันยายน 2548 15:33:25 น. 1 comments
Counter : 2628 Pageviews.  

 
ขอบคุณครับ


โดย: รัฐวิทย์ IP: 124.120.77.65 วันที่: 29 สิงหาคม 2551 เวลา:12:37:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sriphat
Location :
ภูเก็ต Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย
New Comments
[Add sriphat's blog to your web]