ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง

วิเคราะห์ทางเลือกรถเมล์4พันคันนักวิชาการฟันธง“เช่าซื้อ”ดีกว่า“เช่า”

เมื่อครั้งที่โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี กำลังเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรียุค นายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งครั้งนั้นมูลค่าโครงการสูงแตะ 1 แสนล้านบาท รศ.ธนชัย ยมจินดา นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้เคยวิเคราะห์โครงการเอาไว้อย่างถึงกึ๋น จนสุดท้ายต้องพับไป

วันนี้ โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันกลับมาอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าจะลดมูลค่าโครงการลงเหลือกว่า 6 หมื่นล้าน แต่ก็ยังถูกคัดค้านจากหลายฝ่าย แม้แต่คณะรัฐมนตรีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั่งหัวโต๊ะ ก็ตีกลับไปแล้วถึงสามครั้ง
รศ.ธนชัย วิเคราะห์ทางเลือกโครงการเช่ารถเมล์ เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด และเพื่อเป็นบทพิสูจน์ธรรมาภิบาลของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์

บท วิเคราะห์ของ รศ.ธนชัย ระบุว่า การตัดสินใจใดๆ โดยทั่วๆ ไปจะยึดหลักสมการ D = F + J หรือการตัดสินใจจะต้องประกอบไปด้วยข้อมูลอันเป็นข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน (Facts) และการใช้วิจารณญาณที่ดี (Judgment) ซึ่งต้องเป็นการใช้วิจารณญาณเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม และหรือสาธารณะอย่างแท้จริง จึงจะถือว่าสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องโดยไม่ต้องมีปัญหากับข้อถกเถียง ใดๆ

และเมื่อพิจารณาการตัดสินใจของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ชูแนวทางธร รมาภิบาล เป็นหลักการมาโดยตลอดด้วยแล้ว ยิ่งต้องมีความชัดเจนในประเด็นของคำว่า “ธรรมาภิบาล” ให้มากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณด้วย

ในฐานะที่เป็นประชาชนผู้เสียภาษีคน หนึ่ง ที่อยากจะเห็นการตัดสินใจของรัฐบาลเป็นแบบมืออาชีพ และเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างแท้จริง จึงได้ลองนำเอาข้อมูลต่างๆ ที่มีการเผยแพร่ออกมาสู่สายตาประชาชนผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ มาแล้ว มาช่วยคิด โดยนำมาตั้งวางในกรอบการพิจารณาของมืออาชีพ ที่มีการพิจารณาปัจจัยทุกแง่มุมอย่างรอบด้าน และตัดสินใจบนฐานการวิเคราะห์ข้อมูลโดยไม่มีอะไรแอบแฝง เพื่อหาข้อสรุปว่า การเช่ารถ NGV 4,000 คันนั้น เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของรัฐบาลหรือไม่ และรัฐบาลควรตัดสินใจตามแนวทางใด ระหว่างการเช่า หรือการเช่าซื้อ


ทางเลือกที่ 1 : อายุโครงการ 10 ปี รายได้รวม 6,146 บาท/คัน/วัน
ผลการวิเคราะห์ : ขสมก. จะมีกำไร /คัน/วัน = 6,146 - 4,522 = 1,624 บาท/คัน/วัน
หรือ = 2,371 ล้านบาท/4,000 คัน/ปี
กระแสเงินสดรับของ ขสมก. ใน 10 ปี = 2,371 ล้านบาท x (PVIFA 8% n = 10)
= 2,371 ล้านบาท x 6.71 = 15,909 ล้านบาท
ขสมก.ขาดทุนจากการลงทุน = 15,909 - 66,000= -50,091 ล้านบาท/ตลอดอายุ 10 ปี

ข้อสรุป
ถ้า ทุกอย่างเป็นไปตามข้อมูลข้างต้น โดย ขสมก. ทำรายได้เพียง 6,146 บาท /คัน/วัน และมีค่าใช้จ่าย 4,522 บาท /คัน/วัน (ข้อมูล รมต.) ขสมก.จะมีกำไร/คัน/วัน 1,624 บาท และคิดเป็นเงินรายได้ที่เป็นกำไร 2,371 ล้านบาท/4,000 คัน/ปี รวม 10 ปี จะได้กระแสเงินสดรับทั้งสิ้น 15,909 ล้านบาท และได้รับผลขาดทุนรวม 50,091 ล้านบาท ตลอดอายุโครงการ 10 ปี ดังนั้นหากพิจารณา ตามข้อมูลข้างต้น โครงการนี้จะขาดทุนอย่างมหาศาล และจะไม่เป็นผลดีต่อประโยชน์สาธารณะอย่างแน่นอน ถ้า ครม. เลือกตัดสินใจตามทางเลือกที่ 1 คงจะตีความเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากว่ามีปัจจัยแอบแฝงอย่างอื่นเข้ามา เกี่ยวข้อง

ทางเลือกที่ 2 : ปรับลดโครงการเหลือ 5 ปี ค่าเช่าเท่าเดิม 4,522 บาท/คัน/วัน
ผลการวิเคราะห์ : การลดโครงการเหลือ 5 ปี จะทำให้มูลค่าโครงการลดลงเหลือ 33,000 ล้านบาท
ขสมก. ยังคงได้รับผลขาดทุน = (2,371 x 3.99) - 33,000
= - 23,540 ล้านบาท (ตลอดอายุ 5 ปี)

ทางเลือกที่ 3 : ปรับลดค่าเช่าลง 20 % ปรับลดโครงการเหลือ 5 ปี
ผลการวิเคราะห์ : มูลค่าโครงการจะลดลง = 33,000 ล้านบาท
กระแสเงินสดรับสุทธิ/ปี ของ ขสมก. = 3,692 ล้านบาท/ปี (6,146 - 3,617 = 2,529 x 4,000 x 365)
กระแสเงินสดรับสุทธิ 5 ปี = 14,732 ล้านบาท (3,692 x PVIFA 8 %n =5)
ขสมก. ยังคงขาดทุน = 14,732- 33,000
= - 18,268 ล้านบาท

ทางเลือกที่ 4 : ปรับลดโครงการเหลือ 5 ปี ปรับลดค่าเช่า 50%
ผลการวิเคราะห์ : มูลค่าเงินลงทุนโครงการ = 33,000 ล้านบาท
กระแสเงินสดรับสุทธิ/ปี ของ ขสมก. = 5,672 ล้านบาท
ขสมก.ยังคงขาดทุน = (5,672 ล้านบาท x PVIFA 5 ปี 8 %) - 33,000
= 22,631 (5,672 ล้านบาท x 3.99) - 33,000
= -10,369 ล้านบาท/ตลอด 5 ปี

ทางเลือกที่ 5 : ปรับรายได้เพิ่มจากเดิม 30 % เป็น 7,989 บาท/คัน/วัน ระยะเวลาเช่า 10 ปี
ผลการวิเคราะห์ : กระแสเงินสดรับสุทธิ = 3,467 บาท/คัน/วัน
กระแสเงินสดรับสุทธิ ตลอด 10 ปี = 5,061 ล้านบาท/4,000 คัน/ปี
ขสมก. ยังคงขาดทุน = 33,953 - 66,000 = - 32,041 ล้านบาท

ดัง นั้น การพิจารณาทางเลือกของการเช่าดูจะมีความเป็นไปไม่ได้ เพราะผลการวิเคราะห์พบว่า ขสมก. มีผลการขาดทุนในทุกกรณี (ทั้ง 5 ทางเลือก) แม้ว่าจะปรับลดโครงการเหลือ 5 ปี ปรับลดค่าเช่ากึ่งหนึ่ง หรือเพิ่มรายได้ขึ้น 30% ก็ยังคงมีผลขาดทุนอยู่ดี จึงต้องลองพิจารณาทางเลือกของการเช่าซื้อ โดย ขสมก. กู้เงินมาดำเนินการเอง

ทางเลือกที่ 6 : ลงทุนโดย ขสมก. โครงการ 5 ปี ดอกเบี้ย 8%
มูลค่า ลง ทุนของโครงการ 5 ปี จะอยู่ที่ 20,800 ล้านบาท (รถคันละ 5.2 ล้านบาท) และสมมติให้ ขสมก. มีรายจ่ายค่าซ่อมเป็นไปตามข้อมูลของ รมต. คมนาคม ก็จะพบว่าจะเสียค่าซ่อม (โดยไม่เสียค่าเช่า) เพียง 1,985 บาท/คัน/วัน
ผล การวิเคราะห์ : การคำนวณผลกำไรขาดทุนของโครงการจะปรากฏข้อค้นพบว่า ขสมก. ประสบผลกำไรตลอดอายุ 5 ปี ของโครงการ จำนวนเงิน 4,239 ล้านบาท ดังนี้
มูลค่าเงินลงทุน = 20,800 ล้านบาท
กระแสเงินสดรับ สุทธิ/ปี = (6,146 - 1,985 = 4,161 x 4,000 x 365) = 6,075/ปี
กระแสเงินสดรับทั้ง 5 ปี = 6,075 ล้านบาท x PVIFA 8 %n = 5
= 6,075 ล้านบาท x 3.99
= 24,239 ล้านบาท
ผลกำไรของโครงการ = 24,239 - 20,800 = 4,239 ล้านบาท/ 5 ปี

ถ้า พิจารณาจากทางเลือกการลงทุนเองของ ขสมก. จะพบว่าจะทำให้ ขสมก.มีกำไรทั้งสิ้น 4,239 ล้านบาท ตลอด 5 ปี โดยยังไม่นับรวมมูลค่าซากของรถ 4,000 คัน ที่จะขายในปีที่ 5 และรับเป็นเงินสดได้อีก แล้วอย่างนี้คิดว่าจะเลือกตามทางเลือกของการเช่า ตามที่ รมว. คมนาคม เสนอ ครม.พิจารณาจะไปได้หรือ

“ผมเห็นว่าเป็นการ ตัดสินใจนำเงินภาษีของประชาชนไปใช้โดยไม่ตั้งอยู่บน หลักธรรมาภิบาล เพราะประสบผลขาดทุนอย่างเห็นได้ชัดเจน ขณะที่ ครม.ซึ่งควรต้องเป็นมืออาชีพจะตัดสินใจยอมรับผลขาดทุนได้อย่างไรเมื่อมีทาง เลือกอื่นซึ่งให้ผลกำไรและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า”

บทพิสูจน์ โดยการคำนวณนี้แสดงชัดแล้วว่า “การเช่าซื้อ” ดีกว่า “การเช่า” เหลือแต่รอเพียงบทพิสูจน์ “ธรรมาภิบาล” ของ ครม.ชุด นายอภิสิทธิ์ เท่านั้น

ข้อมูลโครงการ : (เผยแพร่ผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ)
- มูลค่าโครงการ 66,000 ล้านบาท - ระยะเวลาเช่า 10 ปี
- ประมาณการรายได้ 6,146 บาท/คัน/วัน - ประมาณการรายได้รายได้ 7,989 บาท/คัน/วัน
(ข้อมูล ขสมก. ปัจจุบัน) (เพิ่ม 30% จากรายได้ปัจจุบันของ ขสมก. )
- ค่าเช่ารถ 2,537 บาท/คัน/วัน - ค่าบริหารจัดการ 417/คัน/วัน (รวมดอกเบี้ย)
- ค่าซ่อม 1,359 บาท/คัน/วัน - ค่าประกันภัย/ภาษี 39 บาท/คัน/วัน
- ค่าระบบอิเล็กทรอนิกส์ 170 บาท/คัน/วัน - ค่าใช้จ่ายรวม 4,522 บาท/คัน/วัน (ข้อมูลของ รมต.)
- ดอกเบี้ย 8% - มูลค่ารถ 5 ล้านบาท/คัน

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ




 

Create Date : 11 มิถุนายน 2552    
Last Update : 11 มิถุนายน 2552 21:25:13 น.
Counter : 434 Pageviews.  

เหตุผลวิบัติของนักวิชาการริบบิ้นขาว ปริญญา เทวานฤมิตร

นักวิชาการสีขาว จวกประชาธิปไตยต้นตอความแตกแยก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 มิถุนายน 2552 15:29 น.

“ปริญญา” อภิปรายในงานครบรอบ 11 ปี กกต.ชี้ 77 ปี ประชาธิปไตยไทยล้มเหลวที่สุด ทั้งนำไปสู่ความแตกแยกจนเกือบเกิดสงครามกลางเมือง ระบุ มีแต่คนอ้างสิทธิเสรีภาพ แต่ไม่พูดถึงความรับผิดชอบ แนะ ควรเพิ่มวิชาพลเมืองปลูกฝังให้เยาวชนเข้าใจ

วันนี้ (9 มิ.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในการอภิปรายเนื่องในโอกาสครบรอบ 11 ปี ของ กกต.ว่า ที่ผ่านมา ประชาธิปไตยของไทยถือว่าล้มเหลว เพราะตลอด 77 ปีที่ผ่านมา เรามีการปฏิวัติรัฐประหารที่ทั้งฉีก และไม่ฉีกรัฐธรรมนูญถึง 12 ครั้ง และล่าสุด เราก็มีความขัดแย้งจนเกือบจะกลายเป็นสงครามกลางเมือง และที่น่าเป็นห่วง คือ ความขัดแย้งครั้งนี้ยังไม่จบลง และยังไม่รู้ว่ายกต่อไปจะเป็นอย่างไร และการเข่นฆ่ากันเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะเพิ่งเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก จนเริ่มมีผู้ตั้งคำถามว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยนี้ไม่เหมาะกับประเทศไทย ใช่หรือไม่

นายปริญญา กล่าวต่อว่า ปัญหาของระบอบประชาธิปไตยไทย คือ เรามีวงจร คือ เลือกตั้ง รัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ และเลือกตั้งใหม่ ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกคนต้องร่วมรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นทหารที่ออกมารัฐประหาร เพราะหากไม่ออกมากระทำ และปล่อยให้แก้ปัญหาไปตามวิถีทางระบบก็จะเดินต่อไปได้ หรือนักการเมืองที่หากไม่คอร์รัปชัน ทหารก็ไม่มีข้ออ้างในการปฏิวัติ และที่สำคัญคือ ประชาชนที่หากไม่ขายเสียงก็จะไม่มีคนซื้อ และต้องไม่สนับสนุนการปฏิวัติ ระบอบประชาธิปไตยนั้น ไม่ใช่เครื่องจักรที่เมื่อวางระบบแล้วใช้งานได้ แต่ต้องอาศัยคนที่มีจิตสำนึกมาสร้างประชาธิปไตยด้วย

นายปริญญา กล่าวต่อว่า ปัญหาของระบอบประชาธิปไตย คือ ทำให้เกิดชนชั้นปกครองใหม่ขึ้นมา หากคนไม่พร้อมการเลือกตั้ง ก็จะกลายเป็นเพียงแค่เครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้ชนชั้นปกครองเท่านั้น เพราะแม้แต่ฮิตเลอร์ก็มาจากการเลือกตั้ง นอกจากนี้ ประชาธิปไตยยังนำความแตกแยกมาสู่คนในสังคม เรียกได้ว่า ไปถึงไหนแตกแยกถึงที่นั่น และประชาธิปไตยยังนำมาซึ่งความเสื่อมของสังคม เนื่องมาจากการอ้างเสรีภาพโดยไม่พูดถึงเรื่องความรับผิดชอบ ซึ่งที่ผ่านมานั้น ประเทศไทยเกิดปัญหาทั้งสามแบบ อย่างไรก็ตาม ปัญหาทั้งสามจะเกิดขึ้นหากคนที่อยู่ในประเทศนั้นๆ มีคุณภาพซึ่งเราควรจะมีวิชาพลเมือง เพื่อเตรียมเยาวชนเช่นเดียวกับประเทศต่าง ๆ ที่ประสบความสำเร็จเรื่องประชาธิปไตยและใช้หลักนิติรัฐในการควบคุม



ความเห็นจากคุณจังอางู้แห่งบอร์ดฟ้าเดียวกัน

ประชาธิปไตยของไทยถือว่าล้มเหลว เพราะตลอด 77 ปีที่ผ่านมา เรามีการปฏิวัติรัฐประหารที่ทั้งฉีก และไม่ฉีกรัฐธรรมนูญถึง 12 ครั้ง
ignoratio elenchi (irrelevant conclusion)
การมีรัฐประหาร ไม่ได้แปลว่าประชาธิปไตยล้มเหลว แต่แปลว่าไม่มีประชาธิปไตยต่างหาก

และล่าสุด เราก็มีความขัดแย้งจนเกือบจะกลายเป็นสงครามกลางเมือง
non causa pro causa
ความขัดแย้งไม่ได้เกิดจากการมีประชาธิปไตย แต่เกิดจากการปล้นประชาธิปไตยต่างหาก

การเข่นฆ่ากันเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะเพิ่งเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก
อันนี้ก็เหมิอนเดิม จงใจบิดเบือนอย่างเลวร้ายที่สุด
การเข่นฆ่าที่ผ่านมาในอดีต ใครฆ่าใครบ้าง มีแต่ทหารเผด็จการฆ่าประชาชนทั้งนั้นมิใช่หรือ?

ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกคนต้องร่วมรับผิดชอบ
อันนี้เป็นแค่ loaded word appeal to emotion
เราต้องรับผิดชอบร่วมกัน ทุกคนต้องช่วยกัน บลาๆๆๆ ฟังดูดีแต่ไม่เกี่ยวอะไรกับข้อสรุป และไม่มีจุดยืนอะไรเลย นอกจากเนียนติว่ารัฐประหารที่เกิดขึ้นทุกคนผิดเท่ากัน ไม่ใช่ทหารผิด
เหมือนกับพูดว่าโจรข่มขืนผู้หญิงแปลว่าผู้หญิงกับโจรผิดเหมือนกัน ไม่ใช่โจรผิด

นักการเมืองที่หากไม่คอร์รัปชัน ทหารก็ไม่มีข้ออ้างในการปฏิวัติ
Intentional Fallacy อ้างเจตนา

เพราะแม้แต่ฮิตเลอร์ก็มาจากการเลือกตั้ง
reductio ad hitlerum
เป็น subfallacy ของ guilt by association

ประชาธิปไตยยังนำความแตกแยกมาสู่คนในสังคม เรียกได้ว่า ไปถึงไหนแตกแยกถึงที่นั่น
non causa pro causa

ประชาธิปไตยยังนำมาซึ่งความเสื่อมของสังคม เนื่องมาจากการอ้างเสรีภาพโดยไม่พูดถึงเรื่องความรับผิดชอบ
straw man
ใครอ้างเสรีภาพโดยไม่พูดถึงความรับผิดชอบ? เทคนิคนี้พวก royalist ชำนาญมาก




 

Create Date : 11 มิถุนายน 2552    
Last Update : 11 มิถุนายน 2552 21:17:58 น.
Counter : 783 Pageviews.  

รายชื่อบุคคลที่เป็นศัตรูของพันธมิตร

รวมรายชื่อบุคคล-องค์กรต่างๆ ที่ตกเป็นเป้าการโจมตีและกาหัวขึ้นบัญชีดำโดยคณะ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” (PAD) นำโดยนาย สนธิ ลิ้มทองกุล (โกตั๊บ) ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและสถานีเอเอสทีวี ซึ่งการปราศรัย-แสดงทัศนะแต่ละวัน ก็มุ่งผลิต “ศัตรู” มากกว่า “พันธมิตร” อย่างน่าเสียดายและน่าอนาถใจ!

1. อาสา สารสิน ราชเลขาธิการ

2. ดิสธร วัชโรทัย ประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์

3. สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

4. ธวัชชัย ฟักอังกูล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น, ผู้ว่าฯอุตรดิตถ์ (ขอบคุณข้อมูลจากเว็บเสธ.แดง)

5. เสถียร จันทิมาธร หรือ เสถียร จันทินมาธร บรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชน สุดสัปดาห์

6. บุญเลิศ ช้างใหญ่ บรรณาธิการอาวุโสและคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์มติชน

7. วงค์ ตาวัน คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ข่าวสด

8. ขรรชัยค์ บุนปาน ผู้ก่อตั้ง เจ้าของ และประธานบริษัทมติชน จำกัด มหาชน

9. หนังสือพิมพ์ใน เครือมติชน ประกอบด้วย มติชนรายวัน ข่าวสดรายวัน ประชาชาติธุรกิจ มติชนสุดสัปดาห์

10. โคทม อารียา นักสันติวิธี

11. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษาและอาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ผู้นำกลุ่มริบบิ้นขาว รณรงค์ยุติความรุนแรง)

12. นิธิ เอียวศรีวงศ์ และคณาจารย์กลุ่มมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน

13. ประภาส ปิ่นตบแต่ง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

14. นิติภูมิ นวรัตน์ คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ/อดีตผู้สมัครรับ

15. นิตยสาร ฟ้าเดียวกัน

17. ยุวรัตน์ กมลเวชช อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

18. น.พ.วันชัย วัฒนศักดิ์ ผู้นำกลุ่มสานเสวนาเพื่อสันติธรรมรณรงค์ยุติความขัดแย้งในสังคม

19. คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล ผู้บริหารหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

20. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

21. พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ องคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตผบ.ทบ.

22. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก

23. สรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรเล่าข่าว

24. สมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี

25. ดร.วีรพงษ์ รามางกูร อดีตที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจ รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช

26. ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

27. พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว

28. ศรราม เทพพิทักษ์ นักแสดง/พระเอกละคร/พระเอกภาพยนตร์

29. สดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

30. คนไทยทุกคนที่ไม่ใช่กลุ่มพันธมิตรฯ หรือไม่เห็นด้วยกับแนวทางของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยดูได้จากคำปราศรัยของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้นำม็อบพันธมิตรฯ ที่ระบุว่า

นายสนธิ ได้กล่าวว่า ณ วันนี้เราสามารถสรุปได้แล้วว่าสาเหตุที่เราต่อสู้เพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และราชบัลลังก์ เพราะถ้าสถาบันพระมหากษัตริย์มั่นคง ชาติก็มั่นคง ขณะเดียวกัน ถ้าสถาบันไม่มั่นคง ชาติก็ไม่มั่นคงไปด้วย

“ให้พวกเราคิดสักนิดว่า ตั้งแต่ปี 2544 จนถึงวันนี้ พวกมันยังไม่หยุดจาบจ้วง วันนี้ที่เวทีสนามหลวง ยังจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ วันนี้มันเปิดหน้าชกแล้ว” นายสนธิระบุและว่า ที่มันเอาเงินไปซื้อรากหญ้า ซื้อตำรวจ และทหารที่มีอำนาจบางคน ซึ่งตอนนี้เรารู้แล้วว่าเป็นใคร เพราะแม้ประชาชนถูกฆ่ามันก็ไม่ออกมา เห็นเกมของพวกมันแล้วหรือยัง

“นี่คือ เกมทำลายของทักษิณ เกมการเมือง เกมในสภาถือว่าเกมลวง แต่ยังมีก้างขวางคอที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ พวกเราที่ทำเนียบและที่สะพานมัฆวานเท่านั้น จำได้หรือไม่ที่เคยบอกว่าราชบัลลังก์มีแต่พวกเราเท่านั้นที่คอยปกป้อง และให้จำไว้ว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งยวด” นายสนธิ กล่าว และว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องมีประชาชน ซึ่งเวลานี้มีประชาชนสองส่วนส่วนหนึ่งคือ พวกเราที่ยอมตายเพื่อปกป้องราชบัลลังก์ ขณะที่อีกส่วนหนึงที่ยังเข้าไม่ถึงข้อมูล

นายสนธิ กล่าวว่า ตนเองมานั่งทบทวนในเรื่องคดีความต่างๆ หรือเรื่องชั่วๆ ต่างๆ พวกมันไม่เคยยี่หระ เพราะวัตถุประสงค์ของพว��%8��รื่องชั่วๆ ต่างๆ พวกมันไม่เคยยี่หระ เพราะวัตถุประสงค์ของพวกมัน คือ ต้องการสลายพวกเราที่ออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป้าหมายของมันคือต้องการล้มล้างราชบัลลังก์
พราะพวกเราต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ และจะปกป้องด้วยชีวิต” นายสนธิ ระบุและว่า วันนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างคนที่เอาพระมหากษัตริย์กับฝ่ายที่ ไม่เอาสถาบันพ��0พราะพวกเราต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ และจะปกป้องด้วยชีวิต” นายสนธิ ระบุและว่า วันนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างคนที่เอาพระมหากษัตริย์กับฝ่ายที่ ไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เลือกเอา และนี่คือ สงครามครั้งสุดท้ายเราถอยไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว

นายสนธิ สรุปว่า สาเหตุที่พวกเราเหล่าพันธมิตรฯ มารวมกันเป็นหนึ่งเดียวจนถึงบัดนี้ก็มาจากสาเหตุที่เรารักพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีนาถ และราชวงศ์ นั่นเอง ดังนั้น การเมืองใหม่ต้องเริ่มที่สถาบันพระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรมนั่นเอง เพราะจะทำให้ประชาธิปไตยมั่นคงและชาติมั่นคง

31. สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี

32. พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ

33. พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล “เสธ.แดง” ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก

34. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

35. พล.ร.ท.เกียรติศักดิ์ ดามาพงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ

36. พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด

37. สุวรรณา เกิดลาภผล อาจารย์โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต ซึ่งนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรอ้างบนเวทีทำเนียบรัฐบาลวันที่ 9 พ.ย. 2551 ว่า มีนักเรียนเขียนจดหมายมาเล่าให้ฟังว่า อาจารย์คนนี้ต่อต้านพันธมิตร ทำให้สนธิขู่จะให้ผู้ชุมนุมโทรศัพท์ไปคุกคาม

38. เก่งกาจ จงใจพระ หมอดู

39. พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผอ. กอ.รมน.

40. จารุวัฒน์ เกยูรวรรณ ตัวแทนกลุ่มเลี้ยวซ้าย

41. ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้บริหารกลุ่มไทยซัมมิท

42. คำ ผกา นักเขียน/คอลัมนิสต์อิสระ

43. พ.ต.อ.พัชระ บุญญประสิทธิ์ รองผู้บังคับการนครบาล 4 โดนพันธมิตรถ่มน้ำลายใส่บริเวณทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ดอนเมือง

44. มัยรัตน์ พีระญาณโกเศล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ

45. แก้วสรร อติโพธิ อดีตคตส. และอดีตแนวร่วมของพันธมิตรเอง

46. พันธ์ศักดิ์ วิญญรัตน์ ที่ปรึกษาอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร

47. หม่ำ จ๊กม๊ก ศิลปินตลก

48. “ดี้” นิติพงษ์ ห่อนาค นักแต่งเพลง และวงดนตรี เฉลียง

49. ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ผู้ก่อตั้งมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดนในพระบรมราชินูปถัมภ์

50. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีกลาโหม รัฐบาลอภิสิทธิ์ 1/1

51. ท่านผู้หญิง ม.ร.ว.บุษบา สธนพงศ์ พระ ขนิษฐาในสมเด็จพระนางเจ้าฯ โดนสาวกกลุ่มพันธมิตรในเว็บไซต์เอเอสทีวี-ผู้จัดการ ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล โจมตีอย่างหนัก หลังจากท่านผู้หญิง ม.ร.ว.บุษบา ไปจัดงานเลี้ยงปลอบขวัญท่านผู้หญิงวิระยา ณ โรงแรมเจดับบลิวแมริออท โดยก่อนหน้านั้น ท่านผู้หญิงวิระยาเพิ่งโดนนายสนธิกล่าวหาพูดเป็นนัยว่าอยู่เบื้องหลังแผนลอบ สังหารตนเอง และอมเงินการจัดทำ “เสื้อฟ้า”

52. ยศวดี หงษ์ทอง ผู้ สื่อข่าวสายการเมือง หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ถูกนายสนธิ ลิ้มทองกุล โจมตีว่าจงใจรับใช้พรรคประชาธิปัตย์นำข่าวปล่อยมาเขียนไร้ข้อเท็จจริง ว่า แกนนำพันธมิตรตกลงแบ่งเก้าอี้ในคณะรัฐบาลชุดใหม่ ทั้งที่ยังตั้งพรรคพันธมิตรไม่เสร็จ โดยยศวดีระบุว่า มีการวางตัวนายสนธิเป็นนายกรัฐมนตรี

53. ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชนและนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

54. เทพชัย หย่อง ผู้อำนวยการสถานีทีวีไทย

55. ชัยวัฒน์ สถาอนันต์ อาจารย์รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์

ที่มา //pantamitenemieslist.wordpress.com

หมายเหตุ : คลิ๊กที่ชื่อศัตรูพันธมิตรฯในเว็ปต้นขั้ว เพื่ออ่านที่มาและสาเหตุ / ลิสต์รายชื่ออัพเดตทุกวัน ถ้ารายชื่อทั้งหมดไม่ปรากฎให้คลิ๊กที่หัวเรื่อง PAD’s Enemies List ข้างบน




 

Create Date : 05 มิถุนายน 2552    
Last Update : 5 มิถุนายน 2552 20:42:25 น.
Counter : 533 Pageviews.  

การเมืองไทยกลับมาเป็นปกติ?ปกติไม่ได้แปลว่าเป็นประชาธิปไตย

โดย Kevin Hewison
ที่มา : Asia Sentinel
แปลโดยทีมข่าวไทยอีนิวส์
4 มิถุนายน 2552

การเมืองไทย: กลับมาเป็นปกติ?

ปกติไม่จำเป็นต้องหมายความว่าเป็นประชาธิปไตย


นายกฯ ไทยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้บินไปฮ่องกงและเกาหลีใต้เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อยืนยันกับนักลงทุนว่าการเมืองของประเทศไทยได้กลับสู่สภาวะปกติแล้ว แต่ในประเทศไทยของอภิสิทธิ์ สภาวะปกติหมายถึงการลื่นไถลอย่างน่าเศร้ากลับไปสู่โครงร่างที่เรียกว่าเป็น ประชาธิปไตยแบบไทยๆซึ่งเป็นระบบที่นักการเมือง พรรคการเมือง และรัฐสภา ถูกทำให้อ่อนแอ และอำนาจที่แท้จริงตกอยู่ในมือของสถาบันแบบดั้งเดิมที่กดขี่ และเป็นลำดับขั้น (hierarchical)


การให้ความเชื่อมั่นของ อภิสิทธิ์หลังจากหลายปีของความวุ่นวายซึ่งเริ่มต้นเมื่อปี 2548 จากการที่มีประท้วงขับไล่อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร และถูกสับขั้วโดยการรัฐประหารปี 2549 ที่ทำให้ทักษิณต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ ที่ทำให้มีความรุนแรงบนถนนมากขึ้น การบุกยึดครองสนามบินโดยพันธมิตรที่คลั่งเจ้าและการปราบปรามผู้ประท้วงต่อ ต้านรัฐบาลเมื่อกลางเดือนเมษายน

สถาบัน เหล่านี้ได้ให้ "เสถียรภาพทางการเมือง" กับประเทศไทยในอดีต นั่นก็คือสถาบันพระมหากษัตริย์ ทหาร และข้าราชการ แต่สถาบันดังกล่าวได้ตกอยู่ในสภาวะกดดันจากการพัฒนาของระบอบรัฐสภา
ใน ช่วงที่ทักษิณเป็นนายกฯ จุดศูนย์กลางของอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจซึ่งอยู่ในมือเขา และการดึงดูดชนชั้นที่ยากจนและอ่อนแอที่สุดของเขามันท้าทายความคิดของพวก อนุรักษ์นิยมซึ่งมีจุดศูนย์กลางของอำนาจอยู่ที่กลุ่มชนชั้นสูงที่เป็น อนุรักษ์นิยม

ขณะนี้มีหลักฐานอยู่มากมายที่แสดงให้เห็นว่ากลุ่ม อนุรักษ์นิยมซึ่งถือว่าตนเองมีความชอบธรรมมากที่สุดในการปกครองประเทศได้ กลับเข้ามามีอำนาจอีกครั้ง นายกฯอภิสิทธิ์และพรรคร่วมรัฐบาลของเขาที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่ เป็นแค่ผู้จัดการเวทีเพื่อการกลับมาของพวกอนุรักษ์นิยม

เหตุการณ์ล่า สุดที่ยืนยันเรื่องนี้คือการตัดสินเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ของการไม่เอาโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับกรณีตากใบเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 คำพิพากษาที่ว่าทหารและตำรวจกระทำการถูกต้องตามกฏหมายและโดยใช้วิจารณญานที่ ถูกต้องนั้น ทางศาลได้ยอมรับการปราบปรามผู้ประท้วงที่มีผู้เสียชีวิต 85 ราย และมี 78 คนในนั้นที่เสียชีวิตในระหว่างการคุมตัวหลังจากถูกยัดเข้าไปในรถบรรทุกของ ทหารและขับออกไป

โศกนาฎกรรมนี้เกิดขึ้นในช่วงที่พตท.ทักษิณเป็นนายก รัฐมนตรี และเขาก็โดนตำหนิอย่างกว้างขวางและอย่างสมควร แต่จากคำตัดสินของศาล สิ่งที่สำคัญไม่ใช่บทบาทของทักษิณแต่เป็นการปกป้องเจ้าหน้าที่ของรัฐและ บุคคลในกองทัพที่เกี่ยวข้อง


มีอีกหลายกรณีที่คล้ายๆกัน อย่างเช่นการสังหารหมู่ในมัสยิดกรือเซะที่ปัตตานีที่ไม่เคยมีการสอบสวนอย่าง เพียงพอ การทำทารุณกรรมต่อผู้อพยพชาวโรฮิงยาโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งถูกบันทึกภาพ ไว้เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาได้ถูกลืมไปแล้ว และนายกฯอภิสิทธิ์ได้อ้างว่าเป็นพฤติกรรมที่ผิดของเจ้าหน้าที่รักษาความสงบ ของรัฐ และการพบศพที่ลอยมาในแม่น้ำที่มีบ่งบอกถึงการตายแบบฆาตกรรมของชายสองคนก็ถูก เมินเฉย

การกลับไปสู่สภาวะปกติหมายถึงสถาบันอนุรักษ์นิยมกำลังปกป้อง ตัวเองอยู่ เจ้าหน้าที่รัฐยังปฏิบัติหน้าที่ที่นอกเหนือกฏหมาย โดยเฉพาะพวกที่เป็นส่วนหนึ่งหรือบางส่วนของกลไกที่กำลังปกป้องสถาบันดัง กล่าวและกำหนดกติกาของพวกเขา


การที่ปล่อยให้ทหารปฏิบัติการโดย ได้รับการยกเว้นจากการลงโทษนอกจากจะเป็นการให้รางวัลต่อพวกเขาที่ทำหน้าที่ ค้ำจุนอิทธิพลของสถาบันอนุรักษ์นิยมแล้วยังสะท้อนถึงอำนาจการเมืองที่ยัง รุ่งเรือง เมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์กำเนิดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2551 พวกเขามีหมอตำแยอยู่ 3 คนคือ: พันธมิตร นักอนุรักษ์นิยมที่มีราชสำนักเป็นแนวร่วม และทหาร

การประท้วงข้างถนน ของพันธมิตรได้ทำให้สองรัฐบาลที่เชื่อมโยงกับทักษิณสั่นคลอน พวกอนุรักษ์นิยมที่มีราชสำนักเป็นแนวร่วมสามารถทำให้มีการดำเนินคดีต่อ ทักษิณและพรรคเหล่านั้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และหนึ่งในคณะรัฐประหารปี 2549 ได้ปล่อยให้ผู้ประท้วงพันธมิตรเข้าเข้ามามีอำนาจครอบงำอย่างเบ็ดเสร็จ และบงการหรือรับรองรัฐบาลผสมของประชาธิปัตย์ซึ่งได้เห็นการเปลี่ยนขั้ว อย่างกระทันหันของนักการเมืองที่เคยสนับสนุนทักษิณ


ตอนนี้ทหารทำ หน้าที่เป็นเกราะป้องกันสำหรับสถาบันอนุรักษ์นิยมและรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ กองทัพได้เข้ามาแทรกแซงสองครั้งในช่วงหลายปีที่มีความวุ่นวายทางการเมือง ครั้งแรกคือการก่อรัฐประหาร ปี 2549 และครั้งที่สองเมื่อพล.อ.อนุพงษ์ได้สั่งให้ช่วยรัฐบาลโดยการปราบปรามการ ลุกฮือของคนเสื้อแดงที่สนับสนุนทักษิณหรือผู้ที่ต่อต้านรัฐบาลอื่นๆ

การ กลับมาสู่สภาวะปกติของประเทศไทยคือการมีกองทหารที่มีอิทธิพลและเล่นการเมือง มันหมายถึงด้วยว่ารัฐสภาเป็นสถานที่สำหรับเปลี่ยนขั้วทางการเมือง รัฐบาลผสมเป็นสิ่งปกติดังนั้นการมีการสนับสนุนจากพรรคไม่มีความหมายและค่อน ข้างจะแพง รัฐบาลนี้มีอายุน้อยกว่า 6 เดือนแต่พรรคเล็กๆได้ทำให้รัฐบาลสั่นคลอนแล้ว พรรคเล็กๆทำการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีและวิธีอื่นที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งและ เตรียมพร้อมกับการเลือกตั้งคราวหน้าที่จะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากและการ เจรจาต่อรองที่จะตามมา


ด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลายเกี่ยว กับการซื้อเสียงของทักษิณในการเลือกตั้งที่เขาได้รับชัยชนะ พวกอนุรักษ์นิยมและทหารอารักขาของพวกเขาต่างหากที่ทำให้ money politics ยิ่งใหญ่ มันไม่ได้ฟังดูถากถางเท่าไหร่หรอกเพราะ money politics ทำให้รัฐสภาอ่อนแอและไม่เป็นอิสระ ซึ่งก็หมายถึงว่าอำนาจที่แท้จริงยังอยู่ในมือของกลุ่มชนชั้นสูงที่เป็นพวก อนุรักษ์นิยม

ที่น่าสนใจคือ พันธมิตรกำลังเลือกแนวทางการมีพรรคการเมือง เนื่องจากพวกเขาดึงดูดประชาชนในเขตเลือกตั้งเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ พันธมิตรน่าจะดึงคะแนนจากพรรคนั้นในการเลือกตั้งคราวหน้า มันอาจจะเป็นผลลัพธ์ที่ประหลาด แต่สำหรับพวกอนุรักษ์นิยม การถ่วงดุลย์ความสามารถในการรวมพลผู้สนับสนุนของพันธมิตรถือเป็นชัยชนะที่ สำคัญ และการที่พวกเขาตั้งพรรคจะทำให้เป้าหมายนั้นสำเร็จ


เหมือน รัฐบาลอนุรักษ์นิยมและรัฐบาลทหารในอดีต รัฐบาลอภิสิทธิ์กำลังพึ่งพากลไกอำนาจกดขี่เพื่อทำให้ทุกอย่างอยู่ในที่ทาง ของมัน หน่วยงานที่จำเป็นเหล่านี้คือ ทหาร กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ISOC) กระทรวงมหาดไทย กระทรวง ICT แต่ละองค์กรได้รับงบประมาณที่ต้องใช้ในการปราบปรามสิ่งทีมองว่าเป็นการล้ม ล้างและเพิ่มความแข็งแกร่งของการโฆษณาชวนเชื่อให้คลั่งชาติและคลั่งเจ้า

รัฐบาล สามารถคุมสื่อหลักได้พอๆกับสื่อของรัฐได้อย่างง่ายดาย พวกเขากระทำอะไรอีกมากมายเพื่อที่จะข่มขู่สิ่งที่เรียกว่าสื่อใหม่ ในความพยายามที่จะทำให้มั่นใจว่าการเซ็นเซอร์ตัวเองนั้นเป็นบรรทัดฐาน

โดย เฉพาะกับกรณีที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการวางรากฐานความคิดส่วนรวมและการระบุความ "จงรักภักดี" คดีที่ดังๆที่ใช้กฎหมายหมิ่นฯที่เคร่งครัดและกฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ได้เล็งไปที่กิจกรรมทางอินเตอร์เน็ท คดีเหล่านี้เตือนประชาชนให้ระลึกว่าพวกเขากำลังถูกจับตามองอยู่และการฝ่าฝืน จะมีโทษอย่างหนัก

ป้ายโฆษณา โทรทัศน์ และสปอตโฆษณาทางวิทยุ และรวมถึงตัวนายกรัฐมนตรีเอง ชักชวนให้ให้ประชาชนรักและปกป้องสถาบันกษัตริย์ องค์กรความมั่นคงภายในกำลังใช้แคมเปญที่ดูเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้นที่จะส่ง เสริมการจงรักภักดีต่อสถาบันราชวงศ์


ที่มีเงื่อนงำคือโปรแกรมที่ ชักชวนและฝึกให้ประชาชนเป็นสายลับ ที่ขอให้พวกเขารายงานใครที่พวกเขาคิดว่าเป็นศัตรูของสถาบันกษัตริย์ นายกฯอภิสิทธิ์ลงนามเพื่อเป็นหนึ่งในสายลับอาสาสมัคร และนี่ก็นอกเหนือจากกลุ่มสายลับที่จ้างโดยรัฐเพื่อสืบส่องการกระทำที่ไม่จง รักภักดีตามสื่อต่างๆ

รัฐบาลปัจจุบันและวาระอนุรักษ์นิยมได้รับการ สนับสนุนจากชนชั้นกลาง ในอดีตมันดูเหมือนว่าชนชั้นกลางจะเป็นชนชั้นที่จะผลักดันการเป็นทำให้ประเทศ เป็นประชาธิปไตย แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้ว ความคิดดังกล่าวถูกลบไปเมื่อเดือนเมษายนที่มีการลุกฮือที่ทำให้ชนชั้นกลาง เชื่อว่าเสื้อแดงจะเผาบ้าน ร้านค้า โรงงานของเขาในการลุกฮือครั้งหน้า เพราะฉะนั้นพวกเขาจะให้การสนับสนุนต่อสถาบันและประชาธิปไตยแบบไม่เต็มใบและ ปกป้องโดยทหารที่ถือปืน


นักอนุรักษ์นิยมอย่างเช่นคนวงในของราช สำนัก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เตือนชนชั้นกลางว่าการพ้นจากความหายนะนั้นขึ้นอยู้กับสถาบันกษัตริย์และ สถาบันนี้กำลังตกอยู่ในสภาวะอันตราย พวกเขาเตือนด้วยว่าเสื้อแดงจะกลับขึ้นมาลุกฮืออีกถ้าไม่มีความจงรักภักดีและ ความละมัดระวัง

แต่การกลับไปสู่ความเป็นปกติในรูปแบบของกลุ่ม อนุรักษ์นิยมมันไม่ใช่ง่าย สถาบันนี้และการสนับสนุนของพวกเขาจะไม่ได้สิ่งที่พวกเขาต้องการทั้งหมด การลุกฮือเมื่อเดือนเมษายนแสดงให้เห็นว่าคนยากจนที่ถูกตัดสิทธิ์กำลังโกรธ แค้นกับวาระที่กลับมาใหม่ของพวกอนุรักษ์นิยม พวกเขาต้องการให้เสียงของเขาถูกสนองตอบ มันไม่ง่ายเลยที่จะปิดปากพวกเขา

Kevin Hewison เป็นผู้อำนวยการของ Carolina Asia Center และเป็น Professor ของ Department of Asian Studies ที่ University of North Carolina Chapel Hill




 

Create Date : 04 มิถุนายน 2552    
Last Update : 4 มิถุนายน 2552 15:17:28 น.
Counter : 568 Pageviews.  

พลวัต กษัตริย์ในโลกปัจจุบัน

กษัตริย์ในโลกปัจจุบัน

เพื่อนหญิงคนหนึ่ง จากหมู่บ้านคานทองนิเวศน์ เพิ่งจะกลับจากเนปาล และภูฏาน พร้อมกับเรื่องราวและคำถามหลายประการ

เธอเล่าว่า เพราะอาการ”จิ๊กมี่ ฟีเวอร์”ที่ยังไม่หายแม้จะผ่านมาหลายปี ทำให้เธอดั้นด้นไปปีนเขาสูงถึงภูฏาน แทนที่จะเดินทางไปแค่ซื้อของที่ระลึกชั้นดีอย่างผ้าขนสัตว์แคชเมียร์ และ เครื่องแกะสลักไม้ในกาฏมัณฑุ ตามที่ตั้งใจไว้แต่เดิมที่ภูฏาน เธอได้เห็นว่าสิ่งที่เรียกว่า ดัชนีความสุขแห่งชาติ หรือ GNH นั้นเป็นอย่างไร โดยเฉพาะหลังจากที่กษัตริย์ จิ๊กมี่ วังชุก ราชาภิเษกอย่างเป็นทางการตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ด้วยวัยเพียง 29 พรรษา

สิ่งที่เธอประหลาดใจก็คือ รัฐธรรมนูญของภูฏาน เป็นรัฐธรรมนูญที่ก้าวหน้าที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เพราะทั้งกษัตริย์ นักการเมือง และประชาชนต่างก็ใช้วัฒนธรรมแบบพุทธมหายาน(ศาสนาประจำชาติ)เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสัน
ติ ยุติธรรม และยั่งยืนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่างจริงจัง

เธอบอกว่า แม้จะเสียดายที่รัฐธรรมนูญของภูฏานระบุว่า พระราชินีของกษัตริย์นั้น จะต้องเป็นคนถือกำเนิดในภูฏาน หรือ อาศัยอยู่ต่อเนื่องในภูฏานนานเกินกว่า 25 ปี ที่ตัดโอกาสสาวต่างชาติจากตำแหน่งดังกล่าวสิ้นเชิง แต่ก็เป็นเรื่องเข้าใจได้

ที่น่าแปลกใจก็คือ ในบัญญัติว่าด้วยพระมหากษัตริย์นั้น ภูฎานมีเงื่อนไขว่า กษัตริย์จะต้องสละราชสมบัติเมื่ออายุครบ 65 พรรษา(เกษียณ) เพื่อสรรหากษัตริย์พระองค์ใหม่

นอกจากนั้น ในมาตรา 20-25 ของรัฐธรรมนูญ ก็ยังมีสาระว่าด้วยกระบวนการถอดถอน หรือให้กษัตริย์ทรงสละราชสมบัติ ในกรณีละเมิดรัฐธรรมนูญหรือมีพระสุขภาพจิตบกพร่อง ซึ่งกระบวนการนี้ แสดงให้เป็นนิติรัฐอย่างชัดเจน

บัญญัติรัฐธรรมนูญที่ว่ามานี้ เป็นแค่บางส่วนของความก้าวหน้าล้ำยุคของความพยายามดัดแปลงภูฏานให้เป็นชาติ"ทันสมัย โดยไม่เป็นตะวันตก" ซึ่งไปไปตามเจตนารมณ์ของกษัตริย์ซิงเย่ วันชุก ผู้ทรงอัจฉริยะและมีวิสัยทัศน์ยาวไกล เพราะทรงถือว่า การเมืองคือส่วนหนึ่งของสุข/ทุกข์ของปวงชนที่ปรากฏในดัชนีความสุขแห่งชาติเพื่อยกระดับให้สูงขึ้นอย่างยั่งยืนและเท่าเทียมกัน โดยที่ชะตากรรมของภูฏานไม่ควรขึ้นกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ภายใต้กรอบคิดที่ว่า "ตราบใดที่ภูฏานมีกษัตริย์ที่ดี ประเทศก็ยังมีอนาคต แต่ถ้าชาติมีกษัตริย์ที่เลว ก็ต้องมีวิธีอารยะเอาออกจากตำแหน่ง"เล่ามาถึงตอนนี้ เธอตั้งคำถามกับผมว่า กษัตริย์ในประเทศอื่นๆที่อยู่ในกระแสการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง สามารถนำมาเทียบกับภูฏานอย่างไรได้บ้าง?

ผมพยายามรื้อฟื้นความทรงเก่าจากที่เคยเล่าเรียนและค้นคว้ามา เริ่มตั้งแต่สถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ในยุคโบราณของชนเผ่าแอซเต็กในเม็กซิโก ก่อนยุคโคลัมบัส ซึ่งกษัตริย์มีฐานะเป็นเทพ แต่เป็นเทพที่เผชิญทุกขลาภอย่างน่าเวทนามากกว่าน่ายกย่อง

กษัตริย์แอซเต็กจะครองบัลลังค์เพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น โดยคนที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์นั้น จะถูกคัดเลือกโดยหัวหน้านักบวช เลือกเอาเชลยศึกชายที่"หล่อ"ที่สุด นำมาแต่งองค์ด้วยอาภรณ์และอัญมณีชั้นเลิศ ให้อาหารอย่างดีเยี่ยมทุกมื้อ ให้สนมบำเรอเต็มที่ มีดนตรีกล่อมตลอด 24 ชั่วโมง แต่ไม่ได้ทำหน้าที่ปกครอง เมื่อครบ 1 ปีที่ครองบัลลังค์ กษัตริย์จะถูกนำขึ้นบูชายัญบนปิรามิด ถอดอาภรณ์ออกจนตัวเปลือยเปล่า นักบวชจะผ่าหน้าอกแหวกออก ควักหัวใจออกมาบดขยี้ จากนั้นก็ถลกหนังศีรษะเพื่อสังเวยเทพสูงสุด

ส่วนกษัตริย์ในยุโรป นับแต่ยุคกลาง มีฐานะแตกต่างออกไป พระองค์ไม่ถูกถือว่าเป็นเทพ หรือ ตัวแทนของพระเจ้า แต่เป็นคนที่พระเจ้าทรงมอบอำนาจให้ปกครองมนุษย์ โดยต้องได้รับแต่งตั้งจากศาสนจักรคือวาติกัน ทำให้กษัตริย์หลายพระองค์ต้องเสียบัลลังค์เพราะขัดแย้งกับสันตปาปา

ต่อมาในยุคปฏิรูปศาสนาคริสต์ มีการประนีประนอมระหว่างศาสนาจักรและกษัตริย์ ทำให้เกิดทฤษฎี "ดาบสองเล่ม" คือ วาติกันครองศาสนจักร กษัตริย์ปกครองอาณาจักร

มาถึงยุคประชาธิปไตย ทฤษฎีสัญญาประชาคม ที่เสรีภาพ และเสมอภาค กลายเป็นเป้าหมายสำคัญของสังคม ทำให้กษัตริย์ต้องปรับบทบาทใหม่เพื่อความอยู่รอด ด้วยการรับสาระที่ว่าด้วย"สิทธิที่จะครองราชย์ แต่ไม่มีสิทธิปกครอง" ซึ่งกษัตริย์ในยุโรปที่ประสบความสำเร็จ(หมายถึงดำรงฐานะเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญมาจนถึงปัจจุบัน)ก็ล้วนอยู่ใต้สาระนี้ โดยมอบอำนาจทางการเมืองให้กับ"ชนชั้นการเมือง" ส่วนที่ล้มเหลวต้องเสียบัลลังค์ก็เพราะขวางกระแสปวงชนด้วยการทำตัวเป็นเอกาธิปัตย์

การถ่ายโอนอำนาจจากกษัตริย์ไปสู่นักการเมือง และการเลือนหายไปของบุคลิกภาพส่วนตัวของกษัตริย์ในบทบาททางการเมือง ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ล้วนเป็นกงล้อประวัติศาสตร์ของสังคมประชาธิปไตยโลกที่ยากจะเลี่ยงได้

เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิล เคยสรุปข้อดีของการที่กษัตริย์ทรงอยู่ในฐานะปลอดจากการเมืองเอาไว้ฉียบคมยิ่งนักว่า”หากชาติแพ้สงคราม ประชาชนจะคว่ำรัฐบาล แต่หากชาติชนะสงคราม ประชาชนจะแซร่ซ้องสรรเสริญกษัตริย์”

ทั้งหมดนี้ อยู่ภายใต้เงื่อนไขสำคัญอีกข้อหนึ่งนั่นคือ กษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้น จะต้องไม่ปฏิเสธ หรือ ลังเลใจที่จะให้คำมั่นที่เอาจริงกับปวงชนว่า จะยืนเคียงข้างประชาธิปไตยเต็มตัว ไม่แสดงท่าทีให้ผู้คนสับสนว่าจะประคองตัวเองให้รอดแบบเหยียบเรือสองแคมอยู่กับทั้งซีกประชาธิปไตยและเผด็จการ

เรื่องนี้ กษัตริย์ ฮวน คาร์ลอส ที่ 1 ของสเปนในปัจจุบัน ได้ทรงแสดงเอาไว้เป็นต้นแบบอันน่าสรรเสริญมาแล้วใน ค.ศ. 1981 เมื่อนายทหารบางส่วนก่อการรัฐประหารในกรุงมาดริด

นั่นหมายความว่า วิสัยทัศน์ของกษัตริย์แห่งภูฏานนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดแต่อย่างใด เพราะได้ทรงกระทำในสิ่งที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า จะทำให้สถาบันกษัตริย์ดำรงอย่างยั่งยืนได้ยาวนาน ไม่ใช่หดสั้นแบบกษัตริย์เนปาลที่มีชะตากรรมตรงกันข้ามเพราะทวนกระแสโลกหวังเป็นเอกาธิปัตย์

เพื่อนผมถามว่า อย่างนั้น สถาบันกษัตริย์ไทยจะเป็นอย่างไรล่ะ?

ผมเรียกเธอเข้ามาใกล้ แล้วกระซิบใกล้หูว่า"...."

คำตอบของผม ไม่สามารถเผยแพร่ในที่สาธารณะได้ และเพื่อนของผมก็เห็นพ้องด้วยว่าไม่ควรเช่นกัน....................
วันที่ 29 พ.ค. 2552

ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น




 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 1 มิถุนายน 2552 19:51:10 น.
Counter : 546 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.