ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง
4 กลุ่มอุดมการณ์ที่กำลังเกี่ยวพันสังสรรค์ในสังคมไทย

Siam Intelligence Unit

ความขัดแย้งรุนแรงทางการเมืองไทยในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างความปวดร้าวให้คนไทยจำนวนมาก เพราะเชื่อกันว่า เป็นความตกต่ำล้าหลัง แต่หากวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งจะมองเห็นความก้าวหน้าสร้างสรรค์บางประการ ที่ทำให้สงครามครั้งนี้มีคุณภาพแตกต่างจากวิกฤตทางการเมืองในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา



สำหรับกลุ่มที่ทำสงครามชิงแผ่นดินอยู่ในขณะนี้ แบ่งได้เป็น 4 กลุ่มอุดมการณ์

1. อุดมการณ์จารีต พัฒนาเติบโตควบคู่กับสังคมไทยมายาวนาน โดยมีการปฏิรูปตนเองหลายต่อหลายครั้ง ในอดีตอาจต่อต้านระบบทุนนิยม แต่ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ได้เริ่มยอมรับและปรับตัวเข้าสู่ระบบใหม่ เพื่อความอยู่รอดของอุดมการณ์ แต่ยังคงยึดถือวิถีทาง “ช้าช้าได้พร้าเล่มงาม” การเปลี่ยนแปลงควรกระทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป

2. อุดมการณ์โลกาภิวัตน์ วิเคราะห์ให้ถึงที่สุด กลุ่มนี้เริ่มต้นสร้างตัวมาจากกลุ่มที่ 1 แต่หลังจากเจริญเติบโตสร้างความมั่งคั่งในระบบทุนนิยมได้ระดับหนึ่ง จึงเริ่มขยายตัวสู่ระดับประเทศและระดับโลก แม้จะมองเห็นภัยลบจากโลกาภิวัตน์เช่นเดียวกับกลุ่มที่ 1 แต่คนกลุ่มนึ้เชื่อมั่นในตนเองมากเกินกว่าจะยอมก้าวเดินอย่างช้าช้าเพื่อไตร่ตรองผลดีผลเสีย โดยกลับมองว่า หากรีรอใคร่ครวญมากเกินไปจะทำให้พลาดโอกาสที่ดี และนำไปสู่ความพ่ายแพ้จากภัยคุกคามของการแข่งขันที่ดุเดือดเฉือนคมบนเวทีโลกที่ไม่เคยปราณีผู้ใด

3. อุดมการณ์ธรรมาภิบาล คือ ตัวแทนคนรุ่นใหม่ ที่ไม่เห็นด้วยกับ 2 กลุ่มแรก บางส่วนเติบโตมาจาก 2 กลุ่มแรก โดยมองว่า การเข้าร่วมกับกระแสโลกาภิวัตน์ในด้านหนึ่งเป็นการปรับตัวให้อยู่รอด แต่หากรากฐานภายในไม่แข็งแกร่ง ย่อมได้รับภัยจากโลกาภิวัตน์มากกว่าประโยชน์โดยเฉพาะวิกฤตปี 2540 ที่พึ่งผ่านไป กลุ่มนี้จึงเน้นการเข้าร่วมกับโลกาภิวัตน์พร้อมกับการสร้างระบบที่เข้มแข็งรองรับ ทั้งในด้านธรรมาภิบาลที่โปร่งใสตรวจสอบได้ และการยกระดับโมเดลธุรกิจให้ไปพ้นยุทธศาสตร์ค่าแรงราคาถูก โดยเน้นที่การสร้าง “มูลค่าเพิ่ม” ให้สินค้าและผลิตภัณฑ์

4. อุดมการณ์ประชาสังคม กลุ่มนี้มีความหลากหลายที่สุด แต่พอสรุปได้ว่า คือ กระแสตรวจสอบถ่วงดุลสังคมให้เกิดการพัฒนาประเทศอย่างมีคุณภาพ มองผิวเผิน กลุ่มนี้คล้ายกับกลุ่ม 1 ที่กำลังวิพากษ์กลุ่ม 2 อย่างรุนแรงในขณะนี้ แต่สิ่งที่ต่างออกไป คือ แม้จะไม่เห็นด้วยกับการผูกติดตนเองกับกระแสโลภากิวัตน์ แต่ด้วยการเปิดกว้างรับความรู้จากทั่วโลก คนส่วนใหญ่ของกลุ่มนี้จึงมองเห็นว่าการต้านทานกระแสโลกาภิวัตน์อย่างที่กลุ่ม 1 ต้องการนั้นเป็นไปได้ยาก กลุ่มนี้จึงค่อนข้างโน้มเอียงมายังแนวทางของกลุ่มที่ 3 คือ ปรับปรุงระบบโครงสร้างภายในให้มีคุณภาพเข้มข้นเพียงพอต่อการก้าวไปกับโลกาภิวัตน์ แต่สิ่งที่ต่างออกไปจากกลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มนี้เน้นการสร้างสังคมพลเมืองให้เป็นกลไกตรวจสอบถ่วงดุลผู้มีอำนาจทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ทำให้การพัฒนาประเทศมีความหลากหลายแข็งแกร่ง ไม่เน้นแต่เพียงด้านเศรษฐกิจการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ได้ลงลึกถึงรากฐานทางวัฒนธรรม รวมทั้งเสรีภาพของประชาชนในการสื่อสารข้อมูลข่าวสารและการดำรงชีวิต และอาจกินความไปถึงการแสวงหาทางจิตวิญญาณล้ำลึกของมนุษยชาติ

จุดขัดแย้งหลักของสงครามครั้งนี้อยู่ที่กลุ่มอุดมการณ์เก่า เพราะเป็น 2 พลังหลักที่สั่งสมกำลังบารมีมาอย่างยาวนาน แต่การละเลยขุมกำลังคนรุ่นใหม่อย่างกลุ่มที่ 3 และ 4 ซึ่งกำลังเติบโตขยายตัวอย่างรวดเร็ว อาจทำให้การวิเคราะห์ผลลัพธ์มีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนได้ ที่สำคัญ กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในสงครามครั้งนี้ จะพลิกโฉมสถานการณ์ให้เกิดผลดีต่อชาติบ้านเมืองมากกว่าผลเสียหายทรุดโทรมอย่างที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะเกิดขึ้น

กระแสตอบรับกลุ่มอุดมการณ์โลกาภิวัตน์ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นความเปลี่ยนแปลงมากมายของสังคมไทย โดยเฉพาะกระบวนการสะสมทุนเพื่อยกระดับคุณภาพการผลิต ทักษะบริหารจัดการรูปแบบใหม่ รวมถึงวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมที่กำลังผนวกตนเองเข้าสู่วัฒนธรรมโลก แต่ขณะเดียวกัน เมื่อกลุ่มผู้นำอุดมการณ์โลกาภิวัตน์ไม่สามารถแก้ไขและพัฒนาประเทศจนเป็นที่พอใจตามความคาดหวังสูงยิ่งของประชาชน จึงทำให้พลังการวิพากษ์วิจารณ์ของกลุ่มอุดมการณ์จารีต เริ่มมีคนเห็นพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอุดมการณ์ธรรมาภิบาลและกลุ่มอุดมการณ์ประชาสังคม ได้ร่วมสนับสนุนกลุ่มอุดมการณ์จารีต ในที่สุด กลุ่มอุดมการณ์โลกาภิวัตน์จึงไม่สามารถต้านรับกับพลังต่อต้านที่ถาโถมโหมกระหน่ำเข้ามาได้

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการบริหารประเทศของกลุ่มจารีตในปี 2549 กลุ่มธรรมาภิบาลและประชาสังคมซึ่งเคยไม่เห็นด้วยกับกลุ่มโลกาภิวัตน์ ได้เริ่มตระหนักว่ามีช่องว่างความแตกต่างระหว่างตนเองกับกลุ่มจารีต ทั้งสองกลุ่มจึงเริ่มทะยอยปลีกตัวจากการสนับสนุนกลุ่มจารีตในสงครามต่อต้านกลุ่มโลกาภิวัตน์ กลับมาเป็นการเฝ้าดูสถานการณ์สู้รบอย่างเป็นกลางวางเฉย และแสวงหาจังหวะโอกาสที่จะพัฒนาตนเองให้เติบโตเข้มแข็งต่อไป

ขณะเดียวกัน กลุ่มจารีตซึ่งดูเหมือนจะเสื่อมความนิยมลงหลังจากปีกหนึ่งของตนเองได้เข้าบริหารประเทศและสร้างความผิดหวังให้กับประชาชนชาวไทย แต่กลับได้รับการตอบรับจากสื่อมวลชนและประชาชนอย่างเหนียวแน่นในการประกาศสงครามเดินหน้าต่อต้านกลุ่มโลกาภิวัตน์อย่างไม่ลดละ ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากพลังมวลชนที่ได้สร้างสมไว้ในช่วงหลายปีที่ทำการรณรงค์ ผนวกกับความสามารถด้านการใช้สื่อใหม่ทั้งโทรทัศน์วิทยุและอินเตอร์เนตในการเชื้อเชิญชักจูงผู้ไม่เห็นด้วยมาเข้าร่วมขบวนการ ขณะที่กลุ่มโลกาภิวัตน์ยังมีบาดแผลที่ต้องรักษาจากการโจมตีของกลุ่มจารีตอย่างหนักหน่วงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้ไม่อาจบริหารประเทศสร้างกระแสความนิยมยอมรับจากประชาชนกลับมารุ่งโรจน์เหมือนเมื่อ 8 ปีก่อนหน้านี้ได้

แต่การถอนตัวของกลุ่มธรรมาภิบาลและประชาสังคมจากการสนับสนุนสงครามของกลุ่มจารีตได้ทำให้พลังการโจมตีต้องอ่อนแอลง ขณะเดียวกันกลุ่มโลกาภิวัตน์กลับไม่เคยนิ่งนอนใจที่จะปรับตัวตามสภาพการณ์ทั้งถอยและรุก เพื่อตอบโต้การบุกกระหน่ำของกลุ่มจารีต ทั้งหมดจึงส่งผลให้สงครามครั้งนี้ยืดเยื้อต่อไป

ในสภาพที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีกำลังรบสูสีกัน ทั้งจุดอ่อนจุดแข็ง บาดแผลที่สมน้ำสมเนื้อ บทบาทของกลุ่มพลังรุ่นใหม่จึงอาจกลายเป็นปัจจัยชี้ขาดให้กับสงครามครั้งนี้ได้

จนถึงตอนนี้ การตรวจสอบเปิดโปงของกลุ่มจารีตได้เริ่มถูกจับตามองว่ามีผลประโยชน์แอบแฝง ที่สำคัญข้อเสนอบางประการยังไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมไทยที่ได้ผนวกตนเองเข้ากับกระแสโลกจนยากจะกลับไปสงบเงียบเหมือนในคืนวันเก่าก่อนได้อีกต่อไป ข้อเรียกร้องจึงไม่ได้รับการขานรับจากกลุ่มคนที่เป็นกลาง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ แต่หากกลุ่มจารีตยินยอมปรับปรุงในบางประเด็นให้สอดคล้องกับแนวทางของกลุ่มประชาสังคม ย่อมสามารถดึงดูดความช่วยเหลือจากกลุ่มนี้ให้กลับมาอีกครั้ง และเมื่อทั้งสองฝ่ายประสานเสริมกัน อาจสามารถชักจูงประชาชนบางส่วนที่ยังเป็นกลางมาเข้าร่วมได้ ที่สำคัญ ยังผนวกการสร้างแนวร่วมไปถึงกลุ่มธรรมาภิบาล ซึ่งยังมีหลายประเด็นไม่เห็นด้วยกับกลุ่มโลกาภิวัตน์ และเมื่อมีพลังหนุนช่วยโดดเด่นเช่นนี้ ชัยชนะย่อมเป็นของกลุ่มจารีตอย่างไม่ต้องสงสัย

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกลุ่มจารีตมีลักษณะอนุรักษ์นิยมสูง จึงยากที่จะปรับตัวเพื่อตอบรับกับบริบทสังคมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นในปัจจุบัน และคงทำใจยอมรับไม่ได้ในหลายประเด็นที่กลุ่มธรรมาภิบาลและประชาสังคมเสนอมา แต่เพื่อชัยชนะแล้ว การปรับตัวของกลุ่มจารีตย่อมสามารถเกิดขึ้นได้

เช่นเดียวกัน กลุ่มโลกาภิวัตน์อาจปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มธรรมาภิบาล ซึ่งได้รับความเชื่อถือจากประชาชนสูงกว่าโดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นกลางที่มีความรู้ซึ่งได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา และในยุคปฏิวัติข้อมูลข่าวสารเช่นนี้ การปกปิดอำพรางข้อมูลจึงเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ การทำตัวเองให้โปร่งใสตรวจสอบได้จึงเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่า และหากกลุ่มโลกาภิวัตน์สามารถแก้ไขจุดบกพร่องนี้ย่อมได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มธรรมาภิบาลและประชาสังคม ขณะที่กลุ่มจารีตกลับมีข้ออ้างในการโจมตีลดลง และหากสามารถสรรหาเรื่องอื่นมาเปิดโปงได้ก็อาจไม่ได้รับความสนใจจากประชาชนเท่าที่ควร เพราะไม่ใช่ประเด็นหลักที่คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ

อย่างไรก็ตาม การปรับตัวของกลุ่มโลกาภิวัตน์ยังคงเป็นภาระที่ยากลำบาก อาจเพราะหลายปีกในกลุ่มนี้ได้เคยชินกับระบบวิธีทำมาหากินแบบเก่าซึ่งบางส่วนยังอิงกับระบบจารีตแบบกลุ่มที่ 1 ด้วยซ้ำ จึงไม่ต้องหวังว่าจะยอมปรับเปลี่ยนไปเป็นแบบธรรมาภิบาล แต่เพื่อชัยชนะทุกสิ่งย่อมปรับเปลี่ยนต่อรองกันได้

สงครามครั้งนี้ดูเหมือนจะสาดโคลนใส่กันอย่างไม่ลดราวาศอก แต่ถ้าสังเกตให้ดี ทั้งสองกลุ่มมีการปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกันตลอดเวลา และเมื่อผ่านการลองผิดลองถูกจนถึงระดับหนึ่ง แต่ละกลุ่มย่อมสัมผัสรู้สึกได้ว่า ด้วยการปรับตัวเองเข้าหารูปแบบของกลุ่มธรรมาภิบาลและประชาสังคมเท่านั้น จึงจะทำให้กลุ่มของตนดำรงความได้เปรียบเหนือคู่แข่งได้อย่างยั่งยืน จนแปรเปลี่ยนไปสู่ชัยชนะในท้ายที่สุด ดังนั้น กลุ่มใดที่สำนึกรู้สึกตัวได้เร็วกว่า ย่อมชิงความได้เปรียบในการแสวงหาพันธมิตร ที่สำคัญ แต่ละปีกในกลุ่มย่อมพร้อมจะแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายอื่น หากทางกลุ่มไม่มีนโยบายที่ก้าวหน้าเพียงพอ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ ปีกทหารที่แต่เดิมเคยสังกัดกลุ่มจารีต แต่ในภาวการณ์ปัจจุบันกลับมีเสียงที่แตกมาอยู่กับกลุ่มโลกาภิวัตน์ (อาจเพราะพวกเขาบังเอิญอยู่ในจุดที่เห็นด้านก้าวหน้าของกลุ่มนี้มากกว่าด้านล้าหลัง) ขณะที่บางส่วนกลับวางเฉยดูท่าทีตามอย่างฝ่ายธรรมาภิบาลและประชาสังคม เช่นเดียวกัน นายทุนที่น่าจะสนับสนุนกลุ่มโลกาภิวัตน์บางส่วนก็เริ่มหันเหไปเข้ากับฝ่ายจารีต (ซึ่งพวกเขาอาจได้รับฟังเรื่องราวที่ก้าวหน้าของกลุ่มนี้มากกว่าด้านล้าหลัง) เพราะไม่พอใจพฤติกรรมบางอย่างของแกนนำกลุ่มโลกาภิวัตน์

ดังนั้น คู่ขัดแย้งหลักในสงครามครั้งนี้ จึงต้องปรับตัวเองขนานใหญ่ เพื่อแสวงหาพันธมิตรจากกลุ่มธรรมาภิบาลและประชาสังคม รวมถึงการควบคุมดึงดูดปีกต่างๆในกลุ่มของตนให้เข้าร่วมอย่างเต็มที่เพื่อพิชิตชัยชนะในสงครามที่มีเดิมพันสูงยิ่งครั้งนี้

ถ้าให้เลือกได้ ทุกกลุ่มย่อมไม่มีใครอยากปรับเปลี่ยนตัวเองให้วุ่นวาย แต่แนวโน้มใหญ่ของโลก โดยเฉพาะพลังปฏิวัติคลื่นลูกที่ 3ได้ถาโถมกดดันสร้างปฏิสังสรรค์กับพลังการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทยจนทำให้เกิดกลุ่มคนที่แตกต่างหลากหลายทั้งในด้านความคิดสร้างสรรค์ใหม่และอุดมการณ์ก้าวหน้า ดังนั้น จึงมีเพียงแต่การปรับตัวเข้าหาความเจริญก้าวหน้าตามแบบกลุ่มธรรมาภิบาลและประชาสังคม จึงประกันความอยู่รอดในระยะยาว ที่สำคัญ ในตอนนี้กำลังของกลุ่มรุ่นใหม่ยังไม่เติบโตเข้มแข็ง ถ้ากลุ่มเก่าทั้งสองชิงเป็นฝ่ายรุกในการปรับตัว ย่อมจะรักษาสถานะความเป็นผู้นำได้ต่อไปอีกหลายสิบปี แต่หากรอให้กลุ่มรุ่นใหม่เติบโตจนสามารถบีบบังคับให้กลุ่มรุ่นเก่าต้องปรับตัวแล้ว ชัยชนะในสงครามครั้งนี้ก็อาจต้องแลกมาด้วยการสูญเสียอำนาจความเป็นผู้นำของแผ่นดินสยามประเทศให้กับผู้คนในกลุ่ม ธรรมาภิบาลและประชาสังคมที่พึ่งเติบโตมาวัดร้อยเท้าได้ไม่นานนัก

คู่ขัดแย้งหลักที่มั่นใจในพลังรบของตนเอง หรือวางใจว่าจะมีผู้ยิ่งใหญคนใดมาช่วยเหลือ ย่อมเป็นการเพ้อฝันและบั่นทอนการสร้างยุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง ประวัติศาสตร์การต่อสู้ของมนุษย์ได้พิสูจน์ให้เห็นเสมอมาว่า ผู้ที่รอคอยโชคชะตาหรือคิดหวังพึ่งพันธมิตรผู้ยิ่งใหญ่คนใดคอยช่วยเหลือ โดยเกียจคร้านที่จะพัฒนาและพึ่งพาตนเอง สร้างคุณสมบัติโดดเด่นเพื่อดึงดูดคนเก่งและพันธมิตรเข้มแข็ง มักจะต้องพบโศกนาฏกรรมพ่ายแพ้ในท้ายที่สุด เพราะนักปรัชญาอังกฤษท่านหนึ่งได้เคยเสนอความคิดเห็นอันลือลั่นว่า “ผู้ปรับตัวได้ดีที่สุดเท่านั้น คือ ผู้ที่อยู่รอด”

สำหรับประชาชนธรรมดาแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในสงครามครั้งนี้ คือ การแสวงหาความรู้อย่างรอบด้านลึกซึ้ง ซึ่งในยุคคลื่นลูกที่ 3 เป็นเรื่องง่ายที่จะแสวงหาข้อมูลทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึก แต่กลับเป็นเรื่องยากที่ใครจะปิดบังอำพรางข้อมูลได้โดยไม่มีใครสืบรู้เปิดโปง และหากผู้ใดพยายามสกัดกั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน ย่อมหนีไม่พ้นแรงกดดันมหาศาลจากผู้คนในทุกวันนี้ที่ตื่นตัวในเรื่องสิทธิเสรีภาพแห่งการติดต่อสื่อสาร จนไม่อาจยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ได้อีกต่อไป ในที่สุดเมื่อสังคมเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร มีการวิเคราะห์เชิงลึกในมุมมองที่แตกต่างจนยากที่ใครจะครอบงำประชาชนได้อีกต่อไปแล้ว แต่ละปีกในกลุ่มที่ 1-4 รวมถึงประชาชนก็จะปรับตัวให้เข้ากับอุดมการณ์ที่ตนเองคิดว่าก้าวหน้าที่สุด และแน่นอนว่า ผู้ชนะย่อมเป็นฝ่ายที่ได้ปรับปรุงนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด

การเปลี่ยนแปลงก้าวหน้าย่อมไม่อาจได้มาโดยง่ายดาย แต่เงื่อนไขของสังคมไทยในวันนี้ สุกงอมเพียงพอที่จะเกิดการพัฒนาเช่นนี้ได้ โดยอาจต้องขอบคุณการปฏิวัติข้อมูลข่าวสารคลื่นลูกที่ 3 ของประชาคมโลก การพัฒนาระบบทุนนิยมไทยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้คนจำนวนมาก แต่ก็ได้วางรากฐานสร้างศักยภาพและพลังการพัฒนาประเทศอย่างที่เห็นในปัจจุบัน โดยเฉพาะการเติบโตของชนชั้นกลางทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ซึ่งมีความรู้และพลังรวมตัวมากเพียงพอในการตรวจสอบถ่วงดุลผู้มีอำนาจในสังคมไทย รวมถึงคิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่เอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนไทย จนมีศักยภาพในการก้าวสู่สังคมอุดมปัญญาที่ความโปร่งใสและตรวจสอบได้เป็นเรื่องปกติในสังคม

หากทั้ง 4 กลุ่มยินยอมปรับปรุงตนเองจนมีคุณภาพเพียงพอที่จะตอบสนองความก้าวหน้าของประเทศในอนาคต คนไทยก็จะสามารถดำรงอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในอีกวาระหนึ่ง พลังสร้างสรรค์ก้าวหน้าจะไม่โดนบีบกดเหมือนในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาอีกต่อไป แต่หากโชคร้ายมีกลุ่มใดที่พยายามขัดขวางเส้นทางยิ่งใหญ่นี้ การล่มสลายพ่ายแพ้ของกลุ่มนั้นย่อมบังเกิดขึ้นตามที่ได้วิเคราะห์ไปแล้ว ประเทศชาติกลับได้รับผลกระทบจากการจากไปของกลุ่มนี้แต่เพียงเล็กน้อย โดยได้รับส่วนชดเชยจากการพัฒนาก้าวกระโดดของกลุ่มที่เหลือ ซึ่งถูกสงครามครั้งนี้บีบเค้นเคี่ยวกรำให้ต้องปรับปรุงตัวเองอย่างเร่งด่วน นับเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 ซึ่งนับจากปีนั้นมาก็ยังไม่เคยมีก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในเมืองไทยเช่นนี้อีกเลย

โดย : ประชาไท วันที่ : 5/8/2551


Create Date : 12 สิงหาคม 2551
Last Update : 12 สิงหาคม 2551 1:36:45 น. 0 comments
Counter : 417 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.