นิยาย:บอดี้การ์ดสยบรัก:บทที่09:ใช้ตัวช่วยหรือต้องช่วยตัวเอง



(อ่านง่ายสบายตากว่าตามลิงค์นี้คัรบ //writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1483450  )


บทที่09:ใช้ตัวช่วยหรือต้องช่วยตัวเอง

“มึงต้องมีเรื่องดีกว่าที่กูกำลังเป็นนะไอ้รุต”เสียงของแดน กัลปา หงุดหงิดเต็มที่ เมื่อเขารับโทรศัพท์จากแดนไกลขณะยังหันไปยิ้มให้หญิงสาวที่คลอเคลียอยู่ด้วยกันบนเตียง เขาเขี่ยยอดอกสีชมพูดอ่อนที่เขากำลังขบเล่นตอนโทรศัพท์ดังขึ้น

“รอเดี๋ยวนะจ๊ะ มาริ” เขากระซิบกับหล่อน

สาวชาวอาทิตย์อุทัยหัวเราะคิกคักกับภาษาญี่ปุ่นที่ไม่ได้เรื่องของเขาแต่แอ่นเรือนร่างอันเย้ายวนมาแตะแนบกับชายหนุ่ม

“นายอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ล่ะแดน” มารุตถามจริงจัง

“อยู่โตเกียว ซึ่งหมายความว่า...”แดนหยุดพูด ขยับร่างตัวเองให้พร้อมรับเข้ากับส่วนโค้งของหน้าท้องหญิงสาว พอหรี่เขาตามมองนาฬิกาบนโต๊ะข้างหัวเตียงก็ถามว่า “นี่กี่โมงแล้วจ๊ะที่รัก”

“กูสรุปได้ชัดเลยใช่ไหมว่าตะกี้มึงไม่ได้ถามกู” มารุตกรอกเสียงกลับมาแบบไม่สบอารมณ์

แดนหัวเราะสั้นๆ “ที่จริงมันคือตอบอย่างสุภาพกับคำถามที่ถามว่า กูกำลังทำอะไร... ก็ยุ่งอยู่น่ะสิวะ!”

นิ้วหล่อนกำรอบความเป็นชายของเขาและแดนต้องเกร็งตัวเพราะความเสียวกระสันที่แผ่ซ่านไปทั้งตัวต้องกัดฟันตอบเพื่อนจากเมืองไทยว่า

“ยุ่ง...ยุ่งมาก...”

“นายไม่ได้ทำงานหรอกรึ บอสส์บอกว่าทุกคนกำลังยุ่งอยู่” มารุตเปลี่ยนสรรพนามให้เพื่อนเพราะอยากให้กลับมาคุยเป็นการเป็นงานกว่าก่อนหน้า

“งานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้วแต่บอสส์ยังไม่รู้” อีกฝ่ายตอบง่ายพยายามอย่างมากให้น้ำเสียงเป็นปกติ ขณะมาริขยับมือขึ้นลง “และถ้าเอ็งบอกบอสส์ก่อนที่ข้าจะทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่จากสถานทูตเสร็จละก็...เอ็งตายด้วยตีนข้าแน่ๆ”

เขาหลิ่วตาให้สาวงามผิวพรรณเปล่งปลั่งนวลละมุนเจ้าของแรงบีบและขยับขึ้นลงราวมีเวทย์มนตร์ตรงระหว่างขา

ได้ยินเสียงมารุตถอนหายใจเล็กน้อยซึ่งฝ่ายนั้นอาจทำพร้อมกับการสบถด่าอยู่ในใจ แดนเกรงใจเพื่อนเหมือนกันจึงต้องบอกให้หล่อนหยุด “รอประเดี๋ยวที่รัก” ไม่ใช่เพราะเขาอยากให้หล่อนหยุดจริงๆหรอก แต่เพราะรู้จักมารุตดีมาถึงยี่สิบกว่าปีขณะที่เพิ่งรู้จักมาริได้เพียงยี่สิบกว่าชั่วโมง

“ต้องการความช่วยเหลือว่ะแดน” มารุตพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าที่อีกฝ่ายเคยได้ยิน

“เดี๋ยวนะ...” แดนใช้มือปิดปากโทรศัพท์และก้มลงจุ๊บปากมาริ “ผมต้องคุยกับสายนี้ จากเพื่อนน่ะ”

“ฉันก็เป็นเพื่อนคุณนะคะ” หล่อนตอบเบาๆด้วยภาษาอังกฤษในสำเนียงอะโนะอะเนะตามประสาและปิดท้ายด้วยการบีบบี้หัวเจ้าหนูเขาอย่างหมั่นเขี้ยว

แดนครางออกมา “ผมรู้น่า...นะที่รัก...รอหน่อย... ผมขอร้อง”

หล่อนหัวเราะเบาๆบ่นออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างน่าฟัง จากนั้นก็ลุกจากเตียงเผยบั้นท้ายสวยงามให้แดนมองตาม

“รุต เอ็งเป็นหนี้ข้าครั้งใหญ่แล้วละนะบอกมา เกิดอะไรขึ้น” แดงมองตามหญิงสาวไปอย่างอาวรณ์

“นายรู้ไหมว่ากันอยู่ที่ไหน”

“อาบแดดอยู่พัทยาไงล่ะ” รัญญามักเล่าเรื่องให้แดนฟังมากกว่าคนอื่นๆในบลูแคท เขารู้ว่าทุกคนในทีม อยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไร “และเพราะมันเป็นกลางเดือนมีนาคมข้าเลยจินตนาการได้เลยว่า ไอ้นิสัยขี้ยั้วะของนายมันจะยิ้งฟุ้งซ่านเหนอะหนะขนาดไหน”

“แล้วบอสส์บอกด้วยหรือเปล่าว่ากันกำลังต้องเป็นบอดี้การ์ดให้ใคร”

“เอิ่ม...” แดนเกือบจะพูดออกไปเล่นๆแต่ยั้งไว้เพราะรู้ว่ามารุตไม่ใช่คนเส้นตื้น

“ก็รู้นั่นละ... แล้วเป็นไงมั่ง”

“ก็โอเค” มารุตก็ยังเป็นตัวเขาเองคือไม่บอกอะไรมากมาย

และแดนก็ยังเป็นแดน ไม่ยอมให้เรื่องหยุดไปเฉยๆ “มันโอเคแบบที่ว่านายแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น และลดาก็อดคิดที่จะไม่แตะต้องนายไม่ได้เลยงั้นเรอะ”

“ก็... แค่โอเคละน่า”

“โอเคแบบที่เธอให้อภัยนายและนายกับเธอก็ยอมรับในที่สุดว่า ผิดด้วยกันทั้งคู่ และยังคงรักกันเหมือนเดิมงั้นใช่ไหม”

“ไอ้ห่าแดนมึงพล่ามอะไรมากมายกว่าพวกผู้หญิงบ้าๆ ซะอีก มึงรู้ตัวมั้ย!” อย่างน้อยที่สุดมารุตก็รู้ว่าตนมีอารมณ์ขันแฝงอยู่ในคำพูดนั่น “กูต้องการความช่วยเหลือไม่ใช่ต้องการให้มึงมาเทศนาอะไร”

แดนยิ้มกับโทรศัพท์ “อ๋อ...เอ็งต้องการมากกว่าได้กลับไปเจอกัน เรียบร้อยแล้วละซีนะ เอาละๆ บอกมาซิเกิดอะไรขึ้น”

“นายแวบจากที่นั่นสักสองสามวันได้ไหม”

“กันพามาริผู้แสนหวานไปด้วยได้ไหมล่ะ”

“ไม่ได้สิวะ!”

“ไอ้ห่า... ตกลงเอ็งต้องการอะไรกันแน่”

“กูตามหาคนหายต้องได้ข้อมูลบางอย่างจากคนคนนั้น”

แดนลุกขึ้นยืน จริงๆคือเผลอลืมมาริไปแล้ว “ใคร ที่ไหน มันเกี่ยวกับเรื่องอะไร”

“หมอชันสูตรน่ะ ซึ่งอาจอยู่ที่โซล”

“เกาหลีเรอะ” แดนกลั้นหัวเราะ“หรือเอ็งไม่ได้ยินที่ข้าบอก ข้าอยู่ที่โตเกียวญี่ปุ่น”

“ก็ใกล้โซลมากกว่าข้าแล้วกัน”

แดนต้องยอมรับ “ก็ได้ชื่อไรล่ะ แล้วเอ็งอยากรู้อะไร”

“บอกรายละเอียดตอนนี้ไม่ได้ผู้ว่าจ้างยังเงียบอยู่ในห้องน้ำ แต่อาจออกมาตอนไหนก็ได้” มารุตเงียบไปแดนคิดว่าเขาอาจหยุดพูดเพื่อเช็คดูว่าไม่มีใครอื่น “จะส่งอีเมล์เรื่องทั้งหมดไปให้พรุ่งนี้แต่ต้องแน่ใจว่า นายจะไปที่นั่นได้ เพราะข้าไปไม่ได้แน่ๆ ทางนี้เธอต้องการคนคุ้มครองตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”

“เข้าใจๆ ข้ารู้ว่าเอ็งมีอะไรต้องสืบจากลดาอะไรอีกเยอะ”

“นี่มึงรู้ทุกอย่างเลยเรอะ” สรรพนามที่เปลี่ยนไปมาระหว่างคุยกันนี้เพราะความสนิทสนมที่มีมานาน และเปลี่ยนไปตามอารมณ์ขณะที่พูดเป็นหลักสรรพนามในประโยคที่พูดไปนี้คือคนพูดอาจกำลังไม่พอใจ

“อ้าวๆ ไอ้นี่ไม่รู้เรอะไงว่ากูแอบดูมึงอยู่ตลอดเวลานะโว้ย...” แดนแกล้งยั่วก่อนปรับเสียงให้จริงจังอีกรอบ “มันจะเกินสองสามวันไหมรุตข้ากลัวแม่มาริจะลืมรสลิ้นของข้า แต่...ช่างเถอะวะ...”

“เดี๋ยว ฟังก่อนนะ” มารุต“ตอนที่เอ็งเจอหมอคนนั้น...”

“ตอนไหนจะได้เจอวะนี่เอ็งแน่ใจมากว่าข้าจะเจอ หรือไม่เอ็งก็มีข้อมูลที่อยู่อยู่แล้ว หรือยังไง

“จะมีหมอชันสูตรจากไทยสักกี่คนที่ไปตระเวนอยู่ในโซล” มารุตถาม น้ำเสียงแฝงแววปรามาสฝีมือเพื่อนสนิท

“มันขึ้นอยู่กับว่าหมอนั่นอยากให้ใครเจอตัวหรือไม่ เขามากบดานหรือมาทัศนาจรกันล่ะ แล้วอีกอย่างนึง...เอ็งแน่ใจนะว่ายังไม่อยากให้บอสส์รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จริงๆแล้วเธออาจมีเส้นสายในโซล ซึ่งจะช่วยให้งานเราเร็วขึ้น”

“เราจะให้บอสส์รู้เมื่อจำเป็นฟังก่อนนะแดน... ข้าต้องการข้อมูลเกี่ยวกับอีกคนที่มะนิลา... อเล็กซ์มันยังอยู่มะนิลาหรือเปล่า”

“เอ็งยอมขอให้ไอ้อเล็กซ์ช่วยงานนี้ด้วยงั้นเรอะ”แดนเริ่มคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เสียแล้ว “ให้ตายเถอะวะนี่เข้าตาจนจริงๆ แล้วหรือไง”

“กันต้องการข้อมูลเด็กของอเล็กซ์มันเก่งเรื่องหาข้อมูลที่สุดแล้วละ”

“ก็...ใช่อเล็กซ์กับเจสซี่อยู่ที่มะนิลาทั้งคู่ และน่าจะอยู่ต่ออีกอย่างน้อยสักเดือนหนึ่ง”แดนบอกเพื่อน “นายส่งอีเมล์ไปหามันได้เลย”

“งั้นเดี๋ยวข้าส่งอีเมล์ไปหาเจสซี่”เสียงมารุตบอกว่าไม่ได้พูดเล่นๆ

“แล้วตกลงว่าข้าต้องไปค้นหาใครในโซล”แดนถามให้แน่ใจ

“หมอชันสูตร ที่ชันสูตรศพของนายวิลาศ ณหทัย มีแค่คนเดียวเพราะไม่มีการให้หมอคนอื่นชันสูตรเพิ่มเติม”

“สาเหตุการตายล่ะ”

“หัวใจล้มเหลวเฉียบพลันเพราะงั้นจึงไม่ต้องชันสูตรอะไรอีก ที่แปลก ๆ คือคุณนายไอลดาเขาให้เผาทันที”

“ก็ถ้าเป็นความต้องการของผู้ตายเองก็ผิดปกตินะ”

“ก็นั่นละนี่กันได้เห็นจดหมายสั่งความเรื่องจัดการศพนั่นแล้ว ก็เป็นตามนั้น” มารุตหยุดนิดหนึ่งก่อนพูดต่อ“แต่ตอนนี้หมอชันสูตรหายตัวไปจากที่ที่เขาควรอยู่ไงล่ะลาออกจากงานไปเกาหลีพร้อมครอบครัว อยากให้นายหาตัวให้เจอแล้วลองดูซิว่ามีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับการชันสูตรศพนายวิลาศหรือไม่ไอ้ที่มันไม่ได้อยู่ในรายงานน่ะ”

“แล้วนายสงสัยตรงไหนกันแน่”

“ข้ารู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้แต่งงานกับมหาเศรษฐีพันล้านอายุหกสิบกว่าซึ่งดูเหมือนจะมีสุขภาพแข็งแรงดี แต่กลับมาตายคาเตียง หล่อนได้เงินทั้งหมดรวมทั้งสิทธิในการออกเสียงของกลุ่มบอร์ดบริหารที่มีการแก่งแย่งกันรุนแรงมากรวมทั้งได้บ้านหรูหราและทรัพย์สินอีกเพียบ ขณะที่ลูกเลี้ยงของเธอไม่ได้อะไรเลยและ...”

มารุตเปลี่ยนระดับเสียงนิดหนึ่งก่อนบอกอีกเงื่อนงำสำคัญ

“...เพิ่งรู้จากหมอประจำตัวคนตายเองว่านายวิลาศทำหมันไปตั้งนานแล้ว แต่นี่คือหลังจากที่เธอบอกกันว่าพอแต่งงานแล้วก็พยายามจะมีลูกด้วยกัน”

เขาลดเสียงลงอีก ตอนพูดว่า

“และมีอีกหลายเรื่องที่เกิดขึ้นแบบไม่ชอบมาพากลทั้งหมดดูแปลกๆ และกันก็เริ่มเห็นด้วยว่า สาเหตุการตาย แค่หัวใจวายน่ะมันดูสะดวกเรียบง่ายเกินไป”

คราวนี้ แดนรอให้มารุตพูดอีกแต่เสียงจากเมืองไทยกลับเงียบไป

“คุยกับใครอยู่หรือคะรุต” เสียงผู้หญิงแทรกเข้ามาในสายฟังดูจริงจังและใกล้มากๆ วินาทีต่อมาสายก็ตัดไป

สายหลุดไปแล้ว แดนไม่เต็มใจจะลุกจากเตียงสปริงอันอ่อนนุ่มและโยกโยนนี่เลย พวกนอกลู่อย่างเขาถูกมารุตจับได้เสียแล้ว แต่เขาจะจัดการเรื่องนั้นให้เพื่อนได้แน่ๆ

แต่ในตอนนี้แดนมีเวลาอีกเหลือเฟือที่จะอาบน้ำกับมาริ ก่อนจะออกเดินทางไปกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้

“คุณคุยกับใครคะรุต” ไอลดาถามซ้ำโดยชายหนุ่มแค่ตัดสัญญาณโทรศัพท์ และเบือนหน้าหนี

เขาต้องการสารภาพความจริง...ต้องหันกลับไปยอมรับว่ากำลังเริ่มต้นสืบอย่างจริงจังเกี่ยวกับหล่อนและความตายของนายวิลาศ

แต่เขาจะต้องเผชิญกับอะไร ความโกรธเกรี้ยวของหล่อนหรือฝ่ามือที่เหวี่ยงเข้ามาพร้อมน้ำตา การไม่ยอมรับการก่นขับไล่ให้เขาเลิกมายุ่งกับชีวิตหล่อน

หรือว่า... ไอลดาจะทำอย่างเดียวกับครั้งก่อนตอนทะเลาะกัน...หนีไปไกลเกินคว้ากลับมาได้...

มารุตเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงหันไปหาหล่อนช้าๆ แทนที่จะโกรธหล่อนกลับดูมีความหวัง... คล้ายๆ จะโล่งอกด้วยซ้ำ

“ผมคุยกับเพื่อน... ไอ้แดน” เขาตอบในที่สุดสายตาเคลื่อนไปมาอยู่เหนือเสื้อนอนตัวบางที่หล่อนสวม

ไอลดาเท้าสะเอว “ฉันได้ยินนะคะบางอย่างที่คุณพูดถึงมะนิลา กับ...ที่ว่าคุณวิลาศตายง่ายเกินไป พวกคุณพบเบาะแสอะไรบ้างคุณรู้อะไรบ้างคะ”

ชายหนุ่มเหลือบมองชุดที่บางกว่าควรจะเป็นนั้นอีกครั้งมันไม่มิดชิดเอาเสียเลย “คุณอยากไปแต่งตัวก่อนหรือจะคุยกับผมในชุดแบบนี้”

“ฉันไม่อยากคุยเรื่องนี้เลยนะ” หล่อนโต้“แต่จะผัดผ่อนกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ไม่ได้”

“คุณหมายความว่ายังไง”

หล่อนจ้องหน้าเขาคล้ายกำลังวิเคราะห์สิ่งที่เขากำลังทำ เลียริมฝีปากนิดหนึ่งก่อนบอกว่า “คุณคิดว่าคุณวิลาศถูกฆ่าตาย”

“คุณคิดงั้นเรอะ” มารุตทำเป็นไม่ประหลาดใจเลยกับที่ได้ยิน“ทำไมล่ะ” เขาย้อนถาม

“ฉันถามก่อนค่ะคุณคุยกับเพื่อนชื่อแดนอะไรนั่น เรื่องอะไร”

“เรื่องจุดประสงค์ที่ผมมารับงานนี้”

“มีอะไรอีก นอกจากต้องเป็นบอดี้การ์ดช่วยให้ฉันรอดจากเรื่องบ้าๆ พวกนั้น”

เขาหลบตาหล่อน เอ่ยเบาๆ คล้ายสารภาพผิด“ผมถูกขอร้องให้สอบสวนความเสี่ยงของคุณเกี่ยวกับการตายของนายวิลาศ”

ดวงตาหญิงสาวเบิกกว้าง “ค่ะ!...ชัดเจนเลยละนั่น”

เขาพยายามสังเกต เมื่อได้รับข้อความเช่นนี้คนผิดมักจะเผยพิรุธบางอย่าง แต่ไอลดากลับไม่มีอาการเหล่านั้นเลยสักนิดหญิงสาวยังนิ่ง สบสายตาเขาแน่วแน่

“แล้วคุณเจออะไรบ้างไหมล่ะ” ไอลดาก้าวเข้าใกล้อย่างท้าทาย“เจอหลักฐานอะไรบ้างไหมที่บอกว่าฉันฆ่าสามีตัวเองได้อย่างแนบเนียน มรดกพันล้านใช่ไหมล่ะที่มันต้องยั่วให้ฉันอยากเป็นฆาตกร”

ที่จริงแล้วเขาไม่ได้เบาะแสอะไรเลยต่างหาก

“ผมว่ามันแปลกที่หมอของคุณบอกว่า นายวิลาศเคยทำหมัน”

“หมอสมิตไม่ได้รักษาสามีฉันมาเป็นปีแล้วเขาแก้หมันอีกครั้งหลังเราแต่งงานกัน และมีหมอศัลย์คนหนึ่งที่โรงพยาบาลบางกอกพัทยารับรองการแก้หมันครั้งนี้ได้” หล่อนเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “และ...ถึงยังไงเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับการตายของเขา”

“ผมก็แค่แปลกใจที่คุณบอกว่าพยายามจะมีลูก”

“แต่ก็ไม่เกี่ยวไงคะ” หล่อนย้ำ“นอกจากนี้ มีเหตุผลอะไรอีกไหมที่ยังสงสัยฉันอยู่เนี่ย”

“คุณเป็นคนสุดท้ายที่เห็นเขาตอนยังมีชีวิต”

“แล้วฉันก็ได้รับมรดกก้อนมโหฬารไงล่ะ”หล่อนประชด “และบอร์ดบริหารทั้งหลายก็กลัวว่าจะทำให้บรรดาผู้ถือหุ้นไม่พอใจ”

“ก็ อาจเป็นไปได้” เขาก็ไม่หลบขยับเข้าใกล้หล่อนอีกก้าว “เอาละนะ ตาผมบ้าง... คุณสงสัยว่าเรื่องนี้มันผิดปกติตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ตั้งแต่ตอนที่คุณเขาตายนั่นละ”

“อะไรล่ะ เกิดอะไรขึ้นแล้วทำไมคุณถึงไม่บอกใครๆ” เขาต้องถาม เพื่อให้กระจ่าง

หล่อนหน้านิ่ง “ฉันไม่รู้จะไว้ใจใครได้”

“งั้นก็ไว้ใจผมสิลดา”

หญิงสาวมองเขาอย่างกังขาจากนั้นก็พยักหน้า “ฉันคงไม่มีทางเลือกมากนักหรอกในตอนนี้ จริงไหม”

แล้วไอลดาก็พยักชวนให้ชายหนุ่มนั่งคุยกันดีๆ“นั่งสิคะ และอย่ามาสอบสวนฉัน” หล่อนเตือน“ฉันจะบอก จะพูดความจริงกับคุณเอง”

“ได้” เขารับคำ“ต้องเริ่มตั้งแต่แรกเลยนะ”

“จุดแรกคือจุดจบค่ะรุต” หล่อนบอกเขาหลังจากนั่งลงบนโซฟาตัวยาวตรงมุมหนึ่ง“คืนที่คุณวิลาศเสียชีวิต ไม่มีวี่แววอะไรเลยที่บอกว่าเขาจะตาย ไม่มีอาการ ไม่มีพิรุธ ไม่มีเงื่อนงำอะไรทั้งสิ้นก็จริงหรอกที่เขาห่วงเรื่องการถูกลอบทำร้าย เราก็เห็นๆ เรื่องกระจกกันกระสุนแต่มันก็เป็นธรรมดาของคนมีเงินระดับนี้ นั่นทำให้ฉันไม่คิดว่าความระแวงแบบนั้นคือสัญญาณบอกเหตุว่า เขาจะตาย”

“แล้วอะไรล่ะที่คุณคิดว่ามันพอจะเป็นสัญญาณได้” มารุตพยายามรักษาน้ำเสียงให้ดูเป็นการคุยกันฉันเพื่อน

“คำพูดสุดท้ายของเขาค่ะ” เสียงหล่อนเบาลงมีความนัยบางอย่างเจือปนอยู่

“ลดาคุณต้องบอกผมทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้น”

หล่อนยืดตัวขึ้น ระบายลมหายใจยืดยาว “ก็...แค่นั้นละค่ะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นหัวค่ำที่ปกติที่สุด คุณวิลาศไม่ได้ทำงานต่อเราไม่ได้ไปออกงานสังคมที่ไหน ป้าแม้นลางานไปหาหลานสาว ฉันทำมื้อเย็นเราดื่มไวน์นิดหน่อย ดูทีวี มันปกติที่สุดจริงๆ นะรุตเราดูรายการสารคดีตามล่าสัตว์ประหลาด แล้วก็สรุปข่าว”

“แล้วคุณเข้านอนตอนไหน”

“ฉันดื่มนม แล้วขึ้นชั้นบนตอนห้าทุ่ม”

“คุณวิลาศล่ะ”

หล่อนเม้มปาก “ฉัน...คิดว่า เขาลงไปที่เรือนะคะ”

เขารอให้หญิงสาวอธิบายรายละเอียด

“ตอนนั้นฉันกำลังอาบน้ำ ตอนที่เขาบอกประเดี๋ยวจะกลับมา ฉันค่อนข้างแน่ใจ เขาบอกว่าจะไปที่เรือ คือคืนก่อนหน้านั้นเขากับพี่นะวางแผนจะออกทะเล ไปตกปลากันตั้งแต่เช้ามืดนั่นละทำให้ฉันคิดว่าเขาคงไปที่เรือ อาจไปวางแผนหรือตรวจสอบอุปกรณ์ตกปลาดูพยากรณ์อากาศ หรืออะไรๆ ที่เกี่ยวกับวันรุ่งขึ้น”

“เขาไปนานแค่ไหน” มารุตยังซักต่อ

หล่อนนิ่งนึกอยู่ครู่หนึ่ง “คงราวครึ่งชั่วโมงไม่เกินหนึ่งชั่วโมงค่ะ”

“แล้วคุณหลับหรือยังตอนที่เขากลับเข้ามา”

ไอลดาส่ายหน้า “นมอุ่นๆทำให้ฉันง่วง”

“คุณวิลาศดื่มด้วยไหม”

“ไม่ เขาเกลียดนม”

“แล้วเขาดื่มไวน์เพิ่มหรือเปล่า”มารุตโน้มตัวเข้ามา จากโซฟาเดี่ยวตัวตรงข้าม “เขาดื่มจนหมดขวดเลยไหม”

“ไม่ค่ะ คุณวิลาศไม่ใช่คนดื่มจัด”

“งั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลังจากนั้น”

หล่อนถอนหายใจ ยกเข่าตัวเองขึ้นโอบกอด “อีกสักประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมาเขาลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ฉันไม่ยินอะไรอื่น ไม่ได้ลืมตาขึ้นมองแต่ได้ยินเสียงน้ำไหล จากการกดชักโครก หรืออ่างล้างหน้าก็ไม่แน่ใจจากนั้นฉันก็รู้ว่า เขากลับมาอยู่บนเตียง เริ่มครวญครางและจับฉันไว้แน่น”

“เขาบอกว่าอะไรบ้าง”

“เขาบอกว่า...” หล่อนมองหน้าเขาความเจ็บปวดปรากฏชัดอยู่ในสายตาหล่อน “เขาบอกว่า แม่หนูน้อย...เขาเรียกฉันอย่างนั้น นี่ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นผม...”

“ที่ว่าไม่ได้ตั้งใจ คืออะไรมารุตต้องถาม

“ฉันไม่รู้ ตอนนั้นกำลังเคลิ้มๆจะหลับอยู่แล้ว ฉันก็งงๆ ขยับตัวจะเอื้อมเปิดไฟ แต่เขาห้ามไว้ เขาจับแขนฉันแน่นมือทั้งเย็นทั้งสั่น” น้ำเสียงไอลดาแตกพร่า มารุตเห็นหล่อนกลืนน้ำลาย“แล้ว... เขาก็บอกให้ฉันระวังตัว”

คนเล่าน้ำตารื้นคลอหน่วยตาหล่อนรีบปาดมันทิ้ง “เขาบอกว่า... ฉันจะประมาทไม่ได้แล้วจากนั้นก็บอกอีกว่า นี่มันไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นผม... แล้ว... แล้วเขาก็ขาดใจ”

น้ำตายังไม่เหือดแห้งดวงตาของไอลดาเป็นประกายวับ อย่างที่หญิงสาวพยายามกลั้นไว้เต็มที่

ที่เห็นนี้แสดงว่าหล่อนรักนายวิลาศการได้รับรู้เรื่องนี้กระทบความรู้สึกของมารุต จนเขาต้องผุดลุกขึ้นยืน “มันก็แปลได้หลายความหมาย”เขาบอกเสียงต่ำ “เช่น... เขาตายเร็วเกินไปหรือยังไม่ควรจะตาย เป็นไปได้ทั้งสองอย่าง”

“ฉันก็คิดอย่างนั้น” หล่อนยอมรับเหยียดขาจากท่ากอดเข่า “นั่นละ ที่เขาบอก ทำให้ฉันไว้วางใจใครไม่ได้”

มารุตเดินตัดห้องไปที่เฉลียงจากนั้นก็หันกลับมามองหล่อน “ทำไมคุณไม่บอกตำรวจทำไมคุณไม่ทำอะไรเลย”

ไอลดาดึงเสื้อคลุมปิดท่อนขาที่เปลือยเปล่า“ก็เพราะผลการชันสูตรศพบอกว่าเขาตายเพราะเส้นเลือดอุดตัน ประมาณว่าลิ่มเลือดมันแข็งตัว และไม่มีอะไรอื่นหรือการกระทำใดๆ ที่ไปขัดขวาง หรือทำให้เส้นเลือดหัวใจอุดตันหมอเลยยืนยันว่ามันเป็นสาเหตุจากธรรมชาติ”

“คุณคิดไหมว่าควรจะมีการชันสูตรอีกครั้ง”

หญิงสาวสายหน้า “สองอาทิตย์แรกฉันมืดแปดด้านไปหมดค่ะยังช็อคอยู่ บิณฑ์ก็เป็นบ้าเป็นบอไปเลย สาปแช่งฉันทุกวันกล่าวหาว่า ฆ่าพ่อเขาแค่พยายามไม่รับรู้เรื่องนั้นก็แย่แล้ว ก็ทำไปตามที่เขาเคยสั่งเอาไว้ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้จนถึงเมื่อกลางเดือนที่แล้ว”

เขารีรอคิดว่าควรจะให้ข้อมูลอะไรเพิ่มกับหล่อนบ้าง

“ผม...เพิ่งรู้ว่าหมอคนที่ชันสูตรศพคุณวิลาศ หายตัวไป”

“อะไรนะ หมอคนที่ชันสูตร...คุณหมอฮองคุนน่ะเหรอ”

คนฟังขมวดคิ้ว “เขาชื่ออะไรนะ”

“ฮองคุณ เป็นลูกครึ่งเกาหลีคุณแม่เป็นคนไทยค่ะ”

“ลูกครึ่งเกาหลี...” เขาคิดถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับแดน“งั้น... เพื่อนผมอาจจะหาตัวเขาในโซลได้ยากกว่าที่ผมคิดไว้ซะแล้วละ”

“คุณหมายความว่าไง”

มารุตอธิบายคร่าวๆ ให้หล่อนฟังว่านายแพทย์ผู้นั้นหายออกจากประเทศไป และตนขอให้แดนตามหาตัวให้พบ

“ฉันมีสำเนาผลการชันสูตรนะคะ” หล่อนบอก“ถ้าให้คุณดูแล้วจะมีประโยชน์อะไรบ้างไหม”

เขาพยักหน้า “และช่วยทำรายชื่อของคนที่อาจจะต้องการให้สามีคุณตาย”

“ฉันพยายามแล้วแต่ก็คิดไม่ออกว่าเป็นใครจริงๆ ฉันจะเอามาให้ดู”

อีกฝ่ายเลิกคิ้ว อย่างอยากรู้อยากเห็นจนไอลดาต้องเสริมว่า

“ฉันแอบตรวจสอบประวัติกรรมการบอร์ดทุกคนค่ะอ่านแฟ้มประวัติส่วนบุคคล รวมทั้งอีเมล์ทั้งหลาย ที่ส่งมาและส่งไปจากคุณวิลาศฉันไม่ต้องการนักสืบเพราะไม่อยากไขว้เขวจากความคิดเห็นของคนอื่น และก็แน่ละว่ายิ่งค้นหาเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น”

“นั่นคือเหตุผลที่คุณจ้างบอดี้การ์ด”

“ใช่ค่ะความเพี้ยนและปากพล่อยของบิณฑ์ทำให้ฉันได้ข้ออ้างอย่างดี ได้จ้างคนมาคุ้มครองขณะที่ฉันพยายามไขปริศนาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ฉันมั่นใจจริงๆนะคะว่าไม่ใช่ฝีมือบิณฑ์”

ดูเหมือนมารุตจะเห็นด้วยกับเรื่องนั้นเขาบอกว่า

“มีใครสักคนรู้ว่า คุณกำลังทำอะไรอยู่”ชายหนุ่มทรุดตัวหน้าหล่อน วางมือบนต้นขา “คุณก็รู้ดีใช่มั้ย ใครก็ตามที่ขับรถเฉี่ยวคุณนั่น หรือยิงคุณที่ห้องพักริมน้ำหรือทำร้ายคุณที่สปา... เขารู้ว่าคุณทำอะไรอยู่ที่ไหน”

หล่อนพยักหน้าช้าๆ “ฉันต้องสืบหามันให้เจอค่ะรุต”

“ไม่ใช่...” เขาแก้คำพูดนั้น “...เรา เป็นเราต่างหาก”

“ทำไมคุณไม่ใส่ต่างหูบุลการีล่ะทูนหัว”มานะยกเรือนผมที่ดัดย้อมไว้อย่างประณีตของบลารีขึ้นเพื่อมองติ่งหูที่ว่างเปล่าของภรรยา

หล่อนลูบผมตัวเองเบาๆ สูดหายใจลึกพอจะล้วงสองถันที่อร้าอร่ามนั่น ให้ร่องอกแนบชิด และคล้ายขนาดจะใหญ่ตึงเต่งขึ้นอีกสักหนึ่งนิ้ว

“ฉันคิดว่าของขวัญอื่นๆ ที่คุณซื้อให้อย่างชั้นในตัวนี้ หรือเดรสลายดอกไม้สีทองระยับนี่จะดึงความสนใจไม่ให้คุณสังเกตเห็นแล้วซะอีก”

สายตาของชายชราเลื่อนลงไปยังทรวงอกกลมกลึงมันเป็นประกายด้วยเกล็ดสีทอง “นั่นมันเพชรนะทูนหัว ข้างละห้ากะรัตเชียวนะ”

“ใจเย็นสิคะป๋า ฉันเก็บไว้ในเซฟหรอกค่ะ”

“เซฟที่ไหน”

บราลีหยิบชุดคลุมผ้าไหมและกระเป๋าเล็กออกจากกระเป๋าถือออกงาน พลาดทำลิปสติกแท่งหนึ่งหล่นกลิ้งหล่อนสบถก่อนก้มลงเก็บ

“ฉันบอกไปแล้วไงคะว่าบาตี้ช่วยเก็บไว้ให้ในเซฟ ที่สปาของเขา ที่ฮิลตันแกรนด์”

“นั่นผมรู้ ว่าคุณบอกผมแล้ว” เขาพยายามระงับความโกรธพร้อมทั้งจับการโกหกจากสีหน้าหล่อน “แต่ตอนที่ผมโทร.หาคุณคุณบอกว่ากำลังเดินทางไปเอา”

สาวร่างเล็กถอนหายใจ “ก็มีเรื่องอื่นน่ะค่ะวุ่นๆ ทำให้ฉันลืมไปเลย... เอาน่ะ ไปกันเถอะนะคะป๋า”

มานะตามหล่อนออกจากห้องนอนหยุดหน้ากระจกเพื่อตรวจความเรียบร้อยของชุดสูทตนเอง เขายืดไหล่ตรงพึงพอใจกับสง่าราศีของตัวเอง ขยับปกเสื้อเล็กน้อยทำให้โรเล็กซ์เรือนทองฝังเพชรสะท้อนประกายวิบวับเข้าตาจะขัดใจก็ต้องศีรษะล้านเลี่ยนนั่นละ

“อะไรที่ว่าวุ่นๆถึงลืมของสำคัญขนาดนั้น”

แววตาบราลีคล้ายรวดร้าวขึ้นมาได้ฉับพลันหล่อนเอ่ยเสียงเครือว่า “มัน...แบบว่า มันเลวร้ายมากเลยค่ะป๋ามีใครคนหนึ่งบุกเข้าไปในห้องนวดของลดา และ...”

“และอะไร” มานะหยุดเดินหันมาแทรกถามด้วยความใจร้อน “เกิดอะไรขึ้นกับเธอ”

“เราก็ยังไม่รู้อะไรค่ะแต่มีคนทำร้ายลดา”

“อะไรนะ!” เขาลองคิดถึงเหตุผลที่จะมีใครสักคนเดินเข้าไปในห้องแล้วทำร้ายลูกค้าในสปาหรูแห่งนั้นได้ง่ายๆ “แล้วลดาบาดเจ็บมาไหม”

“ก็ไม่เท่าไหร่ คิดว่าคงกลัวมากกว่าน่าสงสารลดานะคะป๋า” แต่แล้วหล่อนก็คว้าแขนเสื้อสามีชรา “เร็วๆเถอะ เราช้ามากแล้วละ”

“นายบิณฑ์...” มานะยังไม่วายครุ่นคิดขณะเดินมากับศรีภรรยา

บราลีเปิดประตูหน้าพยักหน้าให้คนขับลีมูซีน ที่ลงทุนเช่ามาเพื่อความมีหน้ามีตาในการนี้ “ขอโทษทีค่ะช้าไปหน่อย เครื่องดื่มพร้อมไหมคะ”

“พร้อมครับผม” คนขับตอบสุภาพวิ่งอ้อมมาเปิดประตูหลังให้หล่อน

มานะตามภรรยาเข้านั่งเบาะหลังของรถก่อนจะถอดสูทออก หล่อนก็ยื่นวิสกี้ให้เขาแก้วหนึ่ง ส่วนตัวเองมีแชมเปญเย็นฉ่ำ

“อาจจะเป็นบิณฑ์ก็ได้ค่ะ” หล่อนสานต่อบทสนทนากับสามีในที่สุด“พยายามทำให้ลดายอมยกบ้านหลังนั้นให้กับเขา”

“แต่มันเป็นวิธีโง่ๆ!” มานะโวยเสียงต่ำ

“ก็บิณฑ์เขาโง่อยู่แล้วนี่” บราลียักไหล่จากนั้นยื่นแก้วให้ “เพื่อเราสองคนนะคะป๋า... พี่นะ...สุดที่รักของลี่” หล่อนชนแก้วกับสามีและดื่มอึกใหญ่ “ดื่มกันซะก่อนเราไม่รู้หรอกว่ารสชาติเครื่องดื่มที่งานเปิดตัวศิลปะบ้าบอนั่น จะห่วยบรมขนาดไหน”

ชายชราจิบวิสกี้ และบราลีก็มาซุกอยู่ข้างกายเลื่อนมือไปที่หว่างขาเพื่อลูบไล้กล่องดวงใจของเขา “อยากให้ฉันช่วยคุณผ่อนคลายไหมคะ...ที่รัก”

มานะก็ตื่นเต้นฝืนทำใจเย็นรอให้ความเป็นชายของเขาตื่นตัวจากการสัมผัสนั้น แต่มันไม่ฟื้นเขารู้สึกว่าตัวเองแก่เกินไปแล้ว เป็นชายแก่หัวล้านที่กำลังตกที่นั่งลำบาก

คนถูกปลุกเร้าจิบเหล้าอีกครั้งพิงศีรษะไปข้างหลังขณะที่บราลีเลื่อนมือขึ้นลง

ส่วนนั้นแข็งขันขึ้นเพียงเล็กน้อยแต่นั่นก็ทำให้เขาระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่แล้ว... ความรู้สึกเจ็บแปลบก็เริ่มขึ้นเหมือนมีเข็มสักพันเล่มทิ่มแทงในขมับ

“ระยำจริง!” เขาบ่นพึมพำดื่มวิสกี้รวดเดียวหมดแก้ว หวังให้มันช่วยบรรเทาอาการ

“มีอะไรหรือคะป๋า” บราลีถามนิ้วของหล่อนหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง “ปวดหัวอีกแล้วหรือ”

คนถูกถามแค่ครางออกมาเขาทนความปวดหัวได้ แต่ที่เป็นปัญหา มันตามมาหลังจากนั้น เป็นส่วนที่น่ากลัว

“ใจเย็นๆ นะคะ ดื่มอีกนิด ค่อยๆดื่มแล้วจะดีขึ้นไม่ใช่หรือ” หล่อนรูดซิปกางเกงสอดมือเข้าไปในชั้นในของเขา “ทำตัวสบายๆ อย่าคิดอะไรปล่อยให้ลี่บริการคุณเอง... นะคะ”

มานะรินแก้วใหม่ ดื่มเข้าไปอีกอึกใหญ่น้ำแข็งสัมผัสริมฝีปาก ขณะวิสกี้รสแรงส่งความผ่าวร้อน ผ่านล่วงลำคอ

ความไม่สบายใจมันคล้ายแบบที่มีลูกกลมๆหนักๆ ดำทะมึนกลิ้งอยู่ในช่องท้อง จากนั้นก็ขยายใหญ่จนครอบคลุมทั้งตัวเขาเอาไว้เขาไม่ควร... ไม่ควรทำอะไรทั้งสิ้น ไม่ควรให้บราลีบริการไม่ควรไปงานแสดงศิลป์หรืองานการกุศลใดๆ ทั้งสิ้น

เขาควรจะอยู่บ้าน คิดวิธีเอาตัวรอดจากการกำลังตกที่นั่งลำบาก ลำบากแบบสุดๆ

ชายชราพยายามข่มตาลงขณะเข็มที่ฝังในขมับก็จมลึกเข้าไป ด้านหลังของลูกนัยน์ตาคล้ายกำลังสั่นระริกเขาภาวนาในใจ ค่อยลืมตาช้าๆ... ด้วยความหวังริบหรี่เพราะมันเคยเป็นมาแล้วหลายครั้ง...

ระยำจริงๆ

นิ้วที่ฉ่ำชื้นของบราลีเลื่อนไปตามลำเนื้ออ่อนปวกเปียก“มาสิคะ ที่รัก” หล่อนคล้ายอ้อนวอนกับเจ้าสิ่งที่อยู่ในกำมือ“คุณชอบแบบนี้ไม่ใช่หรือ” คราวนี้แกล้งก้มลงไปปล่อยลมหายใจอุ่นให้ผ่าวรด

มานะดื่มอึกใหญ่อีกครั้งพร้อมแยกเข่าออกให้กว้างขึ้นอีก

ใช่แน่ละ...เขาชอบสิ่งที่บราลีจะบริการให้จริงๆ เพราะนั่นคือสิ่งที่หล่อนทำได้ดีที่สุด นั่นคือสาเหตุที่เขาแต่งงานกับหล่อนคือหล่อนบริการได้ดียิ่งกว่ามืออาชีพ ที่ต้องซื้อหาด้วยราคาสูงลิบการแต่งงานกับบราลี ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

เขาข่มตาปิดลงภาวนาให้น้องชายของตัวเองมีปฏิกิริยาตอบโต้ กับเรียวลิ้นที่เริ่มสะกิดแตะ แต่...ความรวดร้าวยิ่งแทงลึกเข้ามาที่หลังลูกนัยน์ตาทั้งสองข้าง หนักหน่วง...

จะมีผู้ชายสักกี่แบบที่ไม่สามารถจะแข็งขัน เพื่อร่วมรักสักเพียงชั่วสองสามนาทีขณะที่ภรรยากำลังเร่าร้อนเหลือล้น เขาคงเป็นหนึ่งในจำนวนน้อยนิดนั้นกระมัง

หล่อนเร่งรูดมือขึ้นลง เมื่อฝืดนักก็ใช้น้ำลายช่วยเร่งและผ่อนจังหวะอย่างชำนาญด้วยความหวังเพียงอย่างเดียว

แล้วมานะก็รู้ซึ้ง หนึ่งในจำนวนไม่มากซึ่งมีเขารวมอยู่ด้วย ที่ไม่สามารถแข็งขันร่วมหลับนอนกับใครๆ ได้ก็คือพวกที่มีชนักปักหลัก มีความผิดติดตัว ตกอยู่ในสถานการณ์จนตรอกนั่นเอง

หล่อนครอบริมฝีปากลงไปอย่างหมดหนทางจะปลุกเร้าด้วยอื่นใด แต่เขาดันหญิงสาวออก

“อย่าเพิ่ง... อย่าเพิ่งเลยนะทูนหัว”

หล่อนเงยมองเขาด้วยอารมณ์สารพันแต่แล้วก็ทอดเสียงอ่อนโยนบอกว่า “ลี่ตามใจคุณเสมออยู่แล้วละค่ะ”

ความมืดเข้าครอบคลุมการมองเห็นของเขาหมดแล้ว“เดี๋ยว... เดี๋ยวก่อนนะ” เขาพึมพำถ้อยคำของหญิงสาว ภรรยาสาวกระหายเซ็กซ์ของเขา หล่อนพูดจริงใช่ไหม...

ใช่ซี... ใช่อยู่แล้วหล่อนไม่เคยปฏิเสธในทุกสิ่งที่เขาต้องการ

เขาเริ่มคิดแผนการ...ก็แค่เมียคนเดียว... ผู้หญิง... ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว

“แล้วนายบอดี้การ์ดนั่นไปอยู่ซะที่ไหนตอนที่ลดาถูกทำร้าย”

เขาถามออกไปทำให้บราลียืดตัวกลับในท่าทางปกติ บรรจงคืนน้องชายเขากลับเข้ากางเกงชั้นใน

“ในที่ประชุมบอร์ดบริหารเมื่อเช้าเขาไม่เคยอยู่ห่างลดาเกินสองสามเมตร แสดงว่าต้องประกบติด แล้วจะมีใครกล้าแหย่หนวดเสือ”

บราลียักไหล่ “ลดาหนีค่ะหลบขึ้นไปหาบาตี้โดยไม่บอกเขา”

มานะจิบวิสกี้อีกครั้ง ช้าๆอย่างครุ่นคิด ค่อยดื่มจนหมด ขณะภาพพร่าพรายภายในรถลีมูซีนหรี่แสงลงเรื่อยๆ

เขารู้ดี...มันคือภาวะการมองเห็นของตัวเองต่างหาก ที่กำลังดับมืด หรือว่าคือกรรมตามทันหรือว่านี้คือการชดใช้กรรม ที่เขาเคยได้ก่อเอาไว้

มันคือเวรกรรมที่เขาไม่อาจจะหลบเลี่ยงได้อีกต่อไปอย่างนั้นหรือ

“เป็นอะไรไปคะป๋า...ยังสบายดีอยู่หรือเปล่าคะ”

ไม่... เขาป่วย แบบสาหัสเสียด้วย

แต่จะให้บอกภรรยาผู้เป็นเครื่องประดับบารมีแสนสวยได้อย่างไรว่าโลกที่หล่อนได้บรรจงสร้างขึ้นมาด้วยไหวพริบด้วยรูปร่างราวนางแบบปกนิตยสารปลุกใจชายและโลกที่หล่อนสร้างขึ้นมาด้วยปลายลิ้นตวัดรัวชวนฝันของหล่อนนั่น กำลังจะถึงจุดจบ

เขาจะบอกหล่อนได้อย่างไรว่าเขากำลังตกอยู่ในตาร้าย

เขาจะบอกหล่อนได้อย่างไรว่าเขากำลังจะตาบอด...

******************





Create Date : 17 มิถุนายน 2559
Last Update : 17 มิถุนายน 2559 10:57:13 น.
Counter : 594 Pageviews.

2 comments
  

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ชมพร About Weblog ดู Blog
yaovarit About Weblog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
พูดไม่เก่ง แต่เจ๋งทุกคำ Fanclub Blog ดู Blog
บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน Food Blog ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
SONG982 Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: ออมอำพัน วันที่: 17 มิถุนายน 2559 เวลา:11:36:56 น.
  
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:15:27:01 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

SONG982
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]



สะอาด สงบ สว่าง

เจนนิเฟอร์Goodbye My Love [Live].mp3 - Jennifer Kim
All Blog