นิยาย:บอดี้การ์ดสยบรัก:บทที่03:มือที่สาม


(อ่านง่ายสบายตากว่าตามลิงค์นี้คัรบ //writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1483450  )

บทที่สาม

มือที่สาม

“คุณต้องมีพื้นที่ว่าง... และโล่งมากกว่านี้”

มารุตเดินช้าลง เพื่อรอให้ไอลดาตามทัน เขาพอใจที่เห็นหล่อนในชุดรัดรูปสีดำ แสดงส่วนโค้งเว้ายวนใจบนร่างกายสูงเพรียวของหล่อน

พนันได้ว่าเป็นชุดฝึกโยคะ เขาเคยคุ้มครองผู้หญิง ที่จงใจสวมชุดแบบนี้ต่อหน้าเขามาแล้วหลายคน

แต่สำหรับไอลดา การที่เขาได้แค่มอง ก็เป็นสุขเหลือล้นแล้วละ

หล่อนขอสาบานจากเขาว่า จะไม่แตะเนื้อต้องตัวกันอีก แต่ในความรู้สึก เขาเหมือนยังไม่ปลดมือจากหัวไหล่ของหล่อนด้วยซ้ำ

หรือกระทั่งกลิ่นของดอกไม้กลางคืน ที่ส่งความหอมเย็นมาให้ตอนนี้ ก็ไม่สามารถลบเลือนกลิ่นกายหอมจรุงใจของหล่อนได้

สติ... เขาต้องตั้งสติให้ดี นี่ต้องเป็นเรื่องของการทำงานเท่านั้น

“ถ้าจะให้ได้พื้นที่โล่ง คุณต้องตัดต้นไม้พวกนั้นทิ้งอย่างน้อยสักสิบต้น”

“คุณจะบ้าหรือ ต้นสาเกพวกนี้รอดพายุมาได้ตั้งกี่ครั้ง รวมทั้งพวกนักจัดสวนความคิดแปลกๆ ไม่รู้กี่ชุดต่อกี่ชุดมาแล้ว”

คนฟังพ่นลมหายใจยาวยืด

“หรือเพราะนักจัดสวนพวกนั้นก็เข้าใจจริงๆ ไงล่ะ เรื่องความจำเป็นต้องให้มันโล่งๆ”

การที่ไอลดาอาศัยอยู่ในหมู่ชุมชนระดับเดียวกัน ทำให้งานส่วนใหญ่ของเขาง่ายขึ้น แต่การอยู่รวมตัวกันของคนระดับสูง ก็อาจเป็นภัยในเรื่องที่คาดไม่ถึงได้เหมือนกันนั่นละ

“เชื่อฉันเถอะค่ะ ทุกๆ บ้านมีระบบรักษาความปลอดภัยชั้นยอดทั้งนั้น”

“ผมรู้ดีว่าพวกเขาอยู่กันยังไง”

หลังกำแพงของทุกบ้านล้วนเต็มไปด้วยกล้องวงจรปิด

“เรื่องแสงไฟก็ด้วย บ้านของคุณนี่ผิดหมด มันดูสวยก็จริง แต่ทำให้บ้านมีเงาเยอะแยะไปหมด คุณต้องการเห็นเงาร่างทุกคนที่ใกล้ตัวบ้าน แต่คุณกลับมีสารพัดเงาทาบทับบดบัง”

“คุณวิลาศกับฉันเลือกสีเลือกต้นไม้ เลือกเพื่อความสวยงามไม่ใช่เพื่อความปลอดภัย”

หล่อนไม่ยอมจำนน

คุณวิลาศกับฉัน... ภาพในจินตนาการของมารุต บาดใจเหลือเกิน แต่เขาต้องไม่วอกแวก

“ตามแนวทางเดินนี้ คุณต้องมีกล้องอินฟราเรด กล้องนี้จะสังเกตเห็นได้ยากและทันสมัยที่สุด”

หล่อนเท้าสะโพก มองตามสายตาเขาไปรอบๆ บริเวณสนามหญ้า

“ฉันว่าคุณพูดถูก”

เมื่อปราศจากเครื่องประดับเพชรพลอยต่างๆ หล่อนก็ดูเหมือนนักศึกษาวิชากฎหมายทั่ว ๆ ไป เหมือนที่เคยเป็นตอนคบหากับเขาเมื่อห้าปีก่อน

“ผมถูกอยู่แล้วละ” เขาตอบ ทำเป็นเสียงแข็งเพื่อหวังกลบเกลื่อนการหวนคิดถึงความหลังของตนเอง “หากคุณอยากปลอดภัย ก็ต้องยอมเสียสละความสุขส่วนตัวบ้าง”

หล่อนหันกลับมาจ้องหน้าชายหนุ่ม

“เรา... คุณวิลาศก็ทำอย่างนั้นมาแล้ว แต่การขุดต้นไม้ออกหรือติดกล้องเพิ่ม มันอาจเสียเปล่า” น้ำเสียงไอลดาแผ่วลง “เพราะบิณฑ์เข้านอกออกในได้ตลอด”

“เราจะเปลี่ยนมัน ยามหน้าประตูใหญ่นั่น ไม่ควรให้เขาเข้ามา”

“แล้วเขาก็ต้องหาทางเข้ามาจนได้ แต่ก็ดี... ฉันจะได้ย้ำกับยามที่ประตูใหญ่อีกครั้ง อย่างน้อยต้องโทร.มาบอกก่อนที่บิณฑ์จะเข้ามา”

หล่อนเดินอ้อมไกลมาถึงด้านข้างของคฤหาสน์  เวิ้งอ่าวเล็กๆ มีท่าน้ำคอนกรีตกว้างขวาง มีสะพานทอดยาวออกไป และมีเรือยอร์ชลำหรูจอดนิ่งอยู่ตรงนั้น ข้างเรือมีอักษรตัวใหญ่ เขียนเป็นชื่อเรือ  ณ หทัย

“ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการประกาศว่าใครอยู่บนเรือ” เขาบอก พยักหน้าไปทางนั้น “คุณอาจต้องเปลี่ยนชื่อเรือซะใหม่”

เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ กับพวกมหาเศรษฐี ที่พยายามประกาศชื่อตัวเองไว้ตามอะไรต่างๆ อย่างในกรณีนี้ นี่มันบ้าชัดๆ

“ไม่เป็นไร อีกไม่กี่สัปดาห์มันก็จะไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว ฉันเพิ่งขายไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน”

มารุตลองเขย่าประตูที่กั้นระหว่างรั้วกับลานคอนกรีตของท่าเรือ

“รั้วนี่ ป้องกันอะไรไม่ได้เลย แล้วคุณมีกล้องจับภาพบริเวณนี้หรือเปล่า”

“ไม่มี แต่ยามตรงประตูจะเวียนมาดูทุกชั่วโมง แถวนี้ไม่ค่อยมีใครมา นอกจากแม่บ้าน หรือช่างซ่อมบำรุง”

เขามองไปยังสะพานที่ทอดยาว ซึ่งไม่แค่เป็นที่จอดเรือหรูเท่านั้น แต่อาจเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่คนร้ายจะเข้าถึงตัวหล่อน

“ผมหวังว่าคุณจะไม่ลงมาที่นี่คนเดียวตอนกลางคืน เรือนี่เหมาะจะซ่อนตัวที่สุด และกระจกใสๆ บนเรือนั้น ถ้าคุณขึ้นไปตอนกลางคืน จะเป็นเป้าจากกลางทะเลได้ง่ายมากๆ”

ไอลดาผลักประตูรั้วออกไป  ยามฝั่งก็มีลาดตระเวนตลอดค่ะ พวกละแวกนี้รวมเงินกันสมนาคุณเขาเป็นรายเดือน ไม่มีคนแปลกหน้ามาถึงเวิ้งอ่าวแถวนี้ได้ง่ายๆ แต่... ฉันก็จะระวังตัวให้มากขึ้น”

เขาลูบปลายคางตัวเอง ครุ่นคิดอยู่กับการพิจารณาอาณาบริเวณตรงหน้า มีอีกเกาะ น่าจะอยู่ในเขตเขมร แล้วโน้นแสงเรืองๆ  คงเป็นเมืองพัทยา  หลังจากก้มมองพื้นน้ำ มารุตก็พูดขึ้นว่า

“ไม่มีแสงไฟส่องใต้น้ำ...”

“ฉันเข้าใจว่าคุณกำลังทำหน้าที่และก็ทำได้ดีซะด้วย” ไอลดาพยายามใจเย็น “ฉันขายเรือนั่นไปแล้ว ส่วนบิณฑ์ถึงอยากจะฆ่าฉันขนาดไหน ก็ไม่มีทางดำน้ำสกูบามาแน่ๆ เขาไม่ฉลาดขนาดนั้นหรอก”

“แต่เขาอาจจะบ้าได้ถึงขนาดนั้น” มารุตเดินไปจนสุดท่าน้ำ จากนั้นก็หันมามองบ้านหลังใหญ่โตของหล่อน  ชั้นบนน่าจะมีสักยี่สิบห้อง ด้านโน้นเป็นสระว่ายน้ำกว้าง มีเสาโค้งรูปโดมหกคู่

เขานึกถึงอะไรก็ตามที่เคยมี เคยเป็น ของนักศึกษากฎหมายที่เขาพบในกรุงเทพ นั่นบอกไม่ได้เลยว่าจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ หล่อนเคยมีอุดมการณ์ เคยอยากช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก แล้วทำไม อยู่ๆ ถึงอยากมีชีวิตสุขสบาย ถึงกับเอาร่างกายของตัวเองเข้าแลก

ให้ตายสิ! ก็ไหนหล่อนเคยวางแผนชีวิตไว้ว่า จะเป็นเมียสุดที่รักของเจ้าหน้าที่หนุ่มปปส.ไฟแรงคนนั้น

แต่คงมีสิ่งเดียวกระมังที่เปลี่ยนคนได้... เงิน...

“แล้วลูกเลี้ยงต้องการอะไรจากคุณกันแน่” เขาสลัดความคิดในหัวให้หลุดพ้น

คนถูกถามพิงผนังห้องพักริมน้ำ ก่อนตอบว่า

“คดีที่เขาฟ้องร้อง เป็นการเรียกเงินห้าร้อยล้าน”

คนฟังระบายลมหายใจยาว “นั่นหมายถึงเขาจะเจียดสักส่วนหนึ่งจ้างใครสักคน ที่ทำได้มากกว่าดำน้ำสกูบามาโจมตีคุณซะด้วยซ้ำ”

“แต่เขาจะไม่ได้เงินนั่น ถ้าฉันตาย”

“แล้วถ้าเป็นงั้น จะพยายามทำร้ายคุณทำไมล่ะ”

หล่อนเดินไปอีกด้านของท่าน้ำ สายลมพัดเอื่อย พลิ้วเรือนผมของหล่อนให้ปลิวสยาย

“ฉันเลิกพยายามทำความเข้าใจบิณฑ์มานานแล้ว คุณวิลาศพ่อของเขาก็เหมือนกัน”

มารุตก้าวเข้ามา ใกล้พอจะรวบตัวไอลดาเอาไว้ได้ในทันที หากเขาจำเป็นต้องทำ

“รู้ไหม นายนั่นมีข้อสันนิษฐานอะไร” เขากระซิบ “เขาคิดว่าคุณเป็นคนฆ่าคุณวิลาศ”

หญิงสาวจ้องตาชายหนุ่ม มีประกายกร้าววาบขึ้น

“บิณฑ์ติดยา การงานไม่เคยทำ เพราะอยากได้อะไรก็ได้โดยไม่ต้องลงมือลงแรง เขาเกลียดที่พ่อเขาแต่งงานกับฉัน และเขาจะมีความสุขที่ได้แกล้งให้ฉันอับอายเวลาอยู่ต่อหน้าคนมากๆ หรือต้องเป็นทุกข์กังวลอย่างในตอนนี้”

“ถามจริงๆ นะลดา คุณเคยคิดบ้างไหมว่า สามีคุณอาจไม่ได้ตายด้วยเหตุธรรมชาติ”

แม้จะอยู่กลางแสงจันทร์ แต่เขายังเห็นได้ว่า ใบหน้าหล่อนซีดเผือดลงทันที

“ฉันคิดดูทุกทางแล้ว...” หล่อนยืนยัน “...และนั่นเป็นเหตุผลที่คุณต้องมาอยู่ตรงนี้”

นั่นก็อาจใช่ เขามาที่นี่เพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับการตายของวิลาศว่า หล่อนมีส่วนด้วยหรือไม่ และสิ่งที่เขารู้เห็นได้ทั้งหมดในตอนนี้คือ วาริน ของเขาเปลี่ยนเป็นนางไอลดา ณหทัย เต็มตัว ออกวงสังคมได้ไม่เคอะเขินสักนิด

การงานที่หนักหนาของหล่อนอาจปิดบังซ่อนเร้นอะไรบางอย่างเอาไว้ แต่ไม่เป็นไร... เขามีเป็นล้านวิธีที่จะสืบหา และยังแถมได้อีกวิธีหนึ่งด้วย ถ้าได้เห็นหล่อนในสภาพเปลือยเปล่าอีกสักครั้ง

มารุตไม่คิดว่าจะมีเสียงดังมาจากเฉลียงริมห้องเขาในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เมื่ออาบน้ำเสร็จ เขาได้ยินเสียงแหลมสูงของผู้หญิง ไม่ใช่ไอลดาเป็นแน่... หรือเป็นคนรับใช้ คนที่เตรียมห้องพักนี้ให้เขา... ป้าแม้น

ชายหนุ่มรีบเช็ดตัวด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่ ดึงกางเกงบอกเซอร์และกางเกงขายาวออกมาสวม สอดเท้าเปล่าในรองเท้าหุ้มส้นคู่เก่ง ซุกปืนไว้ในขอบกางเกงด้านหลัง ตอนนี้ไม่ต้องใส่เสื้อแล้วละ ถ้าข้างนอกจะร้อนอบขนาดนั้น

ตรงระเบียงหน้าประตู เขาได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูง ดังกระทบพื้นหินหนักๆ คนรักเก่าของเขาไม่ได้เดินแบบนั้น หล่อนไม่เคลื่อนไหวด้วยความมุ่งมั่นขนาดนั้น

นอกจากนั้น เขาจะรู้เสมอ หากมีไอลดาอยู่ใกล้ๆ

เมื่อมารุตเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่น เขาเห็นเงาอยู่อีกด้านของกระจกฝ้า เห็นลูกบิดค่อยหมุน เขาเตรียมอาวุธพร้อมรับสถานการณ์ อะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นทันทีที่ประตูเปิดออก

“อย่าค่ะ อย่ายิง อย่าเพิ่งยิง!”

“ก็อย่าเข้ามาเงียบๆ แบบนี้สิ” เขาตอบโต้ ขณะเดินไปปลดสลักนิรภัย หญิงสาวร่างเล็กกำลังชะเง้อชะแง้เข้ามา

“ฉันเข้าไปได้ซะที่ไหนล่ะ ติดสายโซ่นี่ไง”

“หรือไม่ก็เคาะประตูก่อน”

คำพูดนั้นทำให้มารุตได้รับรอยยิ้มยั่วยวนจากคนตรงหน้า หล่อนสู้สายตาเขาแบบไม่เขินอายเลยสักนิด

“ค่ะ...ดิฉันจะจดจำไว้... เอ่อ! เราเคยเจอกันแล้วเมื่อคืนไงคะ คุณมารุต”

“คุณคือ... คือบราลี”

หญิงสาวถึงกับผวาเข้ากอด แสดงออกเกินความจำเป็นด้วยซ้ำ ว่าดีใจขนาดไหนที่เขาจำหล่อนได้

“เรียกฉันว่า สาลี่ เถอะค่ะ หรือจะเรียกว่า ลี่ เฉยๆ ก็ได้”

หล่อนกอดรูปร่างกำยำแน่นแกร่งของชายหนุ่ม เป็นอึดใจใหญ่กว่าจะพูดออกมาเช่นนั้น

หลังผละออกจากมารุตแล้ว บราลีจึงค่อยปรับน้ำเสียงให้เป็นการเป็นงานยิ่งขึ้น

“คือ... เป็นไงบ้างคะ กับนายบิณฑ์ และ... เรื่องอื่นๆ”

“นายนั่น ผมพาเขาไปส่งบ้าน ไม่ได้ฆ่า” เขาพยายามหลบมือหล่อน ที่ทำท่าเหมือนจะเกาะกุมแก่นกายเขาให้ได้ “แล้วนี่ คือคุณมาตามหาผม?”

บราลีขัดใจนิดหนึ่งที่เขาหลบเลี่ยง แกล้งถอนหายใจ ถอยไปก้าวหนึ่ง เพราะอยากพิจารณาเรือนร่างซึ่งมีแค่กางเกงรัดรึงท่อนล่าง กับการเปลือยท่อนบน เปิดเผยมัดกล้ามและลอนหน้าท้อง ที่ยั่วน้ำลายได้ดีเหลือเกิน

“คุณทำร้ายบิณฑ์หรือเปล่าคะ”

“เขาสิทำร้ายผม ต้องไปนั่งลูบหลังให้ ตอนขอลงไปอาเจียนที่ข้างถนน”

สีหน้าหล่อนเปลี่ยนไป คล้ายกำลังจะสำรอกอะไรออกมา

“อึ๋ย!  ดีแล้วละที่คุณลากตัวเขาออกไปจากงาน” เพื่อนสนิทของไอลดายิ้มให้เขา หวังได้รับรอยยิ้มตอบกลับ แต่เมื่อผิดหวัง ก็พูดต่อไป “ถ้างั้น... คุณรุตคะ เล่าเรื่องของคุณกับลดาให้ฉันฟังบ้างสิ คือ... แบบว่า เธอดูเหมือนไม่ค่อยสบายใจ ตอนที่คุณโผล่เข้ามา”

“นี่ผมไม่ยักรู้ว่า ต้องสอบสัมภาษณ์กับคุณ ก่อนจะได้เริ่มงานนี้อย่างจริงจัง”

คนถูกประชดแค่นยิ้ม สบตาเขาตรงๆ

“ก็ต้องงั้นสิ เพราะฉันเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของลดา”

“งั้นคุณก็ไปถามเพื่อนสนิทที่สุดของคุณเองสิ”

เขาพยักหน้าไปทางประตูด้วยซ้ำ แต่หล่อนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“วันนี้คงไม่ได้ เพราะยุ่งอยู่กับการนับเงินบริจาค อยู่กับคุณมานะ สามีฉันเอง”

บราลียกคิ้วให้เขา หลิ่วตาข้างหนึ่ง แล้วพูดต่อไป

“คุณเก่งจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย ทำไมไม่มีตารางเวลาของลูกค้า อย่าบอกนะว่า ไม่มีแผนผังของคฤหาสน์หลังนี้ด้วย”

คนฟังยังยืนนิ่ง ไม่ละสายตาจากหญิงสาวร่างเล็ก ในหัวคิดว่า ผู้หญิงคนนี้คือแหล่งข้อมูลชั้นยอด

“หรือว่าการนับเงิน เป็นสิ่งแรกที่เพื่อนคุณทำทุกเช้า”

จบคำ มารุตก็ถอยไปนั่งบนโซฟาตัวน่าสบาย

“ก็ ถ้าคุณมีเงินมากขนาดนั้น ก็ต้องคอยตรวจดูไงล่ะ ดีกว่าจะปล่อยให้มันหายไปโดยไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย นี้พี่นะกำลังช่วยตรวจสอบ” หล่อนยิ้มพรายขึ้นมาอีก “เรื่องนับกับเก็บเป็นหน้าที่คุณนะสามีฉัน ส่วนฉันมีหน้าที่ช่วยใช้จ่าย”

“คุณบราลี...” เขาเรียกอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

“เรียกลี่เถอะค่ะ” หล่อนก้มลงเล็กน้อย เสื้อคอกว้างยิ่งเผยเนินอกให้เด่นชัด “เหมือนเพลงอะไรนะ ที่พูดถึงผู้หญิงที่ชอบมีกิ๊กหนุ่มๆ สูงๆ ล่ำๆ”

“ครับคุณลี่” เขาเอ่ยเบาๆ เป็นการตัดบท “เพื่อจะได้คุ้มครองคุณไอลดาให้ดีที่สุด ผมต้องรับรู้ถึงอันตรายทุกอย่าง ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเธอ ผมเข้าใจว่าไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีคนพยายามขับรถชนเธอตอนเดินริมถนน”

บราลีทำจมูกย่น

“บิณฑ์คือไอ้งั่งดีๆ นี่เอง อ้อ...ขอโทษนะคะที่หยาบคาย”

เขาพยักหน้าเห็นด้วย

“คุณคิดออกไหมว่า มีใครอื่นอีกไหม ที่อยากทำร้ายเพื่อนคุณ

ความขี้เล่นในแววตาคนถูกถามหายไป เปลี่ยนเป็นจริงจัง

“ไม่หรอกค่ะ ทุกคนนั่นละที่รักและชื่นชมลดา”

“แล้วสามีล่ะ คุณวิลาศ มีใครอยากปองร้ายเขาบ้างไหม”

“ทำไมคะ หรือว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล” ดวงตาหล่อนเบิกกว้าง

“เขามีศัตรูบ้างไหม”

หล่อนเอนตัว ดึงกระเป๋าสะพายใบเล็กออกมา เปิดฝาหยิบซองบุหรี่

“ขอสูบบุหรี่ได้ไหมคะ”

“ตามสบาย”

มารุตอนุญาตยิ้มๆ คนสูบบุหรี่มักจะพูดมาก เขารู้จากการทำงานปีแรกที่ปปส.

หล่อนตัวสั่น ลูบแขนเปลือยเปล่าของตัวเอง “ในนี้หนาวจังนะคะ” พูดจบก็มองไปที่เครื่องปรับอากาศ

“ผมชอบ... ชอบที่เย็นๆ”

บราลีพ่นควันเบาๆ มองเขาอย่างพิจารณา

“แถวนี้ร้อนค่ะ มากกว่าในกรุงเทพหลายเท่า”

“ผมมาจากแถวชานเมือง” เห็นหล่อนยังสนใจ เลยพูดต่อไป “เวลาไม่ทำงานผมพักที่นั่น แถวบางบัวทอง คลองพระพิมล”

“จริงหรือคะ มีบ้านติดคลองด้วยสินะคะ... ว่าแต่... คุณเคยฆ่าใครหรือยัง”

“เดี๋ยวนะครับคุณลี่ เมื่อกี้คุณกำลังต้องเล่าเรื่องศัตรูของคุณวิลาศ”

เขาพยายามดึงหล่อนกลับมาที่หัวข้อสนทนาเดิม

“ฉันว่าคุณต้องเคยฆ่าคนมาแล้วแน่ๆ” หล่อนอัดควันเข้าปอดอีกครั้ง หรี่ตาให้มารุตขณะพ่นควันสีเทาออกมา “ฉันจะถามลดาให้นะคะ เธอต้องรู้แน่ๆ”

“ถามคุณดูก็ได้ ไม่ใช่หรือ”

“ไม่หรอกค่ะ คุณวิลาศไม่มีศัตรู” หล่อนโบกมือไล่ควัน “แล้วคุณจะถามทำไม”

“ไม่มีเลยรึ มหาเศรษฐีพันล้าน ที่จัดการซื้อขายผืนดินมหาศาล และพลิกโฉมพื้นที่ชานเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ จะไม่มีใครเกลียดเขาเลยหรือไง”

“ไม่มี...” บราลีเคาะเถ้าบุหรี่ลงในแก้ว ไขว้ขาจนกระโปรงร่นขึ้นไปเกือบถึงสะโพก “คุณวิลาศมีเมียเก่าที่อาจไม่พอใจที่ลดาได้แต่งงานด้วย  หล่อนอยู่กรุงเทพ และได้เงินไปมากพอจะอยู่ได้สบายๆ ไปตลอดชีวิต”

“แล้วสองคนนั่นยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ไหม ตอนที่คุณวิลาศได้เจอกับวา... เอิ่ม... ผมหมายถึง คุณไอลดา”

บราลีหัวเราะเบาๆ

“คุณหมายความว่า ลดาจะเป็นต้นเหตุให้ครอบครัวเขาแตกแยกงั้นหรือคะ ไม่มีทาง คุณวิลาศหย่าขาดจากเมียเก่าตั้งนานแล้ว ฉันรู้เพราะคุณนะสามีฉัน เป็นคนจัดการเรื่องฟ้องร้องและไกล่เกลี่ย”

หล่อนยิ้มอย่างพอใจ กับวีรกรรมสำคัญของผู้เป็นสามี

“คุณนะเป็นทนายความส่วนตัวให้คุณวิลาศ ฉันแนะนำให้เขารู้จักกับลดาในงานเลี้ยง”

มารุตประสานปลายนิ้วเข้าด้วยกัน สีหน้าตรึกตรองต้นสายปลายเหตุ

“แล้วเรื่องการที่คนอายุห่างกันมากขนาดนี้ ได้แต่งงานกันล่ะ มันแปลกๆ นะ คุณว่าไหม คุณลี่”

“ไม่เห็นแปลกนี่คะ” บราลีลุกจากโซฟา “ถ้ามีเรื่องเงินเป็นพันๆ ล้านเข้ามาเกี่ยวข้อง อายุจะห่างกันแค่ไหนก็ไม่เป็นปัญหา”

“คุณกำลังจะหมายความว่า ที่ลดายอมแต่งงานกับคนแก่คราวพ่อ ก็เพื่อเงิน?”

หล่อนทิ้งจังหวะ ยังไม่ตอบคำถามจนกระทั่ง เดินไปพักสะโพกไว้กับขอบหน้าต่าง แสงเงาแรงๆ นั่น ทำให้สันจมูกที่ทำศัลยกรรม มองเห็นได้เด่นขัด

“ปัญหาเดียวของลดาคือ ลูกเลี้ยงขี้ยานั่นแหละ เชื่อฉันเถอะ คุณต้องกำจัดเขาไปให้พ้นๆ และนั่นคือสิ่งที่เพื่อนฉันจ้างให้คุณมาทำ ไม่ใช่มาตั้งคำถามกับฉัน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม”

เขาลุกขึ้นบ้าง เดินไปทางประตู เปิดมันออก บอกชัดว่า หล่อนควรไปได้แล้ว

“ขอบคุณสำหรับความตรงไปตรงมาของคุณ คุณบราลี”

หล่อนเดินมาคว้าสายโซ่กระเป๋าสะพายยี่ห้อสุดหรู เดินตัดห้องนั่งเล่นมาที่ประตู ถือโอกาสเบียดตัวเข้ากับส่วนสำคัญ มารุตหลบแทบไม่ทัน ถึงกระนั้นก็ถูกมือหนึ่งของหล่อนลูบผ่านจนได้

หล่อนยิ้มอย่างมีชัย ขณะเงยมองหน้าชายหนุ่ม

“ก็... ไม่เป็นไร อย่างที่คุณเห็น ฉันไม่สนใจขี้ปากใครๆ และไม่สนใจหรอกว่า ใครทำให้ฉันพอใจหรือไม่สบอารมณ์”

“ใช่... ผมรู้ดีแล้วละ”

“จะบอกว่า คุณไม่ได้ทำให้ฉันกลัวหรอกนะ พ่อยักษ์รูปหล่อ”

บราลียังคงไม่ขยับตัว สายตาปรายอยู่กับเป้ากางเกงนูนๆ นั่นไม่วางตา

“แต่ไอลดาต่างกับฉัน เธอแข็งแกร่งกับทุกสถานการณ์ ยกเว้นตอนที่ได้เห็นหน้าคุณ”

“นั่นเรื่องธรรมดา นี่ผมก็เห็นชัดๆ ว่ามีอีกคน กำลังหวั่นไหวอยู่ ไม่ใช่หรือครับ”


**************************




Create Date : 11 มิถุนายน 2559
Last Update : 15 มิถุนายน 2559 15:57:47 น.
Counter : 334 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

SONG982
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]



สะอาด สงบ สว่าง

เจนนิเฟอร์Goodbye My Love [Live].mp3 - Jennifer Kim
All Blog