สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ
Group Blog
 
All Blogs
 
"พาร์คินสัน แมน" เพราะไม่ยอมแพ้จึงไม่แพ้

อ่านเรื่องนี้ใน "ประชาชาติธุรกิจ" อึ้ง...ทึ่ง..บอกไม่ถูก
ถ้าเจอเข้ากับตัวเองบ้างจะเป็นยังไงหนอ


เฮ้อ...



ลองอ่านดู...

หลายเดือนก่อน ผมรู้จักผู้ชายวัย 50 กว่าคนหนึ่ง ในสโมสรว่ายน้ำแห่งหนึ่งกลางกรุง เขาจะมา ว่ายน้ำในเวลาเช้า ทุกวันไม่เคยขาด โดยมี "คุณป้า" มาคอยดูแลเป็นเพื่อน

ในสระน้ำ เขาว่ายน้ำและกระโดดน้ำเหมือนปลา แต่เมื่อเขาขึ้นมาจากสระน้ำ เขาดูคล้ายมนุษย์หุ่นยนต์ เดินและพูดค่อนข้างช้ากว่าคนทั่วไป

กิจวัตรที่เขาชอบทำมากที่สุด คือ การสอนเด็กๆ หรือคนว่ายน้ำไม่เป็น ให้ว่ายน้ำถูกท่าและว่ายน้ำให้เป็น ราวกับเป็นครูสอนว่ายน้ำมืออาชีพ

แต่สิ่งที่คนในสระว่ายน้ำสนใจในตัวเขามากกว่า การชอบทำตัวเป็นครูสอนว่ายน้ำก็คือ อุปกรณ์ประหลาด บริเวณกลางหน้าอกด้านขวาของเขา

ทำไมผู้ชายคนนี้มีกล่องสี่เหลี่ยมฝังอยู่ภายใน เสียงกระซิบแว่วมาว่า หรือหมอนี่จะเป็นแฟรงเกนสไตน์ ยุค 2007

แล้วที่สุด เพื่อนในสระว่ายน้ำจึงถามว่า มันคือกล่องอะไร ?

เขาตอบว่า มันคือ ก้อนแบตเตอรี่ ก้อนละ 8 แสนบาท มีอายุใช้งาน 5 ปี

แบตเตอรี่ก้อนนี้เชื่อมต่อกับสายไฟ (สาย อิเล็กโทรด) ที่เจาะเข้าไปในก้อนสมอง เพื่อควบ คุมระบบไฟฟ้าในสมองให้ทำงานได้เป็นปกติ

ถ้าไม่มีก้อนแบตเตอรี่และสายไฟที่เจาะผ่านกระโหลกเข้าไปในสมอง เขาจะตัวแข็ง เกิดอาการสั่นเกร็ง จนเดินไม่ได้

ใช่แล้ว... เขาคือ "พาร์กินสันแมน" นั่นเอง

เรื่องเล่าต่อไปนี้ ไม่สนุกเหมือนซูเปอร์แมน รีเทิร์น แต่ผมเชื่อว่า พาร์กินสันแมนเป็นชีวิตจริงที่เข้มข้น ยิ่งกว่าซูเปอร์แมนหลายเท่า

เขาเล่าว่า ได้ป่วยเป็นพาร์กินสันมานานเกือบ 10 ปี ตั้งแต่อายุ 40 ปีต้นๆ ต้องกินยาบรรเทาอาการสั่นและอาการตัวแข็งเกร็ง วันละ 4-5 เม็ด มายาวนานหลายปี จากแชมป์ว่ายน้ำมอดินแดง (มหาวิทยาลัยขอนแก่น) จากหนุ่มวิศวกรรุ่น 13 ที่มีอนาคต เคยทำงานธนาคารออมสิน เคยทำงานแบงก์ชาติ ก่อนจะลาออกมาเป็นเจ้าของบริษัทก่อสร้าง

และจากที่เคยเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ขับรถไปทำงาน คุมไซต์งานรับเหมาก่อสร้างได้ ก็ต้องหยุด นอนอยู่กับบ้าน เพราะฝืนสังขารตัวเองไม่ไหว

เพราะเมื่อเครียดขึ้นมาเมื่อใด ยารักษาพาร์กินสันก็เอาไม่อยู่ อารมณ์จะปรวนแปรอย่างรุนแรง เรียกว่า hot ขึ้นมาเมื่อใด เป็นได้เรื่อง...

อารมณ์จะร้อนแบบสุดๆ มีอาการพูด ไม่หยุด หรือ ไม่ก็หัวเราะไม่หยุด อาการคล้ายคนผีเข้า

มีเรื่องเล่ากันว่า หลายคนที่ป่วยเป็น พาร์กินสัน มักถูกคู่ชีวิตหย่าขาด เพราะทนอาการฮอตของผู้ปวยไม่ไหว บางคนก็โดดลงมาจากชั้นบนของบ้าน บางคนเดินทะลุกระจก เพื่อฆ่าตัวตาย เพราะทนรับสภาพตัวเองไม่ไหว

หลายคนหงอยเหงาเพราะพี่ น้อง เพื่อนฝูงที่เคยมาเยี่ยมก็ค่อยๆ หายไปทีละคน จนกลายเป็นความเงียบและความหดหู่

วันหนึ่งในสระน้ำ ผมถามว่า คุณเคยคิดสั้นบ้างไหม เขาอึ้งไปพักใหญ่ ไม่ตอบ แต่ ดำน้ำจมหายไปหลายวินาที ก่อนโผล่ขึ้นมาชู 3 นิ้ว แล้วน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาเฉยๆ ใช่เลย เขาเคยคิดสั้นมาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้ง น้ำตาไหลมาปนกับน้ำ มันไม่ใช่ crying in tha rain แต่มันเป็น crying in the pool

เขาเล่าต่อว่า ถ้าปืนอยู่ใกล้ตัวก็ตายไปแล้วหลายครั้ง ถึงไม่มีปืนก็อยากกระโดดลงมาจากบันได

เขาบอกผมด้วยเสียงสั่นเครือว่า ช่วยเขียนลงไปในหนังสือพิมพ์ว่า อย่าทิ้งคนป่วยโรคพาร์กินสันไว้คนเดียวอย่างเด็ดขาด เพราะทุกคนมีสิทธิ...ฆ่าตัวตาย

คราวนี้ ผมเป็นฝ่ายอึ้งแทน

พาร์กินสันแมนเล่าอาการป่วยว่า ครั้งสุดท้าย ก่อนตัดสินใจผ่าตัดเจาะสมอง เขาเกิดอาการฮอตขึ้นมาอย่างรุนแรง ขณะรถติดหนึบบนถนนในกรุงเทพฯ

เมื่อความเครียดพุ่งถึงขีดสุด เขาถึงขั้นสลบคาพวงมาลัย น็อกไปเลยเฉยๆ

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เขาป่วยหนักจนไปทำงานไม่ได้ ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน โดยมีภรรยา ลูก และคุณป้า คอยดูแลเป็นกำลังใจ

...คุณเชื่อไหม ผมนอนมา 3 ปี...

จนเดือนพฤศจิกายน 2547 วิทยาการสมัยใหม่ในการรักษาพาร์กินสันโดยการผ่าตัด ถูกนำมาทดลองในประเทศไทยครั้งแรก

ทันทีที่รู้ข่าว เขาลั่นวาจาว่า "ต้องผ่าตัดให้ได้ ถึงผ่าตัดแล้วตายก็ยอม"

ความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ทำให้เขายอมเป็น "หนูทดลอง" เข้ารับการผ่าตัดฝังสายอิเล็กโทรด หรือการผ่าตัดแบบ deep brain stimulation คนที่ 17 ของเมืองไทย วันนั้นตัวเครื่องบวกแบตเตอรี่ ราคารวมกันกว่า 1 ล้านบาท

ตอนแรก คุณหมอบอกว่า 2 หมื่นกว่า เขานึกว่า ทำไมถูกจัง แค่ 2 หมื่น แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่ 2 หมื่นบาท แต่มันคือ 2 หมื่นดอลลาร์

หลังผ่าตัด เขากลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ สามารถขับรถยนต์ไปคุมไซต์งานรับเหมาก่อสร้างได้ตามปกติ ตักข้าวใส่ปากได้โดยข้าวไม่หกออกจากช้อน และที่สำคัญ เขาสามารถลดปริมาณยาลงได้อย่างมาก จากวันละ 4-5 เม็ดมาเหลือแค่เม็ดครึ่งเท่านั้น และที่สำคัญอาการ "ฮอต" ที่เคยเป็นวิกฤตก็หายไป

จะเหลือก็แต่เพียงการต้องไปหาคุณหมอ เพื่อปรับไฟแบตเตอรี่ที่ฝังอยู่ในอกให้พอดี เพราะถ้าไฟอ่อนไปก็ไม่ค่อยมีแรง ปวกเปียก ตัวงอเหมือนกุ้ง แต่ถ้าไฟแรงไป ลำตัวก็แอ่นสู้ หากลำตัวแอ่นเกิน 180 องศา คนรอบข้างก็พลอยไม่ค่อยมีความสุข เพราะอารมณ์ค่อนข้างร้อน มักฉุนเฉียวบ่อยๆ

แต่ถ้าคุณหมอปรับไฟให้อยู่ในสมดุล ลำตัวตั้งตรง 180 องศา เขาก็มีความสุขได้เหมือนคนธรรมดา

บางอารมณ์อาจเป็นเพราะต้องนอนซมบนเตียง นอนมานาน ทำให้อยากวิ่ง อยากเดิน ก็ซื้อรองเท้ากีฬายี่ห้อดีๆ ทีเดียวหลายๆ คู่ หรือบางอารมณ์อยากขี่รถให้มันหายอยาก

เรียกว่าอารมณ์นี้ อยากทำอะไรที่มันสะใจๆ เงินกลายเป็นกระดาษขึ้นมาเฉยๆ

หมอบอกว่า "พาร์กินสันแมน" มักมีความสามารถในการใช้เงินจะสูงขึ้น เพราะอั้นความอยากซื้อไว้นานช่วงนอนป่วย (ฮา)

แต่กระนั้นความสามารถในการหาเงินของเขา ก็ไม่แพ้ใคร เพราะฝีมือในการยกอาคารทรุด ซ่อมแซมต่อเติมอาคาร หรือแม้แต่ไอเดียในการทำสระว่ายน้ำของเขาก็ไม่เคยแพ้ใคร

นั่นหมายความว่า ถ้าไม่คุมงานก่อสร้าง เขาก็วิ่งออกกำลังกาย เพื่อรักษาร่างกายให้ฟิตและเฟิร์มตลอดเวลา

ทุกวันนี้ พาร์กินสันแมนมีความสุขในชีวิตอย่างมาก เขาไม่ต้องสูญเสียครอบครัวที่เขารัก แต่ยังได้ชีวิตและความใฝ่ฝันที่งดงามกลับคืนมา

เขาบอกผมว่า ตายแล้ว มันได้อะไรขึ้นมา ลุกขึ้นสู้ (ซิ) แล้วจะไม่ตาย !!!

โดย "ขุนสำราญภักดี"หน้า 48
//www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02spe02300850&day=2007-08-30§ionid=0223






Create Date : 30 สิงหาคม 2550
Last Update : 30 สิงหาคม 2550 13:26:42 น. 1 comments
Counter : 465 Pageviews.

 
อืม ทุกชีวิตมีเรื่องราวที่น่าสนใจนะครับ
บางคนก็ตายไปเพราะคิดสั้น แต่บางคนรอดมาได้ก็พบกับหลายสิ่งหลายอย่างที่ดีกว่า
มันอยู่ที่ใจจริงๆเลยครับ


โดย: sak (psak28 ) วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:17:23:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

cherydnk
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add cherydnk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.