รวบรวมเนื้อหาธรรมะดีๆ รูปภาพสวยๆ

บวชเป็นพระวัดพระธรรมกายทำไมจึงบวชให้แต่เฉพาะผู้มีปริญญา

โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC

คำถาม: เพื่อนเขาว่า ถ้าวัดนี้ดีจริงทำไมจึงบวชให้แก่เฉพาะผู้มีปริญญา ผมพยายามใช้ภูมิปัญญาเอาเหตุผลไปพูดกับเขา แต่ในที่สุดผมหมดปัญญาจริงๆ เลยได้แต่นั่งฟังเขาพูดไปก็พยายามข่มความโกรธเอาไว้ ผลสุดท้ายเขาก็ลงเอยด้วยการจะไม่พูดกับผม หลวงพ่อครับผมจะทำอย่างไรดี ผมทำผิดหรือเปล่า คือผมบอกเขาว่า “นายนี่สอนยากจังเลย” เขาก็เลยไม่พูดกับผม อีกคนหนึ่งบอกว่าให้ผมระวังจะโดนล้างสมอง ผมก็นึกในใจว่า เอ้า...ถ้าจะโดนล้างก็ขอให้ล้างความชั่วออกจากตัวเรา ออกจากสมองเราให้หมด ก็พอใจแล้ว

คำตอบ: ไม่ว่าวัดไหนๆ ก็ถูกคนว่าเสียดสีทั้งนั้น แม้แต่ในสมัยพุทธกาลถามว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดีจริงไหม? ดีจริง แล้วทรงสอนทุกคนไหม? ไม่ใช่สอนทุกคนนะ บางคนที่พระองค์สอนไม่ได้ ก็ทรงปล่อยวางเอาไว้ก่อน แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาจะสอนใครก็ทรงคัดคนเหมือนกัน ขอเล่าเรื่องที่ทรงคัดเลือกคนให้พวกเราฟังเอาไว้สักเรื่อง คน ในโลกนี้ ถ้าจะแบ่งตามความสามารถในการเรียนรู้แล้ว ท่านว่ามี 3 ประเภทใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ
พวกที่ 1 ดอกบัวพ้นน้ำ คือไม่ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมาบังเกิดหรือไม่ก็ตาม เขาสามารถเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว เขาจะไม่ทำชั่วอีก เพราะธาตุของเขา ขันธ์ 5 ของเขา ได้บริสุทธิ์ถึง 60-70% ขึ้นมาแล้ว ถึงแม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่บังเกิดขึ้น เขาก็สามารถเอาตัวรอดได้ในวันหนึ่งข้างหน้า การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้เกิดประโยชน์แก่เขามากนัก เพราะเขาเอาตัวรอดเองได้แล้ว ท่านอุปมาคนประเภทนี้ว่าเป็นดอกบัวที่พ้นน้ำแล้ว พร้อมจะแย้มกลีบบานในไม่ช้า
พวกที่ 2 ดอกบัวที่โผล่เสมอผิวน้ำ คือประเภทที่ธาตุในตัวมีความบริสุทธิ์เพียง 50% คือพวกก้ำกึ่ง ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิด เขาก็จะมีโอกาสรู้จักวิธีกลั่นธาตุในตัวให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น แล้วเขาก็จะรอดตัว ไม่หลงไปทำความชั่ว แต่ว่าถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มาบังเกิด เขาก็ไม่สามารถกลั่นธาตุ กลั่นขันธ์ให้บริสุทธิ์ขึ้นได้ แล้วก็พลาดพลั้งทำชั่ว ทำให้ชีวิตตกต่ำ พอสิ้นชีวิตก็ตกนรกไปเลย หรืออย่างน้อยที่สุดก็ทำให้ธาตุในตัวสกปรกมากขึ้น คนประเภทนี้เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดจึงได้รับประโยชน์มาก ท่านอุปมาคนประเภทนี้ว่าเป็นเสมือนดอกบัวที่โผล่เสมอผิวน้ำ
พวกที่ 3 บัวใต้น้ำ เป็นประเภทที่ธาตุในตัวของเขาสกปรกมากเกินไป ขันธ์ 5 ในตัวของเขาก็สกปรกมาก แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมาบังเกิด มาเทศน์ให้ฟังเขาก็ฟังไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นพระองค์จึงต้องปล่อยคนประเภทนี้ไป เนื่องจากไม่สามารถสอนเขาได้ การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เป็นประโยชน์แก่เขาเลย คนพวกนี้ไม่สามารถเข้าถึงธรรมะในชาตินี้ได้ ท่านอุปมาคนประเภทนี้เป็นเสมือนบัวใต้น้ำ คนในโลกเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นก่อนจะสอนใครจึงต้องแบ่งคนออกเป็น 3 พวกก่อนนะ
        เหตุการณ์ในสมัยพุทธกาลมีบางครั้ง มีบางคนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องข้ามไปไม่ทรงเทศน์โปรด เพราะเป็นคนประเภทที่สอนไม่ไหวจริงๆ ก็มีเรื่องเล่า เรื่อง “ยายหอย” เป็นตัวอย่างของคนที่แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็สอนไม่ได้
        เรื่องมีอยู่ว่า ในสมัยพุทธกาล มีผู้หญิงคนหนึ่งปากจัดมากชอบด่าพระ คือธาตุในตัวของแกมันสกปรกจนคิดเรื่องความดีไม่ออก คิดได้แต่เรื่องร้ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องด่าพระนี่แกถนัดนัก ด่าพระได้ฉอดๆ มีเรื่องด่าพระได้ทุกวัน แล้วแกไปด่าที่ไหนรู้ไหม? ไปด่าที่อื่นมันไม่สะใจ ต้องไปนั่งด่าพระอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าวัดเชตวัน
        พระเดินเข้าวัดแกก็ด่า พระออกจากวัดแกก็ด่า ประชาชนเข้ามาหาพระแกก็ด่า ประชาชนออกจากวัดแกก็ด่า ด่าเก่งจริงๆ ชาวบ้านให้ฉายาแกว่า “ยายหอย” ปรากฏว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เคยเทศน์โปรดยายหอยเลยทั้งๆ ที่คนบางคนอย่างองคุลิมาลอยู่ห่างจากวัดเชตวันเป็นร้อยๆ โยชน์ พระพุทธองค์ยังเสด็จไปเทศน์โปรด แต่ยายหอยอยู่ที่ซุ้มประตูหน้าวัดใกล้นิดเดียวพระพุทธองค์กลับไม่เคยไปเทศน์ให้ฟัง สักกัณฑ์หนึ่งก็ไม่เทศน์ ที่ไม่ทรงเทศน์ก็เพราะทรงรู้ว่าธาตุในตัวของยายหอยเป็นธาตุสกปรกหนาทึบ ยังเอาดีไม่ได้ ต้องปล่อยไว้ก่อน แต่แล้ววันหนึ่ง พระโมคคัลลาน์กลับมาจากธุดงค์เห็นยายหอยนั่งด่าพระจ๋อยๆๆ ก็นึกสงสัยใจใจว่า ทำไมนะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปเทศน์โปรดคนได้ทั่วทิศ แต่ทำไมไม่เทศน์โปรดยายหอย ปล่อยให้มานั่งด่าพระอยู่อย่างนี้ เสียหายหมด เสียชื่อวัดเชตวันก็เลยไปกราบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทูลถามว่า
        “พระพุทธเจ้าข้า ทำไมไม่ทรงเทศน์โปรดสอนยายหอยเสียก่อน ปล่อยให้แกนั่งด่าอย่างนี้ เสียชื่อวัดเชตวัน เสียชื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหมด” พระพุทธองค์ตรัสตอบพระโมคคัลลาน์ว่า โมคคัลลาน์ เราบำเพ็ญบารมีมาก็ตั้งใจจะมาช่วยรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปนิพพาน” พูดง่ายๆ มาช่วยกลั่นธาตุกลั่นขันธ์ 5 ของสัตว์โลกให้มีความบริสุทธิ์ “แต่คนบางคนก็สกปรกลามกมากเกินไป” คือทรงบอกว่าธาตุในตัวของบางคนสกปรกจนกลั่นไม่ไหว พระโมคคัลลาน์ก็ยังไม่เข้าใจ ยังคงอ้อนวอนต่อ “พระพุทธเจ้าข้า ด้วยบารมีของพระองค์ ถ้าพระองค์จะกลั่นเขา ทำไมจะกลั่นไม่ได้ ถ้าจะโปรดทำไมจะเทศน์โปรดไม่ได้ ทรงไปเทศน์โปรดยายหอยหน่อยเถิด พระพุทธเจ้าข้า”
        พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยืนยันว่า “ไม่ไหวจริงๆ โมคคัลลาน์รอไว้ให้พระพุทธเจ้าพระองค์หน้ามาเทศน์โปรดยายหอยเถอะ เวลานี้ต้องทิ้งเอาไว้ก่อน” พระโมคคัลลาน์ก็ยังคะยั้นคะยอ ในที่สุดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เลยตรัสสั้นๆ ว่า “เอาอย่างนี้โมคคัลลาน์ เธอไปลองดูเองก็แล้วกัน” พอทรงอนุญาตให้ไปลองดูเท่านั้น พระโมคคัลลาน์ดีใจ คิดว่าพรุ่งนี้เราจะไปเทศน์โปรดยายหอย ครั้นรุ่งเช้าก็นุ่งสบงครองจีวรอย่างดี เอาบาตรสะพายไหล่ตั้งใจจะไปบิณฑบาตภัตตาหารจากยายหอย จะได้ถือโอกาสนั้นเทศน์โปรดได้
        พระโมคคัลลาน์เดินออกไปถึงซุ้มประตูวัด ไปยืนอยู่ตรงหน้ายายหอย ยายหอยพอเห็นพระโมคคัลลาน์ถือบาตรมาด้วย ก็คิดในใจหนอยแนะ..จะมาบิณฑบาตกับเรา เมินเสียเถอะ ยายหอยทำเป็นไม่เห็นหันหลังขวับ มองไปทางอื่น พระโมคคัลลาน์ท่านมีฤทธิ์ ท่านเนรมิตกายที่ 2 ไปยืนดักอยู่เลย พอยายหอยหันขวับไปข้างหลัง ก็เจอพระโมคคัลลาน์องค์ที่ 2 โอ้โฮ...ถ้าเป็นเราคงก้มกราบแทบไม่ทัน เจอพระโมคคัลลาน์ 2 องค์ ยืนทั้งหน้าทั้งหลังขนาบอยู่นี่ น่าอัศจรรย์แท้ๆ แต่ยายหอยไม่เป็นอย่างเรา แกรีบหันขวับไปทางซ้าย พระโมคคัลลาน์ก็เนรมิตกายที่ 3 ไปยืนดักเอาไว้อีก แกเลยหันอีกขวับไปทางขวา พระโมคคัลลาน์ก็ปาฏิหาริย์กายที่ 4 ไปยืนขวางอีก
        ตกลงทั้งซ้าย ทั้งขวา ทั้งหน้า ทั้งหลัง มีพระโมคคัลลาน์ยืนดักอยู่เต็มเลยทั้ง 4 กาย ท่านนึกในใจ..เสร็จแน่ คราวนี้ยายหอยเสร็จ หลบไม่พ้น...ยายหอยทำอย่างไรรู้ไหม? แกก้มหน้าดูดินก่อน แต่ว่าพระโมคคัลลาน์ก็แสดงฤทธิ์ปาฏิหาริย์กายที่ 5 ไปรออยู่แล้วในดิน พอก้มไป อ้าว...พระโมคคัลลาน์อยู่ในดิน ไม่ดูก็ได้ แกเงยหน้ามองฟ้า พอเงยหน้าปั๊บ
        พระโมคคัลลาน์ปาฏิหาริย์กายที่ 6 ไปลอยรออยู่แล้ว ท่านนึกในใจ..เอาน่า เมื่อกี้ 5 กาย นึกว่าจะเสร็จ แล้วยังไม่เสร็จ คราวนี้ตั้ง 6 กายจะไปไหนรอด ล้อมหน้า ล้อมหลัง ล้อมล่าง ล้อมบน คิดว่าเสร็จแน่ แต่ก็ไม่เสร็จ..ยายหอยทำอย่างไร? ขออภัยนะ แกแก้ชายพกก้มหน้ามองในร่มผ้าแกเอง
        คราวนี้พระโมคคัลลาน์ปาฏิหาริย์กายเข้าไปไม่ได้เสียแล้วเสียท่ายายหอย พระโมคคัลลาน์ชะงัดส่ายหน้าเลย กลับดีกว่า ท่านไม่ได้บิณฑบาตต่อ เดินกลับเข้าวัดเงียบเลย แพ้ฤทธิ์ยายหอย ไปกราบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสารภาพว่า “พระพุทธเจ้าข้า จริงๆ จริงเลย ยายหอยนี่สอนไม่ได้” ก็ท่านปาฏิหาริย์ ตั้ง 6 กายให้ดูไม่ดู ไปดูอะไรก็ไม่รู้ ต้องบอกว่าคนนี้ธาตุในตัวสกปรกมาก ถามว่า ยายหอยฉลาดไหม? ฉลาดนะ โธ่...ดักตั้ง 6 ทิศแล้ว ยังดักยายหอยไม่อยู่ ฉลาด แต่ฉลาดในทางสกปรกลามก เพราะธาตุในตัวแกยังสกปรกอยู่มาก ขันธ์ทั้ง 5 คือรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ของแกสกปรกเต็มที่ แกเลยคิดวิธีสกปรกออกมาได้ ลองเป็นเรา ถ้าเจออย่างนั้นก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว เราหมดทาง แต่ยายหอยยังมีทางไป
        ขนาดพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังต้องเลือกคนสอนเลยลูกเอ๊ย เช่นกัน ที่วัดนี้เวลาจะฝึกคนก็ต้องคัดคนก่อน โดยเฉพาะภาวะของประเทศไทยขณะนี้ ขาดแคลนครู ขาดแคลนวิทยากรด้านธรรมะอีกมากเมื่อเป็นอย่างนี้ก็เลยต้องคัดก่อน คัดคนที่มีความสามารถพร้อมเอามาบวชเอามาฝึกก่อน ฝึกแล้วจะได้ช่วยกันไปเป็นครู ไปช่วยกันสั่งสอนประชาชนต่อไป
บวชเป็นพระวัดพระธรรมกาย
บวชเป็นพระวัดพระธรรมกาย
        เมื่อไร ปัญหาสภาพขาดแคลนครูบาอาจารย์ทางศาสนาค่อยลดลงแล้ว กฎเกณฑ์ก็คงผ่อนคลายลงไปได้บ้าง ตอนนี้ใครที่ดื้อเกเรนักก็ขอร้องละนะ ดื้อแค่พอท้วมๆ อย่าดื้อแบบยายหอยเลย คนสอนสู้ไม่ไหว คนอย่างนั้นพระโมคคัลลาน์ยังไม่สอน พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังไม่สอน ทัตตชีโว ขืนเก็บมาสอนก็เสียพระกันงวดนี้แหละ ไม่ต้องมากหรอก ได้อย่างยายหอยมาอยู่วัดสักคน ก็แย่แล้ว นี่มันเป็นอย่างนี้ ก็เลยต้องมีการคัดคนก่อนมาบวชกันเคร่งครัดหน่อย



Create Date : 03 พฤษภาคม 2555
Last Update : 3 พฤษภาคม 2555 19:49:34 น. 0 comments
Counter : 1403 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เจ้าหญิงใจดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add เจ้าหญิงใจดี's blog to your web]