Group Blog
 
All Blogs
 

46-คริสท์มาส กับแท็กซี่นิวยอร์ก

สวัสดีครับ คุณๆที่รักทุกท่าน
แท็กซี่นิวยอร์กคนนี้มาแล้วครับ คิดถึงทุกคนเหมือนกันนะครับ
เกรงใจและเขินมากเลยอะครับ ที่ทำให้ถึงกับน้องๆหลานๆต้องตั้งกระทู้จุดธูปถามหา
ก็ต้องขอขอบคุณอย่างมากๆ ที่มีน้ำใจระลึกถึง ไม่ลืมกันไปก่อน
ก็อย่างที่ผมบอกไว้นะครับ ช่วงนี้งานประจำมากถึงแบบเรียกว่า busy busy
จึงเป็นโอกาสดี ให้ได้ทำเงินโอทีมาเป็นค่าของขวัญแฮปี้ฮอลิเดยส์ กับเด็กๆบ้าง
หุหุ แต่แล้วก็เกิดมีไอ้ซับเวย์เซวับ ของนิวยอร์กนี่แหละครับ
มันดันมาก่อเรื่องสไตรค์ ไม่ยอมทำงานขับรถไฟใต้ดิน บนดินรวมทั้งขับรถบัสด้วย
ก็ทำเอาลำบากลำบนกันไปทั้งเมือง
บ้าจริงจะสไตรค์ขึ้นมาตอนนี้ ตอนที่ผู้คนเขาจะเริงรื่นคืนวันสำคัญของเทศกาลใหญ่ๆอย่างนี้
นี่จะเข้าวันที่สามแล้วสิครับ ไม่ทราบว่าจะเลิกเล่นบ้าๆอย่างนี้เมื่อไร
วันแรกที่เขาสไตรค์นั้นผมไม่ไปทำงาน เพราะนึกภาพการเดินทางแล้ว ไม่เอาดีกว่า
แต่วันที่สองต้องไปแล้วครับ คนอื่นเขาทำได้ เราก็ต้องทำได้
ผมก็ต้องเรียกแท็กซี่ให้ไอ้พี่บังมันโขกเอาก็ยอม และต้องผจญกับสภาพจราจรจราแจมบนถนน
ค่าแท็กซี่จากควีนส์แถวบ้านผมไปแมนฮัทตั้นมันเรียกสี่สิบห้าเหรียญ
เพราะผมไปทำงานตอนบ่ายๆ
เลยเวลาที่เขากำหนดให้รถทุกคัน ที่จะเข้าเมืองนั้นต้องมีคนนั่งในรถอย่างน้อยสี่คน
จึงหาใครร่วมทางไปด้วยในช่วงเวลานั้นยาก
หุหุ ที่ทำงานจ่ายให้สิบห้าเหรียญ ก็ยังดีกว่าออกเองหมด

ที่จริงหากไม่มีเหตุการณ์สไตรค์ของรถไฟใต้ดินนี่
ช่วงนี้ของนิวยอร์ก จะคึกคักตื่นเต้นมีชีวิตชีวาดีไปอีกแบบหนึ่ง
มันดูเป็นเมืองนอกเมืองฝรั่งจริงๆขึ้นหน่อยด้วย เอ ยังไงกันนี่
แล้วก่อนนั้น มันดูไม่เป็นอย่างงั้นหรือคุณ
แต่ผมว่ามันผิดกับช่วงฤดูกาลอื่นๆอยู่นะ
อย่างเช่นช่วงซัมเมอร์หน้าร้อนนั้น
ผมว่ามันดูเหมือนเมืองไรก็ไม่รู้ มีปนเปกันไปหมด
ผู้คนที่เห็นมันดูง่ายๆกับการแต่งตัว โชว์หน้าโชว์ตาที่เห็นกันชัดๆ
ทั้งหน้าตาฝรั่งจริงๆ หน้าเอเชียกระเหรี่ยงแบบผมนี่แหละ ปนไปกับ
หน้าแขก หน้าอาหรับ หน้ายิว หน้าแหมก หน้าโก้ หน้าขาว หน้ามืด อือม์ หน้าพี่มืดนะ
หันไปรอบๆตัวแบบวงกลมเลยนะ ในทุกมุมที่ตามองไปจะเห็นได้ชัดถนัดกับหน้าตา
เขาว่าจะเจอผู้คนสิบชาติสิบเผ่าเหล่าพันธ์เป็นอย่างน้อย
ก็นี่ละ นิวยอร์ก นครแห่งร้อยพ่อพันแม่ อินเตอร์แนชชั่นแน่ล อย่างแท้จริง

แต่กับช่วงฤดูหนาว เช่นช่วงเดือนพฤศจิกา ธันวา
และกำลังถึงช่วงของเทสกาลคริสท์มาส ปีใหม่นี้
มันจะดูผิดไปหน่อย ก็เพราะผู้คนพากันซ่อนร่างซ่อนหน้าไว้ในเสื้อผ้ากันหนาว
ทั้งเสื้อโค้ทยาวรุ่มร่าม จนถึงแจ็กเก็ทหนาๆและหมวกชนิดต่างๆ รวมไปถึงผ้าพันคอ
บ้างก็เหลือแต่ลูกตา ปิดกันหมดจนไม่รู้ว่า เอ มาจากไหนเอ่ย
จึงเหมารวมๆกันได้บ้างว่า นี่เมืองฝรั่งนะจ๊ะ ไม่ใช่ถนนข้าวสาร หรือพัฒน์พงษ์ พัทยา
ผู้คนจะจอแจกันมากในย่านชอปปิ้ง ดูคึกคักและเร่งรีบ
เดินกันแน่นบนทางเท้า และตอนข้ามถนนทีก็ข้ามกันเป็นร้อยเป็นพัน
ส่วนมากจะหิ้ว จะถือถุงชอปปิ้งแบ้ก ที่มักออกแบบกันให้เป็นสีแดงหรือมีสีเขียวมาแซม
ยิ่งแถวห้างใหญ่ๆอย่างMacy's34th Street,Saks -Fifth Avenue
จะยิ่งเห็นฝูงชนเนืองแน่นเหมือนเบียดเสียดเยียดยัดกันทีเดียว
เสียงกระดิ่งเก้งๆจากนายอ้วนๆชุดแดงหมวกแดงหนวดขาว เอ้อ ซานตาคล้อสนะครับ
พวกซานตาทั้งหลายทั้งจากหน่วย Salvation Army และจากหน่วยซานตารับจ้างทั่วไป
มีให้เห็น มีให้เด็กๆร่วมถ่ายรูป ก็ดูน่ารักและเข้าถึงสปิริตของคริสท์มาสได้ดี
ผมเคยรับนายซานตา สี่คนตอนผมขับแท็กซี่อยู่นะ
หุหุ โฮ โฮ โฮ แต่ละคนตัวยังกะยักษ์เป็นซานตามืดเสียสอง ขาวสอง
ได้กลิ่นเหล้าคลุ้งจากพ่อนักบุญขวัญใจเด็กๆ อาจกินไล่ความหนาวมั๊ง
พอเข้ามาในรถก็มั่วจับกระดิ่งมาสั่นกันลั่นรถ หนวกหูจนผมต้องต้องบอกให้หยุด
มันเห็นรถผมเป็นกวางเรนเดียร์ไปได้ บ้าจิงๆ จิงเกิลเบลๆๆๆหุหุ

และที่ขาดไม่ได้ ต้องมีประจำทุกปี ก็เรื่องรถติดนี่แหละครับ
ผู้คนจะมากันจากนอกๆเมืองนอกรัฐ มาออกันในช่วงนี้
ทำให้รถขาดความคล่องตัว มีการปิดถนนบางช่วงด้วย
ห้ามเลี้ยว ห้ามจอด น่าปวดหัวสำหรับคนขับแท็กซี่หากิน หากจะต้องผ่านไปแถวๆย่านนั้นๆ
ทั้งรถบัสขนคนมาจากรัฐใกล้ๆ มาดูการประดับไฟต้นคริสท์มาสใหญ่ที่Rockefeller Center
มาดูการตบแต่งวินโดว์โชว์เรื่องราวเกี่ยวกับคริสท์มาสของห้างSaks-Fifth Avenue
แถวTimes Squareไม่ต้องพูดถึงจะคึกคักเซ็งแซร่ตั้งแต่เมื่อตะวันคล้อยไปจนถึงดื่นดึก
แสงไฟนีออนประดับวิ่งฉวัดเฉวียน นี่ก็ดูแล้วเป็นเมืองนอกเมืองฝรั่งได้ดีอย่างหนึ่ง

เสียงเพลงคริสท์มาส นี่ก็เป็นอีกอย่างครับ ที่ต้องให้ได้ยินกัน
บางเพลงก็ฟังสนุกสนาน บ้างก็ฟังแล้วเปลี่ยนบรรยากาศให้เศร้าสร้อยหงอยเหงาได้เสียอีก
คืนคริสท์มาสอิฟ วันที่๒๔ นะผู้คนจะฉลองกับครอบครัวอยู่ในบ้าน
หากมีหิมะตกด้วย กับบรรยากาศนอกเมือง มองออกไปนอกบ้าน
มันจะยิ่งเหงาหงอย พลอยให้น่าหดหู่ ไปกับเพลง Silent Night เสียจริงหนอ
อีตา บิง ครอสบี้ กับอีตา แนท คิงโคล นี่เจ้าประจำขาใหญ่มาเด่นกว่าใครทุกปี
.".....เชสนัท ออน ดิ โอเพ็นไฟร์...................." "....จิงเกิลเบล จิงเกิ้ล ออน เดอะ เวย์................"
เฮ้อ นึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง ไม่นานมานี่เอง จำกันได้บ่ ที่ชิคาโก ไงครับ
อารมณ์สนุกใกล้วันคริสท์มาสของเด็กชายวัยหกขวบ ร้องเพลงนั่งรถมากับพ่อ
"You'd better watch out, You 'd better not cry.............SANTA CLAUS 'S COMING TO TOWN..."
แล้วก็เกิดเสียง "BANG..โครม...
ไม่ใช่ซานตาคลอส มาทันทีที่หนูน้อยเรียกหานะครับ
แต่เป็นส่วนปีกของเครื่องบิน Southwest Airline ที่มาประทะกับรถยนต์ที่พ่อของหนูน้อยขับอยู่
ก็จากข่าวที่ได้ยินกันนะครับ เครื่องบินลำนั้น มีปัญหาขณะจะร่อนลงรันเวย์
แต่เกิดไถลถลาพาออกนอกรันเวย์ จนไปเกิดเรื่องน่าเศร้ากับหนูน้อยคนนั้น
เฮ้อ ดวงคนเรานะ ขับรถอยู่ดีๆให้เครื่องบินมาชนได้ อะไรจะซวยขนาดนั้น
เอ้า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เล่าแถมอีกเรื่องละกัน
เมื่อตอนผมยังเด็กๆนะ ได้ยินเขาเล่าว่า
ไอ้หนุ่มคนหนึ่ง ชอบอาบน้ำฝนขณะที่ฝนตกหนัก บอกชื่นใจและสนุกดี
อาบไปร้องเพลงไป บนลานกว้างใกล้ต้นไม้ใหญ่
ฝนตกหนัก ฟ้าคนอง มีแลบ มีผ่า
ไอ้หมอนั่น แหกปากร้องเพลงฮิทสมัยนั้นครับ
" ....ขอหัวเราะเยาะเย้ย เหวยเหวยฟ้า ........."
แล้วก็มีเสียง เปรี้ยง ใหญ่ตามมาแค่อึดใจจริงๆ
ฟ้าผ่าที่ตัวมันตามที่มันขอ นะครับ ตัวดำทีเดียว ตายทันที
เฮ้อ นี่ก็เรียกไรดีอะ เรียกหา ก็มาทันที เหมือนกัน หุหุ

ปีนั้นช่วงคริสท์มาส ที่ผมขับแท็กซี่อยู่ครับ
ผมกับไอ้โทนี่ คนไทยที่เริ่มขับมาด้วยกัน ได้HACK LICENCE วันเดียวกัน
ผมสองคนไปรอคิวที่โรงแรมฮิลตัน ถนน 54TH /6TH aVENUE
สักครู่เราก็ได้ยินเสียงนกหวีดเป่าเรียกจาก นายดอร์แมน ปริ๊ดๆๆ
ผมเห็นกลุ่มเด็กๆหลายสิบคน ออกันอยู่ที่ส่วนหน้าทางเข้าโรงแรม
ทุกคนแต่งตัวเรียบร้อย ใส่สูท มีหูกระต่ายห้อยคอ พวกเด็กนี่พวกไหนหว่า
รถแท็กซี่ต้องแบ่งรับกันไปถึงหกคันนะครับ คันละสี่คน
หญิงสาวคนหนึ่ง ยื่นหน้ามาบอกผม และแท็กซี่คนอื่นๆ ว่า
"TO LINCOLN CENTER.. okay "
อ้อ พวกเด็กนี่ ต้องไปแสดงอะไรสักอย่างบนเวที ของลินคอล์น เซ็นเตอร์ แน่เลย
แล้วแทกซี่ทั้งหกคันก็ออกรถกัน ไปยังที่หมาย
ไอ้เจ้าชายน้อยสี่คนที่นั่งมากับรถผม เริ่มแล้วครับ
พวกเด็กชายหน้าตาสดใส เรียบร้อยสี่คน ร้องเพลงครับ แบบว่า ว่างเป็นซ้อมมั๊ง
ร้องแบบเพลงประสานเสียง เหมือนพวกนักร้องในโบสถ์คาทอลิกนะครับ
เสียงลั่น เป็นเพลงเกี่ยวกับคริสท์มาส นี่เอง ก็ฟังเพราะดีครับ
มีเสียงสูง เสียงต่ำตามภาษาดนตรี คล้ายที่เราเรียกๆกันว่า คลอรัส ไงครับ

หุหุ พวกนี้นึกว่าใคร ที่แท้พวก" ควาย"นี่เอง
ผมเรียกอย่างนี้จริงๆครับ เพราะที่ฟังเอานะ มันไม่มีอะไรที่จะออกไปได้ไกลกว่านี้จริงๆครับ
นี่ก่อนมาเขียนเรื่องนี้ก็ลองออกคำ ควาย นี้ ฝรั่งก็บอก โอเค เข้าใจ เย็ส ควาย ไรท์
CHOIR -จะออกเป็นไควร์ หรือ ควายร์ หรือ ควาย ก็ประมาณนั้นครับ
เป็นคณะนักร้องประสานเสียงเด็กๆ ที่ร้องเพลงเกี่ยวกับศาสนาในโบสถ์คาทอลิกครับ
ฝูงควายที่ดังมีชื่อที่สุด และมักมีให้ฟังกันเมื่อถึงเทศกาลนี้ คือคณะ The Vienna Choir Boys ครับ
ที่เมืองไทยก็น่าจะมีนะครับ ควายพวกนี้ เช่นควายเซ็นท์ ควายอัส
หรือควายโรงเรียนฝรั่งอื่นๆ เอ๊ะ หรือไม่มี มีไหมๆๆ
แต่ผมไม่อยากเห็นคณะร้องเพลงแบบนี้ในแถวภาคอีสานเลย ให้ตายสิ
กลัวเขาจะออกเสียงให้เหมือนผม แต่ไม่เหมือน จะกลายเป็นไอ้อย่างอื่นไป หุหุ
เอ หรือว่า คณะนี้มีมากในสภาบ้านเรา
จริงจริ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


เรื่องตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีอะไร แต่ก็ไม่มีอะไร
แค่แท็กซี่รับควายฝูงหนึ่งเองครับ
หากไม่ชอบก็ขออภัยครับ
และผมขอถือโอกาสนี้ อวยพรให้ชาวไกลบ้าน
ให้ทุกท่านมี Happy Holidays และ สวัสดีปีใหม่ ครับ





 

Create Date : 22 ธันวาคม 2548    
Last Update : 22 ธันวาคม 2548 19:36:59 น.
Counter : 733 Pageviews.  

45-THANKS for GIVING

วันนี้วันที่24 November ที่อเมริกาครับ
เป็นวันพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือนนี้
ทางประเทศนี้เขาถือเอาวันนี้เป็นวันฉลองเทสกาล Thanksgiving ประจำปีครับ
วันขอบคุณพระเจ้า
ถ้าจะมี holiday อะไรในอเมริกาเหนือ (รวมแคนาดาด้วย แม้วันจะไม่ตรงกัน)
ที่ไม่เกี่ยวกับศาสนา ที่ทุกศาสนาร่วมได้ละก็เป็น Thanksgiving นี่ละครับ
แต่เขาใช้คำว่าขอบคุณพระเจ้าก็เพราะศาสนาอื่นๆนอกจากพุทธเราแล้ว
จะเป็นศาสนาที่”อิง”พระเจ้าทั้งนั้น

ความหมายที่แท้จริงที่เขาฉลอง คือการได้รับพร(จากพระเจ้าที่เขาเชื่อถือ)
ให้มีปีที่อุดมสมบูรณ์ด้วยผลเก็บเกี่ยว (bountiful harvest)
ในปีแรก ราวๆปี 1600 กว่าๆ
หลังจากได้พบกับหน้าหนาวที่ยาวนาน
ที่พวกเดินทางหาแผ่นดินใหม่ได้มาตั้งต้นที่ทวีปอเมริกาที่ Plymouth, MASS.
อันที่จริงประเพณีการฉลองปีที่ดีของการเก็บเกี่ยวพืชผลนี้
ก็มีมาก่อนแล้วแถวๆประเทศทางยุโรป

หลังจากนั้น congress ก็ประกาศวันฉลองในแต่ละปี
และต่อมาปธน. ก็ประกาศวันฉลองเปลี่ยนไปเรื่อยๆแต่ละปีมาอีกหลายปี
จนกระทั่งปธน. Lincoln ประกาศเป็นวันหยุดฉลองแห่งชาติจนถึงทุกวันนี้
และก็เรียกชื่อต่างๆกันเป็น T Day, Turkey Day ...
พร้อมกับมี commercial meaning เป็นBlack Friday
หรือ semi-commercial ของห้างสรรพสินค้า Macy’s
Macy's Thanksgiving Day's Parade

แต่สำหรับผมนี่ ผมคิดความหมายของวันThanksgiving นี้ไปอีกแบบ
THANKS for GIVING
ผมถือเป็นวันแห่งการระลึกถึงการให้และการได้รับ
ขอบคุณ กับการได้มีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้
ขอบคุณแผ่นดินที่ได้อาศัยและทำมาหากิน
ขอบคุณเพื่อนร่วมแผ่นดินที่ได้มาร่วมรวมอยู่และรู้จัก
ขอบคุณกับนามธรรมที่เรียกรวมเอาว่า การ"ให้"

เมื่อสมัยผมยังขับแท็กซี่นั้น
ในทุกแหล่งแห่งที่ทั่วเมืองนิวยอร์ก ที่ผมขับรถแท้กซี่ตระเวณหากินไป
บนถนนจอแจคับคั่งอย่างแถวไทม์สแควร์ หรือมิดทาวน์บนฟิฟท์ เอเวนิว
เสียงอึกทึกตะโกนโหวกเหวกจากผู้คนหลายเผ่าพันธ์
เสียงบีบแตรลั่นจากรถคันหลังๆเพื่อไล่คันหน้าให้ไปๆเสียที
ตามด้วยเสียงด่า ด้วยคำหยาบ
ภาพคนนับร้อยเดินข้ามถนนแถว34th/Penn. Stationในชั่วโมงเร่งด่วน
บ้างถือถุงชอปปิ้งจากห้างดัง
แถวริมถนนทางเดินทั่วไป ผู้คนขวักไขว่
บ้างเดินกินฮ้อทดอกที่ซื้อจากหัวมุมถนน
คนทำงานไฟแนนส์แถว วอลล์สตรีท ถอดเสื้อนอกเดินกันไปกินลั้นช์
คุยกันถึงกีฬาฮ้อกกี้น้ำแข็ง หรืออเมริกันฟุตบอล
ย่านเศรษฐีคนมีเงินอยู่อาศัยอัปเปอร์อีสไซด์ ร่มรื่นด้วยต้นไม้ริมทาง ดูสะอาด และสงบ
เห็นดอร์แมนยืนรอเรียกรถแท็กซี่ให้ คุณท่านคุณเธอเหล่านั้น
ย่านสลัมของฮาเล็ม ของบร๊องส์หรือบางส่วนของบรู๊คลีน
ตามตึกเก่าๆ หรือซากสลักหักพังจากไฟใหม้ มีวัยรุ่นผิวดำยึดเอาเป็นแหล่งเตร่ขายยา
อักษรจากสีสเปรย์พ่นเป็นGrafiti มีให้เห็นทั่วไป แม้แต่ตู้รถไฟใต้ดิน
ในคืนของหน้าหนาว จะมีการก่อกองไฟในลานว่าง เพื่ออาศัยไออุ่น
เสียงหนวกหูของรถไฟที่วิ่งบนรางเหนือหัว บนถนนย่าน ควีนส์
สลับด้วยเสียงตะโกนเป็นภาษาสเปนิชของคนแถวนั้น
หรือคาร์เซอร์วิส และแทกซี่ยิปซี แย่งผู้โดยสารกัน
เสียงกระชากออกรถอย่างโชว์อ้อฟสาวสุดๆของวัยรุ่นคุณโก้
ชีวิตชีวาหลากหลายของนิวยอร์ก มีให้ผมเห็นทุกวันครับ

และที่มีให้เห็นทั่วไปก็คือ คนอีกกลุ่มหนึ่ง
กลุ่มที่ไม่มีที่พำนักเป็นหลักแหล่ง
หนวดเครารุงรัง เนื้อตัวสกปรก บ้างก็ส่งกลิ่นโชยไปไกล
หน้าร้อนจะมีแค่เสื้อยืด เสื้อกล้ามเก่าๆ
หน้าหนาวก็มีเสื้อโค้ท ขาดๆปะๆรุ่มร่าม
บางคนจะมีรถเข็นที่ยึดมาจากซูปเปอร์มาร์เก็ต ในรถมีทุกอย่างเท่าที่จะเก็บมาได้
ผ้าห่ม เก่าๆ ลังพลาสติกจากรถส่งนม กล่องกระดาษ
บางคนกำลังคุ้ยเขี่ยเศษอาหารจากถังขยะ
บางคนก็ส่ออาการเมาเต็มที่ เดินไม่ตรงทาง
บ้างก็นั่งซึมแถวสวนหย่อม ตาเหม่อ มองไปไร้จุดหมายและไม่ยินดียินร้าย
บ้างก็เดินไปขอเงินจากคนที่ขับรถมาจอดรอไฟเขียวตามสี่แยก

ผมเคยคิดๆนะครับ ว่าพวกโฮมเล็ส หรือ พวก บัมนี่
แท้จริงเขาเหล่านี้ก็เป็นอเมริกัน เขาเกิด เขาอยู่ของเขาในประเทศเขา
แต่เขาต้องมาเป็นผู้ไม่มีบ้านอยู่ ต้องร่อนเร่พเนจร
ก่อนนี้ที่ผมคิดท้อแท้ และนึกเบื่อๆกับการมาใช้ชีวิตที่เมกานี่
พอผมเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเขา เหล่าโฮมเล็ส
ผมจะคิดไปเลยว่า ตัวผมนี่นะช่างโชคดี และมีอะไรที่ดีกว่าพวกเขาเหล่านั้นมากนัก
เราเป็นใครไม่รู้จากดินแดนอีกซีกโลก
ได้มามีโอกาส เท่าที่จะหาได้ มีงานทำ มีบ้านอยู่ มีข้าวกิน
มีความสุขในชีวิตประจำวันได้ ตามแต่ที่ใจและกายจะคิดให้สุขให้เป็น
ผมมักให้เงินกับพวกเขา ทุกครั้งที่เขาขอ ตอนผมขับรถอยู่
หรือวันไหนหากคิดอยากให้เอง ผมก็จะให้ ทั้งเงินหรือซื้อของกินให้เขา
ก็ไม่ได้คิดว่าจะเหมือนการทำทาน เพื่อสร้างบุญอะไรหรอกครับ
และผมก็ไม่ใช่มีเงินมาก เพื่อให้เขาได้ทีละมากๆด้วย
แต่ให้เพราะคิดอยากให้ บวกกับความสงสารเขาด้วยครับ
วันthanksgiving ในปีที่ผมขับแท็กซี่อยู่นั้น
ผมเอาวันนี้เป็นวันหยุดงาน เพราะวันนี้เป็นวันฮอลิเดย์ใหญ่
คงหาผู้โดยสารยาก ขับทำเงินไม่คุ้มแน่เลยครับ
ผมเลยถือเอาเป็นวันพิเศษสำหรับการให้ ไปเลย
เตรียมการกับแฟนผม ไปซื้ออาหารที่เก็บได้นานหน่อย
พวกน้ำ พวกนม และ ของใช้จำเป็นมีดโกนแปรงสีฟัน
ก็ซื้อจากร้านขายส่ง ราคาไม่แพงหรอกครับ
และแฟนผมก็ทำข้าวผัดรสชาติแบบไทยๆด้วย เอาใส่กล่อง
ก็เอาขึ้นรถไปตระเวณแจกให้พวกเขา เหล่าโฮมเล็ส
นี่แหละครับ วัน Thanksgiving ของแท็กซี่ไทย

ต่อมา ผมได้รับทราบว่า มีคนไทยใจดีอีกหลายท่าน
ที่ถือเอาวันนี้เป็นวันแห่งการให้ เหมือนกันเลยครับ
อยากเอ่ยนามถึง คุณหมอท่านหนึ่งอยู่นิวเจอร์ซี่ แต่ ไม่กล้าครับ
ที่จริงวัน Thankgiving นี่ ทางองค์การ หรือสมาคม หลายแห่ง
เขาก็มีวันนี้เป็นวันแจกจ่ายให้พวกโฮมเล็ส อยู่แล้วนะครับ
เขาจะมีกินกันอิ่มหมีพีมัน เป็นวันพิเศษของพวกเขา ที่รอคอยวันหนึ่งด้วยแหละ
หากสังเกตุกัน จะเห็นสีหน้าบ่งบอกความสุข และพอเห็นรอยยิ้มจากพวกเขาได้บ้าง
แม้ไม่ได้ยินคำพูดจากเขา แต่ในดวงตาโรยๆนั้น อ่านได้จากเขาว่า
THANKS for GIVING
.......................
.....................
.......................
.............


**ขออภัยครับ หากแท็กซี่ตอนนี้ ไม่มีไรให้ตื่นเต้นสนุกเลยครับ
อย่าคิดว่าผมมาเขียนเพื่ออวดตัวเอง ว่าใจดีเลยนะ
ผมก็ไม่ได้ใจดี ทำดีไปทุกอย่างหรอกครับ
แค่คนธรรมดามีดีมีร้ายปนกันไปแค่นั้นเองครับ
HAPPY THANKSGIVING ครับ









 

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2548    
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2548 17:13:52 น.
Counter : 755 Pageviews.  

44-แท็กซี่กับธรรมปฎิบัติ

**เรื่องเล่าแท็กซี่นิวยอร์ก**( ตอน แท็กซี่กับธรรมปฎิบัติ)


เคยได้ฟังเรื่องนี้ไหมครับ ใช้ฉากนิวยอร์กเสียด้วยสิ เล่าๆกัน ผมฟังมาอีกต่อ
คือมีอาเฮียคนจีนคนหนึ่ง เป็นเจ้าของร้านอาหารจีนที่ดังพอได้อยู่ในหมู่คนไทย คนจีน
ร้านก็อยู่ในควีนส์ นี่แหละครับ รสชาติอาหารที่มีในเมนูก็ถูกปากคนไทย
และที่สำคัญ เจ้าของร้านและพวกเวทเตอร์หลายคนพูดภาษาไทยใช้ได้ ฟังออก
จึงง่ายที่จะสั่งอาหาร ไม่ต้องพูดอังกฤษให้ยุ่งยากกันทั้งคนสั่ง คนรับออร์เดอร์
สั่งปลาทอด ก็โอเค๊ได้ ปาทอกมากิน
สั่งเลือดเป็ด ก็ได้เลือกเป็ก
เอาเผ็ดๆหน่อย นะ ก็ได้แผะๆจิๆนะ

ร้านที่ว่านี้ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดไทยวัดหนึ่งด้วยครับ
อาเฮียเจ้าของร้านมีจิตใจเลื่อมใส ศรัทธากับวัดไทยและพุทธศาสนา เสียด้วย
ก็ได้คุยๆถามๆ คนไทยที่มากิน มาเป็นลูกค้า บ่อยๆ
ถึงกิจกรรมของวัด และ การจะร่วมสร้างกุศล สร้างบุญกับทางวัดด้วย
เมื่อแรกๆที่เริ่มการก่อตั้งวัดไทยนี้ แกก็อยากมีส่วนร่วมด้วยนะครับ
แต่อาเฮียแกก็ไม่ได้รู้ไรเกี่ยวกับพิธีกรรม พิธีการทางศาสนาเสียเลย
ก็เหมือนคนไทย ที่ได้ชื่อว่าเป็นพุทธศาสนิกชน อีกมากแหละครับ
จะเรียกคำศัพท์ทางพระทางบาลี ก็เรียกไม่ถูก
บางคนใช้มั่วปนเปไปหมด ฟังแล้วขำ
แต่น่าจะเอาหนังสือพระมาต้มให้กิน จะได้รู้เรื่องบ้าง

เคยได้ยินบางคนบอกเด็กแบบดุๆในงานทำบุญบ้าน
" เฮ้ยไอ้ไข่ย้อย อย่าเพิ่งฉัน ให้พระแดะก่อน "
บ้างก็กล่าวทักพระว่า " เจริญพรนะขอรับโยมหลวงพี่"
หรือแบบไอ้หนุ่มแรกเข้าวัดเข้าวา " เอ้อ หลวงพี่ครับ หากมีไรขาดเหลือ นิมนต์ผมได้เลยครับ"
หรืออีกคนว่า "แม่ที่ตายไปจะมาทำสังฆทานคะพี่หลวง ดิฉันต้องทำไรบ้างคะ"
และที่ร้ายเอาการ สองหนุ่มสาวไปวัดบอกหลวงพี่ว่า " ผมอยากทำบังสุกุลวันเกิดให้แฟนครับ "

เอ้า ต่อเรื่องอาเฮียครับ
แรกๆนั้นนะครับอาเฮียไปเห็นงานพิธีทำบุญบ้านใหม่ ของคนไทยคนหนึ่ง
แกก็ได้รับเชิญจาก จากคนไทยเจ้าของบ้าน ที่ชื่อเสียงดัง คนรู้จักันทั่วนิวยอร์ก
แกได้เห็นพิธีการ ตั้งแต่การสวดมนต์ สวดเจริญพรของพระสงฆ์ไทย
และการถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์
ไปจนจบพิธีด้วยการถวายจตุปัจจัยแด่พระ และการบริจาคให้กับวัด
หลังจากนั้นไม่นาน อาเฮียก็เกิดไอเดีย อยากทำบุญร้านของแก
เพื่อเพิ่มมงคลให้สวัสดีมีโชค ทำมาค้าขึ้น
หรือที่คนไทยสรุปให้แกฟัง ง่ายๆว่า FOR YOUR GOOD LUCK

แกก็ตรงไปที่วัดเลยแหละครับ
"ซาหวักลี คัก หลงพี่ ผงจามา make a reservation คัก"
หลงพี่ เอ๊ย หลวงพี่ก็ว่า" อ้อ จะมาจองอะไรหรือโยม"
"ผงจามาเชิงพระซิก อ้อ หกคนไปออกร้านคับ"
หุหุ หลงพี่ขำแกเหมือนกัน " หกองค์ โยม ร้านของโยมนะหรือ"
"คับผง ผงอยากลู้ ว่าทางวัก คิดค่า เอ้อ ฮาวมัช อะ เซอร์หวิกชาท นะหลงพี่"
อาเฮียก็พูดต่ออีกว่า
"คือ ผงจาเอาแบบสองอย่างเลย ทั้งกินข้าว ทั้งร้องเพลงล่วยคัก สามวันติกๆกังล่วย"
"How much you gonna charge me ?"
5555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
บ้านที่ผมอยู่นี่มีสามห้องนอนครับ สองห้องน้ำ ก็อยู่กันไม่กี่คนเองแหละ
ผมกับภรรยา ห้องหนึ่ง น้องสาวกับลูกสาววัยสิบขวบห้องหนึ่ง
อีกห้องหนึ่งที่เหลือยกให้พระท่านไป
เอ้อ ห้องพระ ที่เรียกๆกันนะครับ หุหุไม่ใช่ห้องให้พระสงฆ์มาจำพรรษา
ก็ภรรยาผมนี่แหละครับ เชื่อถือกับความเป็น ศิริมงคล ศอ เอ้อ ไม่ใช่นักมวยไทยคนนั้นนะ
คือแกเป็นเหมือนๆกับคนไทยทั่วไปแหละครับ ที่นับถือพุทธศาสนา
มียินดีมีสุข คิดเป็นศิริมงคลจากการได้ปฏิบัติตน ได้เคารพนับถือ พระรัตนตรัย
ก็ได้รวบรวมพระพุทธรูป พระรูป พระเครื่อง พระต่างๆเท่าที่จะหาได้ ยกเว้นพระสงฆ์องค์เจ้า
มีพระแก้วมรกตจำลอง ขนาดไม่เล็กเป็นพระประธานอีกด้วย
ตามด้วยโต๊ะหมู่บูชา ประดับด้วยไม้แกะสลักรูบดอกบัว
มีเชิงเทียน กระถางธูป เป็นโลหะ ทั้งหนัก ทั้งดูสวย
และก็มีกระบอกไม้ไผ่สำหรับ ที่ใส่ก้านไม้เสี่ยงเซียมซีนะครับ
เวลาเขย่าๆจะเอาอันเดียวก้านเดียว มักจะเทออกมาเกือบหมด เสียงกราวๆพรวด
เซียมซีนี่ เป็นจุดขาย เอ้ย จุดสนใจของคนมาเยี่ยมบ้านผมเกือบทุกคนครับ
ทั้งพวกน้องๆพี่ๆสาวๆแก่ๆ เขาว่าเสี่ยงเซียมซี บ้านผม นี่แม่นดีจัง
บ้างก็มาไหว้พระบ้านผม หุหุ เพื่อขอเลขทีเด็ดยังมีเลยครับ เจ้าประคู๊นเอ๊ยยยย
ก็น่าสนุกดีอยู่เหมือนกันนะครับ เหมือนไม่ใช่อยู่เมกานิ
ทำไรก็ทำกันเถอะครับ กับความเป็นไทยๆ ที่ยังคงเอกลักษณ์
หากการกระทำ หรือความเชื่อนั้น ไม่ทำให้ใครไหนเขาเดือดร้อน
สำหรับผมนี่ บอกตรงๆครับ ผมนี่ไม่เอาไหน ไม่เคร่ง ไม่เอาจริงเอาจัง
ไม่เชื่อถือ หรือตามแบบใครๆที่เขาทำกันเสียเลย
เรื่องผีๆเรื่องวิญญาน เรื่องไสยศาสตร์ นี่ไม่เชื่อมาแต่เด็กเลยครับ
แม้แต่พุทธาภินิหาร ก็แค่เอาไว้พูดเอาไว้เขียนให้ดูดีต่อคนอื่น
ไม่ได้เชื่อถือจริงๆเลยครับ
แต่สำหรับ หลักและแก่นแท้ของศาสนาพุทธ
ผมต้องเชื่อครับ และจะคัดค้านข้อไหนก็ไม่มีทางได้
ก็คือ ความจริง คืออริยสัจจ์ ที่พระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้มาถึง๒๕๔๘ ปีแล้ว
ผมก็ไม่ได้ไปว่าใคร ไปคัดค้านคนที่เชื่อที่นับถือ เช่นที่เกี่ยวกับพิธีการ ลัทธิบูชาต่างๆ
ก็มันเป็นสิทธ์ของเขานี่ครับ หากเขาเต็มใจจะเชื่อ หรือจะยินดีที่โดนหลอกทีหลัง หุหุ
ผมนี่คงไม่โดนให้ใครไหนในโลกนี้ มาหลอกผมได้แน่ครับ หากเกี่ยวกับเรื่องอย่างนี้
แต่หากหลอกด้วยเล่ห์เหลี่ยมของคนและ กลโกง
การเจรจาพาที การเชื่อใจ ไว้ใจ โอ้ยโดนบ่อยครับ
ที่ห้องพระบ้านผม ยังมีหนังสือเกี่ยวกับ ธรรมะ ศาสนา อีกมากมายก่ายกองเลยครับ
รวมถึงเทปคาเซ็ทท์ เทปวีดีโอ บันทึกการแสดงธรรมของท่านผู้มีชื่อเสียงดังๆ หลายท่าน
ใครไปเมืองไทยมา ก็ขนมาฝากกัน บางคนนี่สองกระเป๋าใหญ่
มีธรรมะ มีพระอาศัยมา มากว่า ขนมอร่อย น้ำพริกเครื่องแกงหายาก เสียดายแทนดีไม๊นี่ หุหุ
ผมฟังอยู่องค์เดียวครับ ของพระพยอม ก็รุ่นที่ท่านเพิ่งดังนะ สนุกดี ตลกมาก ชอบท่านนะครับ

ผมคิดของผมเอง และเห็นว่าเป็นความจริงที่จะปฏิบัติได้ ให้เกิดความสุข หรือลดทุกข์
แต่คงยากมากที่จะปฎิบัติให้เป็นนิสัย เป็นกิจวัตร เป็นความเคยชิน
นั่นก็คือ การหมั่นฝึกสมาธิ การทำจิตใจให้สงบ การนึกรู้ การมีสติ
และอีกคำก็คือ คำว่า แผ่เมตตา ให้แก่สัตว์โลก
ก็ต้องอาศัยการฝึกปรือจิตใจ ให้จิตเกิดเมตตา จิตมีอภัย
หากใครฝึกจนถึงขั้นเป็นนิสัยได้ ผมว่า เขาจะมองโลกด้วยความสุข สดใสแท้จริง
จะไม่มีสัตว์โลกเลวๆ ในสายตาเขา
จะมีก็แต่เพื่อนซึ่ง มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น
หุหุ ที่พูดมานี่ รู้ครับ แต่ทำไม่เคยได้ครับ

ผมค่อนข้างใจร้อนและรู้ว่าตัวเองนี่ Sensitive ง่ายเสียจริงๆเลย
เมื่อผมยังยึดอาชีพขับแท็กซี่อยู่สมัยนั้น
ผมต้องเจอผู้คน มากมายหลายแบบทุกวัน นานถึงหกปี
เช่นที่ผมเคยกล่าวหลายครั้งแหละครับ
ที่ว่า บางคนที่มานั่งรถผม ดีเกินไปจนผมน่าจะต้องให้นั่งฟรีๆแล้วแถมเงินให้
กับที่มีบางคน เลวจนผมน่าขับพุ่งชนให้ตายข้างถนนที่มันโบกมือเรียก
จำมาบอกเล่าสักคน เป็นตัวอย่างด้านบวก ที่ผมพบเจอครับ

ฝรั่งวัยกลางคนหน้าตาใจดี นั่งรถผมเกิดหิวมากๆ
ยื่นแบงค์ยี่สิบให้บอกผมว่า นี่เงินประกันหากผมกลัวแกหนี
แล้วขอลงไปซื้อแมคโดนัลกิน ผมก็โอเคจอดรอ
พอแกกลับมาขึ้นรถ แกยื่นถุงบิ๊กแมคให้ผมถุงหนึ่ง โถ ซื้อมาฝากผมด้วย
บอกผมด้วยว่าจะจอดกินกันสองคนก่อนดีไหม
ผมบอกไม่เอาไม่รับ แกก็ไม่ยอม ผมเลยรับไว้
วางถุงไว้แล้วออกรถต่อ ให้แกกินไปในรถคนเดียว
และผมก็คืนเงินประกันยี่สิบนั้นให้
พอถึงที่ ค่าแท็กซี่สิบเอ็ดเหรียญ
ผมบอกว่า" Burger's on you.. but..this ride's on me okay..."
แกบอกโอเค บั๊ดดี้
แต่พอจะลงรถไปแกโยนเงินแบงค์ยี่สิบไว้บนเบาะหลัง ตอนเปิดประตูให้ผมเห็น
แล้วแกรีบเดินเข้าตึกหนึ่งไป หันหน้ามาโบกมือบาย กับผมเสียอีก
น่าซาบซึ้งใจไหมครับ คนนะครับ หากจะดี จะชั่ว ไม่ว่า ฝรั่ง ไทย จีน แขก เป็นได้หมดครับ
ไอ้ที่เลวๆนั้น ผมก็เคยเขียนเล่าให้ฟังไปก็หลายเรื่องอยู่นะครับ
บางทีก็ไม่อยากจำไอ้พวกพันนั้น
ไอ้คนที่โดนรถชนตาย เพราะวิ่งหนีผมหลังจากทุบกระจกรถผม
สำหรับคนนี้ ลืมอยากหน่อยครับ เป็นตัวเตือนสติผม ตอนเดินข้ามถนนได้อย่างดีอีกด้วย
จำกันได้ไหมครับ แฟนแท็กซี่ตัวจริง ขอเสียงหน่อยคร๊าบบบบบบบบ

วันหนึ่ง ของปีนั้น หน้า...............................สปริง หุหุ
วันนี้ผมตื่นมาด้วยอาการที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รู้สึกโล่งๆในหัว
รู้สึกว่าตัวเองสดชื่น ไม่คิดเบื่อ คิดบ่นกับตัวเอง ที่เคยเป็นมา จนจำเจ
ตอนเดินไปที่รถแท็กซี่ ที่จอดในปาร์กกิ้งลอทข้างบ้าน
กำลังจะออกไปทำมาหากินแล้วนะครับ
ผมทักทายผู้คน ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เอ วันนี้ เรารู้ตัวว่าเราดีขึ้นในอารมณ์ และจิตใจจริงๆแหะ
หนังสือของหลวงปู่มั่นในห้องพระที่นานๆเราเข้าไปที
เราอ่านเมื่อคืนนี้ แล้วคิดว่าจะลองปฏิบัติตามแนวหลวงปู่
เออนิ ได้ผลนิ รู้จิต ตามจิตให้ทัน รู้ตนว่ากำลังคิด กำลังทำไรอยู่
คิดแต่ดี เห็นแต่ดี หากจิตเริ่มเขว จะคิดไม่ดี เห็นไม่ดี
ก็ให้เตือนจิตมัน แล้วเริ่มใหม่ มองผู้คนทั้งโลกให้เป็นเพื่อน
ให้คิดว่า เราก็ไม่ดีไปกว่าเขา หรือปักษ์ใต้ว่ากันว่า มันก็พันหนั่นแหล๊ะ
วันนี้ตั้งแต่เช้า จากผู้โดยสารคนแรกที่รับ จนถึงเย็นผู้โดยสารเที่ยวที่สามสิบได้มั๊ง
ผมทำงานด้วยความสุข สดชื่นไม่เหนื่อยไม่บ่น
รถติดยาวผมก็เห็นเป็นธรรมดา รถคันอื่นขับแย่ๆ ผมกลับยิ้มให้
ที่จอดรถเกะกะทาง ผมเคยด่าแม่ วันนี้ผมไม่ด่า ช่างเขาเถอะเขามีเหตุผลน่า
ผู้โดยสารบางคนบ่นโน่นนี่ ผมก็ไม่โต้ตอบ ไม่ทิปก็คิดว่า แหม เขาไม่มีเงินมากมั๊ง
ผมรับคุณมืดวัยรุ่น ใส่สนี๊กเกอร์สองเที่ยว ที่เคยว่าพวกกวนทีนนี่กรูจะไม่รับหร้อก
วันนี้ก็รับครับ ขึ้นรถมาก็เอะอะ เสียงดัง พูดจาฟักๆ แอสๆ โฮลๆ ก็ไม่ถือสาอีก
ฟังเป็นว่าตลกและน่ารักดีด้วย
เอ ผมดีเอามากถึงเพียงนั้นเชียวหรือ นี่ขนาดการฝึกสติแค่วันแรกนะจะบอกให้ หุหุ
หากทำได้อย่างนี้ตลอดไป ผมจะไม่ทุกข์ร้อนนอนไม่หลับ
ก็สุข ทุกข์ มันอยู่ที่ไหน ที่ใจเราเองนิ
แต่ ต้องฝึกนะ ไม่ใช่เอาแต่อ่านแต่พูดบอกคนเขา
จะเลิกงานแล้วนิ เงินที่ทำได้ขับได้ได้วันนี้กลับดีเกินคาดด้วยแหละ คุณเอ๊ย

บนหัวมุมถนน56th.Street กับ 3rd Avenue
อ้อ นั้นทางซ้ายมือ มีคนสองคนยืนโบกเรียกแท็กซี่
ผมจอดรับ นายโก้ทั้งคู่ ไอ้หนุ่มหนวดงามแต่หน้าดุ คนหนึ่ง
กับอีกคนไอ้หนุ่มหัวสกินเฮด หน้าตาที่เห็นในวันอื่นๆ ผมคงว่าหน้ามันไม่น่าไว้ใจ
แต่วันนี้ผมว่า มันก็พันนั่นแหล๊ะ จะให้ดูดีกันหมดทั้งโลกได้ไง
หน้าข้าพเจ้าเองก็ไม่เห็นดูดีเลยนี่นา เข้าใจไหม
เมื่อทั้งสองโก้ขึ้นรถมา ผมก็กล่าวทักก่อนเลย เหมือนทุกครั้ง
"Hi, where to ....sir ?"
"The Bronx "
เป็นก่อนนี้ผมจะต้องด่าในใจ ว่าซวยแล้วกรู
แต่วันนี้ หลวงปู่มั่นที่อ่านมาให้บอกว่า อือม์ ดีไปบร๊องส์ เวลานี้
รถก็ติดจะได้มีเวลามองรถคันอื่น สวยๆ
ผมถามว่าบร๊องส์แถวไหนละ เซอร์ หุหุ ยังพูดเพราะได้อีกแนะ
"One hundred sixty seventh -Grand Concourse"
"เยส เซอร์" แล้วผมก็ออกรถขึ้นอัพทาวน์ไป ตาม Third Avenue
รถติดมากเหมือนทุกวันตอนเย็นแหละครับ
บางช่วงขยับไม่ได้เลย ไฟเขียวหลายเขียวแล้ว ก็ยังขยับไม่ได้
คุณสองโก้ก็เริ่มออกลายแล้วสิครับ เมื่อเห็นมีเตอร์เลื่อนติ๊กๆทุกหนึ่งนาฑี
เมื่อมาได้ถึงถนน เจ็ดสิบสอง ท่านบอกผมว่า ไม่แฟร์ ที่รถไม่วิ่งแต่มีเตอร์ขึ้นเอาๆ
ผมก็ใจเย็นอธิบายไปนะครับ ชี้ให้ดูข้อความที่ติดไว้ด้านหลังพนักด้วย
คุณสองโก้ ด่าไรมา ผมรับได้หมด ไม่โมโห ไม่ด่ากลับ
ที่จริงปกติกับพวกเหล่านี้ หากผมอ่านท่าทางไปถึงนิสัยใจคอออก
ในวันอื่นๆผมก็ไม่ตอบโต้ครับ ไม่คุ้มหากมีเรื่อง ดีไม่ดีเจ็บตัวด้วย
แล้วยิ่งวันฝึกปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ ผมยิ่งต้องยิ้มให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเสียอีก
รถขยับไปได้บ้างแล้ว ผมเหลือบมองสองคนนั่น ที่คุยกันด้วยภาษาสเปนิช
ท่าทางไม่แฮปปี้ นัยตามองออกว่า ร้ายเอาเรื่อง แต่ผมก็ขับไปเรื่อยๆ
เมื่อรถจอดเพราะติดไฟแดง ที่ถนน 93rd
ทันใดนั้น นายสองคนนั่น เปิดประตูรถด้านซ้าย แล้วลงจากรถ
วิ่งไปบนถนนข้างๆ นั่นแหละครับ

หุหุ เที่ยวนี้ขับฟรีครับ หลวงปู่มั่นขอรับ เอาไงดี โมโหดีไหม ค่ารถเก้าเหรียญนะขอรับ
หนังสือท่านบอกว่า ทนไว้ๆ เย็นไว้ๆ แผ่เมตตาๆๆ
เอางั้นหรือขอรับ แผ่เมตตา ผมทนได้ เงินแค่นี้เอง มีมารผจญ ยิ่งแกร่งขอรับ

แต่เมื่อผมหันไปเห็นที่เบาะหลัง
รอยมีดกรีดยาวหลายกรีดบนเบาะ เบาะที่นั่งขาดจนเห็นฟองน้ำด้านใน
ผมปล่อยออกไป ให้ตัวเองได้ยิน คำนี้ครับ
"ไอ้แยะแม่ กรูไม่ทนแล้วโว้ย"





















 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2548    
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2548 0:05:49 น.
Counter : 663 Pageviews.  

43- แท็กซี่กับดนตรีแจ๊ส






**เรื่องเล่า แท็กซี่นิวยอร์ก**( ตอน แท็กซี่กับดนตรีแจ๊ส)


ผมได้มีโอกาศรำลึกถึงความหลัง ช่วงทศวรรษแรกๆที่มาอยู่นิวยอร์ก กลางๆๆยุค 70's นะครับ
คือว่า วานนี้ ผมเปิดทีวี กดรีโมทแบบผ่านๆ มาเจอช่องหนึ่งครับ
เป็นรายการจากเทปเก่าๆ การแสดงดนตรีของ The Lawrence Welk Show
เป็นวงที่เมืองไทยเรียกกันว่า หัสดนตรี หรือ Orchestra หรือ Big Band ประมาณนี้แหละครับ
สมัยนั้นคนไทยที่นิวยอร์กนี่ ไม่มีทางเลือกทางด้านบันเทิงมากเท่าไร
กลับจากงานก็เข้าบ้าน ทำกับข้าวง่ายๆกิน ยามค่ำคืนก็อยู่บ้านดูทีวีขาวดำ
ทีวีขาวดำจริงๆนะครับ แล้วก็มีไม่กี่ช่องด้วย ไม่ถึงยี่สิบ
ก็ดูกันเหมือนคนเมกันเมกาทั่วไปแหละครับ
จึงเมื่อถึงทีว่า มีรายการ มีข่าวสารใดที่ออกทางทีวี ส่วนมากจะไม่พลาด
จะพอคุยกันได้รู้เรื่องดีกันอยู่ หลังจากได้ดูได้ชมกัน
สมัยนั้นผมอาศัยอยู่ในตึกที่คนไทยเรียกกันว่า ตึกไทยคู่ฟ้า
หุหุ ไม่ใช่ทำเนียบรัฐบาลสมัยหนึ่งนะครับ
มีคนไทยอยู่กันประมาณสามในสี่ของจำนวนคนในตึก จำนวนห้องอพาร์ทเมนท์
ค่าเช่าจ่ายกันเป็นอาทิตย์ครับ เริ่มจาก 40-50$
ตอนนั้นใครทำงานได้อาทิตย์ละเกินร้อยเหรียญ ก็ยอดแล้วครับ
เอาแต่พวกใช้แรงงานนะ ไม่นับพวกคุณพยาบาล คุณหมอ

เอ้า วกมาที่รายการโชว์ของวงดนตรี สุนทราภรณ์ ต่อครับ
จริงๆครับ คนไทยเราเรียกวงดนตรีที่โชว์ทางทีวี วงนี้ว่า วงสุนทราภรณ์ฝรั่ง
นับแต่ตัวนายหัวหน้าวงที่ถือไม้บาตอง ไม่ถือไวโอลินเหมือนครูเอื้อ สุนทรสนาน
นาย ลอเร็นซ์ เวลค์ นั้น หน้าตาใจดี และมีเค้าหน้าหล่อ โรแมนติกแบบสุภาพ
ทั้งหน้าตา ท่าทางเหมือน หรือคล้ายครูเอื้อมากเลยละครับ
อายุก็พอๆกับครูเอื้อ สุนทราภรณ์ สมัยนั้น
รายการแกจะเริ่มด้วยเสียง เหมือนเป่าปากแบบเม้มๆ เสียงออกมาเป็น "ปุบ"
นึกถึงเสียงการเปิดจุกขวดแชมเปญ ก็ได้ครับ ประมาณนั้น
คนดูในห้องส่งที่เห็น90% เป็นรุ่นคุณแม่คุณพ่อ คุณป้า คุณลุง
แล้วการบรรเลงดนตรีก็เริ่มอย่างสนุกสนาน
เป็นBig Band พวกดีด สี ตีเป่า มีสมาชิกนักดนตรีกว่าสามสิบคน
บรรยากาศบอลรูมอบอวล คนดูในห้องส่ง เริ่มออกมาวาดฝีเท้าลีลาศลีลา
บ้างคลอเคลียเหมือนจะรำลึกถึงคืนหวานวันวานอยู่ สีหน้าบอกแช่มชื่น
การแสดงก็สลับด้วยเพลงร้องเสียงไพเราะห์ จากสาวๆหนุ่มๆของวง
หุหุ เพลงคู่ฝรั่ง ร้องโต้กันก็มีนะครับ ทำให้นึกถึง น้าวินัย น้าศรีสุดา น้าเลิศ น้าชวลีย์
น้าวินัย น้าศรีสุดานี่ก็มีนักร้องในวงนี้หน้าคล้ายแกอีกด้วย ร้องเพลงสนุกๆ
เราคนไทยจะตั้งฉายาใหม่ให้กันหมดแหละ
เมื่อรายการโชว์จะจบ จะมีสี่ สาว The Lennon Sisters มาร้องประสานเสียง
ร้องเพลงลารายการ ที่ผมจำได้แค่ว่า " Goodnight ....sleeptight ........."

ผมมีข้อสังเกตุอย่างหนึ่ง กับการอ่านผู้คนในลักษณะนิสัย และจิตใจ
ผมเห็นความเป็นคนเมกันที่ค่อนข้างมีอายุ จากการดูวงดนตรีคณะนี้ วานนี้ครับ
เหมือนจะแยกออกบอกได้ว่า พวกคนที่มีศิลป เป็นศิลปิน หรือผู้มีดนตรีในหัวใจนี่
ไม่ว่าผิวไหน พันธ์ไหน เชื้อใด ชาติใด
คือจะดูออกจนเห็นความเป็นคนจิตใจดี หน้าตาเปี่ยมสุข ยิ้มได้ทั้งหน้าทั้งตา
ก็คงเป็นอย่างนั้นได้จริงๆส่วนใหญ่ เหมือนกันนะครับ
การมีอาชีพสร้างความสำราญบันเทิงให้ผู้คน
ตัวเองก็คงมีจิตใจสำราญก่อนอื่นเลยละ ว่าไม๊

กลุ่มคนไทยสมัยนั้น นิยมจัดงาน บอลล์ กันด้วยสิ
มีงานโน้นงานนี้จัดกันเป็นประจำ มีเต้นรำ ฟังเพลง ดื่มกิน พบปะสังสันท์
มีการตั้งวงดนตรี ที่รวมเอาผู้มีความสามารถด้านดนตรี คอยบริการให้ความสำราญด้วยอีกต่อมา
สถานที่จัดงานส่วนมากก็จะเอาห้องประชุมของมหาวิทยาลัย Columbia ที่อยู่ใกล้ๆตึกไทยคู่ฟ้า
มีการเชิญนักร้องจากเมืองไทยมาร่วมด้วย
อย่าง น้าสุเทพ วงค์กำแหง น้าสวลี ผกาพันธ์
น้ารวงทอง ทองลั่นทม น้าชรินทร์ นันทนาคร และอีกหลายท่าน
สมัยนั้นก็มีพวกศิลปินนักร้องที่เรียกว่า ยิ่งใหญ่จริงๆ ก็พวกท่านเหล่านี้แหละครับ
คนไทยมาอยู่เมืองนอกนี่ แม้จะอยู่มาหลายปีก็ใช่จะได้กลับไปเยี่ยมบ้านกันบ่อยๆเหมือนสมัยนี้
ที่พวกเราบอกกัน หรือ พูดคำว่า คิดถึงบ้าน กัน
มันรู้สึกกันได้มากว่า คิดถึง มากจริงๆ
คิดถึงแบบร้องไห้ น้ำตาไหลได้
มีคืนหนึ่ง ที่พวกเราคนไกลบ้าน ไปงานหนึ่งและชมการแสดงของศิลปินยิ่งใหญ่
น้าสุเทพ ขึ้นเพลงแรก ด้วยเพลง บ้านเรา
" บ้านเรา แสนสุขใจ แม้จะอยู่ที่ไหน ไม่สุขใจเหมือนบ้านเรา....................... "
ในห้องประชุมเงียบกันหมด คนฟังเกือบทุกคนน้ำตาคลอ บ้างเหมือนสอื้นเบาๆ
เป็นอย่างนั้นจริงๆครับ ผมไม่ได้ว่าให้เกินเลยไปหรอกครับ
จากนั้น เพลงกัดต่อมน้ำตา ต่อมคิดถึงบ้านก็ตามมาอีก
ไม่ว่าเพลง ไกลบ้าน เพราะขอบฟ้ากว้าง บ้านของเรา ฟ้ามิอาจกั้น รักข้ามขอบฟ้า
หรือแม้แต่เพลงสดุดีมหาราชา-มหาราชินี
และเพลงที่บอกความหมายความร่วมใจ สามัคคีของคนไทย ที่ผมไม่ทราบชื่อเพลง
สมัยนี้ คำว่าคิดถึงบ้าน ฟังกันไม่ลึกซึ้งเท่าไรแล้วครับ
คิดถึงวันนี้ พรุ่งนี้ก็บินไปได้แล้ว
ไหนจะโทรศัพท์ทางไกลก็ง่าย ก็ไม่แพงอีกต่อไปแล้ว
มีอีเมล์ มีอินเตอร์เน็ท มาย่อโลก ย่นระยะทางให้อีกด้วยแหละ
พูดเรื่องด้านบันเทิง ด้านดนตรี ด้านเพลงนี่
นิวยอร์กก็เหมือนหนึ่งเป็นศูนย์กลาง แห่งหนึ่งของโลกก็ว่าได้อยู่ครับ
การแสดงละครของOn -Broadway หรือ Off- Broadway
ทั้ง Musical ทั้ง Drama และVareity Show
การแสดงดนตรี คลาสสิกที่ Carnegie Hall หรือ Lincoln Center
การไปดู Rock Concert วงดัง ดาราใหญ่ ตามสนามกีฬา
และดนตรี Jazz ตามแจสคลับดังๆ ที่มีเกือบร้อยคลับ
ที่ว่าดังๆและเป็นที่รู้จัก บ้างถึงเคยเป็นที่เกิดของศิลปินแจสใหญ่ของโลก
ก็เช่น Birdland ,Blue Note,Village Vangard , Iridium ,The Jazz Gallery , Dizzy Club ,

ศิลปินคนดำนี่ต้องยอมรับเขาครับว่า เป็นเลิศเลยครับ กับอัจฉริยะด้านดนตรี
ยิ่งดนตรีแจส นี่เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ หากเป็นแจสขั้นมาสเตอร์ ต้องพวกคนดำ
ไล่มาสิครับ ตาหลุยส์ อาร์มสตรอง พี่จอห์น โคลเทรน พี่ไมล์ เดวิส ลุงดิซซี่
น้าโคลแมน ฮอว์กินส์ น้าเบ็นนี่ คาร์เตอร์ น้าชาร์ลี ปาร์กเกอร์ ลุงดุ๊กส์ เอลลิงตัน
น้าม๊องส์ ป้าเอลลา ป้าบิลลี่ ป้าซาร่า โอยไล่ไม่หมดหรอกครับ

เมื่อสักห้าเดือนมาแล้วครับ ผมได้ไปดูในงานประมูลของจากพวกศิลปินแจสดังของโลก
ผมได้ถ่ายรูปพวกอุปกรณ์ ที่พวกเขาเคยใช้ในการแสดงดนตรี ทั้งแซกโซโฟน ทั้งทรัมเป็ท
และอื่นๆ รวมทั้งลายมือเขียนตัวโน๊ทเขียนเพลง ของ จอห์น โคลเทรน ที่เขียนเพลงชุด Love Supreme
เสียดายจังเลยครับ ที่ผมโหลดไฟล์ไว้ แล้ว คอมผมพังไงครับ คงจำกันได้นะที่ผมเคยบอกไว้
และได้เขียนกลอนไปลงห้องแจสด้วย
เอาหน่อยไหมครับ อาจจะแข็งๆไปนิด

................................................
สืบเนื่องจากวันไปดู NY jazz auction........

.......เหมือนย่างเท้าเข้าไปในอดีต...............
...เสียงลมหวีดแผ่วผ่านม่านความหลัง......
...คลอเพลงพลิ้วหวิววาบอาบภวังค์.......
...และบางครั้งแผดผาดมาดจังจริง.........

.......นั่น BENNY ที่เห็นเป็นอย่างนั้น..............
...แคลริเน็ทเริ่มพลันหยุดสรรพ์สิ่ง.........
...ด้วยลีลาท่าทางอย่าง SWING...........
...SING, SING, SING, BIGBAND แสนจับใจ......

......แนะแก้มยุ้ย LOUIS ARMS. งามแก้มป่อง...........
..เสียงคอร้องโหยแหบแต่แสบใส้..............
..อุ้ย เธอนี่ที่รู้อยู่ไกลไกล.........
...มิใช่ใคร ELLA มาคู่กัน......

......แว่วทรัมเป็ทเผ็ดสนิทของ DIZZY....
..เหมือนขยี้แพรไหมในกองฝัน.....
..MILES DAVIS มาด้วยช่วยประชัน.........
..ELLINGTON ก็โชว์สวยด้วย A TRAIN.......

......มาดสุภาพคาบแมน STAN GETZ.....
..ปล่อยทีเด็ดโซโล่โย้หลังแอ่น....
..อีกมาดยืนตัวโยน JOHN COLTRANNE....
..นั่นนาย WAYNE SHORTER ก็เจอมา....

......อีกมากมายหลายหลากที่อยากเห็น.....
..ก็เหมือนเป็นจริงตามความปรารถนา..........
..ลายมือจริงสิ่งของที่ต้องตา.............
..มีชีวาของพวกเขา ให้เราชม.........
......................................................................................................
หุหุ เอ้า บ้ายอ แถมอีกอัน ผมเขียนในห้องแจส แด่ ไมล์ส เดวิส

..................1926-1991 = 65 MILES..........................

.... ห่างกี่ไมล์ไม่เลือนเหมือนยังอยู่.............
kind of blues ปลาบแปลบบลูส์แบบไหน.............
miles ahead เลือนลางยิ่งห่างไกล...............
so what เห็นเป็นไมล์ดีใจนัก.......................

...แล้วก็ถึงซึ่งจุดไมล์สุดท้าย.......
พบจุดหมายมองเห็นเหมือนเป็นหลัก....
'day my prince will come และนำรัก..............
เอาป้ายไมล์มาปักว่ารักไมล์..............

... หกสิบห้าไมล์ทองของชีวิต............
ดูน้อยนิดจริงจริงคนยิ่งใหญ่.............
เพลงทรัมเป็ทกึกก้องสองหมึ่นไมล์.................
ยังยินอยู่รู้ได้ MILES DAVIS................................
......................................................................................................................................
ผมนี่รู้ไรชอบไรแต่ไม่รู้ลึกครับ ที่จริงผมชอบฟังเพลงพวกแจสครับ
ก็ไม่ได้ฟังเพราะคิดว่า จะทำให้ตัวเองดูดีมีคลาสไรหรอกครับ ทั้งพวกเพลงคลาสสิกด้วย
บอกเหตผลไม่ได้หรอกครับ และจะให้วิจารณ์ว่าดีไม่ดีอย่างไร ก็ไม่ได้เหมือนกัน
ผมไม่ได้ยึดหลักว่าแจสหรือเพลงคลาสสิกนี่ต้องศึกษาให้รู้แน่ จึงฟังได้ดี เข้าใจ
ผมชอบผมก็ไปหามาฟัง บางทีเรียกประเภทเขาไม่ถูกหรอกครับ
แต่เห็นว่า หูเรารับได้ เพราะดี เล่นดีนีหว่า ก็แค่นั้นเองครับ
หากไปคุยกับคนที่เป็นเซียนแจส ก็คงคุยไม่รู้เรื่อง แต่คงฟังเขาบอกเขาแนะนำได้อยู่
ก็ไปฟังที่เขาเล่นสดๆบ้าง ตามแจสคลับ หรือ ของเจ วีซี แจส เฟ็สติวอล ที่มีจัดทุกปี

แฟนผมทำงานในตึกเดียวกับบริษัทที่ทำเพลงแจสของพวกศิลปินแจสเก่าๆ
เขารู้จักกันดี เลยเป็นผลมาถึงผม ได้เพลงแจสที่เขาทำมา ให้ผมฟรีก็หลายแผ่น หลายตังค์อยู่
บริษัทนั้น ชื่อ32 JAZZ คนร่วมหุ้นคนหนึ่งเป็นนักดนตรีแจส มีชื่อเสียงคนหนึ่ง
Houston Person นักเทเนอร์แซกโซโฟน ที่มีผลงานอัดเพลงเกือบร้อยแผ่น หรือมากว่า
ผมได้เพลงจากนาย ฮุสตั้น มาด้วยหลายแผ่น
แต่มีอะไรอย่างหนึ่ง นอกจากรูปในอัลบั้ม ทำให้ผมหวลกลับไปคิดถึง ....................

วันหนึ่ง ในปี 1991 ที่ผมยังขับแท็กซี่ ประมาณเดือนSeptember
ผมรับชายคนผิวดำคนหนึ่ง วัยสักสี่สิบได้นะ จากแถวถนน 46th ระหว่าง 8-9th Avenue
ในมือถือกล่อง สำหรับอุปกรณ์ดนตรี ก็คงเป็นแซกโซโฟน ผมพอดูออก
พอแกขึ้นมา แกก็เริ่มมาก่อนเลย เมื่อได้ยินเพลง
จากสถานีวิทยุที่ผมเปิดในรถประจำ ก็คือ FM 88.3 หรือ แจส88
." Hey,..You like jazz haa ? "
ผมก็ยิ้มให้แก บอกเหมือนว่า ก็โอเคนะย ู ฟังได้
ผมกดมีเตอร์เมื่อแกบอกจุดหมาย
" Blue Note ...You know ...don't you? "
ผมบอก ผมรู้จัก แล้วผมก็ออกรถ นายคุณมืดหน้าตาใจดี คนนี้ก็ฟังเพลงแจสจากในรถไป
มีบางครั้งก็ชวนผมคุยถึงเรื่องแจสที่ผมเพิ่งเริ่มจะหัดฟัง
แต่ทันใดนั้น มีข่าวจากสถานีแทรกมาแบบด่วนเลยว่า
" Miles Davis DIES at age 65"
นายพี่มืดทำท่าตกใจมากเลยกับข่าว กล่าว โอ มายก้อด
แล้วเงี่ยหูฟังรายละเอียด การตายของ นายไมล์ส เดวิส
ผมก็ไม่อยากถามไรแกมาก เพราะยังไม่ได้รู้สึกลึกซึ้งกับนายไมล์ส คนดังเท่าไรอยู่
นายคนมืดถามผมว่า ยูรู้จักชอบเพลงนายเดวิสไหม
ผมก็ว่า ก็ฟังบ้าง และกล่าวไรในทำนอง วีมิสฮิมนะยู
เมื่อก่อนจะถึงบลูโนท รายการเพลงจากสถานีก็เปิดเพลงแจสเหมือนเก่า
นายคนมืดพูดบอกผมว่า "They 're playing my tune"
ผมฟังก็เป็นเพลงแซกโซโฟนแนว ballad จากเพลงดังเพลงหนึ่ง
ผมเลยถามไปว่า "Are you.......?"
แกตอบผมว่า " Houston Person ..I am playing here tonight"
..........................................................................................................................................
ที่ STARY NIGHT CLUB ส่วนหนึ่งของ Museum of American History
เมื่อสักสามเดือนที่ผ่านมา วันนั้นผมได้ไปดูฟรีแจสที่นี่
หลังจากได้ดูจากหนังสือโปรแกรมแจส
คนเล่นเป็นคนมืด อายุเลยหกสิบกว่าๆ แต่หน้าตา ยังมีแววใจดี
ผมได้ดูการเล่นของแก แบบนั่งแถวหน้าด้วยละ หนึ่งชั่วโมงเต็ม
เมื่อการแสดงจบลง ผมกับน้องผู้หญิงที่ไปด้วยกัน
ได้มีโอกาศขอถ่ายรูปกับแกด้วย แกยินดีและท่าทางอยากบริการเรา ที่เห็นหน้าเอเชียๆ
สำหรับผมนั้น ผมถามท้าวความก่อนเก่า เรียกความจำของแก
ถึงวันหนึ่ง วันตายของไมล์ส เดวิส เดือนกันยาปี 91
ที่แกรับรู้เมื่อขณะนั่งแท็กซี่นิวยอร์กของกระเหรี่ยงคนนี้
ไม่น่าเชื่อ แกจำได้ครับ
" Thank You ....MR. PERSON- HOUSTON PERSON"























 

Create Date : 31 ตุลาคม 2548    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2548 4:48:53 น.
Counter : 804 Pageviews.  

42- ผัวจับผี-วันฮัลโลวีน

***เรื่องเล่าแท็กซี่นิวยอร์ก**( ตอน ผัวจับผี-วันฮัลโลวีน)

ผัวเมียคู่หนึ่ง ได้รับเชิญไปงาน Halloween Party .ในค่ำคืนของวันนั้น
ฝ่ายเมียเกิดรู้สึกปวดหัวขึ้นมาหนึบๆ บอกกับนายผัวไปว่า
" ฮันนี่ ชั้นคงไปงานไม่ได้แล้วละ อยากนอน ปวดหัวมากๆ"
ฝ่ายผัวก็ว่า
" แหม เสียดายจัง หากเธอไม่ไป งานนี้ก็ไม่สนุกแน่เลย"
" เธอไปคนเดียวเถอะ ที่รัก ไหนๆก็ซื้อคัสตูมมาแล้ว " แม่เมียแสนดีบอกผัว
นายผัวก็ตกลง เอ้าไปคนเดียว งั้นก็เอา
ว่าแล้วก็หยิบชุดมนุษย์ค้างคาว Batman มาแต่งครบชุดแล้วบอกลาเมียรัก
"โอเค ฮันนี่ งั้นชั้นไปละ เทคแคร์ตัวเอง นอนพักมากๆนะจ๊ะ"
กล่าวแล้วนายผัวก็ขับรถไปงานนั้น

หลังจากนอนพักไปได้สักชั่วโมง คุณภรรยาก็รู้สึกดีขึ้น
เกิดคิดอยากตามนายผัวไปงานขึ้นมาซะอีก
เออ อยากรู้ด้วยว่า นายผัวในชุดแบ้ทแมน จะทำตัวอย่างไรใจงาน เมื่อไม่มีเมียไปด้วย
ว่าแล้ว หล่อนก็หยิบชุดคัสตูม ที่แอบซื้อไว้กะจะเซอร์ไพร์ส ผัว
เป็นชุดนางปีศาจแมวป่า มีหน้ากากปิดมิดชิด
แล้วหล่อนก็ขับรถไปที่งานนั้น

เมื่อหล่อนไปถึงที่งาน เห็นผู้คนมาปาร์ตี้กันแน่นห้องโถงเลย
ทุกคนสวมใส่ชุดแฟนซีคัสตูมปิดหน้า ปิดตากันหมด
หล่อนพยายาม มองหา นาย Batman ผัวรัก
แล้วได้พบว่า นายนี่ เที่ยวทำหลี ทำเฟริ์ท ยั่วหยอกไปกับทุกสาวๆ
หึหึ อยากรู้นักว่าจะยังไงต่อ
แล้วหล่อนก็ไปทำให้ท่า ยั่วเย้านายนั่นชุดแบทแมน
ทั้งสองก็ท่าจะไปกันดี กับลูกเล่น ที่เอาออกมาใช้กันทั้งคู่
ไม่นานต่อมา ทั้งคู่ก็จบด้วยการไปทำไรกัน ในห้องน้ำ แบบบูมๆฟักกี้ๆนะ
หึหึ ก็มันส์แบบสุดๆด้วยกันทั้งคู่

คุณเมียพอเสร็จสมอารมณ์หมาย ก็รีบกลับบ้าน
นอนรอผัว อยากรู้นักนะ นายตัวดีจะว่ายังไง หึหึ บอกว่าไม่มีเราไป งานไม่สนุก
ไม่นานนัก นายผัวก็กลับถึงบ้าน
เมียถามไปทันที" ว่าไง งานสนุกไหม คุณ"
"เฮ้อ สนุกกะผีไร ชั้นเห็นคนแน่นเกินไป....
..เลยหลบไปห้องหนึ่ง ได้เจอเพื่อนเก่าๆ เลยเล่นไพ่โป๊กเกอร์กันดีกว่า " ผัวตอบกลับมา
"เล่นโป๊กเกอร์ทั้งชุดแบทแมนนะไม่อึดอัดตายเหรอคุณ เชอะ" แม่เมียชักฉุนๆ
นายผัวก็กล่าวตอบว่า
" ไอ้ชุดบ้านั้น นะผมให้มายแด๊ดดี้ใส่แทน ก็วันเกิดแกพอดี อยากให้แกสนุกนะ
เห็นแกบอกว่า ได้ปล่อยแก่แฮปปี้มากๆ แล้วก็ได้อึ๊บๆนางแมวผี คนหนึ่ง แกว่ามันส์ที่สุด"
นังเมียก็ ?????????????โอ๊ะโอ่ ?????????????????
5555555555555555555555หุหุหุหุหุหุ 5555555555555555555

วันฮัลโลวีนนี่ พูดก็พูดเถอะ
ผมไม่ค่อยเห็นว่ามันสนุกตรงไหนเท่าไร สำหรับผู้ใหญ่
มันจะน่าสนุกมากๆ สำหรับเด็กๆมากกว่า โดยเฉพาะเด็กๆวัยต่ำกว่าสิบ
เห็นพวกคุณหนูแต่งชุดคัสตูมกัน ดูน่ารัก น่าขำดี
เห็นสโนว์ไวท์ผิวดำ สโนว์ไวท์ตาชั้นเดียว
หรือซูปเปอร์แมนมืด แดรกคิวล่าแขก แบทแมนตี๋
มีอยู่ปีหนึ่งผมอยู่บ้าน ลืมไปว่าเป็นวันฮัลโลวีน
เลยไม่ได้เตรียมขนมแคนดี้ ลุกอมนมเนยไว้แจกเด็กๆ
พอเสียง Trick or Treat ตามด้วยการเคาะประตู และกดกริ่งลั่นติดๆกัน
ผมเปิดประตูก็เจอ ทั้งผี ทั้งนางฟ้า ทั้งเจ้าสาว ทั้งหมดเป็นเด็กเล็ก
มีแม่หรือผู้ปกครองเป็นคนนำพวกเขามา ให้เขาสนุกกันวันนี้
ทำไงดีละ ผมเลยบอกให้คอย ก่อนนะ
ไปหยิบกระเป๋าใส่เงิน นับแล้วห้าคนให้คนละเหรียญ โอเคนิ
แล้วผมก็เอาเงินแบ๊งค์ห้าเหรียญให้ คนหนึ่ง บอกให้ผู้ใหญ่รับรู้ด้วยว่า
เงินนี่ให้ไปแบ่งกัน คนละเหรียญ โอ่เค๊
ทุกคนตะโกนตอบ โอ่เค๊ แถ่งกิ๊ว เวรี่มัช เสียงลั่น
มีคนหนึ่ง พูดเบาๆ แต่ผมได้ยินด้วยว่า It's a lot better than candies ..money money money
อีกสักสิบนาฑีให้หลัง ผมได้ยินเหมือนเสียงวิ่ง เสียงตึงตัง
ดังลอดมาถึงในห้องอพาร์ทเม็นท์ผม หุหุ แล้วเคาะประตู
ตามด้วยเสียง trick or treat ๆๆๆๆ ลั่นออกมาพร้อมกัน
ผมเปิดประตูออกไป หุหุ มีมาเที่ยวนี้สิบคนขึ้นไปอะ
ออกันเต็มหน้าประตู ผมคิด เอ้อ กรูตายแน่เที่ยวนี้
ผมแกล้งพูดไปก่อนว่า How many of you?
มีนายปีศาจหมาจิ้งจอกเด็กจีนตัวเล็กเป็นคนนับครับ แล้วตอบผมว่า
" thirteen "
หุหุ สิบสามคน สิบสามเหรียญ แล้วอาจมีมาอีก หมดตัวได้เหมือนกันนะ
ผมเลยบอกไปว่า "Okay thirteen.,.I 'll go.. get some candies "
"NO NO.. NO CANDIES,SIR ..WE WANT MONEY.. PLEASE"
หุหุ ไอ้พวกเที่ยวที่แล้ว คงไปบอกกล่าวกันต่อนะครับ
ว่าให้มาที่ห้องเบอร์ ซิกเจ นี่ได้เป็นเงินนะ
ก็ทำไงได้ละ ต้องยอมครับ เห็นสายตาเด็กแล้ว
บางคนยังไม่รู้ว่าเงินหนึ่งเหรียญซื้อไรได้เลย มองตาละห้อยตามเด็กตัวโตกว่า
ก็ให้แบ๊งค์สิบ แล้วไปหาเหรียญควอเตอร์ผสมกับเหรียญไดม์เหรีญญนิคเคิล
รวมจนได้สิบสามเหรียญพอดี แล้วให้เขาไป เอาน่า นานๆทีให้เด็กแฮปปี้
เสียงเด็กกล่าวแถ่งกิ๊ว พร้อมๆกัน น่ารักดี
พอเขาไปกัน ผมปิดประตู ปิดทีวี ปิดไฟ เข้าไปแอบในห้องนอน
วันนั้นเงินติดกระเป๋ามีแค่นั้นจริงๆ ครับ
แม้ได้ยินเสียงแว่วๆดังๆมาถึงห้องนอน อีกหลายกลุ่ม
TRICK OR TREAT หุหุ
Sorry my friends ...NOBODY 'S HOME ...OKAY


ผมหลวมตัวขับแท็กซี่ในวันฮัลโลวีนนี่ ก็แค่ปีแรกของการขับรถนะครับ
หลังจากนั้นมา ก็เอาวันนี้เป็นวันกลัวผี เป็นวันหยุด
ก็ ตามไอ้คนขับอื่นๆส่วนมากที่บอก ไม่ๆเด็ดขาด
เพราะวันนี้เป็นวันปล่อยผีของที่นี่จริงๆนะครับ
มีพวกฉวยโอกาศ จากการปิดบังใบหน้า การแต่งกาย
มีการจี้ปล้นแท็กซี่ หรือคนทั่วไปที่บังเอิญเจอช่วงโอกาสเหมาะเจาะ
มีการขว้างปาไข่ ไข่ไก่นะครับ ไม่ใช่ไข่คน
ไข่ดิบๆพวกบ้าๆจะปาใส่ฝูงคน หรือรถราที่ผ่านไปมาในบางย่านบางถิ่น
แท็กซี่นี่เป็นเป้าหมายให้พวกนี้แก้แค้น หรือระบายอารมณ์ใส่
ปีนั้น วันนั้นรถผมหากปรับเป็นกระทะได้ คงได้กินไข่เจียว ไข่ดาวกันอิ่มละครับ
ปิดกระจกหมดทุกด้าน หลงเข้าไปในเขต กรีนิชวิลเลช ดงเกย์ ดงกระเทย
อีพวก DRAG QUEEN กระเทยร่างใหญ่ใจบ้า นี่น่ากลัว มากกว่าน่ารัก
พวกเขาจะจัดขบวนพาเหรดกันที่แถวๆนี้ เป็นงานใหญ่โตมาก
มีคนดูตามสองข้างทาง แบบต้องมาจองที่แต่หัววันเลยละ จึงได้เห็นกันจะจะ

พวกทำงานออฟฟิส พวกหนุ่มๆสาวๆก็ชอบมีงานปาร์ตี้ กันวันนี้นะ
ได้แต่งตัวสวมใส่ชุดที่ตัวเองคิดฝัน แฟนตาซีไปโชว์
มีดริงค์มีดื่มกิน มีเต้นระบำ ก็น่สนุกกับพวกเขาที่ถือกันเป็นวันพิเศษวันหนึ่ง

ฮัลโลวีนปีนั้น ตอนสักสี่โมงเย็นกว่าๆ อากาศเริ่มเย็นลงแล้วละ ช่วงนี้
ที่ถนน 36th Street ระหว่ง Park กับMadison Avenue
ผมเห็นชายคนหนึ่งโบกมือเรียกรถ ด้วยอาการเร่งๆรีบๆไงอยู่
ผมจอดรับ พอนายนั่นขึ้นรถมาได้ ก็บอกผม พลางชี้มือไปที่รถคันหน้าสีแดง
"HEY DRIVER ,,FOLLOW THAT CAR.. OKAY.. RED TOTOTA "
ผมก็งงๆ แต่ก็กดมีเตอร์แล้วทำตามนายนั่น ก็ขับตามโตโยต้าสีแดงไป
รถนั้นก็ไม่ได้ขับเร็ว นายนั้นบอกว่า ไม่ต้องตามแบบติดๆเหมือนว่าให้เว้นระยะได้
ผมพอมองเห็นคนในรถโตโยต้าสีแดงได้
คนขับเป็นผู้หญิง คงสาวอยู่ ข้างๆคนขับเป็นผู้ชาย วัยกลางๆคน
มองจากด้านหลังผู้หญิงคนขับ
ผมเห็นเหมือนที่ส่วนหน้าส่วนศรีษะเธอมีคล้ายแว่นตาหรือหน้ากากสวมอยู่
และเห็นแต่ท่อนบนเป็นเหมือนเสื้อสีดำที่ต่อจากกระโปรงมานะครับ
อ้อ นึกได้แล้ว วันนี้วันฮัลโลวีน คนแต่งไปงานปาร์ตี้กัน
นางนี่ท่าจะแต่งเป็นผีสาวเว็มไพร์ดูดเลือด
ผมหันไปมองนายที่นั่งบนรถผม โห สีหน้าเครียด ท่าทางดุจัง
เป็นคนพวก HISPANIC พวกเชื้อสายที่ใช้ภาษาสเปนิชกันครับ
รถโตโยต้าขับมาถึง 2nd Avenue
ข้างหน้าเป็นทางเข้าอุโมงค์ Midtown Tunnel เพื่อไปออกQueens
นายโก้หรือแมกหรือโค กล่าวออกมาเมื่อเห็นโตโยต้า ตรงไปทางเข้าอุโมงค์
"FCUKING BITCH..WHERE THE HELL SHE'S GOING..,GO.. DRIVER ..FOLLOW HER"
ผมก็ตามโตโยต้าไปครับ เริ่มคิดได้รางๆแล้วว่านายนี่ตามนังนั่นมาทำไม
เสียงด่า เสียงระบายอารมณ์ของนายนี่ ที่ผมได้ยินสลับกับการเอากำหมัดชกกับฝ่ามือตัวเอง
พอออกมาถึงอีกฝั่งของอุโมงค์ เป็นด้านควีนส์
ต่อเชื่อมด้วยไฮเวย์ที่เป็นทางไปเข้า LONG ISLAND
หรือไป JFKและ LA GUARDIA AIRPORTก็ได้
รถโตโยต้าเริ่มขับเร็ว ผมก็เร่งสปีดตาม เว้นระยะไว้ช่วงสามคันรถ
นายนั้นชมผม ว่าทำดี แต่ตาก็เพ่งมองที่คนขับโตโยต้า
เอ้า ออกทางไปเข้าสนามบินJFK จะไปไหนกันหว่า
แล้วโตโยต้าก็มาออกทางที่จะเข้าBELT PARKWAY
ผมก็ตามแบบห่างๆ เพราะรถน้อยคันลง
รถคันนั้น เข้าทางLOCAL แยกเข้าถนนสายหนึ่ง
" SHIT ..FCUKING BITCH AND FCUKING ASSHOLE"
ผมได้ยินเสียงนายบนรถนี่ ด่าออกมา เมื่อเห็นรถโตโยต้าเลี้ยวเข้า
เป็นสถานที่หนึ่ง ผมเห็นป้ายนีออนกระพริบไฟพรึบพรับ อ่านว่า
JADE EAST ROMANTIC 'S MOTEL
นายนั่น บอกผมให้จอด ไม่ต้องตามเข้าไป
แล้วถามผมถึงราคาตามมีเตอร์ บอกไว้37.50$
เสียงนายนั่นเหี้ยมมากแล้ว ที่ผมฟัง
พอผมบอกราคาไป บวกค่าโทลก็ สีสิบเหรียญพอดี
ผมเห็นแกเอามือล้วงกระเป๋า แล้วหยิบออกมา
ปืน ปืน ครับปืน
ผมตกใจ บอกไปด้วยเสียงอ่อนๆ
"DON'T HURT ME PLEASE,..I 'LL GIVE YOU ..ALL THE MONEY I HAVE"
นายนั่น กลับโยนเงินมาให้ผมหกสิบเหรียญ หัวเราะเสียงเหี้ยมๆ กล่าวว่า
"THAT BITCH 'S MY WIFE AND THAT ASSHOLE'S HER FCUKING BOSS"
ผมจะกล่าวไรต่ออีก แต่นายนั่นรีบเปิดประตูแล้วลงจากรถ
ผมได้แต่ตระโกน ตามไปเมื่อเห็นแกวิ่งเข้าไปในโมเต็ล
"THINK ABOUT YOUR KIDS ,DON'T DO IT.. SIR"
ผมไม่ได้อยู่ดูเหตการณ์อะไรต่อจากนั้นอีก
เพราะคิดถึงความปลอดภัยหากจะเสือกอยากไปรู้เรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่ของผม

รุ่งขึ้นอีกวัน ผมพยายามหาข่าวจากหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ
แต่ไม่ได้มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่ผมได้พบเห็นวานนี้เลย
เฮ้อ โล่งอกไปที่ผมและรถแท็กซี่ผม
ไม่ได้เป็นพาหนะที่นำความตายมาให้ใครอีกคนสองคน


ผมขอขอบคุณทุกท่านที่อ่าน
และให้กำลังใจผมตลอดมาครับ
สวัสดี จากนิวยอร์กครับ




 

Create Date : 24 ตุลาคม 2548    
Last Update : 24 ตุลาคม 2548 17:26:01 น.
Counter : 830 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

smartupid
Location :
New York United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




กรุณาตรวจตราสิ่งของก่อนลงจากรถไป แค่ลืมหัวใจไว้ในรถ คนขับก็สดชื่น.... โอ่เค้
Please check your belongings before leaving my cab, just leave your heart here ...Thank You
Friends' blogs
[Add smartupid's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.