Group Blog
 
All Blogs
 

17-แทกซี่ทอล์กโชว์

เรื่องเล่าแทกซี่นิวยอร์ก 14
ตอน แทกซี่ทอล์กโชว์

..............................................................................................................
ถาม...." การอะไรที่ยากกว่า การยัด 'ผู้หญิงท้องสี่คน' เข้าไปในรถแทกซี่"
ตอบ..."การทำให้ ' ผู้หญิงสี่คน.. ท้อง ' ในรถแทกซี่"
.......................................................................................................
ถาม..WHAT'STHE DIFERRENT BETWEEN A HOOKER AND A ROOSTER?
ตอบ..A ROOSTER SAYS" COCK A DOODLE DO"
AND A HOOKER SAYS " ANY COCK WILL DO"
......................................................................................................................................
พูดถึงโจ๊กฝรั่งที่ไม่แปลเป็นไทยนี่นะ หากคุณได้ฟังหรืออ่านต่อหน้าคนอื่นนะ
พอจบก็ให้หัวเราะไว้ก่อนเลย จะตลกหรือเปล่าค่อยว่ากัน ไม่งั้น ไอ้คนที่อยู่ข้างคุณ มันจะว่า ฟังไม่ออกเองนีหว่า หรือ ภาษาไม่ถึงขั้นมั๊ง

ผมเคยไปกับไอ้หลานตัวแสบ อิ้วส์ ที่เคยเล่าว่าอยากถีบมันนะที่ comedy club ดังแห่งหนึ่งที่นิวยอร์กนี่แหละ
ก็ไปกันวันที่คนเต็มคลับด้วย คนดูก็ส่วนมาก หนุ่มๆสาวๆ พวก college ที่ดูท่าทางคล่องแคล่ว ฉลาด และหน้าตาบอกอารมณ์ขันอยู่ในตัว บรรยากาศกันเองสนุกดีครับ
แต่ หุหุหุ บางเรื่องนะ มันไม่ขำกับคนอย่างเรากะเหรี่ยงเลย ถึงฟังออกก็เถอะ เพราะไม่ได้รู้ที่มาของมุข ที่ไอ้กันมันขำได้ขำดี คือต้องอ่านมาก รู้มากหน่อยนะ
คนเล่าเรื่องตลกได้นี่ ก็ต้องเอามาจากหลายแหล่ง ทั้ง บุคคล ดารา นักการเมือง อาชีพต่างๆ เช่น หมอ ทนาย ชนชาติ (ที่ถูกล้อมากที่สุดก็ คนโปลิช ไอริช ยิว และสาวผมบลอนส์ ผมทอง คือคนเขียน คนเล่าจะว่า พวกสาวสวยนี่ สวยแต่สมองกลวงอะคับ)

แม้กระทั่งโป็ป ประธานาธิบดี มันก็เอามาล้อ มาเล่นให้ตลกได้ คนจะฟังให้ตลกก็ต้องรู้ไรมาก ทั้งอ่าน ทั้งดู ทั้งฟังมากๆเหมือนกัน

ไอ้ปีเตอร์ ฟอดิควาย หลานผมที่ไปด้วยที่ไปด้วย ก็ทำท่าทางนะว่าฟังออกอย่างดีสนใจมุข เหมือนกับว่ามันขำด้วยนะ เออ มันก็เก่งใช้ได้นะ มาไม่ถึงปี ฟังตลกฝรั่งได้ ทำหัวเราะเสียงดังกว่าด้วยนิ ทำท่าน่าหมั่นไส้ มีตบมือ เป่าปาก มีออก bravo..great , great ตามฝรั่งด้วยละ
พอกลับบ้าน ผมบอกมันว่าเก่งนี่หว่า
มันว่า น้า คือว่าไม่ตลกสักเรื่องเลย ค้อกซักเกอร์นั่นไม่รู้ว่ามันพูดไร ผมฟังไม่ออกเลยอะน้า
ดูมันดิ น่าถรีบไม๊ละ มันถามผมว่า แล้วน้าละ ว่าไง ผมบอกว่า กรูฟังไอ้เรื่องทลึ่ง สัปดนปนหยาบนะ ฟังออก ตลกดี เพราะมันไม่ใช่คำยากอะไร และคิดตามไปได้ง่ายกว่า เรื่องอื่นๆกรูไม่ค่อยรู้เรื่อง
ไอ้หลาน มันพูดออกมาว่า น้านี่ ดิสกั้สติ้ง เดอร์ตี้ ดูมันๆๆ เเด๋วโดนถีบ ......โอ่เข...................

ผมเคยไปขึ้นเวที AMATURE NIGHT COMEDY ที่นี่ด้วยนะ คืนนั้นเมื่อหลายปีก่อน นี้เขาเปิดรับ TAXI DRIVERS'S NIGHT
ก็ให้เล่าไรตลกๆห้านาที แล้วได้100$ ผมโดนลูกยุจากเพื่อนๆ ที่เห็นผมทลึ่งและฟันนี่ ทีแรกผมก็บอกมันว่า เฮ้ย ภาษาอังกฤษ แบบกรูนี่เหรอ จะไปขึ้นเวทีให้ฝรั่งฟัง มันไปถาม INFO จากทางคลับนะ
มันว่า ที่มรึงพูดอังกฤษได้แบบมรึง นี่แหละ จะตลก หากมรึงพูดดีเพอร์เฟ็ก กรูไม่ให้มรึงขึ้นหรอก มันไม่ตลก หวะ แหนะ เพื่อนผมมันเอาปมด้อยของเพื่อนเป็นของตลกไปเสียนิ
แต่ว่าก็ว่านะ ผมก็ชอบอยู่เหมือนกันนะ แล้วได้ตั้งร้อยเหรียญด้วย แค่ พูดไรบ้าๆไปห้านาทีก็พยายามนึก มุก ( มุก หรือ มุข กันแน่อะ ใครช่วยบอกทีครับ ) ว่าจะพูดยังไงให้ตลกเรื่องมันจะฟังกันได้หรือไม่ได้นะ ผมไม่สนใจหรอก เรื่องของมรึง กรูจะพูดเสียอย่าง เรื่องของกรู
แหมคุณ มันก็ต้องซ้อมกันบ้างละ ตอนคอยคิวที่แอร์พอร์ท ก็ปิดหน้าต่างรถ แล้วลองพูดดู
แต่ผมว่ามันไปทางป๋าเทพ โพธ์งาม เล่นกับ หม่ำ จ๊กมก มากกว่าที่จะเป็น comedian ฝรั่งอะ
ตลกตัวเองที่เป็นไปได้ถึงเพียงนี้ เพื่อเงินแค่ร้อยเหรียญบวกหน้าด้านหน่อยๆ พอกลับบ้านอยู่คนเดียว คนอื่นนอนกันหมดก็เอาเทปของ ริชาร์ด ไพเออร์มาฟัง
ไอ้หมอนี่ผมชอบมากๆครับ อาศัยลูกทะลึ่งคำหยาบ และกัดเอากับพวกมืดด้วยกัน mother f.. cker, โย้ นิกเกอร์

ผมก็เลียนๆเสียงมันด้วย คือไอ้คำด่า คำหยาบนี่ ผมถนัด และจำได้ดีกว่า คำดีๆอื่นๆ มากอะ แต่อายคนเขาครั้งนึง ที่ด่าไม่ถูกอิงลิช ยังคิดไปด่า
ก็คำแอสโฮลที่ถนัดนี่ละ ไปด่าผู้หญิงคนโดยสารแทกซี่ของผม จนคนถูกด่า ต้องหัวเราะและสอนให้ด่า เป็น บิทช์ หรือ สลัท
ผมก็กะจะเอาเรื่องนี้แทรกไปด้วย หากจะไปขึ้นเวทีพูดจริงๆ ผมก็คิดเอาไอเดียจากนายริชาร์ดนี่ด้วย แต่จะเน้นไปทางกัดคนจีนแทน และเลียนสำเนียงพวกแขก กัดแขกอีกหน่อย
นึกถึงนายนักพูดตลก ชาวรัสเซีย ที่แกมีคำเด่นอยู่คำหนึ่ง เวลาจะล้อเลียนคนต่างชาติ
…………………….." WHAT 'S A COUNTRY ,HA "
ก็กะจะเอามาใช้ด้วย กัดไอ้พวกแทกซี่ขี้โกง ที่มาอยู่เมกาแล้วลืมกำพืด ผมลองร่างเป็นสคริปท์ดูแล้วพูด เออ ใช้ได้นีหว่า นานเกินห้านาทีด้วยแนะ
สำเนียงที่ฟังตลกโดยไม่ต้องดัดให้ยากของผม ก็ COPPER ENGLISH อังกฤษทองแดง จากพื้นเพ เซาท์เทิ้นไท๊แหล่นนี่แหละ
ผมอัดเทปไว้แล้วไปให้ไอ้ตัวยุเพื่อนผมฟัง มันชอบอะ มันว่าตลกด้วย
ผมว่าก็ มรึงคนไทยมรึงก็ฟังออกสิ ว่ากรูพูดอะไร แต่ไอ้กันคนดู มันจะฟังออกกรูไม่รับรอง
ผมบอกมันก่อนว่าคืนที่กรูจะขึ้นเวทีนะ คนไทยขอให้เป็นมรึงคนเดียว หากมีคนไทยไหนหลงเข้ามาด้วย กรูยกเลิกนะ กรู อายคนไทยหวะ แต่ไม่อายฝรั่ง
ก็คนไทยนี่แหละตัวดีนัก เรื่องกัดกันเองจับผิดคนอื่น อวดตัวว่าเก่ง ดูถูกคนที่ด้อยกว่า
ผมคิดแล้วขำทุกที เวลาไปกินอาหารร้านไทย หากมีใครพาฝรั่งไปลองชิมอาหารไทย หากได้ยินเสียง เย็ส ,โน,โอ ไอซี,ยู ไลค์ อิท, ดิส อิส คอลด์ ทมยำกุง, เย่ ดิลิเชียส ไรท์, ฟายน์, ดูยูไลค์ ทู ทราย ดิ้ส, หรือไรๆ พวกนี้
คนไทยที่นั่งอยู่ก่อน จะเงียบกันหมดทั้งร้าน แล้วคอยเอียงหูฟัง หากได้ยินคำไหนที่คนมีเพื่อนฝรั่งพลาดผิด จะสำเนียงเสียงพูด หรือไวยกรณ์ไวยเกิน ก็จะกระซิบกระซาบบอกกันหรือแอบยิ้มๆ จะเยาะหรือจะขำแล้วแต่คนที่ฟังนั้น จะมีนิสัยยังไง แหยะ พูดผิดจ๊ะเธอ คำนี้น่าจะใช้เป็น เวอร์บ พาติซิเปิล
หรือ อุ้ย ตลก ไอดิ้ด นอท เว็นท์ จบไรมานะ หรือห่าเหวไรอื่นอีกมาก

มันเหมือนว่า คนที่พูดไรไม่เก่งนี่ เสียชาติเกิดนะ อุตส่าห์มาอยู่ถึงเมกา ชั้นอายแทนจัง
แต่พอถึงทีที่ตัวเองพูด ก็ไม่ต่างกันเท่าไรอะ กับคนที่ตัวเองจ้องกัดเขา มีผิดมีพลาดได้เหมือนกันนิ สำเนียงก็บอกหมด

ไอ่ คัม ฟรอม ไท้แหลน.... ยู้ โหนว.. แหยก.. ด้าด จ่า รี๊ดๆ
ตราบใดที่มันไม่ฝันเป็นภาษาอังกฤษ มันก็ยากนะ ยกเว้นคนที่เกิดที่นี่ หรือมาแต่ตอนเด็กอยู่ และกับคนที่เก่งและฝึกหัดมากๆ เรียนก็ดี
แต่พวกที่เก่งจริงๆนี่ ผมเห็นแล้วเขามักไม่มองคนที่ด้อยกว่าเขาเป็นขำหรือดูถูกนะ คือคนฉลาดนี่เข้าใจไรง่ายนะ ผมว่า
เอานอกเรื่องที่นึกออกมาสอดนิดนะครับ คือก็รู้ๆ กันอยู่นะ คนที่อยู่ที่นี่มานาน มักจะหลอกอำไอ้พวกที่เพิ่งมาใหม่ๆ ยังไม่รู้ไรที่นี่มาก ผมก็เคยนะ เพราะเคยโดนเหมือนกันเลยคิดสนุกด้วย
วันนั้นผมพาหลานชาย ที่เพิ่งมาใหม่นะ พาตระเวนรอบเมืองนิวยอร์ก เดินจนเมื่อย เอาวะ พาขึ้นรถบัสดีกว่า แล้วก็พามันมา คอยที่ป้ายรถบัส ผมเห็นไอ้หลานนี่ ท่ามันตื่นเมืองใหญ่จังนิ เลยหันไปบอกมัน
" ยืนตรงนั้นระวังหน่อยนะ"
มันถามว่า
"ทำไมละน้า"
ผมชี้ขึ้นไปที่ป้าย มันก็เงยหน้าอ่าน แล้วทันใด มันกระโดดผลุบ ย้ายที่ยืนทันที
ก็ป้ายมันเขียนว่า NO STANDING ANYTIME
หุหุหุ ผมก็โดนมาก่อนมันฮา ฮาฮา
แต่อย่าว่าแต่เราๆเลยครับ ตอนผมขับแทกซี่ ก็รับฝรั่งบ้านนอก เพิ่งเข้ามาเมืองใหญ่ก็งงเหมือนกันกับป้ายนี้ แล้วชี้ให้ดูกัน มันว่า นิวยอร์กนี่สุดยอดแห่งเมืองใหญ่ ที่ได้เป็นบุญกับลูกตา ได้มาพบมาเห็น
ผมว่าคนอ่านพันทิพ คงรู้กันแล้วนะ ป้ายนี้ หมายถึงอะไร ยังไง หากไม่รู้จริงๆ ถามได้ อย่าอาย เดี๋ยวจะมีคนตอบเองแหละ
และแล้ว คืนขึ้นเวที ของคนขับแทกซี่อารมณ์ดีก็มาถึง
ผมชั่งน้ำหนักได้ 125 เปานด์ คู่ต่อสู้ เอ้ย ก็ยังงี้แหละ ชอบหลงเรื่อง ขอโทษ
โห มีแทกซี่มาสมัคร์ตั้งห้าคนนิ เป็นไอ้กันขาวสองตัว ไอ้ริชาร์ด ไพเออร์ เอ้อ ไม่ใช่ ไอ้มืดนะ หนึ่งนิกเกอร์ ไอ้โก้หนึ่งโก้ และไอ้แทกซี่จากดินแดนสยามหนึ่งท่าน
คนเต็มร้านเต็มคลับอะ
คลับนี้ เป็นที่เกิดของนักพูดตลกหลายคนนะครับ คือเขาให้โอกาสนะ คนดูส่วนมากก็เป็นวัยหนุ่มไฟแรง วัยทำงาน และนักศึกษา ทั้งชายหญิง ก็ดื่มๆพี้ๆกันทั้งนั้น
แต่ทั่วไปดูเป็นกันเองดี ไม่เกเร ท่าทางพูดคุยก็หัวเราะด้วยคำอำๆ แหย่ๆพอมันๆ
พอถึงเวลา โฆษกก็ออกมาประกาศ
"LADIES AND YENTLEMEN ..........."
แหม หากผมจำเอาที่มันพูดนั่น มาบอกได้หมด ก็เก่งเกินไปแล้วเอาแค่รู้ว่า มันบอกได้เวลา ทอล์กโชว์ของ แทกซี่ไดร์เวอร์แล้ว ก็แล้วกันนะ
ไอ้โฆษกนั่นมันเลียนเสียงโฆษกคนดัง ที่เราคงได้ยินตอนถ่ายทอดมวยคู่ใหญ่ๆ ชื่อไมเคิล นะ จำนามสกุลไม่ได้ ที่ชอบลากเสียง

"เหียยยยยยยยยย ไทม์ หยู่ แฮฟ บี่น เว้ททิ้ง ฝอร์รรรรรรรรรรรรรรรรรร.. อิท ส ไทม์ ฟอร์ เอ รั๊มเบิ่ลลลลลลลลลลลล"

อือม์ จำมาผิดๆถูกๆแค่นี้แอะ แล้วมันประกาศเรียกคนแรกให้ขึ้นเวที
กล่าวแนะนำนิดหน่อยว่า ชื่อเรียงเสียงไร มาจากไหน ขับแทกซี่มากี่ปี แล้วบอกคนดูให้ปรบมือต้อนรับ แทกซี่คนแรกนั่น ขึ้นไปเวทีด้วยหน้าตาที่น่าตลกจริงๆ มันกล่าวทักคนดูด้วยคำแรก
.......ฮาโล้ มาเตอร์ฟักเกอร์ ....................... ...... ...

เสียงเป่าปาก และเสียงหัวเราะลั่นสนั่นคลับด้วยความชอบใจ
แล้วจากนั่นมุข ต่างๆ ที่มันซ้อมมาอย่างดี เป็นเรื่องราว กัดแว้งผู้คนชาวต่างชาติที่มาขุดทอง ในเมกา จาประสบการณ์การขับแทกซี่
ก็เอามุขขำๆของคนโดยสาร มาพูดล้อ
มันหยุดระยะให้คนฟัง หัวเราะก่อน สลับด้วยคำหยาบๆที่ชาวคอเมดี้ ชอบใจ
โห คนขำกับมันจริงๆ สำเนียงฝรั่งตลกๆ ที่เลียนมาก็ใช้ได้ พอเสียงกระดิ่งบอกเวลาดัง มันก็พูดจบพอดีกับเรื่องราว

ไม่น่าเชื่อ คนหัวเราะชอบใจมันมาก เสียงเป่าปาก และ เสียง เกรทๆๆ
พอลงจากเวที คนมาจับมือ ด้วยท่าทางพอใจ และให้กำลังใจ
ใครซะอีกละ ไอ้หมอนั่น ที่คนดูชอบ ไอ้แทกซี่ไทยแลนด์ ขี้เล่นคนนี้แหละ
อุ้ย นึกแล้วยังขนลุก ไม่คิดเลยว่าจะทำไปได้ ที่จริงเป็นนิสัยผมมาแต่เด็กแล้วด้วยครับ ชอบทะลึ่ง หัวโจกในห้องเรียนมาตลอด คือมีหัวนะ แล้วไม่ค่อยถือกฎเกณฑ์ไรกับชีวิตด้วยครับ
ชีวิตก็อย่างนี้แหละ หัวเราะเข้าไว้ แต่ที่ผมยังข้องใจอยู่จนถึงวันนี้ คือผมไม่รู้ว่ามันจะฟังผมรู้เรื่องได้ไง เพราะผมพูดด้วยคำอังกฤษมั่วๆ ไม่ได้ใจความอะไรเลย
ผมเขียนสคริปท์ไว้ก็จริง แต่พอตอนพูดนะผมเกิดเปลี่ยนใจทันที เห็นมันชอบใจผมแต่ทีแรก เลยพูดไปแบบไม่หยุด อังกฤษจริงบ้าง อังกฤษแบบเยสไอไลค์ตะแหน่วๆนั้นบ้าง แบบมั่วหมดแต่ใจกล้าหน้าด้านนะ
ตอนจบพอระฆังดัง ผมย่อ ตัวลง งอข้อศอก กำหมัด ยื่นเท้าซ้ายไปข้างหน้า ย่อขาขวาลง พร้อมตะโกนไปว่า

....เยส เยส ไอ ก๊อด อิท...มาเตอร์ฟักเกอร์ กิฟมี วันฮันเดร์ด ดอลล่าส์ นาว..แอนด์ กู้ดไนท์ สติวปิด
..........................................................................
......................
ไม่ใช่การประกวดอะไรหรอกครับ ก็ได้คนละร้อยเหรียญทุกคน ผมเลยกล้า ไง และหน้าด้านด้วย อยากกล่าวลากับคนอ่านตอนนี้ แบบที่พูดบนเวทีนั่นอีกครั้ง แต่ อย่าเลย ..... ไม่กล้าอะ... ไม่พู้ด ไม๊พู้ด........ หุหุหุ




 

Create Date : 11 สิงหาคม 2548    
Last Update : 11 สิงหาคม 2548 13:05:57 น.
Counter : 1041 Pageviews.  

16-จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด

เรื่องเล่าแทกซี่นิวยอร์ก 13
ตอน.. จงเป็นสุข… เป็นสุขเถิด

เป็นแทกซี่ที่เห็นเป็นเหมือนส้วม
เอาขี้มาทิ้งท่วมร่วมกันขี้
เสร็จธุระก็จากไปไม่ใยดี
โอ้หัวอกแทกซี่ชีช้ำนัก
GOOD MORNING,HELLO YOU GO ไหน
YES,พาไปทุกแห่งทั่วแหล่งหลัก
BLACK OR WHITE ใครก็ไอก็รัก
ยูอย่าฟักมายแอส….ก็แล้วกัน…………………………

หวัดดีครับ วันนี้มาแปลกไปอะ เอากลอนมานำเรื่องก่อนเลย
ก็ชีวิตแทกซี่เหมือนกลอนข้างบนนี้จริงๆ แหละ ไม่รู้ว่าแทกซี่แบงค้อกเป็นเหมือนกันหรือเปล่านิ
ผมว่าไอ้ความเหนื่อยยากกับการทำมาหากินกับอาชีพนี้ ก็คงไม่ต่างกันมากหรอกนะ
แต่สิ่งที่พี่น้องชาวแทกซี่ได้รับจากผู้โดยสาร นั่นสิ คงผิดกันมากกับแทกซี่นิวยอร์ก
ผู้โดยสารทั่วไปของแทกซี่เมืองไทย ส่วนมากก็ระดับฐานะไม่สูงมาก จนนั่งแทกซี่ไม่ได้ เป็นระดับกลางๆโดยเฉลี่ยนะครับ
จึงพอพบเห็นได้กับลักษณะนิสัยดั้งเดิมของคนไทยเราที่เป็นคนมีเมตตา อ่อนโยน และ ไม่ดูถูกผู้ด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
หรือหากไปเจอกับผู้โดยสารไม่ใช่แบบที่ว่ามา แทกซี่ก็มีสิทธ์แสดงบทแทกซี่คลั่งได้ คือเหมือนกับว่า ดีมาดีไป ร้ายมาร้ายมากกว่าไปอะนะ
พักนี้ หากคนอ่านเรื่องผม สังเกตุให้ดี จะพบว่า ผมชักใช้คำหรืออะไรๆที่เกี่ยวกับการดูถูกเหยียดหยามมากไปนะครับ ผมก็รู้สึกว่าชักบ่อยไปจริงๆ แหะ

ก็หากสิ่งที่ผมได้พบเจอทุกวันบนท้องถนนนิวยอร์ก มันมีแต่สิ่งดี ๆคนดีๆ ขึ้นรถกดมีเตอร์ฉับ ขับไปถึงจุดหมายจ่ายตังค์ครบ ตบท้ายด้วยทิป
มันก็คงไม่มีอะไรมาเล่าคุณอะดิ มันธรรมดาไปอะนะ แบบนั้นไม่ตื่นเต้ล ไม่หนุกนิ
แต่พอผมได้เจอเข้าจริงๆ มันไม่หนุกกับตัวเอง
มาสนุกกับมันเมื่อผมเลิกขับแล้วมากกว่า
ผมยังว่าเลยว่าผมนี่รอดชีวิตมาได้ยังไง จากไอ้เด็กบ้านนอกไทยแลนด์ มาเปลี่ยนแปลนหักเหเมืองเมกา
มันน่าจะตายแต่ครั้งไอ้โก้สวนหมัดอัดมวยไทยเสียสลบไปตอนนั้นแล้วนิ
แล้วที่โดนจี้ โดนปล้น รถชน ช่วยตำรวจจับคนร้ายอีกอะ (ค่อยเล่า เมื่อถึงช่วงนั้นนะครับ )
แต่ก็ยังอยู่ยังขับอยู่ได้ เพื่อให้ได้มาพบกับสภาพส้วมๆ แบบที่เขียนเป็นกลอน ข้างบนไงครับ
ว่าก็ว่านะ ที่จะเป็นเรื่องมาเล่าให้คุณฟังมากๆ ได้นี่ ไม่มีเรื่องไหนมากเท่ากับการ พบเจอผู้โดยสารที่หลายแบบหลายแนว ที่มาขี้ เอ้ย มานั่งรถผม
ที่มาขี้จริงๆ ขี้สดๆ ก็มีเรื่องเดียวอะ
ยังจำได้ไหม ถึงไอ้เห้ ตัวหนึ่ง ที่ฉีดน้ำหอมกลบกลิ่นแล้วขี้ใส่รถนะ
นึกมาทีไรเจ็บๆๆๆใจอะ
ผมเอาเรื่องนี้ไปเล่าเพื่อนๆ มันเอาเป็นจุดสนุกมุขระเบิดไปเลย
ก็ผู้โดยสารไอ้กัน ไอ้ดำ ไอ้ขาว ไอ้โก้ เฮียจีน พี่ปินส์ คุณไทย มันก็มาหลายแบบจริงๆ นิครับ
ทั้งแบบดีที่สุด เหมือนว่าดีได้ขนาด มาขึ้นรถผมแล้วดีจนผมน่าให้เงินเขาแทนที่จะคิดเงินเขาหละ
ไปจนถึงเลว จนน่าจะขับชนตอนที่มันโบกมือเรียกรถแล้ว กรูไม่น่ารับมันให้เป็นเรื่องเล้ย น่าจะปล่อยให้ไอ้บังคันหลังรับไปดีกว่านิ …….
เอาละ เกริ่นมาพอสมควรแล้ว ไปอ่านวิธีการเขียนมาเขาว่าไม่ต้องยาวมาก ก็เริ่มเรื่องได้แล้ว ( ดูมันท่าสนใจจะเอาจริงกับงานเขียนแล้วมั้ง)

วันหนึ่งในฤดูหนาว คงเรื่องแรกที่ผมเปิดฉากด้วยสภาพอากาศเมืองหนาว
วันนั้นอากาศหนาวเท่าจะหนาวได้ในเมืองหนาวต้นมกรา ใบไม้ยอดหญ้าพราวขาวด้วยปุยหิมะ ฟ้าใสสีสวยแม้จะแลหม่นไปกับเมฆขรึมทมึนหมอง
อย่าไปเชื่อเลยนะครับ หากใครมันบรรยายแบบข้างบนนี้ มันไม่มีใบไม้และยอดหญ้าเลย อะ มีแต่ต้นใบโกร๋น
หน้าหนาวไอ้ต้นไหนๆ ไม่มีปัญญาทำให้เกิดโรแมนติกตามภาพได้หรอก
ฟ้าใสสีสวยก็ไม่ค่อยได้เห็นหรอก
ผมเคยเขียนกลอนหน้าหนาวไปลงในเวปหนึ่งอะ บรรยายเพราะกลอนพาไปให้อ่านแล้วดูเหงาเศร้านะ
แต่พอมาคิดถึงความจริงแล้ว ก็เขินๆ นะ น้องสาวคนอ่านคนหนึง ถึงกับเก็บเอาเป็นวรรคทองไว้อวดเพื่อนๆแก เพี้ยง ขออย่าให้แกมาเห็นของจริงในเมกาเล้ย

เอาละ เริ่มจริงๆนะ
เช้าวันนั้นผมรับไอ้หนุ่มผมทองในชุดสูททรีพีสส์ ถือกระเป๋าเอกสาร ท่าทางหน้าตาก็ดูดีมีการศึกษา คงไปทำงานที่ออฟฟิสนะ เพราะช่วงเช้านั้น เป็นช่วง RUSHอยู่ด้วย

“Hi,Good morning ..sir..,where to?”
เสียงบอกจากลูกค้าบอกว่า…
”36th.and Fifth…and you just shut up your f..cking mouth.”
อ้าว ไหงเป็นงั้นละ อากาศก็ไม่ร้อน ผมก็เพิ่งออกรถไม่นานเท่าไร อารมณ์ยังแจ่มใสในตอนเช้า ทำไมเอาปากหมาๆมาเล่นผมงี้ละ
ด่าแบบไม่มีกติกานี่ คนดีไม่ทำนิ เออ เราอุตส่าห์เรียก SIR ให้เกียรติด้วยอีก
ก็เรียกเอาเลือดที่ค่อนข้างจะSENSITIVE เรื่องนี้ เป็นทุนอยู่แล้วของผม ให้พล่านมาในบัดดล
“Hey,what’s matter with you,What ‘s wrong?”
ไอ้หนุ่มก็ว่า
“Just drive and shut up “
ผมคิดว่าหากขืนขับต่อไป ผมคงทนไอ้หมอนี่ไม่ได้กว่านี้แน๋ เลยจอดข้างถนน แล้ว บอกมัน
“Get the f..ck out of my cab”
มันตอบมาว่า
“This’s not China”
มันไม่ยอมลงนะครับ ผมบอกว่า
”You’re harrassing me,I ‘ll call a police”

โห นี่มันไรกัน ทำไมฟ้าส่งกรูให้มาอยู่ถึงเมกา แล้วไม่ให้ไอ้เห้นี่ไปอยู่นิวกินี ปาปัวหว่า
กรุไปทำไรมรึงเหรอ
ผมพยายามระงับอารมณ์นะ
สันดานเลือดร้อนที่ไม่ยอมให้ใครมาฟักแอส ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว
กลัวตัวเองเหมือนกันว่าจะไปทำร้ายมันเข้า หากมันยังยั่วผมอยู่
เพราะกฎหมายที่เมกานี่ ปากหมาไม่เท่าไรมือไวนี่สำคัญ เกิดไปต่อยมัน มันเอาตายแน่ มันฟ้อง มันซู แทกซี่รวมประกันนี่ เอาไม่อยู่หรอก
ผมบอกตัวเองนะ ใจเย็นๆ อย่าไปทำไรปล่อยให้มันตายมันเอง
แล้วก็ลงไปโทรเรียก911 ที่ตู้โทรศัพท์ใกล้ๆแถวนั้น ระหว่างที่คอยอยู่นะ ผมได้ยินเสียง
“เปรี้ยงๆ” !!!
และตามด้วยเสียงเหมือนกระจกแตกถี่ๆ
ผมหันไปดูที่รถแทกซี่ ที่จอดห่างพอสมควร
ทีนี้ผมเห็นไอ้เห้ผู้โดยสารหมอนั่น ลงจากรถแล้ววิ่งไปทางหน้ารถ
ผมต้องโยนหูฟังโทรศัพท์ แล้วรีบวิ่งไปที่รถ โอย อะไรกันนี่
กระจกด้านข้างแถวหลังด้านผู้โดยสารทางขวาแตกกระจาย เป็นเศษเล็กเศษน้อย
ผมแค่เห็นแต่ไม่อยู่ดูไรนานนัก
เห็นไอ้เห้นั้นยังอยู่ในสายตา ก็วิ่งตามมันไป คนที่เดินพลุกพล่านแถวนั้นก็หยุดดู
ผมตามไอ้เห้มาได้ใกล้แล้วละ จะต้องทันมันแน่
มันหันมาดูเห็นผมวิ่งตามด้วย
ถนนตอนช่วงถนน 34th เป็นถนนสองทางจากฝั่ง westไป east
ไอ้นั่นกำลังวิ่งแรงเร็วหนีผม
แล้ว มันก็ตัดสินใจวิ่งข้ามถนนโดยไม่ได้สนใจไฝ่ดูรถยนตร์ที่ผ่านไปมาเลย

แล้วผมก็ได้เห็นภาพจากเสียงที่นำด้วยเสียง ไม่ใช่โครม ไม่ใช่ปัง แต่เป็นเสียงโลหะหนักเคลื่อนที่ได้กระทบกับเสียงทึบๆ ของร่างมนุษย์เสียงบอกเป็นภาษาเขียนยากครับ เหมือน ปุป หรือ ปึก หรือ เปาะ นะ แต่ดังและหนักกว่ามาก ตามด้วยเสียงเบรกของรถ กว่าหนึ่งคัน
แล้วเสียงหวีด เสียงตกใจของผู้คน
เสียง Oh.My God
ผมอึ้งไปชั่วขณะ มึนๆนะครับ
ความรู้สึกแรก ที่พอเห็นภาพและรู้ว่า รถชนคน และคนๆ นั้นคือ ไอ้คนที่ผมวิ่งไล่อยู่ มันวิ่งหนี
สิ่งที่ผมโดนมันทำก็คิดสะใจ สมน้ำหน้าในเบื้องต้น
แต่เมื่อผมเดินไปที่จุดเกิดเหตุ เห็นเลือด เห็นร่างที่นอนนิ่งของมัน
ผมต้องเปลี่ยนความรู้สึกไปเลย
คงไม่รอดครับ ถูกชนกระชั้นชิดอย่างแรงมากๆ
สักพัก รถตำรวจ รถพยาบาลก็มาถึง
คนขับที่ชนเป็นผู้หญิงสาวผิวดำ นั่งคอตกกับพวงมาลัยหน้ารถ
แกคงขาดสติไปชั่วขณะนะ ยังไม่ลงจากรถเลย
ผมยังยืนดูเหตุการณ์อยู่นะ ไม่อยากหลบไปก่อน เผื่อมีคนรู้เห็นว่าคนถูกรถชนมีสาเหตุมาจากไหน ผมจะได้บอกตำรวจได้
ความผิดผมหากจะมีก็ไม่ถึงกับต้องกังวลกับกฎหมายไรมากหรอก
เอาความจริงมาพูด ความถูกต้องเจตนาก็มาเอง
หลังจากนั้นสักครู่ เจ้าหน้าที่ก็เอาผ้าขาวคลุมร่างทั้งหน้าตา เนื้อตัว
เขาตายแล้วครับ
คนคนนั้น คนที่ผมไม่เคยรู้จัก ไม่เคยทำไรให้
แต่ได้ทำกับผมก่อนเอง
ทำไมนะ ผมประกอบการอาชีพของผมอยู่ดีๆ
แล้วทันใด ก็เกิดอะไรแย่ๆขึ้นให้ผมได้พานพบ

ภาพที่ติดตา ภาพที่เห็นร่างกายมนุษย์เป็นๆมีเลือดเนื้อ ชีวิตจิตใจ กระแทกกับรถนั้น
ภาพเลือดไหลนองและหน้าตาก่อนเขาจะห่อร่าง ทำให้ผมหดหู่ใจ จนไม่อาจขับรถต่อไปได้
วันนั้นก็กลับบ้าน เรื่องกระจกแตก ค่อยซ่อมมันทีหลัง
จะนอนก็นอนไม่หลับด้วย มันหลอนด้วยคำถามที่ตอบตัวเองไม่ได้ว่า นี่เราก็มีส่วนฆ่าคนทางอ้อมด้วยใช่ไหม
กับสัตว์กับหมาตัวหนึ่ง ที่เราเห็นบ่อยๆ ถูกรถทับตาย เรายังรู้สึกสลดเลย
นี่คนๆหนึ่ง ชีวิตชีวิตหนึ่งนะ
เพื่อให้ตัวเองได้รู้สึกดีขึ้น
ผมชวนเมียผมไปวัดไทยที่นี่
แล้วทำบุญ สังฆทาน และกล่าวอโหสิกับคนตาย
จำบทแผ่เมตตา ตอนหนึ่งได้ ฟังแล้ว รู้สึกรักและเห็นค่าในความเป็นคนมากขึ้นเลย

“ สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่ เจ็บตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย”




 

Create Date : 11 สิงหาคม 2548    
Last Update : 21 สิงหาคม 2548 14:22:11 น.
Counter : 708 Pageviews.  

15-แทกซี่คนซื่อ-ซื่อมา๊กๆ

เรื่องเล่าแทกซี่ นิวยอร์ก 12
ตอน แทกซี่คนซื่อ อือม์ ซื่อจริงๆ

เมื่อหลายปีมาแล้ว ที่เมืองไทยมีข่าวแทกซี่ตัวแสบ ที่ชื่อ สมพงษ์ เลือดทหาร ที่ทหารดีๆ เขาบอกให้เปลี่ยนนามสกุล เป็นเลือดกระล่อนไปเลย อย่าเอาเลือดทหารมาใช้อีก
หากยังจำกันได้ คงรู้เรื่องที่มาที่ไปกันดีนะครับ นายนั่นแกแสบกว่าซีม่า อนิจจาทิงเจอร์ จริงๆนิ แกทำให้คนทั้งประเทศเชื่อได้ บ้างก็ยกให้เป็นแทกซี่แสนซื่อ
เป็นฮีโร่ไปเลย ผู้หลักผู้ใหญ่ปราดเข้าไปเล่นด้วย ผลก็คือโดนนายแสบสมพงษ์ ทำเอาแสบสันต์ไปเลย
ก็ทั้งน่าขำทั้งน่าสมน้ำหน้าด้วยอะ คนอาไร หลอกกันได้หน้าตาย แต่งเรื่องได้เป็นตุเป็นตะ
แล้วคนที่แรกๆ เชื่อแกนะ ก็ไม่ได้ คิดก่อนให้เข้าถึงกับเหตุผลประกอบเลย
คนเจอเช็กราคาเป็นล้านนั้น จะคืนหรือไม่คืน ก็ไม่ทำให้เจ้าของเช็กเดือดร้อนไรมากหรอก แค่อายัดเช็ก ก็หมดค่าหมดราคาแล้ว
ผมได้ดูเทปรายการเจาะใจและจากข่าว เห็นหน้าตาและคำพูดแกแล้ว ต้องชมว่าแกแสดงได้เก่งมาก แกตอบไรได้คล่อง แม้จะไม่เข้าประเด็น จนเขาจับโกหกได้ทีหลัง
ผมว่าการที่แกคิดไอเดียเรื่องนี้ขึ้นมานะ ก็เพราะแกคิดไรไปตลอดขณะขับรถหรือ ว่างๆนะ
คนเราตอนขับรถ หากไม่ฟังเพลง ปล่อยอารมณ์ไปเรื่อย ก็อาจเกิดความคิด ความรู้สึก อยากทำโน่นทำนี่ เป็นโน่นเป็นนี่
ผมนี่ตอนขับรถยังคิดเลย เมื่อไรนะจะได้อยู่กินกับอั้มหลัง จากแกเลิกเล่นละคร หุหุหุ คิดไกลแบบนี้ จะบ้าเอานิ

ยิ่งนายสมพงษ์นั่น แก ฟังข่าว จากรายการ ร่วมด้วยช่วยกัน อาจได้ยินข่าว คนดี คนซื่อ ที่ได้ทำคุณความดี ช่วยผู้อื่นคนทำดีนั้น ก็แค่คนชั้นหาเช้ากินค่ำ ตรากตรำลำบาก แกเลยเกิดไอเดีย อยากให้คนทั้งโลกยกย่องแก ในความเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่มักได้ เผลอๆ อาจมีชื่อเสียงกระฉ่อนเมืองแค่เวลาข้ามคืน อยากดังก็ได้ดังจริงๆ สมอยาก
อีกอย่างผมว่าแกคงเบื่ออาชีพขับแทกซี่มากด้วยละ วันๆเจอแต่คนๆๆๆๆ หลายหลาก ต้องปวดหัวกับการจราจร และต้องเสี่ยงๆกับตัวเอง เรื่องความปลอดภัยเข้าไปอีก

คิดๆๆๆเลย เฮ้อ ง่ายดี เอางี้ดีกว่า หลอกคน แต่งเรื่องขึ้นมาเองดูถิ ไม่รู้ตอนนี้พ้นโทษออกมารึยังครับ

ที่นิวยอร์กไม่นานมานี้ หนังสือพิมพ์ลงข่าว แทกซี่คนดี เอาเงินสดๆ 8,000$ ส่งคืนผู้โดยสารที่ลืมไว้ในแทกซี่
คนขับเป็นแขกด้วยนิ ผมยังนึกชมด้วยเลยว่า ไอ้หมอนี่ดีจริงๆ ของแท้
แขกแบบๆพระรามก็มีนะไม่ใช่จะหัวใจทศกัณฑ์กันหมดเคยด่าพวกแขกไว้ว่าขี้โกง ก็ต้องคิดใหม่เขียนใหม่ว่า พวกแขกดีๆก็มีนะจ๊ะ ฉานขอโทษนะอาบัง นายยอดมาก
คนขับคนดีนี้ให้สัมภาษณ์ว่า ที่คืนให้เพราะสงสารเจ้าของ และไม่คิดอยากได้ของที่ไม่ใช่ของตัว
ผมว่าระหว่างนั้น ผมหมายถึงช่วงที่แกเจอเงินสดนะ ความรู้สึกหลายอย่างคงประดังเข้ามานะ
เอาดีไหมหวะ เงินสดยังงี้ หายากนะที่จะเจอได้ แปดพันเหรียญนี่ไม่น้อยนะ อาจจ่ายค่าคอลเลจจ์ลูกคนโตได้เกือบปีแนะ
ผู้โดยสารที่ลืมเงินนั้นเป็นคนจีนแก่ๆ สองผัวเมีย แกก็ท่าทางคนดีนี่นา ทิปอีกด้วย ไม่พูดไรมากหรือจู้จี้ และก็ไม่ได้ขอใบเสร็จค่าโดยสารให้เป็นหลักฐาน เพื่อสืบหาซะอีก

หลังจากแกไปคิดแล้วคิดอีก ปรึกษากับเมีย ก็เอาส่งมอบให้ตำรวจ จนสืบหาเจ้าของเงินในที่สุด
คนขับใจสะอาดคนนี้ ได้รางวัลจากเจ้าของเงิน ไปห้าร้อยเหรียญ
แต่ก็ได้คำชม จากคนที่อ่านข่าว ฟังข่าว เป็นที่รู้จักกันไปทั้งนิวยอร์ก ลบภาพพจน์ด้านไม่ดีของแทกซี่นิวยอร์กไปได้มาก
ทำให้ผู้คนเชื่อว่า แทกซี่ดีๆก็ยังมีนะ
ผมก็ต้องขอคารวะกับคนขับดีๆคนนี้
มิสเตอร์ บัง ยู อาร์ เดอะ เบสท์ โอ่เข
นี่หากเป็นผมเจอแบบนั้น ก็คงต้องคิดมากเหมือนกันอะ ในฐานมนุษย์ขี้เหม็นธรรมดา
เอาหรือไม่เอาก็ยังไม่รู้เลย คงต้องเอาเรื่องอื่นและนิสัยผู้โดยสารมาประกอบ และเข้าข้างตัวเองถึงช่วงความอยู่รอดในชีวิตตัวเองช่วงนั้นด้วยกระมัง
ผมก็เคยนะครับ ที่ได้ทำความดีแบบนี้
เพราะแทกซี่นี้ จะเป็นที่สะสมสมบัติของหาย ของลืมจากผู้โดยสาร ทั้งเงินทอง ทั้งเครื่องประดับ อุปกรณ์อีเล็กโทรนิก กล้องถ่ายรูป (โทรศัพท์มือถือ ตอนนั้นยังไม่มีกันเกร่อ)

ส่วนมากผมก็ส่งคืนนะครับ
อีกอย่างผมติดนิสัยจะฉีกใบเสร็จค่าโดยสารทันที ที่มีเตอร์บอกราคาสุดท้าย ไม่ทันให้ผู้โดยสารขอก่อน
ไอ้ใบเสร็จนี้ จะเป็นหลักฐานสืบหารถแทกซี่ และคนขับได้ทีหลัง มันก็เหมือนป้องกันการจะทำไรไม่ดีไปในตัวด้วยครับ
หากคุณๆ จะมานิวยอร์กเกิดต้องนั่งแทกซี่ พอจ่ายเงินแล้ว ให้ขอใบเสร็จด้วยนะครับ มันจะช่วยเราได้มาก หากเราเกิดลืมของไว้ในแทกซี่

ผมเคยรับสองผัวเมียวัยสูงอายุไปส่งสนามบิน LA GUARDIA
ขณะที่ขับรถแกสองคนนี้ ชวนผมคุยด้วย อย่างดี พูดจาสุภาพ และหน้าตาเป็นแบบคนใจดีนะครับ ใช้สรรพนาม Sir กับผมด้วย เหมือนให้เกียรติที่ผมก็เรียกแก Sir ,Maam ก่อน
ผมส่งแกลงรถแกทิปผมตั้งแปดเหรียญ ก็ค่าโดยสารออกมาแค่15$ เอง ตอนนั้น ยังถูกอยู่
ผมก็ยกกระเป๋าเดินทางให้ เดินไปส่งด้วยมือกับคนรับเข็นกระเป๋า Porter เลย อวยพรแกให้เดินทางปลอดภัย
แกจะบินไปเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งของOHIO ครับ
หลังจากนั้นผมไปจอดรอคิวที่ taxi lot ในสนามบินนั้น

โอย คอยนานครับวันนั้น รถแทกซี่มาก ไม่เคลื่อนคิวเลย ผมก็นั่งหลับไปเกือบชั่วโมง
แล้วก็มาเช็ดรถ ปัดขยะ พื้นรถ เบาะนั่ง
เลยไปเจอกระเป๋าเงินใบหนึ่งของผู้โดยสาร ที่ผมเพิ่งส่งและลาแกสักชั่วโมงก่อนนี้
เปิดดูมีเงินสด หกร้อยกว่าเหรียญ และบัตร์สำคัญต่างๆ เครดิท คาร์ด
และที่สำคัญบัตร์ไอดีของผู้โดยสาร แกเป็นหมอครับ มีที่อยู่และ โทรศัพท์พร้อมหมด
ผมจะไปคืนเจ้าของตอนนี้ก็สายไป เครื่องบินออกไปแล้ว

อะ อะอะ ผมไม่เอาหรอก
คืนนั้นผมกลับบ้านก็โทรทางไกลไป OHIO บอก คุณหมอคนนั้น ว่าผมเจอของๆ แก และจะส่งไปให้ทางปณ.วันรุ่งขึ้น
โห แกดีใจและ ชมผมมากจนผมปลื้มใจที่ได้ทำไรดีๆ
คุณหมอ บอกให้ผมเอาเงินสดออกสามร้อยเหรียญเป็นของรางวัล
ผมบอกแกว่าไม่เอา
พอรุ่งขึ้นก็เอาเงินทั้งหมด หกร้อยกว่าไปซื้อ MONEY ORDER ครบตามจำนวน
แล้วส่งให้ไปแกที่ OHIO
เมื่อแกได้รับก็เขียนตอบขอบใจผมมา และส่งเช็กมาให้ผมสามร้อยเหรียญ
พร้อมบอกให้ผมไปเที่ยวที่บ้านของแก แกจะออกค่าใช้จ่ายให้หมดทั้งภรรยาผมด้วย (สองที่นั่ง )
แต่ผมก็ไม่ได้ไปครับ ก็รับเงินของขวัญนั้นไว้
และทุกปี วันคริสมาส แกจะโทรศัพท์ม าMERRY CHRISTMAS กับครอบครัวผม
ผมก็ส่งข่าวแกไปเรื่อยๆนะ เหมือนเป็นแฟมมิลี่สนิทกันโดยไม่คาดคิด..............
คนดีนี่นะ ผมชอบคนดี บอกแล้วไง
...........................................

ก็เป็นเรื่องเล่าดีๆธรรมดาครับ ไม่มีไรให้ตื่นเต้น นอกจากเมื่อนึกถึงในบางครั้ง ก็บวกลบคูณหารถึงสิ่งที่ทำไปทั้งทางดีและไม่ดี
ก็ไม่ถึงด่าตัวเองว่าเลวคนเกินไป

......................งั้นเอาอีกรายนะ รายนี้ ค่อยบอกละกันว่าจะจบยังไง...........แต่นแต้น.....

คืนนั้นผมรับผู้โดยสารสามคนนะครับ
เป็นนักท่องเที่ยว ชาวฝรั่งเศส รู้ได้ก็เพราะฟังเสียงคูหมั่นตาลีวูร์ ฟรองๆ แบร์ๆๆไรแบบนี้
ภาษานี่ฟังเพราะและน่าทึ่งดีนะ หากคนที่ไม่ใช่ชาวหรั่งเศษแล้วพูดได้ เก่งจังเลย
สำหรับผม แค่แคทลียา อิงลิช ยังเอาตัวไม่รอด ลืมไปเลย เซ็งรูลอง ฟรางเซ่ ชองอลีซุ่ย ถุ้ยอลิเซ่
ผมรับจากดาวน์ทาวน์น์ใกล้ตึก WORLD TRADE CENTER ก่อนถูกถล่ม (สักวันผมจะเล่าเหตุการณ์ วันถูกถล่ม ครับ)

สามคนนั่นค่อนข้างจะเมานะ พอขึ้นรถมาก็พูดจาหยาบคายเป็นอังกฤษ เพื่อให้ผมฟังด้วย
บอกให้ไปส่งอัพทาวน์แถว ถนน EAST 72 STREET
ผมกดมีเตอร์แล้วขึ้นทางด่วน FDR ทาง EAST RIVER
ทางนี้กลางคืน ไปได้เร็วมาก แค่สิบห้านาทีก็ถึง
พอรถขับเร็วมีเตอร์มันก็ต้องเร็วตาม ใช่ปะคับ
ท่านฟรั่งเซ่ทั้งสาม ก็ว่าผมโกงมีเตอร์
ด่าว่าหยาบๆ ผมก็ทนบอกมัน ( เริ่มใช้คำว่ามันแล้ว) และไม่อยากไปตอแยให้เรื่องมาก เดี๋ยวก็ถึงแล้ว
และคืนนี้ผมนัดกับเพื่อนไว้จะไปนั่งฟังเพลงไทยร้านไทยร้านหนึ่ง ที่มีนักร้องเสียงเพราะเหมือน สวลี ร้องประจำ คืนวันศุกร์ เสาร์
ไอ้เศษสาม ส่วนสัด.... ก็ยังด่าผมต่อ
เอ วันนี้ทำไมผมทนไรได้ดีจัง
พอถึงที่หมายค่าโดยสารบอกราคา 11 เหรียญเป๊ะพอดี

ไอ้หมอหนึ่งในพวกหมอนั่น ก็โยนเงินให้เหมือนปามาเลย ที่เบาะหน้า แล้วว่า....
ยู ก๊อด โน ฟักกิ้งทิป บัสตารท ฟัก.ยู....

ผมก็โอเค ไม่กล่าวไรตอบ
วันนี้นึกไม่ออกว่าทำไมใจเย็นได้หวะ
แล้วก็ออกรถหลังจากที่ไอ้พวกนั้นลงไปแล้ว
มือก็ไปหยิบเงินที่เบาะข้างๆที่มันโยนใส่
อุ้ย พระเจ้าจอร์จ นั่นมันแบงค์ร้อยกับแบงค์บาท 101$

มันว่าไม่ทิปไอ้บัสตาร์ทอย่างเรา แต่นี่มันทิปตั้งเก้าสิบเหรียญนะ
หุหุหุ ผมรีบจอดรถลงไปสำรวจเบาะหลัง
อ้าว พระเจ้าอีกองค์ จอร์จเอ้ย นี่กระเป๋าเงินท่านประทานมาให้ด้วย แถ่งกิ๊ว แถ่งกิ๊ว
ผมเปิดนับเงินดู เป็นปึกเลย นับได้ 784 เหรียญ.................แต่.......................


" การเอาของคนอื่นมาเป็นของตัวไม่ดี
พอใจเท่าที่เรามีอยู่
เป็นคนต้องซื่อสัตย์
จนก็ไม่เอาของคนอื่นมาเป็นของตัว
เงินแค่นี้แลกกับใจที่ปิติไม่ได้หรอก
บาปนะเอาของเขา
น่าสงสารเขาอุตส่าห์หามา"
.........................
ทั้งหมดข้างบนนะ ไม่ได้ช่วยผมได้เลย
ผมเอาครับ ไม่ต้องคิดเลย
หากผมไม่เอานี่สิ จะต้องมาตอบคำถามคุณๆใครๆอีกมากเลย
เช่นว่า เป็นหลานคนสุดท้องพระพุทธเจ้าหรือนายนี่
นายแกล้งโง่หรือเปล่า
นายดีแบบนี้ ท่าจะคบไม่ได้แล้ว เกินคนธรรมดาไป
งี่เงาจังเลย ไอ้บ้ายอ อยากให้คนชมใช่ไม๊ละ
โอ้ย ผมไม่ถึงกับดีเกินมนุษย์ ไปทุกเรื่องหรอกครับ
ก็สามัญสำนึกธรรมดานี่เองอะ
มีอยากได้ อยากให้ อยากสะใจ อยากแก้แค้น
อยากเสียสละ อยากเอาตัวรอด มีหมดละครับ
ยกเว้นบ้าง ก็กับคนที่ผมว่าคนดี ที่ดีจริงๆ จากสายตาผม ผมจะทำไรดีๆ ก็จากใจจริงๆ
หากจะร้ายบ้าง ไอ้คนนั้นก็คงไม่ดีพอที่ผมจะดีด้วย
คุณจะว่าผมเรื่องนี้ ผมก็ยอมให้ว่าละครับ
เย้ เย้ แปดร้อยเจ็ดสิบสี่เหรียญ จากคนปากห.ม..าๆ
แถ่งกิ๊ว แถ่งกิ๊ว สมน้ำหน้า ด้วย

ดูเหมือนว่าคนที่ร้ายกับผมนี่ มีแต่เสียนะ
ไม่หรอก มีอีก ที่ผมโดนแสบๆ
คืนนั้น ผมเลิกขับ ตั้งแต่ได้แจ้กพอท จากไอ้ฟรั่งเซ่สามตัวนั้นแล้ว
ผมเจอเพื่อนๆ ที่นัดกันไว้ว่าจะไปกินไปฟังเพลง
ผมเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ทำท่าประกอบ แหงนหน้าไปบนฟ้า แล้วทำหลิ่วตา ยักไหล่
เหมือนบอกเบื้องบนว่า แถ่งกิ๊วอีกครั้ง
เพื่อนๆ มันหัวเราะกันใหญ่ ว่าสะใจดีแล้วละ สมน้ำหน้า
แล้วเราก็เปลี่ยนแผนจากไปฟังเพลง
เป็นไป Atlantic Cityแทน คือไปบ่อนคาสิโนนะครับ
ขับรถแค่สองชั่วโมง ไปกันห้าคน ก็ไปด้วยรถเหลืองแทกซี่นี่แหละ
เราแยกย้ายกันไปเล่น บ้างแบ้กคาร่า บ้างแบลกแจ๊ก
ผมก็เล่นแบลกแจ้กอะ มีทุนฟรีส่งโดยคุณฝรั่งเศส ตั้งแปดร้อยกว่า
จนเกือบรุ่งเช้า เราจึงกลับเข้านิวยอร์ก
ผลการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ของบ่อนและฝ่ายเรา มีดังนี้ ฝ่ายเราบาดเจ็บสาหัสทั้งห้านาย
แม้หิวกาแฟตามทางก็มีเงินแค่ซื้อได้แก้วเดียว มาแบ่งกินกัน
ดีที่มีคาร์ดเติมน้ำมัน ไม่งั้นตาย
ผมเสียไอ้แปดร้อยกว่านั่น บวกกับเงินที่ขับมาทั้งวันอีกสองร้อยสี่สิบเหรียญ
เฮ้อ เงินที่เอาเขามานี่ไม่ดีจริงอะ ไม่สร้างดอกออกผลเลย

หลังจากที่นอนพักเอาแรงแล้ว ผมต้องลุยขับสองกะเลยนิ ไม่งั้นไม่พอค่าเช่าป้าย
หากคุณๆ จะออกมาแสดงความคิดเห็นตอนนี้
ช่วยระบุหน่อยครับ ว่าคุณจะสมน้ำหน้าใคร ไอ้ฝรั่งเศส นั่น หรือ ผมกันแน่
..........................................................................
..............ขอบคุณที่มาอ่าน ทุกคนครับ ขอให้โชคดี น้องๆ นักเรียนทั้งนอกทั้งใน ขอให้พบความสำเร็จครับ

สวัสดี....................




 

Create Date : 11 สิงหาคม 2548    
Last Update : 21 สิงหาคม 2548 13:42:49 น.
Counter : 785 Pageviews.  

14-แทกซี่นักมวย -หุหุ มวยไทย

เรื่องเล่าแทกซี่นิวยอร์ก
ตอน..มวยไทย...แทกซี่นักมวย..

เมื่อไม่นานมานี้ ภาพยนต์เรื่อง องค์บาก มาฉายที่ นิวยอร์ก และทุกรัฐในเมกา ผมก็ได้ไปดูไปดูรอบแรกซะด้วย
ผมชอบหนังเรื่องนี้มากครับ โดยเฉพาะพระเอก จา พนม หรือ TONY JA นี่สุดยอดเลยครับ ผมเห็นคนดูในโรงท่าทางจะสนุกกับหนังเรื่องนี้ และสะใจแบบมันส์สุดๆ กับศิลปมวยไทย หรือบทแอกชั่นของหนัง ดูสนุกจริงๆ แบบพอหนังจบคนดูปรบมือให้ด้วยอะนะ
ผมก็ไปเที่ยวแนะนำเพื่อนๆฝรั่งขาวดำโก้ ให้ไปดูกัน คืออยากอวดนะ ว่าพระเอกในเรื่องนะใช้ศิลป MUAY THAI ซึ่งก็ค่อนข้างจะเป็นที่รู้จักกันมากพอสมควรแล้วครับ

หลายปีก่อน ESPN ก็เอาเทปการชกมวยไทย จากเวที ลุมพินี หรือราชดำเนิน มาออกอากาศประจำทุกสัปดาห์ เป็นรายการที่ส่งเสริมมวยไทย ให้ฝรั่งมังค่าได้รู้จักกันบ้างนะ
ที่เมกาก็มียิมรับสอนมวยไทย หลายแห่งเหมือนกัน คนสอนก็ไปเรียนโดยตรงมาจากค่ายดังต่างๆ ที่เมืองไทย ก็มีคนไปเรียนกันมากเชียวแหละ
ไอ้ที่เก่งๆก็ได้ขึ้นชกในรายการ คิกบ๊อกซิ่งซึ่งจะมีจัดประจำทั่วเมกา ดูลีลาก็ไม่เบานะฝรั่งต่อยมวยไทย แม้บางที ท่าเตะจะดูเก้งก้างไปบ้าง แต่ลำหักลำโค่น มันแข็งตันกว่านักมวยบ้านเรา

คือฝรั่งนี่ หากเขาชอบในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ เขาจะรักและเอาจริงกับมันแบบทุ่มตัวเลย ไม่เหลาะแหละ การฝึกมวยไทย เขาจะอดทนฝึกซ้อมอย่างเอาจริงเอาจัง อยากไปให้ถึงจุดที่ไฝ่ฝัน
หากเทียบรูปร่างความสมบูรณ์ ความฟิตแล้ว ฝรั่งจะได้เปรียบนักมวยไทยมาก เตะเข่า ฟันศอก อาจสู้ไทยเราไม่ได้ แต่มักสวนเอาด้วยหมัดหนักๆน้อค นักมวยไทยไป ก็เห็นมามากอะ
ที่ทางยุโรป เช่น ฝรั่งเศสฮอลแลนด์ ก็มีนักมวยฝรั่งต่อยมวยไทยเก่งๆเป็นถึงแชมป์และปราบแชมป์ของไทยเรา ร่วงมาหลายหลาย ที่แฟนมวยๆคงทราบกันดี
บางครั้งความเป็นชาตินิยม เราก็อยากให้มวยไทยของเรา นักมวยไทยเรา สอนเชิงมวยแบบสะๆใจ เช่น เตะก้านคอ หรือชายโครงให้มันเอนด้วยเท้าซ้าย แล้วเตะพยุงด้วยเท้าขวาอย่าให้มันล้ม สลับไปมาซ้ายขวา แบบมวยไทยรุ่นเก่าๆ ที่ผมเคยได้มีโอกาสดูมาบ้าง เช่น อดีตยอดมวยไทย อภิเดช ศิษย์หิรัญ อดุลย์ ศรีโสธร แดนชัย ยนตรกิจ

คือ สมัยผมเป็นเด็ก ต่างจังหวัด ก็สนใจเรื่องหมัดมวย กับเขาด้วย ชอบดูมวยและติดตาม ข่าวคราวการชกมวยไทยตลอด
และก็ถึงกับไปลองเข้าค่ายฝึกด้วยนะ แต่ไม่ใช่ คิดจะเอาดีบนเวทีไรหรอกครับ หุ่นไม่ให้แต่ใจรักอะนะ ก็เรียนรู้เบสิก เตะเข่าได้ไม่เก้งก้างเกินไป
และก็ได้เคยต่อยนอกเวทีกับเด็กรุ่นเดียวกัน บนลานวัดหลังโบสถ์ แบบแก้งค์ใครแก้งค์มัน ท้ากันไม่ได้ต่อยกันหลายครั้งด้วยหละ ไม่อยากคุย ผมน้อกมันมาหมดนะหากมันมาอ่านก็คงรู้ว่าเป็นผม มันรู้กันว่าผมอยู่เมกาด้วย พอโตก็เป็นเพื่อนกันหมดละ

เมื่อผมมาเมกาใหม่ๆ เป็นนักเรียนก็เคยมีเรื่องชกต่อยกับนักเรียนต่างชาติเหมือนกัน ก็แรงยุจากรุ่นพี่ และความที่บ้าอี่โก้อี่เก้เองด้วย
คือวันหยุดเรียนเสาร์ อาทิตย์ ผมได้งานแบกถาดเป็นบัสบอยที่รีสอร์ทหรูแถว UPSTATE NEW YORK ก็ได้รุ่นพี่ๆ ฝากงานให้ ก็เรียกว่า เงินดี ได้เป็นค่าใช้จ่ายค่าเรียน ค่าเช่าบ้านดีเชียวละ ก็ต้องนั่งรถบัสเกรย์ฮาวน์ไป 4ชั่วโมง

ผมไปทะเลาะกับนักเรียนชาวอิหร่านที่มาทำงานแบบผมนี่ละ เรื่องจากหมั่นใส้อยู่ก่อนทั้งผมและมันไอ้มามุดส์แล้วนะ วันเกิดเรื่องก็จากแย่งซิลเวอร์แวร์ ภาชนะช้อนซ่อมสำหรับจัดเลี้ยงนี่แหละ
ผมจำได้ มันแอบขโมยไปเก็บไว้ไม่ไปจัดการหาเอาเอง ก็เกิดเถียงกันด้วยภาษาอังกฤษ ที่ผมว่า คงยังอ่อนกันอยู่มากสำหรับผมและมัน
แต่ไม่รู้ละ ภาษาศักดฺ์ศรี อ่านกันง่ายกว่า และด้วยแรงยุจากพี่ๆ ด้วยนะ ผมท้ามันไปต่อยข้างนอก ลืมไปเลยเรื่องกฏที่ทำงานและการอาจตกงาน
มันคงคิดเอาว่าผมคงทำท้าไปงั้นแหละ มันเลยชกผมก่อน โดนปากผมจังใหญ่
โอ้ย เลือดนักมวยบ้านนอกออกแล้ว วิญญานนายขนมลา ที่เป็นชื่อเรียกเล่นๆที่เราเคยเรียกคนสอนมวยให้เมื่อตอนเป็นเด็ก บอกให้ สู้ว้อยๆๆ
ผมก็ เฮ้อ ไม่เล่าแบบยกต่อยกนะ มันจะน่าหมั่นใส้ตัวเองเกินไป
เอาแบบสรุปแล้วกัน ผมเตะต่อยมันจนยกมือยอมแพ้เลยครับ เรื่องไม่จบแค่นั้น มันต้องไปหาหมอ เพราะเกิดมันจะตายเอา เห็นว่าช้ำในไปหมดแขนก็เหมือนจะหัก
พี่ๆ บอกให้ผมแกล้งทำป่วยลากลับบ้านไปก่อน เผื่อมีไรจะได้หนีทัน
โห เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับมวยไทย บ้านนอกอย่างเรา
ผมว่าที่ผมกล้าแบบนั้นนะ มันเป็นความอะไรอย่างหนึ่ง บวกกับความที่เกลียดขี้หน้ากันด้วย
ความอะไรที่ว่านะ น่าจะเป็น เพราะคิดว่าตัวเองรู้มวยไทย และคนที่เราต่อสู้ด้วยมันเตะไม่เป็น ไม่รู้ฤทธ์เดชมวยไทย ต้องให้มันรู้สักหน่อย ว่าอย่ามาหาเรื่องกับคนไทย เฮ้อ เก่งนี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เมื่อผมมาขับแทกซี่ ก็เคยมีเรื่องกับทะเลาะกับพวกขับแทกซี่ด้วยกัน และกับพวกขับรถลิมูซีน ส่วนมากทะเลาะ ด่ากัน ไม่ถึงกับลงไม้ลงมือ เพราะทุกคนต่างก็กลัวกันนะ กฎหมายทำร้ายร่างกาย ชกต่อยกันหากถึงตำรวจ ผิดเป็นอาญาด้วย
ใครลงมือก่อน หรือทำให้อีกฝ่ายถึงบาดเจ็บ อาจโดนฟ้องร้องเรียกค่ารักษาพยาบาล โดนซูได้อีก ที่ผมเห็นบนถนนพวกขับรถ กวนกัน มันก็แค่ด่ากัน ฟักยู ฟักฮิมทู และก็แค่แต่ท้าทายกัน ไม่มีใครกล้าลงมือก่อน
อยู่นิวยอร์กนี่ หากวันไหนไม่ได้ยิน.ฟักยู แอสโฮล หม่ารีค้อง
คำหลังหม่ารีค้อง นี่เป็นภาษาสเปนิช หมายถึงพวก ตุ๊ด ๆ กระเทยๆ
วันไหน เอ้อ ไม่ได้ยินคำพวกนี้ วันนั้นมันจะดูผิดปกติไปนะ
วันหนึ่งผมขับรถแทกซี่รถว่างอยู่แถวๆ 55 STREET กับ 6 AVENUE ก็มีเรื่องกับคนขับรถลีมูซีน
มันจอดรถแบบ DOUBLE PARK นะ รถก็ติดมาตลอด แล้วต้องมาเจอรถจอดซ้อนแบบนี้อีก ต้องขอทางผ่านจากรถคันอื่นๆที่ขับอีกเลนด้วย ไม่ใช่ง่ายๆ เสียเวลา
ไอ้คนขับลีโม คันนั้น มันจอดซ้อนคัน ยืนกินฮ้อดดอกข้างถนนเฉย
ผมหันไปดูมันด้วยสีหน้าตาบอกว่า ทำแบบนี้ได้ไงหวะ
มันก็คงอ่านผมออก นะ มันพูดออกมาว่า
"You have any problem Chinaman? "

ผมได้ยินสำเนียงมันเรียกแบบดูถูก ผมก็เครื่องขึ้นมาเลยละครับท่านพี่น้อง
เลยด่าไปด้วยคำถนัดที่จำเอาจากขี้ปากฝรั่งมาตลอดนะ หากคุณๆสังเกตุ แอสโฮล ไงครับ
"ยู แอสโฮล..มารีค้อง ฟักยู"
มันเป็นไอ้โก้ครับ ก็พวกสเปนิชพวกนึงไงครับ เราคนไทยมักเรียกพวกนี้กันแบบนี้ ไม่ว่ามันจะมาจาก เปอร์โต ริโก หรือ โดมินิกัน รีพับลิค หรือ โคลอมเบีย หรือชาติทางอเมริกาใต้อื่นๆ
ยกเว้นพวกเม็กซิกันเราจะเรียกว่า ไอ้แมก
พอมันได้ยินผมด่ามัน มันก็ทิ้งฮ้อดดอก ปรี่เข้ามาที่ข้างรถผม แล้วเรียกผมให้จอดรถ
"Come out.....mother fcuker” มันพูด
โอ้ย วิญญานนายขนมลา อาจารย์ผมบอกอีกแล้ว ลุยๆๆๆๆ
ที่นี้ไม่มีลูกพี่คอยยุอะนะ เอาเองเลย
ก็จอดรถข้างทางนะ คนเดินผ่านแถวนั้น หยุดดูว่าเกิดอะไรกัน
แล้วผมก็เดินปรี่ไปหามัน มันก็ตัวโตแข็งแรงกว่าผมอีก แม้ไม่สูงกว่ากันเท่าไร ไม่ได้นึกกลัวมันนะ
มันก็ดึงแขนเสื้อให้ทะมัดทะแมง แล้ววางท่าเตรียมจะต่อยกับผม ผมก็ใส่เสื้อแขนสั้น ช่วงนั้นหน้าร้อนซัมเมอร์
ในใจตอนนั้นนึกถึงแต่เพลงเตะปราบปีศาจ ศอกดับเทวดา เข่าหมาเหงา หมัดสำออยคาง และขบวนท่าแม่ไม้มวยไทย
จะเอามันให้จำไปเลยว่า พิษสงมวยไทยร้ายอย่างไร
ผมว่าจะใช้ลูกเตะนี่แหละนำไปก่อน ไม่เข้าวงใน แรงสู้มันไม่ได้เดี๋ยวมันฟัดเอาตาย และก็จะถีบเมื่อมันเปิดช่องเพื่อจะลอยเข่าตามไปที่แถวเอวอกมัน แล้วฟันศอกฉับที่แถวคิ้วๆ หรือกลางหน้า ........
ว่าแล้วผมก็กราดมวยเต้นฟุตเวร์กนิดๆ เพื่อให้จังหวะรุกรับเข้าที่
แล้วผมก็ยกเท้าขวาเตะไปเต็มสปีดเต็มแรง
............................................................................................................................
''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''ผั๊วะ******************************************
*****************************************************************
************************************************************
********************************************************
....เสียง ผั๊วะ ที่ผมสะกดไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่านะ คือเสียงที่ผมจำได้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ผมจะหมดความรู้สึกไปนานกว่าสิบนาที
เมื่อรู้สึกตัว เห็นไฟวาบๆของรถพยาบาล และเจ้าหน้าที่ EMSหรือ PMS ก็ไม่รู้พวกPARAMEDIC พร้อมกับรถNYPDนะเขาเอาอุปกรณ์ช่วยหายใจมาโปะที่หน้าผม
สักพักผมก็ฟื้นความรู้สึกได้หมด เห็นคนมามุงกันเต็ม อายชิกหาย มีตำรวจมาเตรียมสอบปากคำ
ผมบอกจำไรไม่ได้อาจจะ CREZY GUY สักคนมาชกผมมั้ง ผมจะไปซื้อฮอทดอกกิน แล้วจู่ๆ ก็โดนหมัดหงายหลัง
เมื่อทุกอย่างโอเค ผมก็ขึ้นรถขับไปรำลึกเหตุการณ์ จอดรถที่ใกล้พาร์กแห่งหนึ่ง ขึ้นป้าย OFF DUTYบนหลังคารถ หยุดรับผู้โดยสารชั่วคราว
อุย เจ็บที่แถวๆปลายคางจังเลย แล้วก-รูโดนยังไงหว่า
อือม์ พอผมเหวี่ยงเท้าไปสุดเหวี่ยงนะ ก็โดนมันแบบปลายๆ แถวเอว มันสวนมาทันทีด้วยหมัดจังเต็มคางเลย
อายๆๆ ว๊อย
แล้วคุณอย่าไปบอกใครนะ
อาจารย์นายขนมลา ตายไปยังหว่า ฝากเพื่อนๆ ช่วยถามแทนหน่อย
ว่าทำไมไม่สอนให้ก-รูหลบหมัดที่สวนมาไม่ทันเห็นยังไง

เรื่องนี้นอกจากผมมาเล่าที่นี้แล้ว ผมไม่ได้เล่าใครมาก่อนเลยนะครับ
เมียผมถามเมื่อผมหยุดขับรถไปสองวัน เพราะคางบวม ผมก็บอกว่าโดนประตูท้ายรถกระแทกตอนเปิดนะ
แอบไปหาหมอมาด้วย หมอให้กินยาระงับปวด นะ แต่ไม่ให้ยาแก้ปวดใจมาด้วย
คิดแล้วเจ็บใจ มวยไทย.. มวยไทย.. สู้ว้อย .....เจ็บว้อย... เจ็บนี้อีกนาน........สวัสดีครับ




 

Create Date : 11 สิงหาคม 2548    
Last Update : 21 สิงหาคม 2548 13:20:32 น.
Counter : 789 Pageviews.  

13-คนๆๆๆๆๆ คนไทย

เรื่องเล่าแทกซี่นิวยอร์ก 10
ตอน คนๆๆๆๆๆๆๆ คนไทย

เมื่อสองวันก่อนนี้ผมเจอแบบที่เขาเรียกว่าจุดไต้ตำตออะ ก็จากคนไทยที่ทำงานที่เดียวกันนะครับ
แกเอาเรื่องที่ผมเขียนเรื่องแทกซี่นี่แหละ พริ้นท์มาให้อ่านเรื่องนายแอสโฮลกับสาวบิทช์นั่นไง
ดีที่ผมกับแกไม่สนิทกันเท่าไร เพิ่งมารู้จักกันที่ทำงานนี่

แกว่าอ่านนี่สิ คนนิวยอร์กเขียน ไม่รู้ใคร ใจผมนะอยากให้แกวิจารณ์ดูนะ แต่ไม่อยากให้รู้ว่าเป็นผม กลัวว่าหากผมเกิดโม้เกินเลยไปบ้างจะมีคนมาจับผิดทีหลัง และจะทำให้ตัวเองเขินจนเขียนไรม่ออกไปเลยก็ได้
ผมแกล้งบอกแกไปนะว่า อือม์ เขียนใช้ได้แต่คงต้องฝึกอีกมากนะ บางคำบางช่วงใช้สรรพนามแทนตัว มั่วไปหมด

แกถามว่ารู้ไหมว่าเป็นใคร ผมบอกไม่อะ แล้วแกก็เดาเอาถึงคนๆหนึ่งที่เคยขับแทกซี่ คนนี้คนรู้จักกันทั่วนิวยอร์กด้วยละ ผมว่าเออ ท่าจะใช่จริงๆด้วย

พี่แทกซี่คนนั้นเขาดัง เรียกว่าคนในกลุ่มคนไทยดัง แกชอบร้องเพลงด้วย พบเห็นได้ตามงานคนไทย หรือร้านอาหารไทยที่มีร้องเพลงคาราโอเกะ หรือมีดนตรีสดเล่น

คนที่เอามาให้ผมอ่านนะ วานนี้แกบินกลับไปเมืองไทย เวคเคชั่นสองเดือน กว่าจะกลับมาอ่านเรื่องนี้ พันทิพคงเอาเรื่องนี้ออกไปจากระบบแล้วมั้ง ผมเลยรีบมาบอกมาเขียนวันนี้ก่อน

ผมไม่ใช่คนที่รู้จักใครมากเท่าไรนะครับ และก็ไม่ค่อยเข้าไปปนเปกับกลุ่มคนไทยเขาที่จัดงานบอลล์ งานสังสรรค์ หรืองานต้อนรับผู้หลักผู้ใหญ่ระดับบิ๊กๆ จากไทยแลยด์บ่อยๆ

คือจะเรียกว่าไม่ชอบเลยก็ได้ หรือจะว่าผมเข้าคนยากก็ได้ ไม่อยากไปทำตัวแบบฝืนๆคบฝืน ฝืนคุยตามมรรยาท แต่หากอยู่ในกลุ่มที่ผมคุ้นเคยแล้ว โอเค ผมกล้า ผมสนุก ผมทะลึ่งลึ่งตึงตังได้สบายมาก

คนไทยเรานี่แหละครับ บางคนบางกลุ่ม ทำเบ่ง ทำแย่ยิ่งกว่าฝรั่งที่ผมว่าเสียอีก บ้างก็มีเงิน ร่ำรวย ทำเป็นลืมอดีตตกยาก ลืมป่าเชอร์วู้ด ที่โรบินฮู้ดเคยอาศัย

บ้างมองไอ้พวกที่ไม่มีอะไรเหมือนตัวแบบดูถูกไปเลยก็มี แต่ยังดีนะเขาว่าทางนิวยอร์กนี่ จะมีพวกที่ว่านี้น้อยกว่าทางแอลเอ
เพราะที่นั่นมีคนไทยอยู่มากกว่านิวยอร์กหลายเท่า คนไทยนิวยอร์กส่วนมากทั่วไปนะ จะทำตัวง่ายแบบนิวยอร์กเกอร์ ต่างคนต่างอยู่ ไม่ตามกัน ไม่เอาอย่างแข่งขันชิงดีกัน การแต่งตัวก็ไม่ต้องให้หรูเริดเปิดแฟชั่น ไม่บ้ารถแพงๆ ขับอวดกัน

หากใครจะทำคนเขาจะหัวเราะเอานะ ไอ้นี่อยู่ผิดเมือง แม้แต่ฝรั่งเขายังทำตัวง่ายๆเลย
เคยมีน้องๆ จากแอลเอ มาเที่ยวนิวยอร์ก เขาชอบกันนะ เพราะผิดกันเลยกับทางโน้น ดูเป็นประเทศเมกามากกว่าด้วย
คนไทยนี่ส่วนมากนะครับ จะอยู่ที่ไหนก็ไม่ทิ้งความเป็นไทยจริงๆด้วย คือความเป็นไทยทั้งด้านดี เป็นด้านบวก เช่น การมีน้ำใจ การช่วยเหลือเจือจาน การแสดงพลังชาตินิยมความรักชาติ ทั้งแบบทันสมัยและแบบเชยๆ บ้างก็แสดงไอเดียความคิดเห็นแบบคนมีความรู้น่าชื่นชม มีเหตุผล คนแบบนี้น่าจะกลับไปช่วยชาติบ้านเกิด น่าเสียดายแทน ที่เขาทนอยู่เมืองไทยไม่ได้ มาทนเป็นผู้พลัดถิ่น แต่ยินดีกับความสุขกับชีวิตง่ายๆ ที่นี่

และก็มีที่ว่าอุตส่าห์มาอยู่มาเรียนกันถึงนี่ เข้าถึงความเป็นเมกันได้หมด แต่ก็ไม่เคยละกับความคิดแบบไทยล้าสมัยและทัศนคติแบบเต่าล้านปี ตอนยังไม่มีอะไรก็เอาแต่ด่าว่า ประเทศที่ตัวเองเกิด
มันจะเจริญได้ไง มีแต่โกงกิน คนรวยเอาเปรียบคนจน เล่นเส้นเล่นสาย มีแต่คอรัปชั่นในวงราชการ การเมือง
พอตัวเองเกิดได้ดีเพราะโชคเข้าข้างกับการลงทุน มีพรรคพวกบริวารมาก ก็ลืมที่ตัวเองเคยพูดหมด และก็เอาสิ่งที่เคยด่าไว้มาเป็นซะเอง
เวลามีพวกบิ๊กๆจากเมืองไทยมาพวกนี้จะไปต้อนรับ ไปแนะนำตัว เอาตัวเองบริการ เปิดโรงแรมดีๆ ชั้นหนึ่งให้ เรียกรถลีโมซีนให้ พาไปเล่นคาสิโนที่แอทแลนติก ซิตี้ มอบเงินแลกชิบให้เสร็จ
ไอ้บิ๊กทั้งหลายชอบสิ มาบ่อยสิ มาเยี่ยมลูกหลานที่เรียนด้วย ลูกบิ๊กที่เรียนจบที่นี่เป็นเพื่อนกับหลานชายผมนะ ก็คนที่กลับไปแล้วแต่งงานกับดาราดังไงอะ ชื่อแหมวไรนี่แหละ ผมไม่สนใจอะ แต่ก็พอรู้บ้าง
เพื่อนบางคนของผมก็เคยชวนผมไปร่วมต้อนรับ ไปร่วมโต๊ะเลี้ยง บอกว่าไม่เห็นเสียไร ได้รู้จักคนดังด้วย คบพวกบิ๊กๆ มีแต่ได้
ผมว่ากรูไม่ไป พวกนั้นมันไม่คบกรูหรอก เพราะกรูกิ๊กก้อก ผมเลยถือโอกาสด่ากลับด้วยว่า ก็แบบนี้ไงไทยถึงไม่เจริญ
ผมว่าทีหลังอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาเล่าผมอีกนะ ผมรังเกียจด้วย จะทำไรก็ทำกันไป

วานนี้ผมไปอ่านข่าวจากผู้จัดการ มีข่าวเรื่องเจ้าของร้านอาหารไทยที่แอลเอ ถูกปล้น ถูกคนร้ายฆ่าตายด้วย

แล้วมีคนเอาไปลงห้องไกลบ้าน กระทู้นั้นตอนหลังกลายเป็นกระทู้วิจารณ์ร้านอาหารไทยไปเลย ผมก็เคยเจอแบบที่เขาไปวิจารณ์กันนะคุณลองไปอ่านกันดูสิครับ ห้องไกลบ้านนะครับ
เมื่อสิบกว่าปีก่อนที่ ผมยังขับแทกซี่อยู่นะ
มีวันหนึ่งตอนหลังเที่ยงวัน ผมขับรถผ่านร้านอาหารไทยแถวโคลัมบัสเอฟวะนิว
เห็นหน้าร้านมีที่จอดแบบมีเตอร์ว่างพอดี เกิดหิวขึ้นมาและวันนี้คิดอยากกินข้าวแบบไทยบ้าง
ปกติพวกแทกซี่นิยมร้านจีนแบบเท้กเอาท์นะ เพราะถูกดี อิ่มกว่าด้วยแหละ
คิดแล้วผมก็จอดรถนะ มองเข้าไปในร้าน ร้านชื่อมันก็แปลว่า HELLO อะ
คนก็ไม่มากมีแค่สองสามโต๊ะเอง เห็นพนักงานสองสามคนยืนอยู่แลมาที่ผม ตั้งแต่จอดรถแล้วเดินเข้าร้านแล้วละ

พอเข้าร้านไป ยืนรอเผื่อจะมีใครมาทัก หรือพาไปนั่งแต่ไม่มีใครมาอะ เลยถือโอกาสไปนั่งเองที่มุมหนึ่ง ไม่ใกล้ใครเขา
เห็นพนักงานบริการโต๊ะฝรั่งที่เพิ่งมาก่อนผม รินน้ำ ทักทายพูดจาดี ผมก็รอและอ่านเมนูไปเล่นๆ
นานพอดูก็ยังไม่มีใครเห็นหัวแทกซี่โดดเดี่ยวผู้น่ารักเลย ผมเลยโบกมือ เรียกแบบไม่ใช้เสียงนะ แต่ก็ต้องรู้แล้วละสำหรับอาชีพนี้ เขาไม่เรียกไปซ้อมบอลหรอก เขาจะสั่งอาหารแดะนะ
นายนั่นก็เดินมาหน้าตาเอาเรื่อง ยังกับว่าผมจะมาขอแดะฟรี ผมก็ทักก่อนด้วยแนะ สวัสดีครับ
นายนั่นซึ่งผมรู้ทีหลังว่าเป็นญาติกับเจ้าของร้านตอบกลับผมด้วยภาษาประกิตว่า ”I DON’T SPEAK THAI”
อ้าว เป็นงั้นไป ก็สำเนียงส่อภาษานี่อะ ไอด้อนท์สปี้กไทย สำเนียงเอ็กเซ่นท์นี้ ไม่มีที่ไหนเป็นเอกลักษณ์ ได้เท่าพี่ไทยหรอกเว้ย กรูก็เป็น มรึงก็เป็น ใครๆ ก็เป็น หากไม่เกิดเมกา และอายุพอๆกัน กรูก็ฟังแบบนี้มานานพอแล้วนะ

เออๆ มรึงไม่อยากเป็นก็ไม่ว่า อยากบอกไปว่า หมาบ้านกรูเห่ายังออกสำเนียงดีกว่ามรึงอีกเนาะ
แต่เอาเถอะขืนไปเอะอะกับมันจะเข้าทางมัน ที่มันคิดดูถูกอยู่แล้ว คนเวรี่อินเทลลิเจ้นท์อย่างผมก็ต้องเล่นอีกแบบ เลยชี้ไปที่ข้าวหน้าไก่กะเพรา ตามเบอร์ในเมนู

คนรับออร์เดอร์หน้าเห้ ก็ไม่พูดไรซักคำ ผมด่าแม่มันในใจ แต่ไหนๆมันดูถูกแล้ว ก็ต้องแก้แบบทางอ้อม ไม่ตกหลุมให้มันแบบว่าแล้วไง ไอ้แทกซี่ มันสถุล มันไม่เอาน้ำมาให้ก็ไม่ว่า
ผมเห็นที่โต๊ะมีกระดาษให้ลูกค้าวาดรูปขีดเขียน ระหว่างรอนะ มีดินสอเครย่อนพร้อม จึงหยิบมาเขียนข้อความตัวโตพอที่จะเห็นได้ชัด เสร็จแล้วก็ปิดไว้ก่อน

พอข้าวหน้าเห้ เอ้ย หน้าไก่มาถึง ผมก็กล่าวกับมันว่า ขอบคุณครับ เอ้ย แท้งกิ้ว แล้ว
ผมก็กิน กินไปแค้นไป ทำไมถึงทำกับฉันได้ แต่ชักแดะไม่ลงอะ กินไปได้ครึ่ง ไอ้เห้หน้าเจ๊ก ก็เอาเช็ก เอ้ย เอาบิลมาโปะ
ผมเตรียมไว้แล้ว คิดว่าไม่เกินยี่สิบนะ เลยดึงจากกระเป๋าเสื้อให้มันไปเลย มันก็เอามาทอน ไม่พูดไรสักคำ

หากไม่วางทิปมันก็เข้าทางที่มันดูถูกเราอีก กรูว่าแล้ว ไอ้แทกซี่ขี้เหนียว มันไม่รู้อะ ผมนี่ละบิ๊กทิปเปอร์ไปที่ไหน เวทเขาชอบผมนัก ไม่จู้จี้ทิปหนัก เพราะเคยเป็นเวทเทอร์
มาก่อนด้วย
นี่ค่าข้าวหน้าไก่บวกภาษีแค่แปดเหรียญกว่าเองนะ ทิปประชดไปห้าเหรียญ วางไว้บนกระดาษที่ผมเขียนไว้
พลิกให้เห็นและอ่านชัดๆว่า( -ขอโทษคุณๆ ที่อ่านตอนนี้ด้วยครับ หยาบคายไปหน่อย ขอโทษ)

“ ไอ้หัวดวย ขอให้ร้านมรึงเจ๊งเร็วๆนะ มรึงไม่อยากขายกรูก็บอกสิ ไอ้ส้นทีน ไปอมดวยฝรั่งไป ไอ้หัวดวยลืมตีน”………………………………

………….แล้ว ชายหนุ่มก็วางมาดก็เดินออกจากร้านไป ฮ่าฮ่าฮ่า……




 

Create Date : 11 สิงหาคม 2548    
Last Update : 11 สิงหาคม 2548 12:51:52 น.
Counter : 1443 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

smartupid
Location :
New York United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




กรุณาตรวจตราสิ่งของก่อนลงจากรถไป แค่ลืมหัวใจไว้ในรถ คนขับก็สดชื่น.... โอ่เค้
Please check your belongings before leaving my cab, just leave your heart here ...Thank You
Friends' blogs
[Add smartupid's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.