Group Blog
 
All Blogs
 
34-หนึ่งเดียวคนนั้น -นี่แหละชีวิตเมืองนอก (มีอัพเดทมาบอกตอนท้าย)

เรื่องเล่าแทกซี่นิวยอร์ก ตอน นี่แหละชีวิต..หนึ่งเดียว homeless ไทยในนิวยอร์ก

วันนั้นในหน้าหนาวของปีหนึ่ง
ซึ่งนับเป็นช่วงปลายๆ สำหรับการใช้ชีวิต กับอาชีพขับแทกซี่ของผม
ผมเพิ่งเสร็จจากเอารถไปทำ inspection ที่ TLC ที่แถว astoria ,queens
ก็ขับเลยมาทาง jackson height ..............
ถิ่นแถวแนวนี้ เลยไปจนถึงแถวที่เรียกว่า elmhurst
มีคนไทยอาศัยอยู่กันมากพอสมควร มีร้านอาหารไทย ร้านให้เช่าวีดีโอของคนไทย
และร้านอาหารจีน ร้านโกรเซอรี่คนจีนที่ขายทุกอย่างทั้งจีน ไทย
ส่วนมากคนไทยเราก็มักมาจับจ่าย เครื่องปรุงอาหารไทย
ผักสด ของแช่แข็งจากไทย ทุเรียน มังคุด โอย มีครบละครับ
หาได้ไม่ยากก็เหมือนเป็น little thai town พอได้เหมือนกัน

แถวถิ่นนี้นอกจากนั้น ก็เป็นพวกจากประเทศเอเชียอื่นๆ ปนกันไป
เช่น จีน พม่า เขมร ฟิลิปปินส์ เวียนาม
ที่เป็นส่วนใหญ่ของพื้นที่นี้ก็ต้องพวกคนที่มาจากประเทศทาง south america
อาเจนติน่า โคลัมเบีย บราซิล
พูดถึงพวกจากเซ้าท์ เมกา นี่ ผมต้องนึกถึงตอนแข่ง world cup soccer
ฟุตบอลโลก ของทุกสี่ปี ว่าก็ว่านะ
ผมไม่อยากให้ทีมจากทางเมกาใต้นี่ ชนะผ่านไปเข้าชิงรอบสำคัญๆเลย
เพราะหากทีมทางพวกเขาชนะแล้ว คนอยู่แถวนี้ แบบว่า ไม่ได้หลับได้นอนกันละ
หากได้แชมป์ไปด้วยละก็ มันฉลองกันตั้งแต่กรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา
และรู้ผลว่าทีมมันได้แชมป์ มันจะขึ้นรถโบกธงชาติ
กินเหล้ากินเบียร์ ตะโกน ลั่น ขับตระเวนไปทั่ว queens
บีบแตรรถถี่ๆ ยาวๆ หนวกหูชาวบ้านไปหมด
บ้างก็เมามาย บ้างทำท่ารวนกวนคนที่มันขับผ่านไป
ผมเลยอยากเชียร์ทีมประเทศ ที่มีคนจากประเทศนั้นอาศัยแถวถิ่นนี้ไม่มากเท่าไร
ให้ได้แชมป์ทุกสี่ปี เช่นทีมจากประเทศไทย เป็นต้น หุหุ สู้เค้า ไทยแลนด์
วันไหนทีมไทยแลนด์ได้แชมป์ซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์อีก
ผมจะพาเพื่อนขึ้นรถ ขับตระเวนบ้าง
หากเจอพวกเมกาใต้ ถามว่า อ่ามี๊โก้ ยู้ เซลเลเบรท อะไรหรือ
ก็จะบอกมัน มันงงก็ช่างมัน
เพราะจะให้ทีมไทยของผม เป็นแชมป์ฟุตบอลโลกนี่
ไม่รู้รุ่นลูก รุ่นเหลนนี่จะได้เห็นเป็นบุญตาหรือเปล่าก็ยังไม่กล้าคิด.....

เวลาหลังเที่ยงวันนั้น ผมขึ้นป้ายบอก off duty ไม่รับผู้โดยสารครับ
และกำลังจะไปหาข้าว หาก๋วยเตี๋ยวกินที่ ร้านไทยเล็กๆ ร้านหนึ่ง ใกล้ๆ แถวนั้น
ขณะที่ผมหยุดรถ รอไฟสัญญาณบนถนน ที่ใกล้ๆ ร้านอาหารไทยที่ว่า
ผมก็ได้ยินเสียงเหมือน คนเอามือทุบข้างรถด้านผมปังๆ
แม้จะหมุนกระจกรถขึ้น เพราะหน้าหนาว ก็ยังได้ยิน
ผมเลยเหลียวไปดู
อ้าวนั่นไอ้ เด่น นี่หว่า ผมรู้จักครับ
เลยร้องเรียกมันไป เฮ้ย เด่น เป็นไงวะ
ไอ้เด่น ยกมือไหว้ผม เรียกชื่อผม พี่....

ตอนนั้นไฟเขียวแล้ว ผมเรียกให้มันขึ้นรถ
มันจะอ้อมมาด้านหน้า ผมบอกว่านั่งหลังนี่แหละไม่เป็นไร
เมื่อมันขึ้นรถมา นั่งด้านหลัง
กลิ่นอะไรๆ ที่ผมมักจะได้ทนดม บ่อยๆ ในรถไฟใต้ดิน หรือแถวสถานี
กลิ่นนี้อวลอยู่ในรถขณะนี้ แม้จะไม่มากเท่าพวกนั้น
แต่เป็นที่รู้กันว่า คนมีกลิ่นแบบนี้ คือ พวกที่เรียกว่า บัม bum
หรือพวก homeless นั่นเอง

ผมหาที่จอดรถ เพื่อจะถามไถ่ เปิดหน้าต่างระบายลมนิด
ไม่กล้าแสดงออกมาก ไอ้เด่นก็รู้
ก็คงคิดว่าผมคิดเรื่องนี้ยังไง
มันยกมือขอโทษผม แล้วบอกผมว่า
พี่ขอโทษนะ งั้น ผมไปละ
ผมบอกเดี๋ยวสิโว้ย ไปกินข้าวกันก่อน พี่ไม่ได้ว่าไรนี่หว่า
แค่เหม็นก็เหม็นแค่นั้นเอง ไม่ได้พูดโว้ย

ผมหาที่จอดรถ แล้วลงเดินไปกับไอ้เด่น
ไปที่ร้านนั้น ร้านเล็กๆ ขายพวกข้าวราด ก๋วยเตี๋ยว ราคาไม่แพง
(ปัจจุบันนี้ เจ้าของร้านเล็กๆนี้ เปิดกิจการใหญ่โต ขายดี ร่ำรวย
นับเป็นร้านที่คนไทย ฝรั่ง จีน รู้จักดี ชื่อเสียงก็ดี
นับเป็นคนไทยที่สู้มาก จากความเหนื่อยยากแต่ต้นๆ จนประสบผลในที่สุด)
ผมเห็นท่าทางมันจะหิว แต่มันก็ไว้เชิงนะ บอกไม่ๆ กินมาแล้ว ครับ
ผมถามว่ากินไรที่ไหนมา
แล้วผมก็สั่งข้าวราดหน้ากะเพราไก่ให้มัน พร้อมก๋วยเตี๋ยวน้ำอีกชาม
ผมก็เอาด้วยเหมือนกัน คนละสองไปเลย แถมกาแฟเย็น คนละแก้ว
ท่าทางมันเกรงใจผมมากเลย
ผมสังเกตเสื้อโค๊ตที่มันสวมใส่อยู่ ของเก่า สีดำ รุ่มร่าม ไม่ฟิตกับตัว
มีรอยขาดด้วย และไม่หนาเท่าไร
ตอนนั้นพวกที่หนาๆ แบบ down jacket ยังไม่มีมาก
ที่ใส่แล้วกันหนาวได้ ดีจริงๆ นะ

หน้าตามันซูปผอม ตาโหล แก้มตอบ ผอมเอามากๆ
มันไม่ได้ถอดโค๊ทออก
ผมเห็นเสื้อ sweater แบบมีฮูดปิดหัว สีเทาๆ อีกตัว ที่มันใส่อยู่
ผมไม่อยากถามไรมันมาก
แต่ก็ได้รู้ข่าวเรื่องของมันก่อนแล้ว และก็เคยเจอมันแบบผ่านๆ บ้าง แบบ เดินสวนกัน
แล้วมันหลบบ้าง

และอีกครั้งที่จำได้ เพราะครั้งแรกที่ไอ้เด่น มาเป็นแบบนี้
วันนั้น ผมนั่งกินกับแฟนผมที่ร้านนี้แหละ เจ้าเด่นเดินผ่าน
แฟนผมก็ให้ผมไปเรียก มันมากินด้วย
มันแค่เดินมายกมือไหว้แฟนผม เอ้อ เมียผมอะนะ
แล้วบอกไปก่อน เมียผมให้เงินไปยี่สิบ มันรับเงินแล้วไปต่อตามประสามัน
วันนี้ มันไม่ค่อยพูดเลย ไม่เหมือนก่อนนี้ ที่มันจะพูดเอาๆ มีไรมาเล่า มาบอก
เพราะมันนับถือผมกับเมียผมมาก เรารู้จักเจ้าเด่นนี้ ก็ตั้งเกือบยี่สิบแล้ว

แต่สมัยคนไทยที่นี่รุ่นผม ชอบเล่นโบว์ลิ่ง กัน มีจัดแข่งขันมีพนันขันต่อ
เอ้อ เอาแถมอีกนิดนะ ลูกเกด เมทินี นะตอนเด็กๆนะ
แกเที่ยววิ่งเล่น ในโรงโบว์ลิ่ง กับพ่อแก ที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ผมอะ
คนนี้มีเค้าสวยอยู่ตั้งแต่เด็กแล้วละ
ใครๆ เรียกแกว่า เคที่ น่ารักมาก เหมือนจะเป็นเด็กไทยไม่กี่คนที่เกิดเมกา ช่วงนั้น

เจ้าเด่น ก็ชอบเล่นโบว์ลิ่ง มีเพื่อนมาก ใจสปอร์ต
เราคนไทยจะรวมกันเป็นกลุ่ม ไปเล่น
จนเจ้าของเลน รู้จักและชอบพวกเราคนไทยมาก
ทุกวันเสาร์หลังเที่ยงก็ไปกัน พาเมียพาลูกไปสนุกกัน
เจ้าของเลนจะปิดเลนจองให้เราสี่เลน เล่นได้ไม่จำกัดเวลา คิดตามเกม
ปิดแล้วยังเคาะประตูให้เปิดเลย
เราทำงานกลางคืนกัน เลิกงานก็ไปเล่นพนันกินเงินกัน
มีคนทำความสะอาดเฝ้าอยู่สองคน เราก็ไม่โกงนะคิดตามเกม เพราะพนันกัน
เล่นจนเช้า เจ้าของมาเปิดร้านเปิดเลนอีก
เราไม่เรื่องมากด้วย มีทิปให้คนเฝ้ากลางคืน
เจ้าของบอกใครเล่นได้สองร้อยแต้ม
ก็ให้ถ้วยทุกคนอีกต่างหาก

ไอ้เด่นตอนนั้น มันทำงานเก่ง หาเงินเก่งมาก ทำงานเป็น เชฟ ร้านอาหารฝรั่ง แถวอัพทาวน์
เจ้าของร้านชอบ และเกรงใจมัน
เหมือนว่ามันนี่แหละ ที่เอาตำราอาหารไทย ไปผสมอาหารฝรั่ง เป็นคนแรก หรือคนต้นๆด้วย
ร้านฝรั่งแบบไทยปนฝรั่งเศสนั้น
ไอ้เด่น ทำให้คนติด ฝรั่ง ดารา คนดังก็ชอบรสชาติฝีมือมันมาก
คนแน่น รอคิวยาว ทุกคืนดินเนอร์
เจ้าของร้านเอาใจมัน
เงินเดือนมันสมัยนั้น เรียกว่า มากนะ พันกว่าเหรียญต่อวีค และมีโบนัสพิเศษ อีก
มันมีฝีมือ พวกทำซ้อส ทำซุป เรียนเร็ว รู้รสหมดเหมือนพรสวรรค์อย่างหนึ่ง
มันใส่เมนูไทย เป็นspecial ทุกวันมีให้เลือก
ไทยสลัด ที่เอาน้ำจิ้มสะเต๊ะมาปรุง เป็นน้ำสลัด ผมเคยกิน
ขนาดเราคนไทยยังว่าอร่อยมากเลย
เมียผมฝากญาติที่เพิ่งมาจากเมืองไทยให้ไอ้เด่นหางานให้ แรกๆ ไม่มีงานอื่นนอกจากล้างจาน
ไอ้เด่นก็บอกให้ทนก่อน งานหนักมากๆ เลย
ญาติเมียผมคนนั้นเกือบจะบอกเลิกแต่วันแรกแล้ว
แต่วันรุ่งขึ้นไอ้เด่นก็ไปบอกเจ้าของ ดึงมาให้เป็นผู้ช่วยกุ๊กทั่วไป
ไอ้เด่นเห็นแววว่าสอนได้ ภายหลังก็สอนหมดไส้หมดพุงให้คนนั้น
จนอีกไม่ถึงปีต่อมา ญาติเมียผมก็ได้เป็น ซูเชฟ มือรองจากเชฟใหญ่
มือขวาไอ้เด่นนั่นเอง
ร้านก็ยังขายดี ไอ้เด่นเป็นที่โปรดปรานเจ้าของร้านมาก
จนมันมีสิทธ์ไล่เวทเตอร์ ที่งี่เง่ากับมัน
หรือทำให้มันไม่พอใจ

ร้านนี้ เวทส่วนมากเป็นเด็กหนุ่มๆ มีเป็นเกย์บ้าง ผู้จัดการก็เกย์ แต่เข้ากันได้ดีกับไอ้เด่น

อ้อ ขอบอกอีกนิด ไอ้เด่นมีอะไรที่เหมือนทีวีซีรีส์ ของฝรั่งเรื่องหนึ่ง barretta
นายพระเอกนักปราบ นักสืบนั้น จะมีนกแก้วเกาะบ่าเป็นเอกลักษณ์
ในบางช่วงอยู่ว่างๆ ไอ้เด่นก็มีนกแก้วเกาะบ่านะครับ
เพื่อนๆเลยให้ฉายามันว่า เด่น บาเรทตา ไปด้วย
หน้าตามันก็ใช้ได้ดูดีนะ แม้ตัวเล็กไปนิด
แต่ท่าที่เข้าคนได้ง่าย ยิ้มเก่ง พูดจาดี อ่อนน้อม ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของมัน
มันควงสาวฝรั่งคนโน้นคนนี้ให้เห็นบ่อยๆ
เพื่อนคนไทยก็มาก ไอ้นี่ใจ สปอร์ต เพราะได้งานเงินดี ชอบเลี้ยงเพื่อน
ตอนนั้นร้านอาหารไทย สองสามแห่งจะมีดนตรี นักร้อง ทุกคืนวันศุกร์ และเสาร์
ไอ้เด่นจะมากับพรรคพวก หรือลูกน้องที่ทำงานหลังปิดร้าน
ก็ดื่มกิน กันสนุก เฮฮา โดยไอ้เด่น จะเป็นเจ้ามือเกือบทุกครั้ง
แล้วสมัยนั้น ก็เริ่มการมาถึงของยาเสพย์ติด ชนิดใหม่
โคเคน ไงครับ
ผมขับรถก็ได้พบเจอ พวกติดยาทุกวัน นั่งรถไปซื้อยา ที่จุดโน้นจุดนี้
บ้างก็ไปนัดรับยา บอกให้คอยก่อน เดี๋ยวไปต่อ จนผมจะเรียกตำรวจหลายครั้งแล้ว
วัยรุ่น ทั้งดำ ขาว โก้ นิยมกันมาก ที่ปราบก็ปราบไป
มีมาเฟียมาเกี่ยวข้อง เป็นเหมือนที่เราๆ ได้ดูจากหนังหลายเรื่องนั่นแหละครับ
คนติดยานี่ พอขึ้นรถมาก็ตัวเหม็นมาเลย
ลงรถไปก็ทิ้งหลอดยาไว้อีก
ผมรังเกียจพวกนี้มาก

คนทำงานหนัก แต่รับเละแบบไอ้เด่น ก็ชักมีเพื่อนมากขึ้นด้วย
มีทั้งฝรั่งไทย สาวหนุ่ม พวกนี้ และทั้งผู้จัดการร้านเกย์คนนั้นด้วย
ก็เริ่มชักพาไอ้เด่นให้ได้ลองโคเคน
แรกๆ มันก็ค่อยเป็นค่อยไป นานเข้าๆ ชักติดแล้ว
ไม่สูบไม่ได้ แพงก็แพงหายากด้วย
เงินก็หมดไปกับความไม่ยั้งคิดของมันเอง งานที่ทำก็ชักอ่อนฝีมือ
อารมณ์ที่เคยดีๆปกติ ก็ไม่มี หงุดหงิด
ที่เคยคิดว่าเจ้าของร้านเกรงใจ
ก็ไม่ค่อยเหมือนก่อน งานที่ทำให้เขา ก็ชักเบี้ยวๆ ไม่สนใจ
พูดจาก็เพี้ยนๆเอาแต่ใจ
เงินที่เก็บๆไว้ ก็จ่ายไปกับอบายมุข และความอยากซ่า อยากดัง
เพื่อนฝูงก็ชักปล่อยๆทิ้งๆมัน
ข่าวมันและคนไทยหลายคน ที่ติดยานี้ เล่าลือกันไปทั่ว
บ้างที่เป็นคนขายยาไปเลยก็มี แต่คนที่รับรู้ก็กล่าวกันในทางรังเกียจ
เพราะคนดีๆที่มีสติยั้งคิดจะไม่หาทางลองเลย
ข่าวคราวและพิษร้ายของเจ้าพวกยาๆ ทั้งหลายก็มีให้เห็นทุกวัน
ญาติเมียผมที่เป็นมือขวา ของไอ้เด่น เกือบไปเหมือนกัน
ดีที่ว่ามีคนมาบอกเมียผมก่อน แค่กำลังจำหัด
แกก็ลาออกร้านนั้น ไปหางานร้านอื่นที่ทำเงินดีเป็นเชฟใหญ่
ด้วยฝีมือที่ไอ้เด่นฝึกปรือมา

หลังจากนั้น ผมก็ไม่ได้เจอ ไม่ได้ข่าวไอ้เด่นอีกนาน
จนได้รู้จากข่าวที่เพื่อนๆ บอกกันต่อๆ ว่า
ไอ้เด่น ไม่มีเงิน ไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีเพื่อน
ต้องนอนตามสถานีรถไฟใต้ดิน หรือหลบตัวเองตามมุมปั้มน้ำมันหรือกล่องลังขนาดใหญ่
บางวันเที่ยวคุ้ยเขี่ยอาหารจากถังขยะ
นานทีก็ไปเชลเตอร์ อาบน้ำ รับของแจก
เมื่อเห็นคนไทยก็รีบหลบแต่ไกล เพราะอาย
ผมยาว หนวดเครารุงรัง
มันเป็นอย่างนั้นนานมากเป็นปี สร้างความเวทนาแก่คนไทยที่พบเห็น
แต่ไอ้เด่นก็ยังมีไรที่หยิ่งๆในตัว เพราะทั้งหมดทั้งหลายไม่มีใครทำมัน มันทำมันเอง
พอใครจะขอเข้าไปช่วย มันจะไม่ยอมรับ มันจะหนี บอกว่าอย่ายุ่งกับมัน
ในที่สุด ทางเพื่อนๆทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ทางสมาคมชมรมคนไทย และทางสถานทูตไทย
ก็หาทางจะช่วยให้มันหลุดพ้นจากการเป็นโฮมเลส
ได้ติดต่อทางบ้านที่เมืองไทย หากบอกนามสกุลมัน ทุกคนจะร้อง โอ้โห นะครับ
ตระกูลไอ้เด่นไม่กิกก้อกครับ
แต่ไอ้เด่นไม่เคยส่งข่าวคราวตัวเองตั้งแต่มาเมกา
ถึงใครเลย
นับจากวันที่คนทางนิวยอร์กร่วมด้วยช่วยกัน นำไอ้เด่นขึ้นเครื่องบินกลับ จนถึงทุกวันนี้
ไอ้เด่นมีชีวิตที่ดีกว่า ที่บ้านมันที่เมืองไทย
เป็นอีกคนที่ ทิ้งคราบชีวิตต่างแดน นิวยอร์ก
ทั้งยามมี ยามหมด ยามสุข ยามทุกข์ ไว้ให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกผู้คนที่ยังต้องต่อสู้กับวิถีชีวิต
ทั้งที่พบทางชีวิตที่ดีงามและที่ผิดพลาด หาทางไม่เจอ ที่กำลังจะหลงผิด
ให้รู้ถึงความเปลี่ยนแปลง ของชีวิต ที่เรากำหนดมันเอง ดีหรือชั่ว
วันนี้ เป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลกพอดี
เรื่องนี่ เอาไปคิดกันก็ดีนะครับ ไม่ว่าอยู่ไหน เมืองใหญ่ เมืองเล็ก
คิดและมีสติก่อนทำ
รู้ว่าผล จะมาจากเหตุ เป็นเหตุผล

ผมไม่ได้มีเจตนาเอาเรื่องนี้มาประจาน นายเด่น
ผมแค่อยากให้คนอ่านได้รับรู้ว่า การใช้ชีวิตอยู่เมกา
ไม่ได้น่าโก้ทุกคน ทุกอย่าง เช่น ที่คนเมืองไทยคาดไว้นะครับ
******..............................................................
****มีอัพเดทมาเพิ่มเติม เรื่องนายเด่นด้วยครับ****
เพื่อนผมคนหนึ่งได้กลับไปเที่ยวเมืองไทย เมือ่สองปีที่แล้ว
เพื่อนคนนี้กับ อีกรุ่นพี่คนหนึ่ง ชื่อพี่สมพรได้เป็นตัวตั้งตัวตี
ช่วยเหลือหาทางให้นายเด่น ได้กลับเมืองไทย
พี่สมพรเป็นผู้ที่นายเด่น เคารพนับถือมาก
ค่าตั๋วเครื่องบินผมมาทราบทีหลังว่า คุณสมพรเป็นคนซื้อ
ให้
เพื่อนผมคนที่ว่านี้ ก็ได้ไปเยี่ยมนายเด่นด้วย
นายเด่นเล่าให้ฟัง ถึงวันแรกที่เหยียบแผ่นดินเกิด
หลังจากที่จากมา ยี่สิบกว่าปี
ก็ไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งถึงสามคืน
ไม่อยากโผล่ไปบ้านทันที
กลัวแม่จะตกใจ จะช๊อก ที่จู่ๆก็เห็นลูกชาย
ที่แม่รอมานานแสนนาน
แล้วพอวันที่สาม จึงโทรศัพท์เข้าไปถามลาดเลา
คนในบ้านรับสาย
นายเด่นถามว่า คุณ.. (ชื่อแม่)อยู่สบายดีไหม
คนในบ้านถามกลับว่าเป็นใคร
ไม่รู้มาก่อนหรือ ว่า คุณ..เสียชีวิตไปสามปีแล้ว
กลายเป็นนายเด่นช๊อกเสียเอง
เสียใจมาก ที่เอาชีวิตตัวเองมาจมอยู่ที่เมกา
ต้องเสียผู้เสียคน
ไม่ได้คิดถึงพ่อแม่ที่คอยถามข่าวลูก
คอยวันจะได้เห็นลูกชาย
จนแม่ตายไปก็ไม่ได้เห็นกัน แม่ ลูก
เพื่อนบอกข่าวให้นายเด่นรู้ด้วยว่า พี่สมพร ที่ช่วยนายเด่น
จนได้มาพบชีวิตใหม่
ก็เสียชีวิตแล้วด้วยหลังจากที่นายเด่นกลับมาได้ปีกว่า

นายเด่น ได้อุปสมบท อุิทิศส่วนกุศลให้คุณสมพร
หลังจากได้รู้ข่าวจากเพื่อนผมคนนี้







Create Date : 21 สิงหาคม 2548
Last Update : 18 กันยายน 2548 16:13:22 น. 12 comments
Counter : 798 Pageviews.

 
ผมลืมไปเรื่องหนึ่งครับ เรื่องนี้ตอนนี้ที่จริงต้องเป็นตอน18
แต่ผมไม่รู้ว่าจะทำไง ให้ไปแทรกไว้ได้ เลยต้องยอมปลอ่ยให้อยู่บนๆ อย่างนี้


โดย: smartupid วันที่: 21 สิงหาคม 2548 เวลา:18:44:16 น.  

 
แวะมาทักทาย....สวัสดีครับ

ที่นิวยอค...อากาศตอนนี้สบายดีไหมครับ...


โดย: **mp5** วันที่: 21 สิงหาคม 2548 เวลา:18:44:58 น.  

 
ว้า......ในที่สุดจบเศร้า หวังว่าตอนนี้พี่เค้าคงมองโลกเปลี่ยนไปเยอะเลยนะครับ


โดย: -K@W- IP: 58.8.153.112 วันที่: 21 สิงหาคม 2548 เวลา:21:28:51 น.  

 
I checked your blog everyday. I think I'm addicted to your more than Cocane HAHA
Thank for all good stories


โดย: Mottanoy IP: 66.125.95.231 วันที่: 22 สิงหาคม 2548 เวลา:3:34:32 น.  

 
สวัสดีครับ คุณ mp5
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมบ้านครับ
อากาศที่นิวยอร์ก ช่วงนี้ ซัมเมอร์ ร้อนระเบิด เหมือนกันนะครับ แต่ยังร้อนน้อยกว่าที่ไทยหน่อยครับ พอทนได้
คุณMottanoy ขอบคุณมากด้วยครับ ที่เป็นกำลังใจอ่านเรื่องที่ผมเขียน อย่าให้เหมือนไอ้ยาเสพนั่นเลยครับ
ของผมยังไม่ได้ขนาดนั้น หุหุ พูดยังกะเคยสูบเคยเสพนะ
อย่าไปลองนะครับ ของไม่ดีพันนั้น
น้องK@W เรื่องนี้น้าลืมเอามารวมนะ แต่พอดีสามวันก่อนได้เจอเพื่อนที่เขาอ่านเรื่องนี้ของน้า เขาเลยเล่ามาบอกว่า น่าจะมาอัพเดท ให้คนอ่านมาก่อนนี้ ได้ทราบหน่อย
วันหลังจะจัดบลอกใหม่ เอาให้เรียงลำดับใหม่อีก
สบายดีนะหลาน


โดย: smartupid วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:14:01:28 น.  

 
here i am krab. i am about to email u to add this story.......i have read this months ago in pantip. but there is no problem to remind me again this valuable story..........SAY NO TO DRUG krab.



โดย: zyberarchitext IP: 141.91.240.162 วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:19:04:31 น.  

 
make me miss my parents more as well.............just talk to my parents recenty during thai national mom's day krab.


โดย: zyberarchitext IP: 141.91.240.162 วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:19:07:30 น.  

 
คนเราทำผิด แล้วกลับใจได้ น่านับถือเป็นอย่างยิ่งครับ


โดย: ตุ้มเม้ง ริวซากิแอล IP: 202.142.216.27 วันที่: 24 สิงหาคม 2548 เวลา:0:47:11 น.  

 
ชอบมากครับติดตามอ่านอยู่เหมือนกัน แต่เรื่องนี้เหมือนเรื่องของญาติผมเลย ไปทำงานที่ NY แล้วเป็นเชฟ รวยมาก ตอนหลังติดยากลายเป็น homeless ตอนหลังพี่ชายไปพากลับมาไทย คนเดียวกันป่าวหว่า


โดย: sorraphan@stecon.co.th IP: 203.149.6.54 วันที่: 15 กันยายน 2548 เวลา:10:20:22 น.  

 


โดย: nutxnut วันที่: 20 กันยายน 2548 เวลา:11:29:32 น.  

 
อ่านแล้วได้ข้อคิดอะไรหลายๆอย่างค่ะคุณลุง

ชีวิตคนเราเนอะ มีขึ้นมีลงกันจริงๆ เวลาที่ไม่มีอะไรเลยก็พยายามไขว่คว้าหากันเข้าไป แต่เวลามีแล้วก็ปรนเปรอหมดไปกะสิ่งจอมปลอมทั้งหลายที่เสพสุข หนูว่ายากนะคะกับการที่จะเก็บหรือรักษาสิ่งนั้นๆเอาไว้ให้อยู่ตลอดรอดฝั่ง ว่าไปมันก็เหมือนกะโฆษณาไทยประกันชีวิตเลยเนอะ กว่าจะได้เป็นแชมป์ก็ว่ายากแล้ว แต่การรักษาแชมป์เนี่ยยิ่งยากกว่าอีก.


โดย: jeh_mi_of วันที่: 23 กันยายน 2548 เวลา:9:29:14 น.  

 
ชีวิตพัง เพราะติดยา เป็นสัจธรรมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว


โดย: ณัฎฐะมุกวารินทร์ IP: 116.58.231.242 วันที่: 19 ตุลาคม 2550 เวลา:21:55:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

smartupid
Location :
New York United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




กรุณาตรวจตราสิ่งของก่อนลงจากรถไป แค่ลืมหัวใจไว้ในรถ คนขับก็สดชื่น.... โอ่เค้
Please check your belongings before leaving my cab, just leave your heart here ...Thank You
Friends' blogs
[Add smartupid's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.