Group Blog
 
All Blogs
 
ny11-เธออยู่ไหนเมื่อไฟดับ -1977 New York City Blackout






ผมอยู่นิวยอร์กมานาน นานพอที่จะได้รับรู้เรื่องราวใหญ่โตของนิวยอร์กที่เป็นข่าวไปทั่วโลก
เริ่มจากปีแรกๆที่ผมอยู่ ได้รับรู้กับการเปิดเป็นทางการของตึกแฝด World Trade Center
จนถึงวันสุดท้ายที่ตึกนี้ล่มสลายหายไปกับตา เมื่อวันที่11 กันยา 2001
และต่อมาได้รับรู้การฉลองครบ200 ปี ของอเมริกา Bicentennial เมื่อปี 1976
ได้เห็นการจุดพลุที่ยิ่งใหญ่สวยงาม ตื่นตาคื่นใจก็ครั้งแรก บริเวณอ่าวฮัดสันใกล้ๆที่ตั้ง เทพีสันตืภาพ
จนเผลอลืมตัวลืมบ้าน และยอมรับว่าเมกามันยิ่งใหญ่ซะจริงๆ เด๋วกรูรักเสียหร๊อก

และอีกปีต่อมาก็ได้รับรู้ และผจญกับตัวเองกับเรื่องร้ายของนิวยอร์ก ที่จำได้ไม่ลืม

NEW YORK CITY BLACKOUT 1977
วันนี้ วันที่ 13 July 2007
ครบรอบ30 ปีพอดีครับ กับเหตุการณ์ไฟดับทั่วนิวยอร์กซิตี้
ที่นับเป็นที่สุดของเหตุการณ์เลวร้ายที่ก่อเกิดจุดดำ
ให้กับเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์ก อย่างสุดยากจะลืม ผมก็อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นครับ
ปี1977 ปีที่เริ่มการมาของวัฒนธรรมดนตรี Disco ผมยังหนุ่มอยู่นะไม่ได้แก่มาแต่เกิด
Studio 54 ที่นิวยอร์กไม่ได้เข้ากับเขาหรอก เพราะเส้นไม่ใหญ่ เงินไม่ถึง มีแต่ไปแอบดูดารามามั่วกัน
กลับไปดูรูปเก่าๆขำดีนะ กับแฟชั่นสมัยนั้น กางเกงซาซูน Oo lala Sasson, Gloria Vandwebilt
อีกไม่นาน เดือนหน้า John Travolta ก็จะพาSaturday night fever ให้สะเทือนวงการดิสโก
เสีบงแหลมๆของ The Bee Gees กระหึ่มทั่วนิวยอร์ก
การจำอะไรเก่าๆมาเล่าก็ขำๆสนุกๆดีเหมือนกันนะ .................
" Where were you when the light went out "
เหมือนชื่อหนังปี1968 ที่ Doris dayเล่นกับใครก็จำไม่ได้แล้วครับ
หนังเรื่องนี้ เขาเอาเหคุการณ์ไฟดับทั่วนิวยอร์กซิตี้ เป็นครั้งแรกเมื่อปี1965 มาใส่ตัวลคร
ผูกเรื่องให้เป็นเรื่องตลกกระจุ๋มกระจิ๋ม
ก็สมัยนั้น ปีนั้น ผู้คนของนิวยอร์กยังเรียกว่าเป็นนิวยอร์กเกอร์ที่เคร่งครัดเอกลักษณ์ มีระเบียบดีอยู่
ยังไม่มีผู้คนผิดผิว ผิดเหล่ามาอยู่กันมาก จนเป็น International city เหมือนสมัยนี้
เขาว่ากันว่า วันที่ไฟดับปี1965 นั้น ชาวนิวยอร์กเขาพากันสนุกสนานกันดีเสียอีก
อือม์ นานๆเจอแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
ไฟเริ่มดับเมื่อกลางวัน เขาเลยมีเวลาเตรียมตัว หาเทียนไข หาไฟฉาย
พอค่ำก็กินดินเนอร์ใต้แสงเทียน พวกหนุ่มสาวก็ว่าน่าโรแมนติกดีออก
กินดินเนอร์เสร็จก็จู๋จี๋กันเฮ้อ มืดอย่างนี้ ไม่มีไรทำ ทำลูกกันดีกว่า
หุหุ เขาว่าเก้าเดือนให้หลัง สถิติการให้กำเนิดกุมารเพิ่มขึ้นคั้ง37%
หุหุ ปี1965 นั้นผมไม่ได้รู้เห็นเรื่องไฟดับนิวยอร์ก หรือได้อยู่ทำลูกกับเขาหรอกครับ
ยังนุ่งขาสั้น ไปเรียนหนังสือที่ภูเก็ตอยู่ แต่ได้ดูหนังเรื่องนั้น และอ่านจากข่าวแค่นั้น

แต่....เหตุการณ์ไฟดับเมื่อวันที่ 13 July 1977 ที่ผมได้เห็นได้รับรู้
ไม่มีอะไรสนุกสานานสำหรับนิวยอร์กเกอร์
หรือใครคนไหนที่บังเอิญมาเยี่ยมนิวยอร์กช่วงนั้นเลย มีแต่ความน่ากลัวมากกว่า
คิดดูสิครับ เมืองใหญ่ที่ทุกอย่างต้องขึ้นกับไฟฟ้า
เมืองที่มีลิฟท์มากที่สุดในโลก มีตึกสูงๆมากที่สุดในโลก
สถาบันการเงิน การแพทย์ที่ทุกขณะจะต้องอาศัยไฟฟ้า
หมอผ่าตัดหัวใจที่มีชื่อเสียงที่สุด กำลังผ่าตัดคนไข้ที่เป็นคนสำคัญของโลก
แล้วเกิดมีอันต้องชงัก เพราะไม่มีไฟฟ้า
คนนับร้อยต้องติดอยู่ในลิฟท์
รถไฟใต้ดินหยุดกระทันหันภายในอุโมงค์รถไฟ
ที่ความร้อนของช่างซัมเมอร์จะเพิ่มเป็นทวีคูณ
ผู้คนหาทางออกจากรถ เพื่อจะเดินตามกันไปบนรางที่ไม่มีแสงสว่าง
ระบบจราจรลืมไปได้เลย ไม่มีไฟเขียวไฟแดง
กับรถยนต์ที่จอแจบนถนนมืดๆนิวยอร์กนี่
มันจะอันตรายแค่ไหน ใครจะไปกอ่นไปหลัง
น้ำมันหมดจะหาทางเติมน้ำมันได้อย่างไร ปั้มไหนจะเปิดอยู่ให้โจรจี้
ทุกคนมีทางเดียวที่ต้องเลือก คือหาทางกลับถึงบ้านอย่างไร ให้ปลอดภัยที่สุด
เขาเดินฝ่าความืดเป็นระยะทางหลายไมล์ กินเวลาเป็นชั่วโมง
บ้างต้องเป็นห่วงกับคนในครอบครัวที่ยังมาไม่ถึง
อาจจะเจอพวกฉวยโอกาศดักจี้ หรือทำร้าย
เขาเปรียบกันว่านิวยอร์กวันนี้ มืดยิ่งกว่านรก

นรกจะมีจริงแล้วครับ มันมากับความมืด หุหุ
ไฟฟ้าเริ่มดับ เมื่อเวลา สองทุ่มกว่า เมื่อผ่านไป เป็นชั่วโมง สองชั่วโมง ก็ไม่มีเค้าว่ามันคืนกลับสู่สภาพเดิมอย่างไร จะนานแค่ไหน ได้แต่รอ รอ
ในละแวกแถวถิ่นที่มีชื่อในด้านลบด้านร้าย ผู้คนเริ่มจะทำการร้าย อาศัยความมืดอำพราง
เจ้าหน้าที่คำรวจก็จนปัญญากับจะการจะหาทางระงับเหคุร้ายในความมืด
........................................
..............................
.......................
กว่าไฟฟ้าจะสว่างกลับมาได้ ก็อีกวันรุ่งขึ้น วันที่14 July รวมเวลาที่นิยอร์กตกอยู่ในความมืดถึง25 ชั่วโมง
.......................................
นี่คือรายงาน Aftermath
***1,616 ร้านค้าที่ถูก Loot ทั่วนิวยอร์กซิตี้ โดยเฉพาะถิ่นแถวคนดำจะโดนมากหน่อย
ทั้ง Brooklyn -The Bronx -Queens และ Upper Manhattan -Harlem
ฝูงคนพากันพังประตูเข้าไปกวาดเอาสินค้า แบบว่าคว้าอะไรได้ก็เอา
ดูเหมือนร้านรองเท้าสนีกเกอร์จะโดนมากหน่อย วัยรุ่นสมัยนั้นฮิตกันมากก็ Adidas, Converse
ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ มีคนไปแบกโต็ะ แบกโซฟา เอาเข้าบ้านหน้าตาเฉย บ้างขับรถมาขน
นอกนั้นก็มีทั้งร้านขายจิวเว็ลลี่ ร้านเครื่องเสียง อุปกรณ์ไฟฟ้า ร้านขายเสื้อผ้าฯลฯ
เห็นทางข่าวทีวี พวกLooters นี่บ้างก็เฮฮา หัวเราะยิ้มร่าสู้กล้อง สะใจในความพินาศของคนอื่น
น่ากลัวมากๆกับเหตุร้าย ที่ลามไปเป็นจราจลทีหลัง
***1,037 แห่งที่ได้รับรายงานว่าไฟไหม้ รวมถึง 14 สัญญานจากAlarm
***3,776 คน ที่ถูกตำรวจจับ นับเป็นสถิติของกลุ่มคนผู้ทำผิดในเหตุการณ์เกี่ยวเนื่องที่สูงสุดของนิวยอร์กซิตี้
จับจนที่คุมขังไม่พอทีเดียวละ คนแน่นโรงพัก จนต้องไปตั้งคอกกักตัว (Holding pens) ตามสถานที่ต่างๆ
***300 ล้านเหรียญ ที่ทางการประมาณค่าสูญเสีย กับเหตุการณ์ Blackout ครั้งนี้ เทียบค่าเงินสมัยนี้ คงต้องคูณ
ด้วย10
...........................................................
แล้วผมละ ตอนนั้นไปอยู่ไหน หรือไม่มีไรทำ จะทำลูก.....เด๋วจะเล่าให้ฟัง

.........ผมขับรถอยู่บนไฮเวย์ 278 -BQE
รถยนต์ที่ผมขับอยู่นั้นเป็นคันเรกที่ผมซื้อมาด้วยราคา500 เหรียญ
จำมันได้ดี Chevy Vega คนขายใช้มาแปดปีได้มั้ง
ก็สมัยนั้น ราคารถใหม่ สี่ห้าพันเหรียญเอง
ก็เรียกว่าสมราคานะ ไม่เลวมาก แต่ไม่ดีมากแน่นอน
ผมขับรถมากับแฟนผมเพื่อจะกลับบ้านที่Brooklyn
หลังจากไปบ้านเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่Queens
เวลานั้นก็ประมาณสองทุ่มกว่าๆครับ ถนนหนทางยังสว่างอยู่
เพราะเป็นช่วงซัมเมอร์กลางวันนาน กลางคืนเร็ว
ก็ขับรถเปิดวิทยุฟังเพลงดิสโก ขับไปเรื่อยๆนะครับ
จนมาถึงช่วงหนึ่งระหว่างเขตเชื่อมQueens กับBrooklyn

ทันใดนั้น เจ้ารถห้าร้อยเหมือนราคา ก็มีเสียงกึกกึก
แล้วเสียงเหมือนโลหะครูดลากกับพื้นถนน
แล้วมันก็มีอาการเอียงกระเท่เร่ ผมต้องประคองรถให้ได้มาจอดที่ข้างทาง
โชคดีที่ไม่มีรถตามหลังผมมา
พอจอดสนิท รถมันก็เหมือนคนขาหักเอียงล้อพับอยู่ตรงนั้น
ไอ้ตัวที่เขาเรียกว่า Ball Joint มันหักนะครับ
.......ซวยแล้วละสิ ทำไงดีละ ผมอยากข้ามยุคมาสู่ยุคมือถือ
หุหุ สมัยนั้นหากมีโทรศัพท์ไร้สาย
มันน่าจะต้องแบกขึ้นบ่า มากกว่าถือไว้ในมือเหมือนสมัยนี้
งั้นใช้มือนี่แหละโบกรถให้ใครสักคนที่เมตตารับชายหนุ่มและหญิงสาว
ที่ยังหล่อและสวยอยู่เวลานั้นขึ้นรถไปด้วย ........
..แต่ ยังไม่มีใครใจดีผ่านมาเลย......ชักเริ่มมืดด้วยแล้วละ จะสามทุ่มแล้ว
ผมยืนบนไฮเวย์ที่อยู่ระดับสูง มองไปด้านข้าง
เห็นแมนฮัตตั้น เป็นฉากสวยเหมือนรูปโปสสะการ์ด
เห็นตึกเอ็มไพร์สเตท และตึกสูงๆอื่นติดไฟแสงสีสวย นิวยอร์กสว่างไสวเจิดจ้า
........แล้วทันใด ที่ผมมองความจ้าเจิดของนิวยอร์กอยู่
พลันก็เหมือนใครปิดสวิทปิดโลกให้มืดลง
ไฟดับ ไฟดับ เธออยู่ไหนเมื่อไฟดับ อ้อ ยังยืนอยู่ด้วยกัน..แฟนผ้ม....
ทุกอย่างมืดลงทันใด มองไปทางไหนก็มืดๆ
บนไฮเวย์นั้น ที่เคยสว่างเพราะแสงไฟเป็นแนวยาวตลอด
กลายเป็นเหมือนนอกๆเมืองออกไป ที่อาศัยแสงไฟจากรถยนต์ที่แล่นผ่านไปมาเท่านั้น
ตายละสิ ผมยกแขนโอบกอดปลอบใจสาว
ไม่หรอกๆๆ ล้อเล่น นั่นมันพระเอกนางเอก
ผมแค่บอกให้แฟนผมเข้าไปนั่งในรถก่อน
ส่วนผมก็ยืนโบกขอความเมตตาจากใครสักคนในความมืด
คงยากนะ ตอนยังไม่มืด ยังไม่มีคนจอดรับเลย
มืดอย่างนี้ และยิ่งวันBlackout อย่างนี้ ใครมันจะกล้ารับละ
ใครๆก็กลัวกันทั้งนั้น เป็นผม ผมก็ไม่กล้ารับนะ
นึกห่วงและสงสารก็แต่หวานใจเสียจริง เป็นผู้หญิงก็ต้องหวาดผวา
เฮ้อ ขอให้ไฟมาก่อนเถอะแล้วเราจะเดินไปข้างหน้ากันสองคน สองคนหัวใจเดียว หุหุ

และแล้ว ซูปเปอร์แมน Clack Kent ก็มา....
มีรถกลางๆใหม่ คันหนึ่งจอดที่ข้างๆรถผม
เขาถามว่า Need help อะไร อย่างไรไหม
พอผมบอกไป เขาบอกว่าขึ้นมาๆ
วันนั้น ผมใช้คำ Thank you เปลืองมากๆ
แต่ปนไปด้วยน้ำใสใจริง จนน้ำตาซึมๆ
นึกไม่ถึงว่าจะได้รับความเมตตาและเชื่อใจ จากคนคนนี้
เขาชื่อ Andrew ครับ เป็นคนเชื้อสายอิตาเลี่ยน
หน้าตาบอกว่าเป็นคนใจดี อายุก็ห้าสิบกว่า
หลังจากที่ได้คุยกันถามไถ่กันพอเขารู้ว่าผมเป็นคนไทย
แกยิ่งเหมือนดีใจที่ว่าได้ช่วยคนไม่ผิดคน
แกเล่าว่า ลูกชายแกเป็นทหารไปรบเวียตนาม ตอนพักรบ ไปเที่ยวกรุงเทพ
แล้วไปมีเรื่องกับนักเลง โดนทุบหัวสลบนอนกองอยู่ในที่รกร้าง
แล้วมีคนมาช่วยแกพาส่งโรงพยาบาล
และเอาเป็นธุระ มาเยี่ยมเยียนตลอด แม้คนช่วยจะพูดอังกฤษไม่ได้สักคำ
แต่ก็แสดงถึงความมีน้ำใจ
แต่นั้นมา เขาและครอบครัวจะมีความรู้สึกดีๆต่อคนไทยตลอด

หลังจากวันไฟดับ ผมและแฟนก็กลายเป็นเหมือนลูกหลานคุณ Andrew
ไปมาหาสู่กัน โทรถามข่าวกัน
ได้รู้จักภรรยาและลูกชาย ลูกสะไภ้
ทุกปีของเทศกาลThankgivings เขาจะเชิญไปร่วมกินไก่งวง..........
........และเมื่อห้าปีที่แล้ว ก็ได้ไปงานศพ Andrew แกตายแล้วครับ

....................
ผมจำวันไฟดับปี1977 ได้ดี เพราะเหตุนี้ด้วยครับ
วันนี้ขอผมเล่าความหลังหน่อยเถอะ..........
สวัสดีครับ














Create Date : 13 กรกฎาคม 2550
Last Update : 13 กรกฎาคม 2550 15:44:38 น. 7 comments
Counter : 2186 Pageviews.

 
ตกลงว่า มันเป็นเพราะสาเหตุอะไรคะ ที่ไฟดับ

เหตุการณ์ครั้งนี้ เหมือนบังเอิญ ที่ทำให้คนสองคนมารู้จักและสนิทสนมกัน

จะมีกี่เรื่องบังเอิญในขณะที่ไฟดับครั้งนี้นะ อยากรู้จัง


โดย: Piterek วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:34:27 น.  

 
เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ เลยค่ะ เหมือนหนึ่งในร้อยจะได้เจอคุณแอนดริวที่แสนดีท่านนี้ เล่ามาได้ยาว และเกิดความกลัวตามไปด้วย หวังว่ามันจะไม่เกิดอีก เพราะนิวยอร์คก็เป็นเมืองที่ไม่ควรได้เกิดเหตุหารณ์ไฟดับเลยจะดีกว่า ขนาดมีไฟ ได้ยินว่ายังปล้นกันทุกบล็อค ได้รู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นดีค่ะ ขอบคุณนะคะ และจะหาโอกาสไปเที่ยวเมืองอันยิ่งหใญ่นี้แน่นอนค่ะ


โดย: Nok (nokjeffus ) วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:55:52 น.  

 
อ่านแล้วได้ความรู้สึกที่ดีๆ ต่อคุณ Andrew ไปด้วยเลยค่ะพี่สมาร์ท

ไฟดับแบบนั้นมันน่ากลัวจริงๆ ถ้าเป็นหนูก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันค่ะ "เธออยู่ไหนเมื่ไฟดับ" ปี 1977 ยังเรียนมัธยมอยู่เลยค่ะ ว๊าย รู้อายุหมด คิคิ

แต่หนูมาเที่ยวอเมริกาครั้งแรกเมื่อปี 2001 กลับไปได้อาทิตย์เดียวก็มีข่าวเรื่องตึกแฝด โห ขนาดไม่ได้ไปฝังอีสต์ยังสยองเหมือนกันเลยค่ะ


โดย: วิสกี้โซดา วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:21:39:28 น.  

 
คุณลุงเขียนแล้วเห็นภาพตามเลยค่ะ มันคงจะวุ่นวายน่าดูเลยนะคะคืนนั้น แต่ยังโชคดีที่ในความมืด ก็ยังมีความสว่างของจิตใจคนหลงเหลืออยู่ อ่านแล้วประทับใจจัง

มีคำถามค่ะ
1. แล้ว blackout ครั้งหลังนี่ละคะเป็นไงบ้าง ครั้งที่เกิดขึ้นปีเดียวกับ ที่เกิดเหตุ 9-11 น่ะค่ะ ตอนแรกรู้ข่าวใจไม่ดี เพราะคิดว่า นิวยอร์คโดนอีกแล้ว
2. อันนี้ถามเล่นๆนะ ว่าแฟนคนนั้น ใช่คนเดียวกับคนปัจจุบันรึเปล่าคะ..อิ..อิ..อิ


โดย: casidy วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:21:44 น.  

 
สวัสดีจ้ะลุง ว่าไปก็เป็นเหตุการณ์ที่น่าจดจำไปตลอดชีวิตล่ะ อ่านเพลินเลยล่ะ

อิอิ ปี 1977 เพิ่งขึ้น ป 6 ฮ้าฮ้า


โดย: Lottelise วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:22:30:47 น.  

 
บล็อคนี้น่าสนใจ ขอแอดนะคับ


โดย: woottank (woottank ) วันที่: 18 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:07:46 น.  

 
อ่านสนุกทุกเรื่องเลยค่ะ อย่าลืมเขียนเรื่องใหม่ๆ มาให้หนูได้อ่านอีกนะคะ จะติดตามทุกเรื่องเลยค่ะ ^^


โดย: Cuckoo's Nest วันที่: 31 ธันวาคม 2550 เวลา:14:26:57 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

smartupid
Location :
New York United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




กรุณาตรวจตราสิ่งของก่อนลงจากรถไป แค่ลืมหัวใจไว้ในรถ คนขับก็สดชื่น.... โอ่เค้
Please check your belongings before leaving my cab, just leave your heart here ...Thank You
Friends' blogs
[Add smartupid's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.