Day 2 ง่วงหนาวหาวอยากนอนตะลอนเกาหลี
หลับๆตื่นๆมาตลอดทางไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศในเครื่องบินร้อนไปหรือเปล่า ก่อนถึงเกาหลีสักชม.กว่าๆ ก็ถูกปลุกมาให้ทานอาหารเช้าโอ้พระเจ้า!นี่มันแค่ตื่น 4 กว่าๆเองนะ (ถ้าเป็นเวลาไทย) อาหารเช้าตามสไตล์โลว์คอส ก็เป็นแบบที่เห็น ซึ่ง แตกต่างจาก โคเรียแอร์ที่เคยขึ้นอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ต้องกินด้วยความอยากลอง ได้แก่ เบอร์เกอร์ กล้วยหอม โยเกิร์ต และน้ำเปล่า ส่วนรสชาตินะหรอ..ฮิฮิ ลืมบอกไปภาษาที่ใช้ประกาศบนเครื่องบินใช้แค่ภาษาเกาหลีกับภาษาอังกฤษนะคะและแล้วเราก็เดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติอินชอนต้องจากลาจากพ่อสจ๊วตหนุ่มรูปหล่อซะแล้ว พอก้าวลงผ่านงวงช้างเท่านั้นแหละ...อากาศคนละเรื่องกับบินเครื่องบินเลยความเย็นปะทะตัว (แต่แอบผิดหวังเล็กน้อยนึกว่าจะได้เห็นหิมะสีขาวบนลานสนามบิน)อุณหภูมิที่เรามาถึง ต่ำสุดวันนี้ -1 และสูงสุด 3 องศา พวกเรารีบเดินทางไปที่ ตม. เกาหลีโดยไม่ได้กังวลอะไรเลย เราเพิ่งสังเกตเห็นว่าเดี๋ยวนี้นอกจากจะมีนักท่องเที่ยวไทยมาเที่ยวแล้วยังมีกรุ๊ปของคนจีนเยอะมากและเช้าวันนี้ก็มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าเกาหลีเยอะพอสมควร การตรวจคนผ่านด่านเพื่อเข้าประเทศก็เปลี่ยนไปจากเมื่อ2 ปีที่แล้วที่เราเคยมา เราต่อแถวที่ทางพี่หัวหน้าทัวร์นำไว้ พี่ลักษณ์หัวหน้าทัวร์นำไปก่อนและผ่านออกไปรอคนแรกๆ และยืนรอลูกทัวร์ทุกคนเผื่อให้มีปัญหาจะได้เข้าไปช่วย (ตม.แถวที่เราต่อเป็นผู้หญิงค่ะ)เออวิธีการที่เราบอกก็คือ เมื่อเรายื่นพาสปอร์ต ไปทางตม.ก็จะเปิดดูตามระเบียบแหละแต่ที่หน้าจอกล้องถ่ายรูปจะขึ้นภาษาไทยค่ะ เครื่องมันมีการสวัสดีเป็นภาษาไทยด้วยแล้วบอกให้มองกล้อง จากนั้นทางตม.จะให้เราสแกนลายนิ้วมือเพื่อตรวจสอบให้ตรงกันกับพาสปอร์ตมั้งอีกอย่างเราว่ามันน่าจะบันทึกข้อมูลเดิมไว้ว่าเคยเข้าประเทศเกาหลีแล้ว(อันนี้คิดเองนะ) ผ่านกันทุกคนไม่มีปัญหาอะไร พวกเราก็ลงไปรับกระเป๋าด้านล่างและก็มิลืมจะถ่ายรูปกับ SNSD เพื่อเป็นที่ระทึก เอ๊ย! ระลึก
ออกมาล้างหน้าแปรงฟันแต่งหน้าสวมลองจอนเพิ่มและเตรียมอุปกรณ์กันหนาวแยกอีกกระเป๋าแล้วเอาไปไว้ต่างหากบนรถเสร็จแล้วพวกเราแอนด์เดอะแก๊งค์ก็เตรียมตัวออกเดินทางไปลั้นลากันค่ะ พาออกมานอกแอร์พอร์ตเท่านั้นแหละทุกคนสนุกสนานเฮฮากับการพูดแล้วเป็นควันออกจากปากกันมากมายรถบัสที่เราใช้เดินทางกันในเกาหลีทริปนี้เป็นมินิบัสคันเล็ก (ประมาณ 30ที่นั่ง)ค่ะ ....นั่งกันสบายๆเพราะพวกเรามีกันอยู่แค่ 16 คน+ไกด์กับตากล้องอีก 2คน ก็แค่ 18 คน
จุดหมายแรกที่เราเดินทางไปถึงเป็นสถานที่แรกคือหมู่บ้านโพรวองซ์ อารมณ์ก็คล้ายๆปาลิโอบ้านเรา(ความเห็นส่วนตัวปาลิโอสวยกว่า)อากาศหนาวได้ใจดีเหมือนกัน 3 องศาค่ะ ด้วยความที่พวกเรามาเช้าไปมั้งร้านค้าส่วนใหญ่ยังไม่เปิด ก็ได้แต่ถ่ายรูปๆ แล้วก็กลับไปขึ้นรถ
จุดหมายปลายทางที่ 2 คือ เกาะนามิ ระหว่างทางมีเรื่องให้ตื่นเต้นอยู่นิดนึงค่ะเรานั่งรถและหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ... พอตื่นมาก็มองไปที่กระจกรถด้านหน้าว่าเอาแล้วฝนลงเม็ด..แล้วจะข้ามไปเกาะกันคงเปียกแน่ แต่พอมองไปนานๆทำไมฝนที่นี่มันเป็นละอองปลิวๆนุ่มนะคิดได้อีกครั้งเลยเอากล้องวีดีโอขึ้นมาถ่าย โอ้ว! นี่หิมะกำลังตกนี่... แต่พอยังไม่ทันถึงเกาะดี หิมะนั่นก็หยุดและทิ้งไว้แค่ความทรงจำ ไกด์พี่นุ้ยบอกว่าให้เราแวะทานข้าวกันก่อนเมนูมื้อแรกของเราวันนี้ก็คือ ทักคาบี้ร้านเดิม ...แต่ที่เด็ดกว่าคือ เจอพี่ไซมอนไกด์คนเก่า ที่ร้านนี้ด้วย แหม! โลกมันกลมจริงๆ ด้วยความที่ว่ากลัวกลิ่นอาหารติดเสื้อกันหนาวและผ้าพันคอก็เลยถอดไว้บนรถ แต่ดันลืมคิดไปว่าอากาศมันหนาวเกือบ 0 องศานะแล้วมานั่งโต๊ะตรงประตูพอดี กินไปหนาวไป สั่นเลยอ่ะ ..... แต่ว่าเรื่องฮาๆเกิดขึ้นได้เสมอค่ะต้องบอกก่อนว่าที่เกาหลีใต้นี้จะใช้ขับพวงมาลัยซ้ายนะคะ พอเราเดินกลับไปขึ้นรถก็รอว่าพี่ๆที่เดินมาก่อนหน้าหายไปไหนทำไมยังไม่ขึ้นรถอีกปรากฏว่า พี่ๆเดินไปจะขึ้นประตูทางด้านคนขับค่ะ ... พวกเขาก็ฮาบอกว่าหนาวก็หนาวยื่นรอตั้งนานทำไม่ไม่เปิดประตูซะที 555+ ไม่ไกลจากที่กินข้าว ประมาณ 5 นาทีเราก็มาถึงเกาะนามิค่ะ คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ วันนี้ มีทั้งคนไทย จีน ญี่ปุ่นและเกาหลี จะบอกว่าที่นี่หนาวมากเพราะเป็นเกาะที่อยู่กลางแม่น้ำและโอบล้อมไปด้วยขุนเขา เกาะนามิเป็นเกาะที่มีรูปร่างคล้ายใบไม้ค่ะ(เหมือนภูกระดึงบ้านเราเลย..ฮิฮิ) เกาะนี้เกิดจากการสร้างเขื่อนค่ะมีสถานที่สำคัญบนเกาะคือสุสานของนายพลนามิ นายทหารผู้ภักดีที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏและถูกประหารชีวิตต่อมาพิสูจน์ได้ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงคืนยศให้ดังเดิม นอกจากนี้อย่างที่รู้กันที่นี่ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรี่ส์เรื่องดังwinter sonata หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ winterlove song เพลงรักในสายลมหนาว(ออกอากาศเมื่อปี2545..)ซึ่งคนส่วนใหญ่ 90% มาที่นี่เพราะตามรอยซี่รีส์แน่ๆ แต่โดยส่วนตัวเราแล้วมาที่นี่เป็นครั้งที่ 2 ก็ยังไม่เคยดูเรื่องนี้เลย ..555+
อารมณ์และบรรยากาศช่วงwinter ต่างกับAutumn กันอย่างสิ้นเชิง
Winter หนาวจริงๆ ลำธาร น้ำพุ เป็นน้ำแข็งแต่ต้นไม้ก็จะไม่เหลือใบเลย วิวดูคุ้นตาเหมือนต้นไม้ตายหลังน้ำลดบ้านเราจริงๆเดินไปซี๊ดไปเพราะความหนาว ส่วน Autumn ใบไม้เปลี่ยนสีเดินอากาศเย็นๆสบายๆ แต่ทนเหม็นลูกแปะก๊วย เท่านั้นเอง ได้เวลาตามไกด์นัดเราก็เตรียมตัวเดินทางไปกันต่อแต่ขอลองกินเจ้าสิ่งนี่ก่อนนะ อร่อยมาก!!! เดินทางตะลุยกันต่อเพื่อมาเก็บผลไม้ประจำฤดูกาลที่นี่เลยค่ะ ไร่สตอเบอเร่อ เอ๊ย! สตอเบอรี่ ซึ่งเขาให้เราเก็บได้คนละ 6ลูก เลือกเด็ดตามใจชอบเลยนะคะ รสชาติหวานและละลายในปากแบบไอติมเลยค่ะ และออกมาด้านนอกจะมีลูกใหญ่กว่าที่พวกเราเก็บมาขายพวกเราในแพ็คละ15,000 w = 450 บาทหรือจะซื้อกลับเมืองไทยก็ได้โดยเขาจะเอามาส่งให้ที่สนามบินวันที่เรากลับงานนี้พวกเรามีหรอจะพลาดซื้อทั้งกินที่โน่นและซื้อกลับมาฝากตากับยาย
ได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ หม้อไฟเกาหลี บรรยากาศใช้ได้เลยค่ะ อาหารก็อร่อย(หรือพวกเราหิว) กินกันจนอิ่มเราก็เดินทางกันไปที่เล่นน้ำแร่กันที่สวนน้ำ WoongjinPlay ˚C(웅진플레이도시) ตั้งอยู่ที่ คยองกีโด Water park & Spa ตั๋วรอบเย็น(17.00-21.00)ผู้ใหญ่ 26,000 วอน เด็ก 20,000 วอน พวกเราเตรียมชุดว่ายน้ำและหมวกมาพร้อมจากเมืองไทยค่ะหรือหากใครไม่มีที่นี่ก็มีขายค่ะสัมภาระที่พกกันมาไม่ต้องกลัวหายค่ะพวกเราจะได้รับสายรัดข้อมือพลาสติกรูปร่างแบบนาฬิกาคนละ1 อันค่ะ ใช้เจ้านี่แหละค่ะเป็นกุญแจไขตู้ล็อคเกอร์ เพียงแค่จ่อที่หน้าล็อคเกอร์ (ไฮโซมาก) ไม่ต้องพกกุญแจให้วุ่นวายเขาจะแยกโซนที่เปลี่ยนชุดชาย-หญิงค่ะในที่นั้นมีแค่เราคนไทยแค่กลุ่มเดียว....แต่ก็มิอาจเนียนเปลี่ยนชุดตามแบบฉบับคนเกาหลีได้ฮ่าๆ ด้วยวัฒนธรรมของเขาคือ ถอดทั้งหมดมัน ย้ำว่าทั้งหมดจริง ๆ หน้าล็อคเกอร์เลย.....ส่วนพวกเราคนไทยทำใจไม่ได้ใจไม่กล้าพอขอไปเปลี่ยนในห้องน้ำแหละดีกว่า....ไปแช่น้ำตามโซนต่างๆ อย่างสบายตัวแล้วกลับมาล้างตัวเปลี่ยนชุดก็เห็นเหมือนเดิม ........ทั้งอาจุมม่าออนนี่และเด็กน้อย เด็กใหญ่ เดินกันไปกันมาอย่างสบายใจ (ถ้าเป็นตากุ้งยิงไม่ต้องสงสัย)ส่วนพวกเราเหมือนเดิมขอเปลี่ยนในห้องน้ำ เกือบ 3 ทุ่มแล้วเราเข้าพักกันที่ Koboshotel โรงแรมดีมีสไตล์มีอินเตอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ให้เล่นฟรีในห้องพักด้วยนะ..มีซาวน่าและจากุชซี่ในห้องน้ำด้วย
เนื่องจากใช้พลังงานในการเล่นน้ำไปเยอะเลยออกมาหาอะไรใส่ท้องกันใกล้ๆโรงแรมแล้วกับไปอาบน้ำนอนหลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวันจริงๆ........ พรุ่งนี้ยังมีอะไรที่สนุกสนานอีกเยอะรออยู่ to be continue
Create Date : 25 มีนาคม 2555 | | |
Last Update : 25 มีนาคม 2555 22:35:31 น. |
Counter : 478 Pageviews. |
| |
|
|
|