|
The Broaden and Build Theory: เพื่อแก้ปัญหาขัดแย้งระหว่างสี
การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์ได้ละเลยส่วนสำคัญไปนานพอควร ส่วนสำคัญที่ว่านั้นคือ จิตพิสัย (Affective) ซึ่งได้แก่ อารมณ์ ความรู้สึกของมนุษย์ เปรียบเทียบกับความสนใจค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งคือ พุทธิพิสัย (Cognitive) หรือความสามารถในการคิด การรับรู้ การใช้เหตุผล ไม่ได้เลย เพียงแค่เดินดูตามชั้นหนังสือในห้องสมุดก็พอบอกได้ เพราะเราจะเห็นตำราเกี่ยวกับ Cognitive มากกว่า Affective อย่างเทียบกันไม่ได้เอาเลยทีเดียว
แต่เมื่อเราหันกลับมามองดูความเป็นจริงในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมไทยในระยะที่มีปัญหาความคิดเห็นทางการเมืองไม่ตรงกันเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มสีเหลืองและกลุ่มสีแดง เราจะเห็นได้ว่า ที่ทั้งสองฝ่ายไม่ยอมรับฟังความคิดของอีกฝ่ายหนึ่งนั้นมีสาเหตุลึกๆ มาจากเรื่องอารมณ์โดยแท้
แม้แต่ในระดับบุคคลในสังคมไทย ซึ่งมีวัฒนธรรมแบบกลุ่มนิยม (Collectivism) เน้นการได้รับการยอมรับจากผู้คนในสังคมรอบตัวเป็นหลักมากกว่าความสามารถ คนไทยเราก็เน้นจิตพิสัยคืออารมณ์มากกว่าความรู้ความสามารถ ซึ่งเป็นพุทธิพิสัย ต่างจากวัฒนธรรมตะวันตกที่เน้นความสามารถส่วนตนมากกว่าการยอมรับในเชิงความสัมพันธ์ของระหว่างกัน เพราะเขาเป็นวัฒนธรรมปัจเจกชนนิยม (Individualism)
คนไทยเรานั้นลองได้รักนับถือกันแล้ว เขาจะคิดจะทำอะไร คนไทยเราก็จะปรับความคิดไปตามคนที่เรารักและนับถือนั้น และตรงกันข้ามถ้าหากว่าเกลียดใคร คนไทยเราจะไม่ฟังทั้งนั้นว่า คนที่เราเกลียดนั้นจะอธิบายเป็นเหตุผลดีหรือไม่อย่างไร
เราจึงได้เห็นทั้งกลุ่มคนสีเหลือง สีแดง ซึ่งประกาศว่า รักประชาธิปไตย แต่เที่ยวไปปิดล้อม ด่าทอ ด้วยอารมณ์ด้านลบ(เกลียด) ห้ามมิให้ฝ่ายตรงกันข้ามแสดงความคิด หรือการกระทำตามหน้าที่ของเขา แสดงว่า อารมณ์ด้านลบนั้นไปทำให้ปิดตัวเองที่จะฟังคนอื่น
ถึงกระนั้นก็ตาม ทฤษฎีทางจิตวิทยาของฝรั่งตะวันตกที่จะมาเล่าสู่กันฟังนี้สามารถอธิบายให้เห็นว่า อารมณ์สามารถส่งผลกระทบต่อการคิดและการกระทำของคนเราในทุกวัฒนธรรม
อารมณ์ด้านบวกทำให้เปิดใจรับความคิด และสร้างการกระทำโต้ตอบได้กว้างขวางหลายแนวทาง อารมณ์ด้านลบทำให้ปิดใจ ไม่รับความคิด และปิดแนวทางสร้างการกระทำโต้ตอบให้แคบลง
The Broaden and Build Theory
ในปี 1998 บาร์บารา เฟรเดอริคสัน (Barbara Frederickson) ได้เสนอ Broaden and Build Theory ในวารสาร Review of General Psychology ซึ่งอธิบายว่า
อารมณ์ด้านลบ (Negative Emotion) ของมนุษย์ถือว่าสำคัญในแง่ที่ว่า ทำหน้าที่กระตุ้นให้มนุษย์แสดงพฤติกรรมหนีอันตรายจากสิ่งแวดล้อมอย่างทันใด ด้วยเหตุนี้ถ้าเราเผชิญหน้ากับอันตราย เช่น ไฟไหม้ อารมณ์กลัวจึงทำให้เราวิ่งหนี (Flight) ไฟไหม้ หรือหันหน้ามาสู้ (Fight) กับไฟไหม้เพื่อป้องกันทรัพย์สินหรือคนที่เรารักซึ่งอาจจะได้รับอันตรายจากไฟไหม้
ความกลัวซึ่งเป็นอารมณ์ด้านลบจึงเป็นเหตุให้คนเราเลือกพฤติกรรมตอบสนองได้แคบเพียง 2 พฤติกรรมคือ สู้หรือหนี
แต่อารมณ์ด้านบวก (Positive Emotion) ทำหน้าที่ต่างออกไปคือ หนึ่ง เตรียมแนวโน้มที่ไม่เฉพาะเจาะจงให้กับการแสดงพฤติกรรมตอบสนอง ตัวอย่างเช่น อารมณ์รื่นเริงในเด็ก มักจะสัมพันธ์กับแรงกระตุ้นที่จะเล่น สำรวจ สร้างสรรค์ ขณะที่ในผู้ใหญ่ที่มีอารมณ์รื่นเริงนั้นมักจะสังสรรค์กับคนอื่น แสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ กระโจนเข้าหาความท้าทาย หรือแม้แต่การให้ความช่วยเหลือคนอื่น ฯลฯ
หมายความว่า อารมณ์ด้านบวกไปกระตุ้นให้คนเราเลือกช่องทางแสดงพฤติกรรมได้กว้างขวางและสร้างสรรค์ได้มากกว่าเดิม
สอง อารมณ์ด้านบวกมักจะกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกิจกรรมของพุทธิปัญญา (Cognitive) ซึ่งนำไปสู่แนวโน้มในการแสดงพฤติกรรมที่เกิดจากการปรับแต่งระหว่างความคิดกับการกระทำ (Thought Action Tendencies) ในทิศทางใหม่ๆ และเก็บจำแนวโน้มการแสดงพฤติกรรมแบบใหม่นี้ในสมอง นำไปใช้ภายหลังได้ ตัวอย่างเช่น ระหว่างที่เด็กมีกิจกรรมเล่นในสนาม ถ้าเด็กเกิดการเรียนรู้วิธีเล่นแบบใหม่จากการเล่นนั้น เขาสามารถเก็บจำไว้ และสามารถนำพฤติกรรมการเล่นแบบใหม่นั้นไปแสดงภายหลังได้ เฟรเดอริคสันจึงได้เสนอว่า อารมณ์ด้านบวกทำให้คนเราขยาย (Broaden) การรู้ตัว (Awareness) จนภายหลังมีผลต่อการสร้าง (Build) การเรียนรู้ต่อไปในอนาคต ทำให้คนเราสร้างเสริมคลังแห่งแหล่งรวมของพฤติกรรมทางอารมณ์และปัญญาได้กว้างขวาง และยังเก็บจำพฤติกรรมเหล่านั้นได้ยาวนานมากขึ้น
โดยสรุปคือ อารมณ์ด้านบวกไปทำให้คนเราขยายการรับรู้และการคิด อันจะนำไปสู่การกระตุ้นจิตใจของคนเราให้ขยายช่องทางความคิดและทางเลือกของพฤติกรรมให้กว้างขวางและยาวนานไปในอนาคตมากขึ้น ในขณะที่อารมณ์ด้านลบจะไปทำให้ช่องทางของความคิดและการกระทำแคบลง
ได้มีการทดลองเพื่อพิสูจน์ข้อสรุปนี้ ด้วยการนำเอาผู้รับการทดลอง 5 กลุ่ม มาชมวีดิทัศน์ที่ทำให้ผู้ชมเกิดอารมณ์ด้านบวก (สนุกสนาน, สำราญใจ) อารมณ์ด้านลบ (โกรธ, กลัว) และไม่กระตุ้นอารมณ์ หลังจากนั้นให้ผู้รับการทดลองเลือกแสดงพฤติกรรม ผลปรากฏว่ากลุ่มผู้รับการทดลองที่ถูกกระตุ้นอารมณ์ด้านบวกทั้ง 2 กลุ่มเลือกแสดงพฤติกรรมมากอย่างกว่าผู้รับการทดลองในกลุ่มที่เหลือทั้ง 3 กลุ่ม
ถ้าเรายอมรับว่าอารมณ์ด้านบวกขยายความคิดและการกระทำของคนเรา เราจะเห็นได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาในระยะยาว การทดลองกระตุ้นอารมณ์บวกให้กับผู้รับการทดลองด้วยวิธีต่างๆ เป็นระยะเวลาหนึ่งๆ เช่น การนั่งสมาธิสัก 2 เดือน มีผลทำให้ผู้รับการทดลองมีสุขภาพดีขึ้นและยังมีความพอใจในชีวิตสูงขึ้นด้วย ไม่มีผลกระทบต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ในทำนองตรงกันข้ามอารมณ์ด้านลบไม่ว่าจะเป็น กลัว เกลียด เศร้า ล้วนส่งผลกระทบต่อระบบประสาทอัตโนมัติทั้งสิ้น
ขอเล่าการทดลองที่น่าสนใจในต่างประเทศที่แสดงให้เห็นว่า อารมณ์ด้านบวกนั้นยังสามารถลดระดับของการเต้นของหัวใจ ความดันเลือด ให้เข้าสู่สภาพปกติได้เร็วกว่าอารมณ์ด้านลบด้วย โดยนักจิตวิทยาได้กระตุ้นให้ผู้รับการทดลองเกิดความเครียดด้วยการให้พูดต่อหน้าชั้นเรียน แล้ววัดระดับการเต้นของหัวใจ ความดัน และเหงื่อ หลังจากนั้นจึงบอกเลิกการพูดต่อหน้าชั้น แต่ให้ดูวีดิทัศน์ที่กระตุ้นอารมณ์ด้านบวก (สนุก, สำราญใจ) อารมณ์ด้านลบ (กลัว, เศร้า) และไม่กระตุ้นอารมณ์ พบว่ากลุ่มผู้รับการทดลองที่ได้ดูวีดิทัศน์กระตุ้นอารมณ์ด้านบวกมีระดับการเต้นของหัวใจ ความดันเลือด และเหงื่อกลับเข้าสู่ระดับปกติเร็วกว่าทุกกลุ่ม
การนำเอา Broaden and Built Theory ไปทำการวิจัยในมิติต่างๆ เพื่อดูผลกระทบของอารมณ์ด้านบวกต่อด้าน (Resources) เหล่านั้นกำลังเป็นที่สนใจในต่างประเทศ เช่น ด้านกาย (Physical Resources): คุณภาพการนอนหลับ ระบบป้องกันการเจ็บป่วย ด้านสังคม (Social Resources): การติดต่อกับคนอื่น การสนับสนุนสังคม ด้านเชาวน์ปัญญา (Intellectual Resources): ความคิดสร้างสรรค์ การมีสติสัมปชัญญะ ด้านจิตใจ (Psychological Resources): การมองโลกในแง่ดี ความยืดหยุ่นได้ (Resilience)
การนำเอาไปใช้ในชีวิตจริง
Broaden and Build Theory ของ Barbara L. Frederickson เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเราในการทำความเข้าใจว่า เหตุใดมนุษย์เราจึงแก้ปัญหาความขัดแย้งไม่ได้ง่ายนัก เหตุ เนื่องจากมนุษย์เราไม่ได้ตระหนักในความสำคัญของอารมณ์ด้านบวก ซึ่งเข้าไปทำให้จิตใจเปิดกว้างที่จะมองเห็นและยอมรับความคิดอื่นๆ ในขณะที่อารมณ์ด้านลบไปทำหน้าที่กระตุ้นให้มีการปิดกั้นการเห็น การคิดในมุมอื่นๆ นอกจากมุมเดิม เพราะอารมณ์ด้านลบมักจะก่อให้เกิดพฤติกรรมตอบสนองหลักๆ ต่อสถานการณ์ขณะนั้นคือ สู้หรือหนี (Fight or Flight) เท่านั้น
ในแง่ของการนำเอาไปใช้ในชีวิตของเรา การสร้างอารมณ์ด้านบวกเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานภาพหรือบทบาทอะไรก็ตาม อารมณ์ด้านบวกจะทำให้คนเราพัฒนาคลังแห่งพฤติกรรมทุกด้านของตนเอง ไม่ว่าจะเป็น กาย อารมณ์ สังคม จิตใจ ให้กว้างขวางมากขึ้นกว่าเดิมทำให้เจริญงอกงาม (Flourish) มากขึ้น
นอกจากตัวเราเองจะเจริญงอกงามแล้ว ผู้อื่นที่สัมพันธ์กับเราตามสถานภาพและบทบาทของเขาย่อมจะได้รับอานิสงส์ในทางเดียวกันไปด้วย คือได้เปิดใจกว้างขยายคลังแห่งพฤติกรรมการตอบสนองของเขาให้กว้างขวางกว่าเดิมทำให้เจริญงอกงาม (Flourish) ไปด้วย
กิจกรรมที่มนุษย์ทำไม่ว่าจะในสถาบันการศึกษา สถาบันศาสนา สถาบันครอบครัว ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ต้องพบกันความยุ่งยากของความขัดแย้งกัน ถ้าเราเชื่อทฤษฎีนี้ มนุษย์เราต้องสร้างอารมณ์บวกให้กันและกันทุกแห่งหน เพื่อจะได้ขยายคลังแห่งความคิดและพฤติกรรมการตอบสนองต่อเขาขยายตัวกว้างขวาง สร้างสรรค์มากขึ้น ปัญหาความขัดแย้งจะลดน้อยลง
พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องหมั่นแสดงอารมณ์ด้านบวกกับลูกๆ ด้วยการกอด หอม จัดกิจกรรมสนุกๆ กับลูกๆ ผู้บริหารต้องขยันมองหาผลงานดีๆ ของลูกน้องแล้วให้รางวัล พระควรจูงใจให้คนเข้าวัดไปทำบุญเป็นระยะ ครูทำให้โรงเรียนเป็นแหล่งกิจกรรมดึงดูดให้เด็กๆ อยากมา ถ้าทุกสถาบันทางสังคมทำได้อย่างนี้ คนในสังคมจะมีเวลาของอารมณ์ด้านบวกมากกว่าด้านลบ อันจะนำไปสู่การคิดอย่างคนใจกว้าง เปิดใจมากขึ้น และสร้างพฤติกรรมด้านสร้างสรรค์ได้มากขึ้นด้วย
ความขัดแย้งทางการเมืองไทยในปัจจุบันนั้นเป็นตัวอย่างได้ชัดเจนว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขอะไรได้ เพราะว่าทั้งสองฝ่ายต่างสั่งสมอารมณ์ด้านลบต่อกันทุกวัน ด้วยการใช้สื่อมวลชนเป็นตัวกลางในการเสียดสี ต่อว่า ประณาม ดูหมิ่นอีกฝ่ายหนึ่ง ให้โกรธ เมื่อมีอารมณ์ด้านลบต่อกันแล้วต่างฝ่ายต่างจะปิดใจ ปิดมุมมองด้านอื่น และการคิดต่อกันให้แคบลงไปเรื่อยๆ ต่างฝ่ายต่างจะมองเห็นด้านไม่ดีของอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามถ้ายึดเอาทฤษฎีนี้มาแก้ปัญหาทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกัน จุดสำคัญคือ เราต้องเริ่มต้นที่การสร้างอารมณ์บวกต่อกันและกันเสียก่อน นั่นคือต้องหยุดการแหย่ยั่วแสดงความเห็นเสียดสีกันรายวันผ่านสื่อมวลชน ควรมีการพบปะกัน คุยกันระหว่างคนทั้งสองฝ่าย มีคณะทำงานร่วมกันทั้งสองฝ่ายที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กันเป็นช่องทางสำหรับการเจรจาประเด็นร้อนที่ต้องการความเร่งด่วนในการจัดการ ใช้เวลาสร้างอารมณ์บวกต่อกันสักระยะหนึ่งก่อน ทั้งสองฝ่ายจะได้เปิดใจรับฟังกันได้ แสดงพฤติกรรมตอบสนองต่อกันในด้านดีได้หลากหลายพฤติกรรมมากขึ้น แล้วค่อยแก้ปัญหาความคิดขัดแย้งกัน
การที่นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหยุดตอบโต้รายวันเป็นสิ่งที่ช่วยลดอารมณ์ทางลบของฝ่ายเสื้อแดงที่มีต่อตนเอง แต่ควรต้องหาทางพบปะกับฝ่ายเสื้อแดง นปช. และพรรคเพื่อไทยบ้าง นายกรัฐมนตรีคงต้องอดทนมากในการพบกับคนเหล่านี้ เขาคงแสดงพฤติกรรมไล่ท่านแน่นอน ขออย่าได้โต้ตอบ นานเข้าเขาเห็นว่าการแสดงพฤติกรรมแบบนั้นไม่ได้ผล เขาคงต้องเลิกไปเอง (ทางจิตวิทยาเรียกวิธีการลบพฤติกรรมแบบนี้ว่า Extinction )
ถ้านายกรัฐมนตรีทำต่อไปจนพ้นจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หมั่นแสดงผลงาน สร้างนโยบายทางเศรษฐกิจ สังคมให้ถูกใจประชาชนไปสักระยะหนึ่ง แม้แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้แต่บ้านเมืองสงบน่าจะเป็นไปได้ว่า ประชาชนจะมีอารมณ์บวกต่อท่านมากขึ้น รวมทั้งคนเสื้อแดงตลอดไปจนถึงพรรคเพื่อไทยด้วย ถึงตอนนั้นการขัดแย้งระหว่างสีคงเบาลงไปเรื่อย
Create Date : 14 มีนาคม 2552 |
Last Update : 14 มีนาคม 2552 20:46:12 น. |
|
20 comments
|
Counter : 1689 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: Yui IP: 130.88.183.28 วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:21:22:10 น. |
|
โดย: คงเดช IP: 58.9.94.99 วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:22:02:27 น. |
|
โดย: zodayenka วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:22:43:17 น. |
|
โดย: สรัสนันท์ IP: 124.122.219.127 วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:2:34:40 น. |
|
โดย: คงเดช IP: 58.9.95.95 วันที่: 15 มีนาคม 2552 เวลา:11:25:14 น. |
|
โดย: สิทธิโชค IP: 203.156.23.22 วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:10:21:03 น. |
|
โดย: คงเดช IP: 203.131.220.82 วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:17:53:52 น. |
|
โดย: ตุ้ย IP: 202.90.6.37 วันที่: 18 มีนาคม 2552 เวลา:12:08:25 น. |
|
โดย: Yui IP: 130.88.183.28 วันที่: 21 มีนาคม 2552 เวลา:23:59:23 น. |
|
โดย: คงเดช IP: 58.9.94.161 วันที่: 22 มีนาคม 2552 เวลา:23:03:34 น. |
|
โดย: สิทธิโชค IP: 203.156.23.56 วันที่: 23 มีนาคม 2552 เวลา:10:02:55 น. |
|
โดย: คงเดช IP: 202.139.223.18 วันที่: 23 มีนาคม 2552 เวลา:23:44:46 น. |
|
โดย: ^^ IP: 124.120.11.226 วันที่: 29 มีนาคม 2552 เวลา:15:40:52 น. |
|
โดย: ตุ้ย IP: 202.90.6.37 วันที่: 2 เมษายน 2552 เวลา:18:04:41 น. |
|
โดย: คงเดช IP: 58.9.95.60 วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:18:59:26 น. |
|
โดย: สรัสนันท์ IP: 124.121.48.77 วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:21:39:09 น. |
|
โดย: ตุ้ย IP: 125.25.13.196 วันที่: 8 เมษายน 2552 เวลา:16:26:51 น. |
|
โดย: คงเดช IP: 202.139.223.18 วันที่: 10 เมษายน 2552 เวลา:22:15:03 น. |
|
โดย: สรัสนันท์ IP: 124.121.46.243 วันที่: 10 เมษายน 2552 เวลา:23:27:26 น. |
|
โดย: คงเดช IP: 58.136.168.147 วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:12:05:20 น. |
|
|
|
|
sithichoke |
|
|
|
|
บทความอาจารย์มาช่วยชีวิตไว้พอดีเลยค่ะ กำลังอ่านหนังสืออย่างเคร่งเครียดเพราะใกล้สอบอีกแล้วค่ะ เลยพยายามหาวิธีลดความเครียดโดยพักไปทำอย่างอื่นบ้าง ได้อ่านบทความดีๆ แบบนี้ช่วยได้เยอะเลยค่ะ :)
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ;)