Group Blog
 
All blogs
 

มือใหม่หัดเคาะ ไม้ขวดคาตาเซตั้ม





หลังจากรอลูกไม้มานานก็คลอดออกมาให้เลี้ยงดู
และไปอยู่หลายจังหวัด ไม้เบอร์เดียวกันเติบโตต่างที่ ดูแลคนละแบบ
แต่เป้าหมายเดียวกันคือการดูแลไม้ด้วยความรักที่จะเลี้ยง และผลิดอกออกใบมาตอบแทนผู้ดูแล
น่าจะดีถ้าเราจะมาเล่าสู่กันฟัง
ผมขอเล่าแบบลองผิดลองถูกของผมก่อนนะครับ

สิ่งที่ควรมี
ไม้ขวดพร้อมเคาะ / ฆ้อน / ถุงพลาสติก / ตะกร้า / กะละมัง /
ทิงเจอร์ไอโอดีน / คู่มหัศจรรย์ / และอื่นๆตามสมควร

ภาพประกอบบางขั้นตอนไม่ได้ถ่ายไว้ครับ ไม่มีไครช่วยถ่าย มือเปียกแล้วไม่อยากจับกล้อง
>นำไม้ขวดมาเปิดจุกออกทิ้งไว้สักพัก เพื่อให้ไม้ปรับตัวระหว่างอากาศภายนอกกับภายในขวด (เขาว่าอย่างงั้นนะ)
>นำไม้ขวดมาเคาะให้เบาๆให้ไม้เคลื่อนมาทางปากขวด (เพื่อเราจะได้เคาะตรงก้นขวด)
>นำถุงพลาสติกมาคลุมไม้ขวด(เพื่อไม่ให้เศษแก้วกระเด็น)
>ทุบก้นขวดพอขวดแตก (อย่าทุบจนสุดแรง ออมมือหน่อย)
>นำลูกไม้ มาล้างในกะละมังด้วยน้ำสะอาด ฉีดน้ำเบาให้วุ้นออกให้หมด
>นำมาล้างด้วยน้ำผสมทิงเจอร์ไอโอดีนแบบเจือจาง (คงเดาได้นะครับว่าเพื่ออะไร)
>ล้างน้ำสุดท้ายด้วยคู่มหัศจรรย์ (อันนี้ทำจนเคยชิน ยังหาคำตอบที่มีหลักการยังไม่ได้ แต่อ่านที่ฉลากแล้ว ก็คิดว่าควรใช้)
>นำตะกร้า รองด้วยโฟกหัก / แล้วนำเสฟ็กนั่มมอสที่แช่นำ บีบน้ำพักไว้จนหมาดๆ มารองด้านบน
>นำลูกไม้ที่ล้างขั้นตอนสุดท้ายเสร็จมาวางบนเสฟ็กนั่มมอส
- ค่อยๆนำเสฟ็กนั่มมอสมาคลุมรอบๆของรากลูกไม้
- นำลูกไม้วางที่แสงรำไร ไม่โดนฝนไม่โดนแดดไม่โดนลม แรงๆโดยตรง




นี่กระถาง 6 นิ้วนะ ไม่ใช่กระถางนิ้ว (จะเรียกหนูว่าไม้นิ้วไม่ได้นะ)


มีตะกร้าขนมจีนก็มาใช้ต่อ


รวมๆกันอยู่ไปกันนะ อยู่เดี่ยวๆแล้วว้าเหว่








>เมื่อไม้ปรับตัวได้ สามารถแยกแต่ละต้นออกจากกัน
>นำลูกไม้ปลูกด้วยเสฟ็กนั่มมอสในกระถางนิ้ว รองก้นกระถางด้วยโฟมหัก
ถ้ารากเยอะก็เลี้ยงในกระถาง 2 นิ้ว (ข้อดีของกระถาง 2นิ้วรากจะเดินเร็วกว่า รากไม่หักในขั้นตอนจับใส่กระถาง และสามารถเลี้ยงได้จนถึงกลายเป็นไม้รุ่น)





>นำลูกไม้ที่ใส่กระถางเสร็จแล้ว มาเรียงในตะกร้าใบใหญ่ๆ ให้ลูกไม้ได้แบ่งความชื้นแก่กัน
>เมื่อลูกไม้เริ่มโตก็ค่อยๆเพิ่มแสง


ที่ใส่กระถางนิ้วแล้วนำมาใส่ตะกร้ารวมกัน

แต่ลองนำทดลองมาวางแบบนี้ดูบ้าง ก็ชื้นดีเหมือนกัน




>ก้าวสู่วัยที่ต้องเปลี่ยนกระถางเมื่อต้นโต (จะมาเพิ่มเติม หัวข้อ เครื่องปลูก อยู่ในกลุ่มมือใหม่หัดเลี้ยง

*** เดี๋ยวจะมาเล่าต่อ***




 

Create Date : 20 มกราคม 2552    
Last Update : 21 มกราคม 2552 13:55:27 น.
Counter : 868 Pageviews.  

มือใหม่หัดเลี้ยง catasetum






หลากหลายวิธีการปลูกเลี้ยงคาตาเซตั้ม แบบมือสมัครเล่นลองผิดลองถูก
เป็นวิธีที่อยากทดลองใช้เครื่องปลูกหลากหลาย และหาได้ง่าย ไม่มีข้อไหนดีที่สุดเลยสักข้อครับ

วิธีที่คนอื่นเลี้ยงได้งามผมกลับเลี้ยงไม่รอดก็มีครับ และวิธีที่ผมเลี้ยงงามใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป
เพียงเพื่อทดลองปรับเครื่องปลูกให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่เลี้ยง และการให้น้ำ ฯลฯ (คำว่าชื้นแต่ไม่แฉะ ได้ยินบ่อย ฟังดูเหมือนจะง่ายๆ ) * แต่.......


เครื่องปลูกที่สามารถปลูกได้ เช่น สะแฟกนั่มมอส / กาบมะพร้าวสับ / ขุยมะพร้าว / กาบมะพร้าวชิ้น / อิฐมอญทุบ
/ ขี้ตากระถางดินเผา / โฮโดรตรอน / หินกรวด / หินภูเขาไฟ / ถ่านทุบ ฯลฯ
*อัตราส่วนแล้วแต่ความเหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยข้างบนที่กล่าวมา






กาบมะพร้าวสับ



หิน




ปลูกในลูกมะพร้าวก็ได้








พยายามทดลองเพียงเพื่อให้คาตาเซตั้มของเราเลี้ยงได้รอด
เมื่อรอดแล้วก็อยากให้ลำต้นดูสมบูรณ์ ใบที่สวยงาม
ช่อดอกที่ให้ดอกได้ชมมากขึ้น.... ก็ต้องลองกันต่อไป


....................จะนำภาพมาลงเพิ่มครับ......................




 

Create Date : 10 ตุลาคม 2551    
Last Update : 28 ธันวาคม 2551 14:28:59 น.
Counter : 1856 Pageviews.  

มือใหม่หัดผสมเกสร Catasetum







มาดูภาพความแตกต่างกันตั้งแต่ตูมๆ




มาเปรียบเทียบเกสรตัวผู้กับตัวเมียดอกบานๆ (ต้นเดียวกัน ทั้ง 2 ภาพ แต่ต่างเพศ) ตัวเมียบานแล้วดอกคล้ายๆกับปลาหมึก





ดูอีกมุมนึง





เกสรตัวผู้พร้อมแล้ว





เขี่ยเกสรที่แอ่งเกสรตัวเมีย






หลังจากผสมแล้ว






ตั้งท้องแล้ว






อายุฝัก 1 เดือน






อายุฝักครบ 3.5-5 เดือน ก็ตัดฝักส่งแลป แล้วมานั่งรอ ว่าจะงอกหรือเปล่า ช่วงนี้ก็จินตนาการไปก่อนว่าดอกขนาดไหน ฟอร์มเป็นไง จะได้สีอะไรกันนะ....




(หมายเหตุ ภาพที่ใช้เป็นแค่ภาพตัวอย่าง ภาพขั้นตอนการผสมไม่ใช่ต้นเดียวกับ ต้นที่ถือฝักแล้ว )




 

Create Date : 07 ตุลาคม 2551    
Last Update : 29 ตุลาคม 2551 16:50:49 น.
Counter : 415 Pageviews.  


Sippawit
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีทุกคนที่หลงเข้ามาครับ
อย่าลืมหลงเข้ามาบ่อยๆนะครับ
Friends' blogs
[Add Sippawit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.