Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องสั้น : ที่นี่ประเทศไทย

***ที่นี่ประเทศไทย***


ข่าวดัง เขย่าวงการนักร้องลูกทุ่งกระโดดจับไมค์ร้องร็อคกันสนั่นเวที ใส่ลูกคอกันเจ็ดแปดชั้น ทำเพลงร็อคแนวใหม่ไปโด่งดังในตลาดโลก
ข่าวด่วน คลินิกทำแท้งเจ๊งแล้ว หลังจากผุดกันขึ้นเป็ดดอกเห็ดเมื่อกฎหมายไฟเขียวให้เปิดทำการได้ยี่สิบสี่ชั่วโมง
ข่าวเด็ด นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในประเทศไทย นั่งสมาธิ กลางผับดังกลางกรุงฯ เจ็ดวันเจ็ดคืน ต่อหน้ากล่องนมสด เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกกฎหมายที่ลิดรอนสิทธิการดื่มนมในผับ
ข่าวเด่น กฎหมายยกเลิกป้ายห้ามดูดบุหรี่ประกาศใช้อย่างเป็นทางการแล้ว โดยให้ใช้ป้าย “ห้ามพ่นบุหรี่” แทน พื้นที่ใดไม่ทำการเปลี่ยนจะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายกำหนด
ข่าวดังกว่า โจรกระชากกระเป๋าอาละวาดกลางวัด เปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการคิดนอกกรอบหันมาเอาดีทางกระชากย่ามพระแทนกระเป๋า ได้ปัจจัยไปหลายซอง พลเมืองดีช่วยกันจับไว้ได้ แต่ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธ อ้างว่ารัฐไม่เหลียวแลสมาคมกระชากกระเป๋าแห่งประเทศไทย
ข่าวด่วนกว่า นายเอ็ม (นามสมมุติ) ข่มขืนเด็กหญิงอาริยา นามสกุลร่าเริงจริงๆ บ้านเลขที่…จนเป็นเหตุให้ท้องแปดเดือน ผู้ต้องหายังรับสารภาพว่า เด็กหญิงอาริยายินยอมด้วยความเต็มใจ และยังกล่าวอีกว่าจะให้รับผิดชอบก็ยินดี โดยไม่ต้องรอผลการตรวจดีเอ็นเอหลังคลอด แต่เด็กหญิงอาริยาปฏิเสธ เพราะมีหน่วยงานจากภาครัฐยื่นมือให้ความช่วยเหลือตั้งแต่ท้องได้แปดวัน
ข่าวเด่นกว่า แนวคิดใหม่หนังสือพิมพ์รายวันจับมือ สร้างยอดขายด้วยกลยุทธ์ใหม่ทางการตลาด เปลี่ยนจากคำว่า “อ่านต่อหน้า …” เป็น “อ่านต่อฉบับหน้า” หรือ “อ่านต่อฉบับ…(อื่น)” สร้างความแปลกใจให้กับคนไทย “ใครเป็นคนคิด วะ”

ผมเปิดอ่านหนังสือพิมพ์ “รัฐไทย” เซ็คชั่นบันเทิง ตัวหนังสือที่เล็กมากๆ เหมือนกับเรื่องราวนี้ไม่สำคัญเอาเสียเลย แต่ผมติดตามข่าวนี้มาเป็นเวลาเกือบยี่สิบปีแล้ว พาดหัวข่าวตัวหนาเล็กๆว่า “กลุ่มเสื้อสีลายเปิดตัวผู้นำรุ่นที่เก้าสิบแปด หลังจากเก้าสิบหกรุ่นแก่ตาย และรุ่นที่เก้าสิบเจ็ดถูกจับกุมข้อหาพยายามปลุกระดมให้เกิดความเสื่อมเสียแก่วงการบันเทิงไทย” (อ่านต่อหนังสือพิมพ์นิวเดลี ฉบับเมื่อวานหน้าแปดสิบแปด)
หลายครั้งที่ผมหงุดหงิดกับข้อความแปลกๆเหล่านี้ ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนในสังคมไม่เห็นความสำคัญของข่าวการชุมนุม หนังสือพิมพ์เองก็ลงแบบนี้ ให้ไปอ่านอีกฉบับ แถมเป็นฉบับเมื่อวานอีก บรรณาธิการเองคงเห็นว่าอ่านวันไหนก็เหมือนกัน อ่านกี่รอบก็เหมือนเดิม เลยทำให้มันยุ่งยากเพื่อกระตุ้นยอดขายซึ่งกันและกัน ของเมื่อวานก็ยังสามารถวางขายได้อยู่ในท้องตลาด ผมออกไปซื้อหนังสือพิมพ์ทีไรก็ต้องดูฉบับ ดูวันที่ให้ดี จนสุดท้ายผมต้องตัดสินใจซื้อทั้งสองฉบับพร้อมกัน ยังโชคดีที่มันจับมือกันแค่สองฉบับนะไม่อย่างนั้นผมคงแย่ ราคาตอนนี้ก็ปาเข้าไปฉบับละสองร้อยห้าสิบแปดบาท หนาฉบับละหนึ่งร้อยหน้าเศษ ข่าวสำคัญ ข่าวโน่น ข่าวนี่ เยอะขึ้นก็ทำให้หนังสือพิมพ์ทำงานกันหนักขึ้น ผมก็จ่ายเงินเพิ่มขึ้นใช้เวลาอ่านมากขึ้นด้วย

วันหยุดวันนี้ช่างแสนสดชื่น ผมเองว่าจะออกไปดูกลุ่มเสื้อสีลายชุมนุม ปราศรัยเรื่องความก้าวหน้าของวงการบันเทิงในรอบสิบแปดปี ผมเองเป็นคนที่ติดตามข่าวเรื่องนี้มาตลอด และเคยได้ข้อมูลมาว่า ในวงการนี้บางคนเคยเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกันเมื่อครั้งเป็นนักศึกษา แต่แล้วก็ต้องมาแตกแยกกันด้วยเรื่องสีเสื้อ มันก็แปลกนะที่คนสองคนมาเถียงกันกับแค่เรื่องสีเสื้อแล้วเกิดเป็นกลุ่มเป็นก้อนขึ้นมาได้ ผู้นำรุ่นแรกของกลุ่มเสื้อสีลาย ก็เคยเป็นเพื่อนรักกับผู้นำรุ่นแรกของกลุ่มเสื้อสีเดียว แต่ตอนนี้ทั้งคู่ก็แก่ตายไปแล้ว แต่วงการบันเทิงไทยยังคงเหมือนเดิม

วันนี้ผมคงต้องสวมเสื้อสีลายออกไปเพราะข้างนอกมีกลุ่มนี้ยังคงชุมนุมอยู่ ในขณะเดียวกันกลุ่มเสื้อสีเดียวยังคงอยู่ในที่มั่นอย่างสงบเหมือนกับเสื้อของผมตัวอื่นๆที่แขวนอยู่ในตู้ เดินออกจากบ้านไม่ไกลนัก ก็ถึงร้านโกหน่อย ผมสั่งกาแฟกลิ่นสตอเบอรี่โปะหน้าด้วยกล้วยและเงาะสด อาหารมื้อเช้า
ผมกวาดสายตาหาหนังสือพิมพ์สักฉบับ ไม่มีแม้วี่แวว
“โกหน่อย หนังสือพิมพ์ยังไม่มาส่งหรอครับ”
“วันนี้วันหยุด !”
ผมได้ยินดังนั้นก็นึกอ๋อขึ้นมาทันที วันหยุดหนังสือพิมพ์ที่ไหนเขาทำงานกันล่ะ ต้องรออ่านพรุ่งนี้รวดเดียวเลย
“โกหน่อย เมื่อวานอ่านหนังสือพิมพ์นิวเดลีมั่งป่าว”
“ทำไมวะ !”
“เห็นว่ากลุ่มเสื้อสีลายจะเลิกชุมนุม”
“แล้วเอ็งอ่านรัฐไทยหรือเปล่า ก็เห็นเขียนว่ากลุ่มเสื้อสีเดียวจะออกมาจากที่มั่นแล้ว”
“อ่าน ผมอ่านทั้งสองฉบับ นี่ว่าจะออกมาซื้อแต่ไม่มีขาย”
“เอ็งก็บ้า อ่านที่นี่แล้วยังจะซื้ออีก”
“เผื่อมันให้ไปอ่านต่อฉบับที่แล้วไง เลยซื้อเก็บไว้”
“เอ็งนี่มันบริโภคข่าวแทนข้าวได้เลยนะเนี่ย”

ร้านกาแฟโกหน่อย เป็นเหมือนซุ้มเล็กๆในหมู่บ้านให้ผู้คนได้พบปะคุยกัน หลายเรื่องหลายราว บ้างออกมานั่งเล่นหมากรุก และแอบมีติดปลายนวมกันบ้างเล็กๆน้อยๆ ในที่นี้เองก็มีผมนั่งใส่เสื้อสีลายอยู่คนเดียว แต่พวกนี้ก็ไม่มีใครถือสาอะไรผมหรอก เพราะผมใส่ตามช่วงนิยม กลุ่มไหนดังเวลาไหนผมก็ใส่มันออกมาเดินอย่างภูมิใจ ทุกคนต่างรู้ว่าผมเป็นพวกบ้าคลั่งดารา อย่างทิดเปี๊ยกก็ชอบแซวผมอยู่บ่อยๆ
“เฮ้ย ! ข้าว่านะ ผู้นำรุ่นต่อไปข้าว่าต้องเป็นแกแน่ๆ”
“โขกหมากรุกไปเหอะ อย่ามายุ่งกับผม”
“ใครเขาก็ไม่อยากยุ่งกับเอ็งหรอก เอ็งมันพวกบ้าดารา ดาราพวกนี้ชอบสาดน้ำใส่กัน สุดท้ายก็เปียกทั้งคู่ หนำซ้ำยังพาคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เปียกไปด้วย”
“ถ้าไม่มีดารา ไม่มีวงการบันเทิงแบบตอนนี้นะ ทิดเปี๊ยกไม่ได้มานั่งโขกหมากรุกสบายๆแบบนี้หรอก”
“ทำไมว่ะ !?!”

ทุกครั้งการสนทนาระหว่างผมกับทิดเปี๊ยกก็จบลงห้วนๆแบบนี้ น้อยคนนักที่จะรู้ประวัติความเป็นมาของแก ทิดเปี๊ยกเองเคยได้รับรางวัลตุ๊กตาทองจากสมาคมผู้สืบข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย และหลังจากที่ได้รับรางวัลแล้วแกก็ต้องอำลาวงการเพราะรางวัลนี้ทำให้แกดังจนหมดความน่าเชื่อถือบนเวที สาเหตุก็เพราะว่าเมื่อประมาณแปดปีที่แล้วแกเล่นขึ้นแสดงสองเวที ใช้เวลาไม่นานก็มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักแต่ไม่มีใครได้เห็นหน้าเพราะแกใส่แว่นดำผูกผ้าคลุมหน้า ทำสองเสียง เป็นหมาสองราง มีสองเจ้าของ ก็ปานนั้น จนสมาคมผู้สืบข่าวสามารถสืบได้ว่าแกเป็นใคร และประโคมข่าวด้วยการมอบรางวัลตุ๊กตาทองให้ จนสังคมรู้กันอย่างกว้างขวาง และแกก็มีรายได้เยอะมากในช่วงนั้น จนแกไม่ต้องทำมาหากินอะไรแล้วในทุกวันนี้ ไม่น่าเชื่อกับแค่ไปตะโกนแหกปากบนเวที แกเป็นคนแรกๆที่แสดงละครเวทีที่มีค่าตัวสูงมาก

ระหว่างที่นั่งคิดนู่นนี่ไปเรื่อย ก็ก้มมองแก้วกาแฟ นึกขึ้นได้อีกแล้วว่า กลิ่นกาแฟหายไป แล้วจะกินไปทำไมกัน ไม่รู้เหมือนกันครับว่าใครเป็นคนคิด เห็นเป็นของใหม่ก็ลองกินดู พอกินแล้วก็ติดใจ ลืมคิดไปว่าจริงๆแล้วตัวตนของกาแฟหายไป มองดูก็เหมือนน้ำผลไม้ปั่นโรยหน้าด้วยผักชี อืม…กล้วยกับเงาะต่างหากล่ะ ทำให้ดูน่ากิน แต่นึกไปนึกมาอาหารหลายๆอย่างก็ยังเป็นกลิ่นกาแฟได้เลยนี่ เงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นทิดเปี๊ยกมายืนอยู่ข้างๆ

“เอ็งบ้าหรือเปล่านั่งมองอยู่ได้แก้วกาแฟน่ะ”
“ไม่บ้าหรอก !”
“ข้ามีเสื้อสีลาย สีเดียว ขายต่อให้เอ็งเอาไม๊”
“ไม่เอามันเก่าแล้วไม่ใช่หรอ ? จะเอามาทำไม ?”
“เอ็งนี่ไม่เห็นคุณค่าของเก่าซะเล๊ย !”

พูดจบทิดเปี๊ยกก็ส่ายหัว แล้วเดินออกจากร้านกาแฟโกหน่อยไป พาให้ผมนึกถึงเสื้อสีเทาที่ผมแขวนทิ้งไว้ที่ผนังห้อง มันเก่ามากแล้วและใส่ไม่ได้ ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะมีคุณค่าอะไร ที่แขวนเก็บไว้เพราะคิดว่าป้าให้มาเป็นของขวัญวันเกิดแค่เท่านั้น ป้าบอกว่าซื้อมาจากฝรั่งเศส ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า ยิ่งอ่านข้อความบนเสื้อก็เป็นภาษาไทยพื้นๆไม่โดดเด่นอะไร ตอนนั้นทำให้ผมแปลกใจมาก ไม่คิดว่าของแบบนี้จะไปมีค่า สามารถขายได้ที่ต่างประเทศ ถ้าในประเทศ ผมเองก็คงไม่ซื้อเหมือนกัน ก็มันเป็นของพื้นๆธรรมดาเราก็รู้ก็เห็นข้อความภาษาไทยแบบนี้บ่อย เห็นตามรายการทีวี ได้ยินตามวิทยุ ได้อ่านตามหนังสือนิตยสารและตามเวบไซต์
ผมก้มมองแก้วกาแฟอีกครั้ง
“อะไรจะมาสู้ของแปลกๆแบบนี้ได้”

หลังจากดื่มกาแฟกลิ่นสตอเบอรี่หน้ากล้วยปนเงาะเรียบร้อย ผมก็ก้มหน้าก้มตาเดินกลับบ้านชีวิตผมเป็นแบบนี้ทุกวันหยุด และสุดท้ายผมก็จะมานั่งคิดได้ที่บ้านว่า “ผมลืมไปฟังปราศรัยดังที่ตั้งใจไว้” ทำไมจึงลืม ผมยังคิดเหมือนกันว่าผมเองก็ไม่เห็นความสำคัญของการชุมนุมหรือเปล่า แต่คงไม่หรอกครับ ในเมื่อผมสนใจอ่านข่าวทุกวี่วันขนาดนี้ หันไปเปิดทีวี เห็นจอสีดำมืดสนิทจนนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันหยุดราชการ รายการทีวีก็คงปิดทำการเหมือนกับกิจการหนังสือพิมพ์ เดินไปคว้าหนังสือพิมพ์ฉบับเมื่อวานขึ้นมาอ่านเซ็คชั่นกีฬาที่ผมเคยเปิดข้ามไปโดยไม่สนใจ ก็เห็นแถลงการณ์ตัวเบ้อเร่อ

“เปิดตัวผู้นำปฏิวัติ รุ่นที่เก้าสิบแปดที่อายุน้อยที่สุด จะดำเนินการปฏิวัติวันพรุ่งนี้ และขอประกาศให้วันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดราชการ”
ผมละมือจากหนังสือพิมพ์ เปิดตู้ดูเสื้อสีเดียว ดูเสื้อสีลาย หลายตัวมันขาด หลายตัวมันคับ หลายตัวสีมันหม่นไปแล้ว และบางตัวที่ซื้อมาใหม่ยังคงเฉดสีเดิมที่สดใส ถอยหลังออกมายืนดูห่างๆแล้ว พาให้ดูเสื้อทุกตัวในตู้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
ละสายตาจากเสื้อในตู้ไปมองเสื้ออีกตัวที่แขวนอยู่ที่หัวตะปูผนังห้อง ได้มาตั้งแต่สมัยยังเด็ก ตัวมันเล็กใส่ไม่ได้แล้ว ผมแขวนมันทิ้งไว้ไม่ได้สนใจ เสื้อที่เป็นสีเทาอยู่แล้วและมีฝุ่นเกาะพาให้ดูหม่นๆ ข้อความที่หน้าอกเสื้อยังเป็นสีขาวสว่าง “ที่นี่ประเทศไทย”



Create Date : 01 ตุลาคม 2552
Last Update : 8 ตุลาคม 2552 13:01:59 น. 8 comments
Counter : 988 Pageviews.

 
ดีค่ะ ศิลป์ใจ ย่าไม่ได้เข้าไปเล่า เป้นปีแล้วค่ะ พอดีเลิกเหล้า เอ้ย เล่า ฮ่าๆๆ แล้วเขาก็เล่นเก็บตังค์ด้วยค่ะ


เลยเลิกดีกว่า ประกอบกับมาเขียนบล๊อกด้วยค่ะ เล่นมีที่เล่าตรงนี้แล้วละค่ะ

สบายดีนะค่ะ


โดย: ย่าชอบเล่า วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:18:23:17 น.  

 
หว้า.......เขีนก็ดีนะแต่...อ่านแล้วงง..ไงไม่รู้...เขียนให้รู้เรื่องบ้างสิ......โชคดีนะ...^_^


โดย: อะไร อะไร........... IP: 19.232.204.152, 136.8.1.100 วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:12:25:19 น.  

 


เขียนเรื่องสั้นเยอะเชียวนะคะ เก่งจัง


โดย: parinnada วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:21:14:17 น.  

 
จงรักษาความแนวของนายต่อไป...

เราขอให้การสนับสนุน


โดย: รองคณะผู้ปฏิวัติเสื้อสีลาย (Jotivator ) วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:0:19:27 น.  

 
แวะไปดูนายสูธีตามแม่ สนุกดี เขียนต่อไป
มีแววเป็นนักเขียนนะเนี่ยยย มาวันนี้อยากรู้จัก
เผื่อวันหน้าตะเองดัง เราจะมีหน้ามีตาไปด้วย
ไม่เคยไปอ่านแนวนี้ที่ไหนมาก่อน เราตามรองคณะปฏวัติคนข้างบนมา


ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

แอมอร


โดย: เสื้อลายดอก...ไม้ (peeamp ) วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:13:34:30 น.  

 
ที่นี่ประเทศไทยก็ไม่เลว ทำไม ทำไม เราไม่เข้ามาก่อนหน้า จะได้อ่านให้ฉ่ำอุรา แล้วจะแวะมาอ่านใหม่นะตะเอง



แอมอร


โดย: peeamp วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:13:43:49 น.  

 
ตามมาอ่านมั่ง
อ่านแล้วจะขำหรือเศร้าดีวะเนี่ย

ชอบ ขอบคุณที่แวะไปทักกัน
ปกติก็ชอบแนวนี้แหละ แต่พยายามเขียนนิยายมากกว่า


โดย: rainfull วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:0:44:10 น.  

 
เขียนได้ดี มีจินตนาการ น่าจะรวมเล่มได้แล้ว


โดย: สนใจอ่าน IP: 180.180.34.147 วันที่: 14 เมษายน 2553 เวลา:11:13:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ศิลป์ใจ
Location :
สระบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




******###@###*****
...เรื่องราวมากมายผ่านเข้ามาในชีวิต แต่เลือกเรื่องเล็กๆที่เป็นช่องว่างของสังคม มา ตัด เสริม เติม แต่ง ซึ่งอาจเหลือความจริงเพียงน้อยนิด และเรื่องราวเหล่านี้อาจทำให้ใครหลายคนก้าวเข้าไปถึง ช่องว่างที่ใครหลายคนอาจไม่เคยเห็น...
*******************
*****###@###******
...งานเขียนใน Weblog นี้เป็นของ ศิลป์ใจ ศิริกาลกุล ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗...
*******************
Friends' blogs
[Add ศิลป์ใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.