PANORAMA RAMADA RESORT KHAOLAK รามาด้า เขาหลัก
ก่อนที่จะมาเป็นโรงแรมรามาดา เขาหลัก ณ ปัจจุบัน เมื่อก่อนใช้ชื่อว่าโรงแรมปาล์ม อันดามัน เป็นกึ่งๆบังกะโล เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2543 ซึ่งเป็นการลงทุนของบริษัทศรีธนาวุฒิ จำกัด ในธุรกิจโรงแรมเขาหลักเพียงแห่งเดียว เพราะเห็นว่าช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมาการท่องเที่ยวเขาหลักดีมากนักท่องเที่ยวจากยุโรปและสแกนดิเนียเวีย ทางตระกูลมีที่ดินอยู่ก็เลยสร้างโรงแรมขึ้นมา เริ่มจากบังกะโล 20 ห้องขยายเป็น54 ห้องซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการขยายห้องพักเพิ่ม ก็เกิดสึนามิขึ้นมาเมื่อปลายปี2547
ส่งผลให้โรงแรมปาล์ม อันดามัน ได้รับเสียหายทั้งหมด มูลค่าความเสียหายกว่า 70 ล้านบาท ก็มานั่งคิดว่าจะทำธุรกิจต่อหรือไม่ ถ้าเราไม่ทำก็ไม่มีใครทำ เขาหลักหลังสึนามิก็คงแย่กว่าเดิม ปัญหาสังคมก็จะตามมา ประกอบกับช่วงนั้นรัฐบาลมีโครงการกองทุนเปิดเพื่อพัฒนาและฟื้นฟูกิจการที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ(Recovery Fund)ซึ่งบริหารโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)โดยให้ความช่วยเหลือในรูปแบบของหุ้นกู้เพื่อฟื้นฟูกิจการ เราออกหุ้นกู้ไป 150 ล้านบาทมีอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปีในระยะ 5 ปีแรก จากนั้นกำหนดอัตราดอกเบี้ยอิงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบมีระยะเวลา(MLR)
ทำให้บริษัทมีแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการฟื้นฟูกิจการ แต่การเริ่มต้นของโรงแรมก็ไม่ได้เริ่มนับหนึ่งแต่แรก เพราะเดิมยังมีภาระหนี้เก่าค้างอยู่กับธนาคารกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงที่กู้เงินมาใช้ขยายปาล์ม อันดามัน เฟส 2 จึงถือว่าเราเริ่มต้นมาด้วยการติดลบด้วยซ้ำ และการตัดสินใจฟื้นธุรกิจกลับมาใหม่ ก็ต้องคิดมากขึ้นว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้ธุรกิจอยู่ได้สามารถจ่ายภาระหนี้สินที่มีอยู่กว่า 200 ล้านบาทได้
++ทำไมจึงนำเชนรามาดาเข้ามาบริหาร
เพราะการมีภาระหนี้เพิ่มขึ้น ทำให้การลงทุนใหม่จึงมองว่าคงทำแบบเดิมไม่ได้ ซึ่งถ้าทำโรงแรมในลักษณะเดิมก็จะจ่ายหนี้ใหม่ได้ แต่หนี้เก่าคงจ่ายไม่ได้ อีกทั้งในเวลานั้นค่าก่อสร้างก็ถือว่าสูงกว่าก่อนมาก ผู้รับเหมาก็เล่นตัว เพราะรู้ว่าอย่างไรเราก็ต้องซื้อของจากเขา ต้นทุนค่าก่อสร้างก็เลยค่อนข้างสูง ไหนๆจะสร้างแล้วก็เลยตัดใจทำให้ใหญ่และดีกว่าเดิม และวางผังออกแบบก่อสร้างใหม่ ทุบโครงสร้างเก่าทิ้งหมด หากสร้างใหม่ในฐานรากเดิมก็จะไม่คุ้มในระยะยาว เพราะระบบสาธารณูปโภคมีค่าใช้จ่ายสูงมาก
อีกทั้งการจะสร้างโรงแรมใหม่ก็ต้องมีจุดขายที่แตกต่างจากโรงแรมทั่วไปที่เปิดให้บริการอยู่ โจทย์ที่ให้สถาปนิกไปในการออกแบบคือต้องการให้โรงแรมมีพื้นที่ส่วนกลางให้มาก เพื่อให้ลูกค้าเกิดการรีแลกซ์ และใส่ความเป็นไทยเข้าไปนิดหน่อย และออกแบบให้ดูเป็นสมัยใหม่โมเดิร์นเพราะโรงแรมอื่นๆมักจะสร้างเป็นแนวบาหลีหรือไม่ก็แบบไทยแท้ๆ แต่เราต้องการทำให้แตกต่างเพื่อสร้างจุดขาย และเรายังได้บริษัทโฮเทล คอร์ป จำกัด เข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้โรงแรมด้วย ซึ่งตอนนั้นโฮเทล คอร์ป ก็เป็นตัวแทนของเชนรามาดาอยู่แล้ว ทำให้การสร้างโรงแรมใหม่ของเราเป็นลักษณะ 4 ดาว ซึ่งเหมาะที่จะนำเชนรามาดาเข้ามาบริหาร
ประกอบกับเชนรามาดา เป็นธุรกิจของบริษัทWyndham จากสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นบริษัทแม่ของรามาดา และที่มีเครือข่ายธุรกิจอยู่ทั่วโลก ทั้งระบบสำรองที่นั่งแบบเบ็ดเสร็จ(ซีอาร์เอส)อย่างกาลิเลโอ เครือข่ายระบบการจัดจำหน่ายบริการท่องเที่ยวครบวงจร(จีดีเอส) อย่างแซนแด็นซ์ และเชนรามาดามีโรงแรมภายใต้การบริหารกว่า 1 พันแห่ง จุดที่เราซื้อเฟรนไชส์ของ
รามาดามา ก็เพื่อเป็นการขยายช่องทางการตลาดและการขายให้โรงแรมเพิ่มขื้น และด้วยการที่เป็นเฟรนไชน์ไม่ได้เป็นเชนที่จะเข้ามาบริหารเต็มตัว ก็ทำให้เจ้าของกิจการยังมีสิทธิที่จะออกเสียงและวางนโยบายในการทำงานได้เต็มที่
ดังนั้นเมื่อตัดสินใจสร้างรามาดา เขาหลักขึ้นมา ก็ทำให้ต้องลงทุนอีก 350 ล้านบาท เงินลงทุนนอกจากใช้การออกหุ้นกู้แล้ว เงินส่วนหนึ่งก็ได้เพิ่มทุนดึงสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)มาร่วมลงทุนในสัดส่วน 25% สร้างโรงแรมให้ใหญ่ขึ้นกว่าของเดิมมีห้องพักรวมกัน 80 กว่าห้อง และเพิ่งเปิดให้บริการได้เมื่อกลางเดือนมกราคม 2550 มุมมองจากห้องพักมุมมองจากสนามหญ้าสระน้ำใหญ่มากรูปที่ 2 อีกรูปค่ะติดตามตอนต่อไปค่ะ
Create Date : 26 มิถุนายน 2551 | | |
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2552 14:47:24 น. |
Counter : 1231 Pageviews. |
| |
|
|
|