Group Blog
 
All blogs
 

[The Last of Us] เหตุผลให้มีชีวิตอยู่


The Last of Us เป็นเกมแอ็คชั่นแนวเอาชีวิตรอดบนเครื่อง PS3 โดยค่าย Naughty Dog ออกจำหน่ายในปี 2013 และรีมาสเตอร์ลง PS4 ในปี 2014 เกมออกช่วงท้ายยุคของ PS3 และดึงศักยภาพของเครื่องออกมาใช้อย่างเต็มที่ มีภาพสวยงาม ระบบการเล่นสนุก และเดินเรื่องกระชับรวดเร็ว ที่สำคัญคือบรรยากาศในการดำเนินเรื่องที่สร้างอารมณ์ให้เราร่วมเดินทางไปกับตัวเอกเสมือนได้เข้าไปอยู่ในโลกหลังภัยพิบัติจริงๆ ทำให้เกมนี้ได้รับรางวัลกว่า 200 รายการ รวมทั้ง Game of the Year จากหลายสำนัก และได้รับการยกย่องจากแฟนเกมทั่วโลกว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์



The Last of Us part II ภาคต่อของเกมนี้กำลังจะออกในวันที่ 19 มิ.ย. 2563 นี้แล้ว เรียกว่าทิ้งช่วงจากภาคแรกไปถึง 7 ปี ถือเป็นภาคต่อที่มีแฟนเกมรอคอยกันมากที่สุด เทรเลอร์ตัวอย่างเกมที่ปล่อยมาทุกตัวก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี จนกระทั่งเมื่อเดือนก่อนมีสปอยล์เนื้อหาเกมหลุดออกมาชุดใหญ่ ซึ่งเผยถึงเนื้อเรื่องที่ทำให้คนเล่นภาคเก่าโกรธกันมาก เชื่อได้ว่าเนื้อหาเกมถูกปรับเปลี่ยนเพราะทีมงานทำตามแนวทางของ Anita Sarkeesian ที่ตั้งองค์กรคอยจับจ้องบทบาทของผู้หญิงในวิดีโอเกม เธอเป็นคนคลั่งสตรีนิยมอย่างรุนแรงและทีมสร้างผลักดันให้บทบาทของตัวละครใหม่อย่างเอ็บบี้ที่เป็นสาวล่ำและคู่เลสของเธอโดดเด่นขึ้นมาแทนที่ตัวละครเก่าที่คนรักอย่างโจเอลและเอลลี่ซึ่งต้องถูกไล่กำจัด จนแฟนเกมพูดถึงภาคต่อนี้ว่าเหมือนเขียนด้วยมือลบด้วยตีน

เอ็นทรี่นี้จะไม่พูดถึงเนื้อหาเกมที่ยังไม่ออกนะครับ มาย้อนระลึกถึงภาคแรกกันดีกว่าว่าทำไมผู้เล่นถึงผูกพันกับตัวละครหลักอย่างโจเอลและเอลลี่กันมากขนาดนี้

 
*เอ็นทรี่นี้มีการสปอยล์เนื้อหาของเกมภาคแรก*

โจเอล คุณพ่อผู้สูญเสียลูกสาววัย 12 ปีไปในเหตุการณ์ผู้ติดเชื้อออกอาละวาด หลังโรคระบาดแพร่ไปทั่วโลกผ่านไป 20 ปี ฉากหลักของเกมคือสหรัฐในโลกหลังภัยพิบัติที่เหลือแต่ซากปรักหักพัง และผู้คนอีกไม่มากที่ยังใช้ชีวิตอยู่อย่างต้องคอยหลบหนีทั้งจากผู้ติดเชื้อและจากกองทหารที่คอยลาดตระเวนและกำจัดคนที่เข้าข่ายว่าติดเชื้อ สังคมกระจายตัวกันอยู่แบบกลุ่มเล็กๆ ที่ไม่มีการติดต่อกัน ซึ่งโจเอลอาศัยอยู่กับเพื่อนสาวชื่อเทส ทำงานค้าของเถื่อนในบอสตัน รัฐแมสซาชูเซ็ต

กลุ่มไฟร์ฟลาย (Fireflies) กองกำลังที่ต่อต้านปฏิบัติการของทหารได้ขอร้องให้โจเอลและเทส พาตัวเอลลี่ไปส่งที่ฐานลับของพวกเขาที่ตั้งอยู่ที่ว่าการรัฐแมสซาชูเซ็ตนอกเขตกักกัน ระหว่างเดินทางพวกเขาได้รู้่ว่าเอลลี่ก็ถูกผู้ติดเชื้อกัด แต่เธอมีร่างกายที่มีภูมิคุ้มกันพิเศษจึงไม่แสดงอาการ ทั้งสามคนมาถึงที่ว่าการรัฐ แต่กลุ่มไฟร์ฟลายที่กบดานอยู่ที่นี่ก็ถูกกองทหารฆ่าตายไปหมดแล้ว เทสที่ถูกผู้ติดเชื้อกัดระหว่างเดินทางก็ยอมสละชีวิตต้านกองทหารให้โจเอลพาเอลลี่หนีออกมาได้


โจเอลตัดสินใจพาเอลลี่ไปหาทอมมี่ น้องชายของเขาซึ่งเคยเป็นสมาชิกของไฟร์ฟลายเพื่อหาตัวสมาชิกคนที่เหลือ พวกเขาได้พบเพื่อนร่วมทางอีกหลายคนทั้งบิล แซม และเฮนรี่ แต่พวกเขาก็มีเหตุให้ต้องจากไประหว่างทาง จนกระทั่งเดินทางมาถึงเมืองแจ็คสันในรัฐไวโอมิง ที่ซึ่งทอมมี่กบดานอยู่กับพรรคพวกแถวเขื่อนผลิตไฟฟ้า ทอมมี่บอกว่ามีกลุ่มไฟร์ฟลายอยู่ที่มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นโคโลราโด แต่พอพวกโจเอลไปถึงก็พบว่าพวกเขาหนีตายย้ายไปกบดานที่โรงพยาบาลในซอลต์เลคซิตี้รัฐยูทาห์หมดแล้ว

ที่มหาวิทยาลัยโจเอลถูกพวกโจรเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส เอลลี่รับบทหนักที่ต้องเฝ้าดูแลโจเอล และเข้าไปพัวพันกับแก๊งล่ามนุษย์ของเดวิดที่ล่าคนมากินเป็นอาหารในยุคที่ขาดแคลนอาหารเช่นนี้ แต่พรสวรรค์ในการใช้ปืนและมีดติดตัวก็ช่วยให้เอลลี่รอดกลับมาได้ ทั้งสองคนมาถึงโรงพยาบาลยูทาห์และพบกับไฟร์ฟลาย ดูเหมือนการเดินทางของพวกเขามาถึงเป้าหมายแล้ว แต่เมื่อโจเอลรู้ความจริงว่าไฟร์ฟลายต้องการตัวเอลลี่ไปเพื่อผลิตวัคซีนป้องกันโรคระบาด ซึ่งต้องผ่าเอาจากสมอง นั่นคือเอลลี่จะต้องสละชีวิต เขาก็เสี่ยงตายลุยกับศัตรูกลุ่มสุดท้ายของเรื่อง นั่นคือคือกองทหารของไฟร์ฟลาย เพื่อช่วยเอลลี่หนีออกมา และเดินทางกลับไปยังแจ็คสันที่ทอมมี่อยู่

ถึงเนื้อเรื่องจะไม่หวือหวาอะไรมาก แต่บรรยากาศเรื่องที่ชวนให้ผู้เล่นเอาใจช่วยโจเอลและเอลลี่ให้เอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ถาโถมเข้ามาก็ทำให้คนอินกับเกมนี้มากกว่าเกมส่วนใหญ่ที่มีความเป็นละครมากเสียจนคนเล่นรู้สึกว่าเป็นแค่ผู้ดู ตามช่องแคสต์เกมต่างๆของต่างประเทศ เกมนี้จะเป็นที่นิยมมาก ด้วยความสนุกกับรีแอ็คชั่นของคนแคสต์ที่มีต่อฉากกดดันหรือดราม่าต่างๆ


ความสัมพันธ์ของโจเอลและเอลลี่ค่อยๆงอกงามขึ้นตามระยะทางที่พวกเขาเดินทางร่วมกัน จากที่เคยเป็นภาระ เอลลี่ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเอาตัวรอดและเธอเข้าใจจิตใจของโจเอลที่สูญเสียลูกสาวดีเพราะตัวเธอเองก็เคยสูญเสียอะไรมาไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งเราจะได้เห็นว่าเอลลี่เป็นคนมีของ นอกจากภูมิต้านทานที่ผิดมนุษย์แล้วยังมีความสามารถในการเอาตัวรอดที่น่าทึ่ง และความพยายามเอาชีวิตรอดไปพร้อมๆกับคนสำคัญ ซึ่งจะค่อยๆโชว์ออกมาในช่วงหลังของเกม


โจเอลในเกมอายุเกือบ 50 แล้วนะครับ เราเล่นไปเวลาวิ่งเวลาปีนก็ทำเสียงแบบคนแก่ เออ ลุงก็แก่แล้วจริงๆนะ ฉากที่กดดันผู้เล่นอย่างถึงที่สุดคือตอนที่โจเอลถูกโจรที่มหาวิทยาลัยเล่นงาน ร่วงลงจากตึกมาถูกเหล็กเสียบ ตอนที่เอลลี่ยิงสู้โจรเพื่อปกป้องโจเอล ผู้เล่นซึ่งควบคุมโจเอลที่ทำอะไรไม่ได้แล้วก็ลุ้นเชียร์ใจหายใจคว่ำไปก็นึกไปว่าเออแม่หนูนี่จริงๆ มันเก่งนี่หว่า หลังจัดการโจรหมดแล้วเอลลี่พยุงโจเอลขึ้นม้าเดินทางออกจากมหาวิทยาลัยด้วยสภาพร่อแร่จนทรงตัวไม่อยู่ร่วงลงมานอนกับพื้น คนแคสต์เกมก็พากันร้องไห้ว่าโถ่...โจเอลคงไม่รอดแน่แล้ว ครึ่งหลังเกมนี้เราคงสลับไปเล่นเอลลี่แทนสินะ แต่ก็กลายเป็นเอลลี่ช่วยหาอาหารและยามารักษาโจเอลจนพ้นช่วงหน้าหนาวไปได้และโจเอลกลับมาแข็งแรงเป็นปกติ อึดโคตรๆ จบเกมนี้ก็อย่าให้ลุงได้เจออะไรร้ายๆอีกเลย...


นอกจากเนื้อเรื่องของโจเอลและเอลลี่ รวมทั้งเพื่อนร่วมทางคนอื่นๆแล้ว แม้แต่ตัวประกอบก็มีเรื่องราวของตนเอง เราสามารถไปอ่านบันทึกของผู้ที่เคยต่อสู้เอาตัวรอดในมหาวิทยาลัย หรือบันทึกจากหมู่บ้านร้างที่เคยมีคนอยู่อาศัย บันทึกเสียงของคนที่หลบหนีเข้าไปอยู่ในห้องแช่เย็น และเรื่องราวอื่นๆ ที่เราสามารถรับรู้ได้ตลอดการเดินทาง ร่องรอยที่แสดงให้เห็นว่าในซากปรักหักพังเหล่านี้เคยมีชีวิต เคยมีการดิ้นรนต่อสู้มากเพียงใด ก็ทำให้รู้สึกถึงความเป็นมนุษย์อย่างเต็มเปี่ยม


ฉากที่ผ่อนคลายที่สุดในเกมคือตอนที่เอลลี่ตื่นเต้นกับฝูงยีราฟที่เข้ามาอยู่ในเมือง

ในช่วงสุดท้ายเอลลี่เต็มใจสละชีวิตเพื่อให้ไฟร์ฟลายนำสมองเธอไปผลิตวัคซีนช่วยมนุษยชาติ แต่โจเอลยอมรับการสูญเสียเด็กผู้หญิงคนนี้ไปไม่ได้ เพราะตอนนี้เขาเห็นภาพเธอซ้อนกับลูกสาวที่เคยสูญเสียไปแล้ว เขาบุกฝ่ากองทหารของไฟร์ฟลายขึ้นไปที่ห้องผ่าตัดเพื่อพาตัวเอลลี่ออกมา ฉากพาตัวเอลลี่ออกมา เกมก็ทดสอบความเป็นมนุษย์ของเราอีกครั้งนะครับ พวกหมอจะยืนขวางไม่ให้เราเข้าไปช่วยเอลลี่ ซึ่งโจเอลก็ไม่มีทางเลือกนอกจากฆ่าหมอ ทีนี้หมอมีอยู่สามคน มีหมอที่ขวางทางจริงๆแค่คนเดียว เมื่อเราจัดการหมอคนนี้ไปแล้วก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องฆ่าหมอที่เหลือก็สามารถช่วยเอลลี่ออกมาได้ แต่ผู้เล่นหลายคนก็ถูกบรรยากาศของเกมพาไปจนเผลอฆ่าหมอคนอื่นๆไปด้วย จนหลายคนก็แปลกใจกับตัวเองว่าเราเป็นอะไรไปแล้ว?


เอลลี่ได้สติขึ้นมาในรถที่โจเอลขับออกจากโรงพยาบาล เขาโกหกเธอว่าพวกไฟร์ฟลายมีคนที่มีภูมิต้านทานเหมือนเอลลี่เยอะเลย จนเขาไม่ต้องหาวิธีรักษาแล้วหละ ซึ่งเอลลี่ก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ เมื่อทั้งสองคนเดินทางกลับมาที่แจ็คสัน เอลลี่ก็เปิดเผยความในใจออกมาในตอนจบ

เธอเล่าว่าตอนอยู่ที่บอสตันและถูกกัด ตอนนั้นเพื่อนสนิทเธอก็อยู่ด้วย เธอชื่อไรลีย์และก็ถูกกัดเช่นกัน แต่กลับเป็นเพื่อนเธอคนเดียวที่ตาย หลังจากนั้นเธอก็ต้องสูญเสียคนที่รักไปอีกมาก ทั้งเทส และแซม โจเอลรู้ว่าเอลลี่ไม่อยากจะฟังสิ่งที่เขาพูดแต่เขาก็ขอให้เธอนึกถึงสิ่งสำคัญเพื่อยึดมั่นให้เธอต้องมีชีวิตรอดต่อไป

เอลลี่ขอให้โจเอลสาบานกับเธอว่าสิ่งที่เขาเล่าเกี่ยวกับไฟร์ฟลายนั้นเป็นเรื่องจริง ซึ่งโจเอลก็สาบานอย่างเต็มคำ แม้จะรู้ว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริง ความต้องการสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติของเอลลี่ไม่ได้รับการตอบสนอง แต่เอลลี่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะรู้ว่าโจเอลไม่ต้องการสูญเสียเธอไป แล้วเกมก็จบลงตรงนี้



ชอบฉากจบนี้จนต้องแคปวิดีโอไว้
เพลงบรรเลงของเกมนี้เป็นฝีมือคุณ Gustavo Santaolalla เสียงกีตาร์คุณภาพมากๆ

เป็นความเห็นแก่ตัวของโจเอล แต่มันก็งดงามนะครับ คนแคสต์เกมมาถึงตรงนี้ก็สครีมกันทุกแชนเนล "เฮ้ย อย่าจบๆๆๆ อย่าจบแบบนี้!!! นี่มันไม่ใช่แฮปปี้เอนดิ้งแน่ๆ!!" "อ๊า สมองชั้นนนน เกมนี้มันทำอะไรกับช้านนนน" "นี่คือเดอะลาสต์ออฟอัสครับท่านผู้ชม จำไว้เลยนะทีมสร้าง!" ....แต่ก็นั่นแหละ นี่ละครับมนุษย์ ผมนี้เล่นจบแล้วรักเกมนี้สุดๆอะ

มี Downloadable Content (DLC) เป็นภาคเสริมที่ให้คนเล่นจ่ายตังค์โหลดเล่นเพิ่มเติมได้ ชื่อ
The Last of Us: Left Behind ส่วนผมได้เกมนี้แถมมาตอนซื้อเครื่อง PS4 อยู่แล้ว เป็นฉบับ Remastered ก็มีทั้งภาคหลักภาคเสริมมาพร้อมเลยครับ เนื้อเรื่องเป็นช่วงก่อนที่เอลลี่จะมาพบโจเอล 3 สัปดาห์ ตัดสลับกับเหตุการณ์ปัจจุบันช่วงที่ต้องหนีทั้งทหารและผู้ติดเชื้อเข้าไปเอายาในห้างร้างมาช่วยรักษาโจเอลที่เจ็บหนักอยู่

ช่วงย้อนอดีตเป็นเนื้อเรื่องที่ไรลีย์เพื่อนสนิทของเอลลี่พาไปเที่ยวห้างร้างและเปิดเผยว่าเธอเข้าร่วมไฟร์ฟลาย ทำให้ต้องเดินทางออกจากเมืองนี้ไป ทั้งสองจึงเที่ยวสนุกด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย แต่ทั้งสองก็ถูกกลุ่มผู้ติดเชื้อเล่นงาน เมื่อรู้ว่าพวกเขาจะต้องเปลี่ยนเป็นแบบเดียวกับพวกติดเชื้อแล้ว ก็เหลือทางเลือกไม่มาก คือยิงตัวตาย หรือยอมกลายเป็นพวกติดเชื้อ ไรลีย์ตัดสินใจเลือกรอเวลา เพราะเธอเชื่อว่าการได้มีชีวิตอยู่ต่อ แม้จะอีกเพียงแค่สองนาทีหรือสองวันมันก็มีคุณค่ามาก


"มีเป็นล้านหนทางที่เราจะตายก่อนมาถึงวันนี้ และก็มีอีกเป็นล้านหนทางที่เราจะตายก่อนได้ถึงวันพรุ่งนี้ แต่เราก็ต่อสู้...  เพื่อทุกวินาทีที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะอีกสองนาที หรือสองวัน เราจะไม่ยอมเสียมันไป"

หลังจากนั้นไรลีย์ก็อาการกำเริบและถูกฆ่าตายไป ส่วนเอลลี่พบว่าตัวเองมีภูมิต้านทาน เธอได้ยึดถือประโยคที่ไรลีย์ได้ทิ้งไว้และมีชีวิตรอดไปจนจบเรื่องราว


ถึงจะเป็นเนื้อเรื่องเสริมแต่ก็สร้างอิมแพ็คให้คนเล่นไม่น้อยเลยครับ
เพลงคุณภาพฝีมือคุณ Gustavo Santaolalla อีกเช่นกัน
 


เดือนหน้าก็จะรู้กันแล้วนะครับว่าภาคต่อจะทำลายซีรี่ยส์นี้พังยับเยินแบบทื่สปอยล์หลุดออกมาหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นแฟนเกมส่วนใหญ่คงถือว่าเกมนี้มีแค่ภาคเดียว ก็ภาคแรกเขาทำไว้ขึ้นหิ้งจริงๆนะ 409



 




 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2563    
Last Update : 10 พฤษภาคม 2563 9:36:52 น.
Counter : 5820 Pageviews.  

[FF7R] บันทึกจบเกมรอบแรก


ลองเขียนเรื่องที่นึกได้ตอนเล่น FF7R เท่าที่นึกออก ไม่มีบทวิเคราะห์อะไรนะครับ เอาไว้เม้ามอยกับคนเล่นจบแล้วอย่างเดียว เน้นเนื้อเรื่องไม่เน้นระบบการเล่นนะครับ
 

**เอ็นทรี่นี้สำหรับคนที่เล่นเกมจบแล้วเท่านั้น เพราะสปอยล์แหลกราญจ้า**
**สำหรับคนที่ไม่ได้เล่นเกมนี้อยู่แล้วไม่ต้องกลัวสปอยล์ แต่ก็จะอ่านเอ็นทรี่นี้ไม่รู้เรื่องจ้า**


FF7R หรือ Final Fantasy VII Remake เป็นรีเมคของภาคต้นฉบับปี 1997 (จากนี้จะขอเรียกว่าออริ) ลงเครื่อง PS4 เนื่องจากเกมเดิมมีเนื้อหาที่ยาวมาก ไม่สามารถบรรจุในเกมยุคปัจจุบันที่กราฟฟิคมีความละเอียดสูงและเพิ่มเติมรายละเอียดยิบย่อยของโลกเดิมเข้ามาเต็มไปหมดได้ จึงต้องแบ่งตัวเกมออกเป็นพาร์ทๆ สำหรับพาร์ทแรกนี้จบลงแค่ตอนออกจากมิดการ์ ผู้เล่นก็คาดเดากันไปว่าเกมจะแบ่งเป็นกี่พาร์ทแต่ละพาร์ทจบลงที่ไหนบ้าง แต่เนื่องจากช่วงท้ายแสดงให้เห็นว่าเนื้อหาของเกมต่อจากนี้จะแตกต่างจากต้นฉบับไปแล้ว ก็คงเทียบเส้นทางกับของเดิมไม่ได้แล้วนะครับ

ข้อเสียชัดๆ คือเกมเดินเรื่องช้ามากและเป็นเส้นตรงมาก ยิ่งเดินเรื่องไปทีละแชปเตอร์ยิ่งไม่มีอิสระในการเล่นเลย ช่วงที่โอเพ่นมากที่สุดคือ ch.14 ที่เรานั่งรถโชโคโบะระหว่างสลัมได้แค่นั้น (ซึ่งตัวละครในทีมก็ล็อคให้เล่นได้แค่คลาวด์ แบเร็ต ทีฟาเท่านั้น) เนื้อหาเกมจบแค่ตอนออกจากมิดการ์ เทียบกับต้นฉบับแล้วก็ 1 ใน 5 แต่เกมมีส่วนขยายเนื้อเรื่องเยอะ มีคัตซีน มีการบังคับให้เดินกลับไปกลับมา มีฉากที่บังคับใช้เดินช้าๆ ทำให้ใช้เวลาเล่น 30-40 ชม. โดยแทบไม่มีเนื้อหาอะไรเลย แม้แต่ตัวละครที่เลือกเข้าทีมสู้ก็ถูกล็อคไว้หมดทุกฉากสู้ ออริมีระบบ PHS ไว้สลับตัวละครหลังออกจากมิดการ์ (เป็นมือถือที่ทีฟาให้มา ยุคนั้นญี่ปุ่นใช้มือถือที่เรียกว่า Personal Handiphone System เลยเอาตัวย่อมาใช้กับ Party Hensei (Editing) System ด้วย) แต่ PHS ในพาร์ทนี้เป็นตู้โทรติดต่อพรรคพวกเพื่อสลับปาร์ตี้ไปคอยกดสวิตซ์ต่างๆในตึกชินระเท่านั้นเอง เมื่อเอา PHS มาใช้ในการนี้แล้วไม่แน่ใจว่าพาร์ทต่อๆ ไปจะมีการสลับเพื่อนในตี้ได้ไหม หรือถ้ามีก็คงต้องเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ PHS


สำหรับรอบแรกผมใช้เวลาเล่น 36 ชม. พอเล่นๆไปแล้วรู้สึกไม่ค่อยสนุกและคิดว่าคงไม่ได้เล่นหลายรอบเท่ากับภาคเก่าก็เลยพยายามเล่นให้ละเอียดที่สุด จะได้ไม่ต้องวนกลับมาเก็บของอีก แต่ไอเท็มหลายๆอย่างก็ต้องเล่นซ้ำในโหมด Hard ถึงจะมีให้เก็บอะนะ ถ้วย Platinum นี่เลิกคิดได้เลย พวกมินิเกมที่ใช้จังหวะอย่างดึงข้อนี่แค่เอาให้ผ่านตามเนื้อเรื่องก็กระอักแล้ว ระบบต่อสู้มีความแอ็คชั่นสูง ถึงตอน Crisis Core จะปราบบอสลับมิเนอร์ว่าได้หลายรอบก็เถอะ แต่นั่นใช้วิ่งวนแล้วเข้าชกเอาเรื่อยๆ ไม่ได้ต้องเทพเกมแอ็คชั่นอะไรมากมาย แต่ภาคนี้ไม่รอดแน่นวลจ้าาาา ถึงจะเป็นภาคออริที่ว่าเล่นจนพรุนก็ยังมีอย่างนึงที่ผมไม่เคยเอาชนะได้ก็คือ Speed Square ในโกลด์ซอเซอร์ครับ เล่นให้ตายก็ไม่ได้ร่มแอริธกับหอกซิด


อนิเมสมัยนี้ละเอียดขนาดขยับปากตรงกับบทพูดกันหมดแล้ว เกมก็เช่นกัน เลยนึกถึงความยากของเกมที่มีหลายภาษาเข้าไปอีก ทีแรกคิดว่าเขาต้องปรับคำให้ออกเสียงคล้ายกับคำต้นฉบับ แต่ FF7R นี้ปรับริมฝีปากตัวละครตามภาษาในเกมที่เปลี่ยนแปลงไปเลย ล้ำเข้าไปอีกขั้นครับ ผมไม่ได้เล่นเกมมานานมากจริงๆ

มีหลายส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาในพาร์ทนี้และคนรู้เนื้อเรื่องมาแล้วถึงจะเก็ต เช่น
  • ตอนที่เรโนหัวเราะว่าคลาวด์เนี่ยนะ 1st class (เพราะ 1st จริงๆเก่งกว่านี้เยอะ) หรือโฮโจกำลังจะเฉลยว่าคลาวด์ไม่ใช่โซลเยอร์แต่โดนผีผ้าคลุมลากออกไปก่อน เพราะความจริงแล้วคลาวด์ไม่ได้เป็นโซลเยอร์จริงๆ ซึ่งเรื่องนี้จะเปิดเผยตอนเฉลยความทรงจำที่แท้จริงกลาง disc 2
  • เอลไมร่าบอกว่าแอริธเป็นลูกบุญธรรมแล้วแบเร็ตอึ้งแรงผิดปกติ อันที่จริงมาร์ลีนก็เป็นลูกบุญธรรมของแบเร็ต แต่กว่าเกมจะเฉลยก็ต้องไปถึงโคเรลช่วงกลางๆ disc1
  • ตอนเขต 7 พังลงมาจะมีตุ๊กตาแมวเดินมาทำคอตก ตัวนี้คือเคทซิทเป็นหุ่นยนต์ที่ชินระส่งให้เข้ามาเป็นสปายในกลุ่มเรา ซึ่งเดิมกว่าจะมีบทก็ต้องไปถึงโกลด์ซอเซอร์ กว่าจะรู้ว่าเป็นสปายก็ล่อไปตอนกลับไปโกลด์ซอเซอร์รอบสองท้าย disc1 และกว่าจะรู้ว่าคนคุมเจ้าตุ๊กตาตัวนี้คือรีฟ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาเมืองของชินระก็ล่อไปจะจบ disc2
  • ตอนเติร์กถล่มเสาค้ำรู้ดเห็นทีฟาก็หักหัวคอปเตอร์หลบ ก็เป็นเพราะหมอนี่หลงรักทีฟานั่นเอง ซึ่งเดิมจะเฉลยเรื่องนี้ในฉากเม้าที่กองกาก้า
  • ความรู้สึกของเส็งที่มีต่อแอริธก็เปิดเผยมาในฉากเดียวกัน แต่ดูเหมือนพี่ชายที่เอ็นดูหนูน้อยเคราะห์ร้ายมากกว่า ใน Case of Shinra อธิบายว่าเส็งเคยปฏิบัติกับอิฟาลน่าอย่างโหดเหี้ยมตามคำสั่งชินระทำให้เธอบาดเจ็บหนักและเสียชีวิตในเวลาต่อมา แม้จะได้รับคำสั่งให้ตามหาแอริธเขาก็ทำแค่เฝ้าดูห่างๆ คอยให้แอริธอยากมาชินระโดยสมัครใจ แต่นิยายยังคงบรรยายให้สอดคล้องกับในออริว่าช่วงที่เส็งจำใจต้องบังคับแอริธกลับมาที่ชินระนั้นเพราะสถานการณ์เรื่องอวาลันช์มันบานปลายไปมากจนเขาต้องสวมบทปีศาจร้ายกับแอริธ แต่รีเมคแอริธสมัครใจกลับมาที่ชินระเองตามที่เส็งตั้งใจ โดยแลกกับความปลอดภัยของมาร์ลีน ฉากตบเพียะก็ไม่มีแล้วนะครับ
  • นิมิตที่เห็นเซฟิรอธสังหารแอริธ เมเทโอถล่มดวงดาว เร้ด13 วิ่งพร้อมลูกๆของเขาในอีก 500 ปีข้างหน้า ฯลฯ อันนี้เนื้อหาจากออริล้วนๆ คนที่รู้เนื้อเรื่องมาแล้วจะรู้ว่านี่คือเหตุุการณ์ที่กำลังจะเกิดและท้ายรีเมคก็อธิบายว่ามันถูกบรรจุในกระแสธารของชะตากรรมอยู่แล้วทำให้บางคนมองเห็นได้ แต่ผู้เล่นใหม่จะไม่เก็ตว่ามันคือภาพอะไร?


มีการเพิ่มเติมตัวละครจาก compilation เข้ามาเยอะมาก เช่น คิริเอะ และเลสลี่ย์จากนิยาย The Kids Are Alright ซึ่งแฟนของเลสลีย์ที่พูดถึงในเควสต์แชปเตอร์ 14 และทีฟาให้กำลังใจว่าเขาต้องได้กลับมาพบกันอีก ในฉบับนิยายที่เป็นเรื่องหลังเมเทโอตกเขาก็กลับมาคืนดีกับแฟนจริงๆ + คุณแฟนท้องแล้วจ้า เมอริลที่กล่าวถึงเฉยๆ ในนิยายก็โผล่มาตัวเป็นๆด้วย (พร้อมสมญานางฟ้าแห่งสลัม) มีการพูดถึงคันเซลจาก Crisis Core ตอนเพื่อนทหารจะไปตามมาคุยกับคลาวด์ และโฮโจต้องการผสมพันธุ์แอริธกับโซลเยอร์ที่มี S และ G Cells ซึ่งเพิ่งถูกใส่เข้ามาใน Crisis Core ด้วย (แต่จริตส่วนตัวของโฮโจคืออยากเอาไปผสมกับเร้ด13 ที่ซู้ด.... ไอ้โรคจิต) ในเกมมีช่วงที่ลงไปห้องทดลองลับใต้ดินของชินระด้วยนะครับ แต่ไม่ได้แพล่มอะไรเกี่ยวกับดีพกราวด์ออกมาเลย สงสัยจะลับมาก ลับจนน่าตัดทิ้งจากสารบบ


สำหรับตัวละครเดิม มีการลงรายละเอียดนิสัยของตัวละครให้ชัดเจนขึ้นแต่ไม่ได้เปลี่ยนนิสัยตัวละคร - คลาวด์แข็๋งโป๊ก แต่ภาคนี้ดูอ่อนโยนกับทีฟาเป็นพิเศษตั้งแต่ต้นเกม  แบเร็ตเถื่อน แต่ถอดแว่นแล้วแววตาอ่อนโยนมากพ่อ ทีฟาคิดถึงคนอื่นตลอดเวลาและมองโลกในแง่ร้าย แอริธกล้าหาญและขี้เล่น เหมาะเอาไว้ละลายพฤติกรรมคลาวด์ พวกตัวประกอบก็ใส่รายละเอียดลงมามากขึ้น แก๊งอวาลันช์มีรายละเอียดเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะเจสซี่ที่รู้ยันชื่อพ่อแม่และนามสกุล ดอนคอนเนโอก็มีทั้งลานประลองใต้ดินและคลังสมบัติลับเพิ่มขึ้นมายืนยันความมีอิทธิพล จอห์นนี่กลายเป็นหยำฉาประจำภาคอย่างเต็มภาคภูมิ โดมิโน่ยังคงไร้อำนาจและชอบเล่นบ้าๆบอๆ แต่ก็ช่วยเหลืออวาลันช์อยู่เบื้องหลังอย่างจริงจัง ส่วนตัวละครที่เพิ่มเข้ามาใหม่อย่างโรเช่ไม่น่าสนใจอะไร ไม่รู้จะใส่เข้ามาทำไม

ตัวละครรองที่อยากกล่าวถึงคือเพรสซิเดนท์ ชินระ บุคลิคและบารมีเหมาะสมกับตำแหน่งผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกมาก ทั้งการพูดโน้มน้าวใจคน วิสัยทัศน์ที่จะสร้างนีโอมิดการ์ที่ดินแดนแห่งพันธสัญญา การสร้างข่าวเล่นการเมืองโจมตีศัตรู และการสั่งการผู้บริหารเขี้ยวลากดินทั้งหลาย ในพิพิธภัณฑ์มีภาพเก่าๆ ของชินระเยอะ (มีภาพถ่ายทีมงานยุคก่อตั้ง คนตรงกลางหน้าตาเหมือนชินระใน FFX-2 ใส่มากวนใจผู้เล่นอีกรอบว่าคนก่อตั้งแรกสุดคือชินระใน FFX-2 ที่ข้ามดวงดาวมา ...แต่แม่ง plot hole อย่างเยอะ) จากภาพเก่าๆ ดูประธานชินระจะเป็นคนเล่นปืนที่ภูมิใจในฝีมือตัวเองอยู่เหมือนกัน (ซึ่งก็ตกทอดไปที่รูฟัสด้วย) ฉากที่เขาโดนแบเร็ตขู่และกลับมาที่โต๊ะก่อนควักปืนมาขู่แบเร็ตกลับ ก็ชวนให้คิดถึงนิยาย Case of Shinra ว่าห้องนี้เขาสร้างทางออกฉุกเฉินไว้ตามที่รูฟัสเคยบอกตอนเด็กๆ ที่จริงเพรสซิเดนท์มีโอกาสใช้มันหนีได้จริงๆนั่นแหละ แต่ก็เป็นตามทิฐิตัวเองที่บอกกับลูกไว้ว่า "คนอย่างพ่อเนี่ยนะจะต้องหนี?" แล้วสุดท้ายรูฟัสก็เอาทางออกนี้ลี้ภัยตอนเวพ่อนถล่มตึกมาได้

นอกจากบุคลิกกับความสามารถด้านต่อสู้ที่ตอนหนุ่มก็คงมีไม่น้อยแล้ว ตอนหนุ่มหน้าตาแกคงหล่อระเบิดเถิดเทิง จะเห็นได้ว่าไม่ว่าทั่นประธานจะแอบไปมีน้อยไว้กี่คนแต่ลูกๆของทั่นประธานทุกคนทั้งรูฟัส ลาซาร์ด และอีวาน ล้วนหน้าตาดีเว่อร์  


มีส่วนที่เพิ่มเติมจากของเดิมนิดหน่อยให้สมจริงขึ้น ของเดิมไม่ใช่ plot hole อะไรนะครับ แต่ยังมี comic relief สูงอยู่ ฉากปีนขึ้นเพลทด้านบนเดิมให้ไต่เชือกขึ้นไปก็เปลี่ยนเป็นยิงสลิง หรือพวกคลาวด์บุกเข้ามาในตึกโดยไม่มีใครสังเกตเดิมให้ รปภ. ที่เฝ้ามอนิเตอร์หลับ ก็เปลี่ยนเป็นผู้ว่าโดมิโน่ช่วยปลอมหน้าจอให้เพราะฝักใฝ่อวาลันช์ ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมจากออริผมชอบการขยายความที่ทำให้ตัวละครและเนื้อเรื่องมีมิติเพิ่มขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องไปเผาเวลากับไซด์เควสต์ที่ไม่มีความจำเป็น ไม่ชอบที่รีเมคบังคับให้เสียเวลากับการแว้นมอเตอร์ไซค์ไปบ้านเจสซี่ ไล่จับผีในสุสานรถไฟ หรือดูอดีตของตัวประกอบเลสลีย์จีบสาว แล้วเสียเวลาไปค่อนแชปเตอร์แบบที่ไม่ผ่านก็เดินเรื่องต่อไม่ได้ ในขณะที่ภาคหลักสามารถข้ามเนื้อเรื่องของวินเซนต์หรือยุฟฟี่ไปเลยก็ยังได้ด้วยซ้ำ

ฉากที่ชอบที่สุดในช่วงมิดการ์ของออริก็คือตอนที่เอลไมร่าเล่าอดีตของแอริธ อินกับความโศกเศร้าที่ไปรอสามีที่ไม่มีวันกลับมา แต่ก็ได้แอริธที่สูญเสียแม่ด้วยเงื้อมมือชินระมาเลี้ยงดูแทน ภาคนี้เห็นหน้าของอิฟาลน่าชัดขึ้นมาก สาวงามผู้เป็นเซทราเลือดแท้คนสุดท้าย เรียกได้ว่าแอริธถอดแบบแม่มาเลย ตอนที่แอริธเล่าว่ามองเห็นคนที่ตายไปแล้วและเดินมาบอกเอลไมร่าว่า "แม่จ๋า แม่อย่าร้องไห้นะ คนรักของแม่เสียชีวิตไปแล้ว วิญญาณของเขาอยากกลับมาหาแม่ แต่เขาก็กลับคืนสู่ดวงดาวไปแล้ว" เป็นบทพูดที่ระทมแต่อบอุ่นกินใจมาก พอรีเมคมาทำภาพสวยๆ ฉากนี้ยิ่งอึนเลย เนี่ย แค่เอาของเดิมมาทำใหม่ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ แฟน FF7 ก็ตายตาหลับแล้วครับ


ฉากย้อนอดีต หรือสัญชาตญาณรียูเนี่ยนคือจะเยอะไปไหน? เห็นไฟไหม้ก็คิดถึงเซฟิรอธ เห็นเตาปฏิกรณ์ก็คิดถึงตอนพ่อทีฟาตาย กระทั่งเห็นพัดลมดูดอากาศก็ยังย้อนไปคิดถึงกังหันที่บ้านเกิด?? แต่รู้สึกว่าคลาวด์มีความเป็นคลาวด์ตัวจริงมากขึ้นกว่าออริตั้งแต่ต้นเกม แข็งกับคนอื่นยังไงก็คิดถึงทีฟาก่อนใคร ภาคออริต้องให้ทีฟาทวงสัญญาบ้าง จะเดินออกจากร้านท่าเดียวสนแค่ค่าจ้างบ้าง กว่าแอริธจะมาละลายพฤติกรรมก็ต้องเข้าคอร์สจับทัวร์วอลมาร์เก็ตซะรอบนึง แต่รีเมคนี้คลาวด์ใจดีขึ้นมากกกก ซื้อดอกไม้มาก็ยื่นให้ทีฟาแบบไม่ต้องเลือกอ๊อพชั่น และตั้งใจอยู่กับอวาลันช์เพราะนึกถึงสัญญาที่ให้กับทีฟาไว้สมัยเด็กๆแบบทีฟาไม่ต้องทวง พอรู้ว่าทีฟาตกอยู่ในอันตรายก็เป็นห่วงออกนอกหน้าตะโกนเรียกชื่อกันตลอด สองคนนี้ผลัดกันช่วยไปมาตลอดทั้งเกม จนความประทับใจในฉากความทรงจำที่ทีฟารู้ว่าคลาวด์มาช่วยคงจะถูกเจือจางไปด้วยการช่วยกันไปมาเป็นกิจวัตรในรีเมคไปแล้ว ส่วนทีฟาที่คิดถึงคนอื่นตลอดเวลาก็ถูกขยายความให้มีความละเอียดมากขึ้น คนอย่างทีฟาถึงจะเกลียดชินระแต่จะร่วมแก๊งก่อการร้ายทำลายชีวิตและทรัพย์สินมันก็ยังไงอยู่ เลยให้บททีฟาไม่อยากไปก่อคดีร่วมกับพวกแบเร็ต แต่คอยสร้างตัวสร้างอาชีพรับจ๊อบชาวบ้านสลัมไปเรื่อยๆ ถึงสุดท้ายก็ต้องร่วมหัวจมท้ายกับพวกแบเร็ตแต่ก็คอยช่วยเหลือพนักงานชินระที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แบบไม่แยกมิตรและศัตรู ส่วนแอริธได้รับบทบาทโดดเด่นรองจากคลาวด์เลยทีเดียว จะเห็นว่าในรีเมคทั้ง end credit และหนังสืออาร์ตเวิร์ค (และคงรวมทั้งหนังสือข้อมูลต่างๆที่จะตามมา) ชื่อของเธอขยับมาต่อจากชื่อคลาวด์แล้ว ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะออริถ้าตัดเอาเฉพาะช่วงต้นเกมแอริธจะเด่นกว่าทีฟามากก่อนจะไปหักมุมเอาช่วงกลางเกม แต่พอรีเมคเพิ่มเนื้อเรื่องทางแยกชะตากรรมขึ้นและแอริธก็ยังคงเป็นคีย์ในเรื่องนี้ด้วยก็คงทำให้บทบาทของแอริธมีความสำคัญกับเนื้อเรื่องไปอีกยาวๆ จึงคาดว่าทีมงานได้พยาพยามเพิ่มโมเม้นต์ของทีฟาขึ้นจากเดิมตั้งแต่ต้นเกมเพื่อรักษาเพดานบินของสองนางเอกไม่ให้ได้เปรียบเสียเปรียบกันมากในระยะยาว แต่รู้สึกจู่ๆกระแสเรือทีฟาxแอริธก็แรงขึ้นมาซะยังงั้น


อีเวนท์เดทถูกย่นย่อจากที่คลาวด์จะถูกสาวเลือกที่โกลด์ซอเซอร์ กลายเป็นฉากระบายความในใจหน้าบ้านเอลไมร่าไปเลย (ภาคนี้เรียกว่า resolution scene มีสามทางเลือก - ทีฟา แอริธ และแบเร็ต) เนื่องจากเนื้อเรื่องมันสั้น ฉากที่มีผลต่อคะแนนความสัมพันธ์ก็เลยไม่ได้เยอะอะไรมากมาย และทุกตัวละครที่จะออกมาพบเราในฉากนี้ไม่ได้มีแต้มต่อกันแบบออริแล้วนะครับ ถ้าทำดีกับทุกคนมันก็ไปตัดสินเอาตอนตกท่อว่าคลาวด์จะเดินไปปลุกใครก่อนนั่นแหละ ที่น่าสนใจคือ resolution scene ของทีฟาพูดถึงการได้กลับมาพบคลาวด์อีกครั้งและความสูญเสียที่่ผ่านมาแล้วก็ร้องไห้จนคลาวด์ต้องกอดทีฟาไว้แน่น ชวนให้คิดถึง Case of Tifa ที่หลังการต่อสู้ทีฟากลับไปที่นครที่ถูกลืมแล้วร้องไห้ที่สูญเสียแอริธไปจนคลาวด์ต้องโอบกอดไว้จากด้านหลังเพราะไม่อยากให้ทีฟาจากไปไหนอีก เทียบกันแล้วของรีเมคอันนี้ดูอิมแพ็คไม่มากเพราะเพิ่งเป็นช่วงต้นเกม ความสูญเสียอีกใหญ่หลวงกำลังจะตามมา เดี๋ยวค่อยไปกอดกันตอนจบเกมนะจ๊ะ ส่วน resolution scene ของแอริธ (ถึงจะถูกจับตัวอยู่ แต่ก็ยังถอดจิตมาหาคลาวด์ได้เนื่องจากเธอเป็นผู้ใช้แสตนด์แบบควบคุมระยะไกล) จะพูดถึงการใช้ช่วงเวลา ณ ขณะนี้ให้มีค่า สิ่งนี้เป็นคำสอนที่ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ออริเลยครับ ถ้าคนสำคัญจากไปแล้วยังไงก็ไม่มีวันได้พูด ไม่มีวันได้พบกันอีกแล้ว (แต่แอริธดันมาเข้าฝันบ่อยเกิน จนความโหยหามันหายไปเอง) แอริธปิดท้ายให้เป็นของขวัญกับคนที่อุตส่าห์ทำดีกับเธอจนได้ดูซีนนี้ว่า "อย่ารักฉันนะ ถึงเธอจะคิดว่ารัก แต่นั่นไม่ใช่ความจริง" นั่นเพราะความรู้สึกที่คลาวด์มีกับแอริธส่วนหนึ่งมันมาจากความทรงจำของแซ็คนั่นหละ ตอนออริไม่ได้ฟันธงชี้ชัดปล่อยให้แฟนตบตีกัน แต่รีเมคมาฟอร์มนี้ไม่เกรงใจ clerith กันบ้างเลย

ฉากแต่งหญิงอันลือลั่นถูกทำให้อลังการมากขึ้น แต่ก็เป็นเส้นตรงมากขึ้นด้วย จากเดิมที่เรามีพร็อพให้เลือกแต่งตัวได้ถึง 279 แบบ (แต่ไม่มีกราฟฟิคให้เห็นนะ) และดอนจะเลือกได้ทั้งทีฟา แอริธ และคล้าวโกะ ภาคนี้แต่งอะไรมาดอนมันก็เลือกคล้าวโกะ (สรุปว่าสเป็คแกเป็นแบบนี้สินะ) และสามสาวมีชุดสามแบบ แต่ก็คงคอนเซปต์เดิมคือทีฟาหาชุดมาเองจะดีประมาณนึง ส่วนคลาวด์กับแอริธได้ชุดตามเควสต์ ถ้าดีก็เลิศเลย ถ้าห่วยก็เลวเลย ลูกกระจ๊อกคอนเนโออย่าง Scotch กับ Kotch มีบทเป็นโฆษกลานประลองเพิ่มมา แต่ชะตากรรมต้องถูกกระทืบในห้องแต่งตัวก็ยังคงเหมือนเดิม ช็อตที่ฮือฮาคือแอริธเปลี่ยนจากผลัก Kotch ตกบันได เป็นเอาเก้าอี้ฟาดแบบ WWE เอ้อ ในฮันนี่บีไม่มีมุกกิแล้ว ...โกด! 106


พิพิธภัณฑ์ชินระทำได้ดีงามมาก! เห็นละอยากมาจัดแสดงนิทรรศการที่ทำงาน ทีมจัดบู้ทไม่ต้องไปดูงานที่ไหนหรอก มาเปิด FF7R เล่นโลด! ตึกตอนกลางคืนมีคนทั่วไปยังทำงาน ยิ่งช่วงถล่มเพลทและมีกลุ่มต่อต้านนี่งานยุ่งเป็นพิเศษ พอทีฟาบุกเข้าไปเห็นคนธรรมดาทำงานก็รู้สึกว่าศัตรูที่เราเกลียดก็มีคนทั่วไปเหมือนเราๆ เขาทำงานเขาใช้ชีวิตกันอยู่เนอะ คลิปแนะนำองค์กรมีโลโก้ของแต่ละฝ่ายด้วย ผู้บริหารแต่ละคนดูเก่งกาจสมเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรยักษ์ใหญ่ เหลือพาลเมอร์ไว้บ้าบอคนเดียวพอ ดูแล้วรีฟจะตั้งใจทำงานแบบคนปกติมากกว่าเพื่อน ตอนโฮโลแกรมอธิบายงานของตัวเองนี่ตั้งใจเล่าอย่างดี (พาลเมอร์อ่านบทตะกุกตะกัก, โฮโจบอกว่าเล่าไปโง่อย่างพวกเอ็งก็ฟังไม่เข้าใจ, อีกสองตัวไม่ยอมเล่า) VR โลกของเผ่าโบราณก็ทำได้สวยงาม เออ ชินระมันก็ควรมีเทคโนโลยีประมาณนี้อยู่อะนะ นี่ดูหนังจบแล้วอยากตามท่านประธานไปอยู่นีโอมิดการ์เลย ขายฝันเก่งมากๆ และชินระก็มี vision เหมือนองค์กรทั่วไปต้องมีเหมือนกันนะ: Merging Innovation  with Creation


ภาคเดิมเราได้สู้กับชิ้นส่วนเจโนวาอย่าง Birth, Life, Death ส่วนภาคนี้ท้ายเกมได้สู้กับเจโนวาที่เพิ่มขึ้นมาคือ Dreamweaver (ไอ้ที่เอาไว้เขียนเว็บน่ะ...ถ้าเป็นภาษาอื่นตัวนี้จะชื่อ Pulse หรือ Beat ประมาณชีพจร ก่อนถึง Jenova Birth) จากการกลายสภาพของชายชุดดำรอยสักหมายเลข 49 ที่อยู่ห้องข้างๆ และจากเดิมเจโนวาไร้หัวในตึกชินระจะแปลงสภาพเป็นเซฟิรอธและเดินออกมาเอง ให้เราไล่ล่ามันไปครึ่งเกม ก็เปลี่ยนเป็นชายชุดดำหมายเลข 49 และหมายเลข 2 จากสลัมเขต 5 ที่แปลงเป็นเซฟิรอธและหิ้วร่างไร้หัวของเจโนวาออกไป เป็นอันสิ้นสุดทฤษฎี "ชายผู้มีรอยสักหมายเลข 2 อาจเป็นแซ็ค" ที่ยาวนานไปซะที (มันมีคนอินกับทฤษฎีนี้ได้ไงวะ?) ประโยค typo อันลือลั่นอย่าง This guy are sick. ก็ไม่มา เสียจัย 111

คลาวด์สู้กับเซฟิรอธได้สูสีตั้งแต่ต้นเกม ถึง story-gameplay dissonance จะเป็นเรื่องปกติในหลายเกม แต่ในรีเมคการแสดงพัฒนาของตัวเอกให้แข็งแกร่งมากขึ้นตามเนื้อเรื่องที่ดำเนินไปก็คงไม่เท่าออริ ความน่ากลัวของโซลเยอร์ในตำนานอย่างเซฟิรอธก็แทบไม่เหลือแล้ว ฉากปรากฏตัวในออริตอนฆ่าคนล้างตึกและเสียบประธานคาโต๊ะ ช่วงย้อนอดีตที่ตบมังกรตายง่ายดาย หรือเสียบมิดการ์โซลอมที่เราขี่โชโคโบะหนีมันแทบตายทิ้งซากไว้ให้เราสยองก็คงไม่มีแล้วแม้แต่ในพาร์ทต่อไป หรือถึงมีก็ไม่ได้อิมแพ็คอะไรเพราะเราตบกับเซฟิรอธไปแล้วตั้งแต่ที่มิดการ์ (ถึงมันจะยังไม่เอาจริงก็เถอะ) รูฟัสยังยากกว่าอีก คือรูฟัสมันจำเป็นต้องเก่งขนาดนี้มั้ย?


ตุลาการชะตากรรม (Whispers / Arbiters of Fate) เป็นส่วนที่ผมไม่ชอบมากที่สุดที่ถูกเพิ่มเข้ามาในรีเมค รีเมคอธิบายว่าดวงดาวมีกระแสชะตากรรมไหลเวียน ซึ่งเจ้าผ้าคลุมพวกนี้จะพยายามควบคุมโชคชะตาให้เป็นไปตามกระแสนี้ เราจะเห็นตลอดเกมว่าพอมีส่วนที่เนื้อเรื่องจะแตกต่างจากออริเมื่อไหร่ เจ้าพวกนี้จะพยายามมาคุมให้เป็นแบบเดิม ซึ่งสิ่งนี้รบกวนจิตใจผู้เล่นที่ชื่นชมความพยายามฝ่าฟันความยากลำบากของเหล่าตัวเอกจนสามารถหยุดยั้งเมเทโอได้ กลายเป็นว่านั่นคือการเล่นตามกระแสชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้??? พวกคลาวด์ไม่ได้เก่งอะไรนะแค่มีผีพวกนี้คอยช่วยไว้??? ถุยเถอะครับ! อยากเปลี่ยนเนื้อเรื่องอะไรก็เปลี่ยนไป แต่อย่ามาลดคุณค่าของตัวบทเก่าแบบนี้ ไอ้ประเภทเอาชนะผู้คุมโชคชะตา หรือสร้างโลกคู่ขนาน เกิดไทม์ไลน์ทางแยก ฯลฯ นี่ก็มุกที่เห็นจนเฝือแล้วอะนะ รู้สึกมันจูบิเนียวมากด้วย เบียวจนไม่คิดว่าเนื้อหาแบบนี้จะมาอยู่ใน FF7 อีกรอบ (นับตั้งแต่เจอไอ้พวกซเวียตใน DC ที่แทบไม่มีมิติตัวละครอะไรนอกจากแพล่มว่าตัวเนี้ยเก่งกว่าตัวนู้นตัวนั้นนร๊ะ!)

สำหรับแอริธกับเซฟิรอธที่ดูเหมือนจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตจนหลายคนเดาว่าน่าจะมาจากไทม์ไลน์อื่น ส่วนตัวผมคิดว่าทั้งสองคนก็เป็นคนของไทม์ไลน์นี้ละครับ เพียงแต่มองเห็นชะตากรรมที่ถูกเขียนไว้โดยดวงดาว แอริธคงเป็นเพราะพลังของเผ่าโบราณ ส่วนเซฟิรอธที่เดินทางท่องไลฟ์สตรีมมาก็มีภูมิปัญญาไหลเวียนเข้ามาเช่นเดียวกัน หลังจากพวกคลาวด์เอาชนะ Whisper Harbinger ที่หน้าตาเหมือนสัตว์ประหลาดในเกมลดราคา ก็ทำให้ชะตากรรมบางส่วนเปลี่ยนแปลงไปจากกระแสหลักแล้ว เหตุการณ์หลายอย่าง ทั้งที่เกิดก่อนและหลังพวกคลาวด์ออกจากมิดการ์ก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย หลายคนอาจตื่นเต้นที่เนื้อหามันจะแตกต่างไปจากเดิม ไม่ใช่แค่ minor change แล้ว แต่ฉีกออกไปเลย แต่หลายคนก็เสียดายทั้งที่เคยคิดว่ารีเมคจะปรับปรุงเนื้อหาของเก่าและเติม element ต่างๆจาก compilation ให้สมบูรณ์มากขึ้น แต่นี่กลายเป็นว่าไม่เกี่ยวข้องกับของเดิมไปเลย (ซึ่งก็คงเป็นความตั้งใจของทีมงานที่จะไม่เอาไปทับของเดิมด้วย) เลยไม่แน่ใจว่ารีเมคนี้สามารถรวมอยู่ใน compilation of FF7 ได้ไหม ถ้าพยายามกะเอาว่าพาร์ทต่อไปจะจบลงตรงไหน คงเทียบกับเส้นเรื่องเก่าไม่ได้ เพราะมันคงแตกต่างออกไปแล้ว แต่ครั้นจะให้ฉีกจากเดิมไปเลยก็ไม่มั่นใจว่ายุคนี้จะหาอะไรมาเติมในเส้นเรื่องใหม่ให้มันอิมแพ็คได้เหมือนเดิมอีกไหม ฉากประทับใจอย่างอิมเมจของนครที่ถูกลืม กำแพงมาทีเรียทางตอนเหนือ หรือห้วงแห่งความทรงจำในไลฟ์สตรีม คงเอากราฟฟิคช่วยให้อลังการขึ้นมาจนคนเล่นประทับใจอีกรอบได้ แต่เนื้อเรื่องอย่างฉากสังหารแอริธ จุดตกต่ำของคลาวด์ที่สิ้นหวังเชื่อว่าตัวเองเป็นแค่โคลนของเซฟิรอธ ตอนที่ทีฟาช่วยฟื้นความทรงจำของคลาวด์กลับมา ตอนที่พรรคพวกร่วมใจกันเดินทางกลับไปปกป้องมิดการ์ ฯลฯ พวกนี้คงทำให้ดีขึ้น หรือหาอย่างอื่นมาทดแทนได้ยาก ทั้งนี้ถึงจะเตรียมการสร้างพาร์ทต่อไปไว้บ้างแล้ว แต่เชื่อว่าทีมงานคงรอดูกระแสผู้เล่นอีกสักพักก่อนลงมือทำอะไรแปลกๆ ลงไปมากกว่านี้ 

 


สรุปว่าเป็นรีเมคที่ไม่แย่แต่ก็ไม่ได้เหนือความคาดหวังนะครับ กราฟฟิคกับเกมเพลย์พอได้ เกมอืดอาดและเป็นเส้นตรงไปหน่อย มุมกล้องบทจะหมุนได้ก็เร็วจนเมา ช่วงที่ล็อคไม่ให้หมุนก็เยอะเกินจนอึดอัด ส่วนเนื้อเรื่องคงคาดหวังให้ดีขึ้นไม่ได้เท่าไหร่ ถ้าให้คะแนนก็ 8/10 ละมั้ง แต่พอเจอหนังแปลงร่างแชปเตอร์สุดท้ายเข้าไป ลดกระหน่ำเหลือ 6/10 ไปเลยจ้า 107

เคยทำรายละเอียดภาคเดิมและภาคเสริมใน compilation ไว้ในเว็บ 
https://www.suikofriend.com/finalreunion/index.php นะครับ ไม่แน่ใจว่าจะมีเวลาเข้าไปอัพเดทอีกไหม ส่วนรีเมคเดี๋ยวดูท่าทีก่อน ถ้ารวมใน compilation ไม่ได้ก็คงไม่ได้เพิ่มเข้าไปครับ
 




 

Create Date : 25 เมษายน 2563    
Last Update : 16 พฤษภาคม 2563 14:29:50 น.
Counter : 2122 Pageviews.  

บรรยากาศงาน Thailand Classic Toys and Games ครั้งที่ 2



วันที่ 17-19 มิ.ย. ที่ผ่านมามีงาน Thailand Classic Toys and Games ครั้งที่ 2 ที่รวบรวมของเล่นเก่าๆ เกมเก่าๆ แต่ไม่ได้เก่าขนาดพิพิธภัณฑ์ของเล่นเกริกที่เก่าซะจนรุ่นพ่อยังเกิดไม่ทันจนไม่อินนะครับ งานนี้รวมของเล่นและเกมในยุค 1990s ซึ่งเป็นยุคที่มนุษย์ซึ่งปัจจุบันอายุราว 30 กว่าๆ ยังเป็นเด็กอยู่ เป็นยุคที่สิ่งบันเทิงต่างชาติเข้ามาอย่างเต็มตัวทั้งการ์ตูนญี่ปุ่นที่เริ่มอ่านกันอย่างแพร่หลาย การ์ตูนโทรทัศน์สุดฮิตที่ใครๆก็ดูกันอย่างดราก้อนบอล เซนต์เซย่า โดราเอมอน หมัดดาวเหนือ เกมแฟมิคอมและซูเปอร์แฟมิคอมที่ทั้งประเทศไทยเล่นกันอยู่ไม่กี่เกม อย่างมาริโอ้ คอนทรา ร้อคแมน สตรีทไฟเตอร์ มันสร้างการมีอารมณ์ร่วมกับเพื่อนๆทั้งห้องได้แบบที่สมัยนี้ทำไม่ได้แล้ว (เพราะเครื่องบันเทิงมันแตกออกหลากหลายสายเต็มไปหมด) ด้วยเหตุนี้เองก็อย่าไปแปลกใจนะครับว่าทำไมเด็กเจน Y ถึงติดเกมและการ์ตูนกันเหนียวแน่นยิ่งกว่าคนรุ่นก่อนหน้า หรือเด็กยุคหลังจากนั้นเสียอีก

#เพลง Tough Boy ของหมัดดาวเหนือภาคสองดังขึ้นในหัว We are living, living in 90s, 90s, 90s. ♫

ตัวตั้งตัวตีในการจัดงานนี้คือดีเจพล่ากุ้งสุดฮาขวัญใจคอเกมโชว์ทั้งหลายนั่นเอง ดีเจพล่ากุ้งเป็นนักสะสมเกมเก่าตัวยง ได้ชักชวนคนรู้จักที่อยู่ในแวดวงนักสะสมเกมเก่าของเล่นเก่าทั้งหลายจัดงานนี้ขึ้นมา เพื่อโชว์ของสะสมและให้คนรุ่นเดียวกันได้เข้ามาระลึกความหลังกันแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้างานด้วย หรือจะซื้อขายแลกเปลี่ยนของสะสมกันก็ได้ งานครั้งแรกจัดที่ THE NINE พระรามเก้า วันที่ 5-6 มี.ค. 2559 ซึ่งหนนั้นผมไม่ได้ไป เพราะไม่รู้ว่ามี แต่ต่อให้อยากไป พระราม 9 มันก็ไกลอะนะ แต่หนนี้จัดที่ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ประตูน้ำ ที่แสนจะเดินทางสะดวกเพราะมันอยู่ใจกลางเมืองและผมเที่ยวมาบุญครอง-เซ็นทรัลเวิลด์เกือบทุกอาทิตย์อยู่แล้ว คนเข้าร่วมชมของเก่าและร่วมแข่งขันเกมต่างๆก็คึกคักตามไปด้วย



ภาพประชาสัมพันธ์งานหนนี้มาทั้งดีเจพล่ากุ้งและน้องมันแกว (ซึ่งผมไปแป๊บเดียวเลยไม่ได้เจอทั้งสองคนนะ)

งานนี้คุณเจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามันได้มาประชาสัมพันธ์ในเว็บพันทิป (คนละเจ้ากับห้างพันธุ์ทิพย์นะจ๊ะ) ผมรู้ข่าวแล้วตัดสินใจไปแน่นอน! เพียงแต่หาเพื่อนไปด้วยไม่ได้เพราะคนรุ่นเดียวกันมันแก่ตายกันไปหมดแล้ว เห็นว่าอัพเกรดขึ้นจากครั้งที่ 1 ทุกด้านทั้งสถานที่จัดงาน จำนวนร้านค้า ขนาดตู้โชว์ เกมที่แข่งขันหลากหลายขึ้น ฯลฯ ผมไปงานนี้วันอาทิตย์ที่ 19 มิ.ย. ครับ เสียดายเวลาน้อยไปหน่อยเพราะต้องไปงานศพที่วัดชลประทานรังสฤษฎ์ต่อตอน 4 โมงเย็น เลยอยู่ได้ถึงแค่บ่ายสองครึ่ง อีเวนท์หลักยังไม่ทันเริ่มเลย แต่ก็ถ่ายบรรยากาศร้านค้า ร้านโชว์ของสะสมในงานที่หอบของเก่ากันมาโชว์อย่างมากมายก็คุ้มแล้วครับ

บรรยากาศร้านค้าคึกคักกว่าที่คิดมาก นี่ขนาดยังไม่ถึงช่วงพีคนะครับ ผมไปตอนบ่ายโมง แต่พิธีการบนเวทีเริ่มสี่โมงเย็น



ผู้เข้าชมของสะสมเก่าๆอายุ 30-40 กันทั้งนั้น หลายคนพูดคุยถึงความหลังกับเจ้าของบู้ทได้อย่างออกรส (ความรู้สึกอยากหาเพื่อนร่วมระลึกถึงของเก่ามา 20 กว่าปีนี่มันอัดอั้นนะครับ) บางคนพาลูกมาด้วย เห็นเด็กรุ่นนี้เล่นเกมเดียวกับที่เมื่อ 20 ปีก่อนเราเล่นกันแล้วมันก็ซาบซึ้ง This is my legacy, legacy, here ♫





งานนี้มีผู้นำของสะสมยุค 90s มาโชว์อย่างล้นหลาม ทั้งตุ๊กตุ่น สมุดสะสมสติ๊กเกอร์ การ์ดพลัง ไพ่ ขนมกรุบกรอบ ฯลฯ โชคดีที่เพิ่งซื้อเลนส์โพลาไรซ์มา เลยถ่ายตู้กระจกสบายๆ *คลิ๊กที่รูปเพื่อชมภาพใหญ่ได้นะ*







โซนเกมในงานนี้มีเครื่องเกมและตลับเกมเก่าๆมาขายด้วย มีทั้งของที่สะสมไว้ และเกมเก่าที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น (ยังเล่นได้จริงๆทุกเกมครับ) ตอนนี้หลายๆคนเล่นบนอีมูหมดแล้วก็จริง แต่ใช้เครื่องแท้ๆของมันเสียบกับทีวีก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ ยุค 90s ก็ต้องแฟมิคอม ซูเปอร์แฟมิคอม เมกาไดรฟ์ เกมบอย เกมตู้ เลยครับ



มีขายเสื้อลายเกมเก่าอยู่ 3-4 ร้าน มีลายให้เลือกหลากหลาย อยากได้เสื้อลายการ์ตูน/เกมมาใส่เหมือนกัน แต่ในห้างมีแต่ลายวันพีซกับกันดั้ม มางานนี้เลยจัดเสื้อร้อคแมนมาตัวนึง ค่ายสยามกับเนชั่นก็มาเปิดบู้ทขายการ์ตูนในงานนี้ด้วยนะ



เกมที่ใช้แข่งกันมี 5 เกมครับ
  1. Kunio Dodgeball (FC)
  2. Super Street Fighter (SFC) (ภาค 16 ตัว)
  3. Tetris (FC)
  4. Winning Eleven 2000 (PS)
  5. Contra (FC)
บวกกับการละเล่นของเด็กยุค 90s อย่างเกมเสียบถังโจรสลัดและ ....ตุ๊กตุ่นทอยเส้น (ยังมีกะเค้าด้วย)



มีฝรั่งมาลงแข่งสตรีทไฟเตอร์ด้วย ฝีมือร้ายกาจทีเดียว



คุนิโอะดอดจ์บอล (ถ้าใครไม่รู้จักมันคือเกมที่โดนบอลอัดแล้วกระเด็นวนรอบโลกสองรอบน่ะ) คนมุงกันอย่างล้นหลาม ยิ่งแข่งรอบท้ายๆคนยิ่งเยอะกว่านี้อีกครับ แต่ผมอยู่ไม่ถึง



พิธีกรบนเวที อันนี้เป็นช่วงเริ่มงาน ผู้ดำเนินรายการหลักคือคุณพล่ากุ้งยังมาไม่ถึงครับ






ครั้งนี้จัดห่างจากครั้งที่แล้วแค่ 3 เดือน ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะมาเมื่อไหร่นะครับ หนหน้าถ้าไม่ติดภารกิจอะไรจะอยู่ชมอีเวนท์หลักแน่นอน แต่ไอ้ครั้นจะไปแข่งเกมกับเขาก็คงไม่ไหว ฝีมือขึ้นสนิมหมดแล้ว เดี๋ยวนี้ได้แต่เล่นเกมถูๆมือถือไปวันๆ ขอแค่ไปดูน้องมันแกว เอ้ย! ไปดูคนรุ่นเดียวกันประชันฝีมือในคอมมูนิตี้ที่กว้างขึ้นกว่าการแข่งกับเพื่อนในร้านเกมสมัยก่อนก็อิ่มใจแล้ว

Smiley

ใครสนใจอยากดูบรรยากาศงานนี้เพิ่มเติม หรือติดตามการจัดงานครั้งหน้า เข้าไปชมเพจของงานได้นะครับ https://www.facebook.com/Thailandclassictoyandgame-187758528246601/?pnref=story





 

Create Date : 23 มิถุนายน 2559    
Last Update : 23 มิถุนายน 2559 21:21:45 น.
Counter : 6160 Pageviews.  

มาไฝว้กันบนมุเก็นดีกว่า..!!

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้กระผมชีริว ขอมาปัดฝุ่นหมวดเกมที่ร้างมาสองปีแล้ว ด้วยการแนะนำเกมที่น่าจะถูกใจคอไฟติ้งรุ่นเก่าทั้งหลาย นั่นคือ "มุเก็น" ...ซึ่งผมตั้งใจจะอัพบล็อกนี้ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว จนตอนนี้มันเอาท์คนเลิกฮิตกันไปแล้ว แต่อย่างน้อยเผื่อใครสนใจก็หยิบมาเล่นได้ไม่จำกัดเพศ วัย และสเป็คคอมพิวเตอร์ครับ

อันที่จริงมุเก็นไม่ใช่เกม แต่เป็น engine ที่ Elecbyte พัฒนาขึ้นเพื่อนำข้อมูลของตัวละคร ฉาก ดนตรี และสกรีนแพ็คจากเกมไฟติ้งต่างๆมารวมกันบนเวทีเดียว นั่นคือเราสามารถใช้ริวจากสตรีทไฟเตอร์ ไปสู้กับอัลเควดจากเมลตี้บลัด ในบ้านของโนบิตะ โดยมีเพลงกระทงหลงทางบรรเลงประกอบก็ยังได้ ที่สำคัญ engine นี้เป็น freeware โหลดฟรีครับ!

เริ่มต้นก็โหลดโปรแกรมมาก่อนครับ เช่นที่นี่ //www.mugenation.com/download.php?id=47
จากนั้น run ติดตั้งโปรแกรม จะได้โฟลเดอร์ของมุเก็นที่มีโฟลเดอร์ย่อยต่างๆ (ภาพนี้โฟลเดอร์ของผมจะมีไฟล์ต่างๆเยอะแล้ว ไม่เหมือนโฟลเดอร์ที่แกะออกมาจากโปรแกรมใหม่ๆนะครับ)



chars - ใส่ตัวละคร
data - ปรับ config ต่างๆ
sound - ใส่เพลงประกอบ
stages - ใส่ฉาก
โฟลเดอร์อื่นๆเป็นส่วนของระบบ ไม่ต้องปรับแต่งอะไรครับ

ทีแรกจะมีแค่กังฟูแมนให้เล่น ถ้าอยากได้ตัวอื่นๆเพิ่มต้องไปหามาใส่โฟลเดอร์เอง ให้เข้าเว็บที่เขามีสกรีนแพ็ค ตัวละคร ฉาก ให้โหลด เช่น
//www.mugenation.com
//infinitymugenteam.com
//cutemugen.free.fr
//www.mgbr.net
//projectm.mgbr.net
//xgargoyle.mgbr.net/
โหลดตัวละคร ฉาก หรือสกรีนแพ็ค ที่สนใจจะใส่เข้ามาในมุเก็นของเรา
หรือจะเปิดบิทพิมพ์ mugen บางอันแพ็คตัวละครกับฉากมาให้ครบเลย เอาไปปรับแต่งเพิ่มเติมง่ายกว่า

SmileySmileySmiley
ทีนี้ก็ถึงเวลาของการปรับแต่งให้ได้เกมไฟติ้งสไตล์เรา ที่มีแต่ฉากที่เราชอบ ตัวละครที่เราอยากเล่นครับ

นำข้อมูลตัวละครที่เราโหลดมา (ส่วนใหญ่เป็น zip file) มา unzip เป็นโฟลเดอร์ ใส่ไว้ในโฟลเดอร์ chars ครับ แค่นี้ก็สามารถเลือกเล่นตัวละครนั้นได้แล้ว
แต่ถ้าอยากปรับค่าความสามารถให้คลิ๊กเข้าไปในโฟลเดอร์ตัวละครนั้นๆ หาไฟล์นามสกุล cns จะมีค่าพลังชีวิต, พลังโจมตี, พลังป้องกัน, สเกลตัวละครด้านกว้าง-ยาว, ฯลฯ ให้สามารถปรับแต่งได้ แต่ถ้าจะเจาะจงปรับท่าไม้ตายหรือแก้หน้าตาตัวละคร แนะนำให้โหลดโปรแกรม mugen character maker หรือ fighter factory มาเล่นเลยครับ ซึ่งผมก็ยังไม่เคยลองนะเพราะการแก้หน้าตาตัวละครต้องใช้เวลาแก้ทีละเฟรมๆเลย



ส่วนเพลงก็โยนไฟล์เพลงเข้าไปในโฟลเดอร์ sound ครับ



สำหรับฉาก เวลาโหลดมาจะประกอบด้วยไฟล์ .def และ .sff ถ้าจะปรับขอบจอ, ดนตรีประกอบฉาก, สเกลฉาก, ฯลฯ ก็ไปแก้ในไฟล์ .def นะครับ ของผมปรับแค่เพลงประกอบฉากอย่างเดียว ใส่คำสั่ง bgmusic = [ชื่อเพลง] ต้องตั้งชื่อเพลงให้ตรงกับเพลงที่เราใส่ไว้ในโฟลเดอร์ sound นะ
เช่น bgmusic = sound/22.mp3
เลือกปรับความดังด้วยคำสั่ง bgvolume = [ความดัง (สูงสุด 255)]




จากนั้นไปที่ data ครับ จะมีไฟล์ต่างๆ ซึ่งเราใส่ config ของเกมได้
system.def - ข้อมูลพื้นฐานของเกม เช่น เลือกหน้าไตเติ้ล, หน้าเลือกตัวละคร, เพลงประกอบหน้าหลักๆ, ช่วงเวลาตัดฉาก, ขีดพลัง, ฯลฯ ถ้าสกรีนแพ็คมันใส่มาดีอยู่แล้วก็ไม่ต้องปรับ
select.def - ตัวละครที่เลือกเล่นได้ อันนี้แนะนำให้ทำไฟล์ excel แยกไว้ต่างหากเลยครับ เพราะต้องกรอกจำนวนตัวละครในแต่ละแถวให้พอดีกับช่องใส่ตัวละครในหน้า select character ของสกรีนแพ็คที่เราเลือกใช้ รูปแบบคำสั่งที่ใส่เพื่อให้ตัวละครนั้นปรากฎตัวในฉากเลือกตัวละครก็ตามนี้ครับ
[ชื่อตัวละคร],[ชื่อฉากที่ตัวละครนั้นปรากฏขณะเป็น cpu], order=[ลำดับการออก]
ชื่อตัวละครต้องตั้งให้ตรงกับชื่อโฟลเดอร์ที่ใส่ข้อมูลของตัวละครนั้นๆ ซึ่งอยู่ในโฟลเดอร์ chars อีกที
เช่น cvsryu,stages/ryubg.def, order=5



ทดใส่ excel ไว้ เวลามาสับเปลี่ยนตัวละครเข้า-ออกทีหลังจะได้ง่ายครับ



เลื่อนลงไปด้านล่างจะมีให้กรอก stages ให้ใส่ฉากที่เราต้องการให้มีเลือกตามลำดับ รูปแบบคำสั่งก็ตามนี้เลย
stages/[ชื่อ stage]
ชื่อ stage ต้องตรงกับชื่อไฟล์ฉากนั้นๆ (นามสกุล def) อยู่ในโฟลเดอร์ stages อีกที
เช่น stages/ss4dohsaki.def

ด้านล่างสุดของไฟล์นี้คือ option ให้เลือกจำนวนแมทช์ในกรณีเล่นโหมด arcade หรือ team
เช่นเราใส่ arcade.maxmatches = 2,2,1,1,0,0,0,0,0,0 หมายถึงในการเล่นโหมด arcade เราจะต้องสู้กับตัวละครที่มี order=1 จำนวน 2 คน, order=2 จำนวน 2 คน, order=3 จำนวน 1 คน, order=4 จำนวน 1 คน นั่นคือหากชนะ 6 คนนี้ได้ก็จบเกม

เกมจะเลือกเล่นได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเล่นสู้กับคอมพิวเตอร์ เล่นสองคนกับเพื่อน หรือนั่งดูคอมฟัดกันเอง (ผมชอบแบบหลังที่สุด เพราะบางตัว AI โหดสัดแบบเล่นเองก็ไม่เก่งเท่า)


...ได้เวลาแล้ว เรามาไฝว้กันเลยดีกว่า!!



ริว vs อัลเควดแดง ตามที่วอนท์



นอกจากตัวละครในเกมแล้ว ตัวละครที่แฟนๆสร้างขึ้นมาแล้วทำได้ดีจนคนนิยมเอามาเล่นมากๆก็มีหลายตัวครับ เช่นฮารุฮิตัวนี้



การต่อสู้ระหว่างจอมมาร อามาคุสะ vs ราชามารโซม่า



สู้แบบเย็นๆ ไอซ์แมน vs คูล่า ในฉากขั้วโลกใต้



เล่นแบบแท็กทีมก็ได้ครับ อันนี้คู่อัลเควดแดง+ชิกิ vs คลาวด์+ทีฟา ในฉากแบทเทิลอารีน่าจาก FF7



รวมฮิตตัวการ์ตูนฝรั่งยอดนิยม แบทแมน+ซูเปอร์แมน vs มาสคอตเกมยอดนิยม มาริโอ้+โซนิค



หรือแม้แต่ตัวการ์ตูนยอดนิยมที่แฟนๆเอาไปสร้างเป็นตัวละครมุเก็นเองโดยเฉพาะ ฮารุฮิ+โยโกะ vs ชินจัง+เมก้าซาวะ



จะสู้เป็นทีมแบบผลัดกันออกมา หรือแม้แต่สองรุมหนึ่งก็ยังได้ สาวๆกิลตี้เกียร์มาเจอไอ้คลั่งโบรลี่หน่อยซิ!



ตัวละครจากเกมเดิมเวิ่นเว้อแค่ไหน ในมุเก็นก็สืบทอดความเวิ่นเว้อมาอย่างครบถ้วน เช่นเซย่าที่กำลังจะพ่ายแพ้เขาได้พลังจากเกราะโอดีน ทำให้พลังกลับมาอีกครั้ง





(แต่สุดท้ายก็โดนตบลงไปนอนอีก) ...ไม่สิเขายังนอนไม่ได้! เพื่อนๆอุตส่าห์ฝากความหวังไว้กับเขา
ไม่ว่าจะเป็นชิริว "เซย่า ฝากปกป้องอาเธน่าด้วย"



ชุน: "เซย่าสู้ๆ เซย่าสู้ตาย"



เฮียวงะ: "เซย่า ไว้ลาย"



อิคคิ: "สู้ตายสู้ๆ"



เซย่า: ว้ากกกกก พลังคอสโม่จงลุกโชติช่วง!!
เซนต์เจมินี่: พอๆๆ กูยอมแพ้เอ็งก็ได้วะ!!



บางตัวมีฉากแนะนำตัวละครหรือภาพตอนชนะติดมาด้วย



อันนี้จอมมารบูจากดราก้อนบอลเจอกับแอร์แมนจากร้อคแมน 2 ครับ แม้แต่จอมมารบูก็ยัง Cannot beat Airman!



ใครใคร่เปลี่ยนสกรีนแพ็คก็เปลี่ยนได้โดยสะดวก อันนี้ยัดทะนานตัวละครเข้าไปได้เยอะสุดๆเลยครับ



เห็นความยืดหยุ่นอันมีอิสระหลากหลายของมุเก็นหรือยัง? ไฟท์กันข้ามเกม ข้ามค่าย ข้ามเครื่อง ข้ามแพล็ทฟอร์มได้แบบไม่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม (แต่ตัวไหนที่ปรับมาซะเก่งเว่อร์ก็ลบๆทิ้งไปบ้างนะครับ เสียสมดุลเกม)
แม้แต่สมาชิกบล็อกแกงค์ก็จับมาไฟท์กันได้ครับ เช่น ทุเรียนกวนป่วนรัก vs ชีริว
ทุเรียนกวน: อ๊า!! ตะตะตะตะตะตะตะตะ!



ชีริว: อ๊า! แม้แต่โล่ที่แข็งแกร่งที่สุด!! (นี่แกไม่มีบทอื่นแล้วรึ?)




แมทช์ที่เจอกันเมื่อไหร่ก็มันส์สำหรับผมก็ต้องนี่เลยครับ ริว จาก Capcom vs SNK เจอกับโบรลี่
ฉาก: D&D Arena จากเกม Dungeons & Dragons: Shadow over Mystara
เพลงประกอบ: The Chase จากเกม Genso Suikoden II




ลองเอาไปติดตั้งเล่นกันดูนะครับ ช่วงนี้ลืมวินนิ่งไปเลย Smiley






 

Create Date : 14 ธันวาคม 2556    
Last Update : 14 ธันวาคม 2556 9:53:27 น.
Counter : 7516 Pageviews.  

เรโทรไหมล่ะ? เรโทรไหม?

ไม่นานมานี้เพิ่งไปขุดอีมูเกมเรโทรมาเล่นรำลึกความหลังครับ ว่าแล้วก็หาเรื่องอัพบล็อก มาเรโทรกันดีกว่า~


เครื่องเล่นเกมแรกที่ผมได้แตะคือคอมพิวเตอร์สเป็คดึกดำบรรพ์ จอ EGA ขาวดำ ต่อปริ้นเตอร์ dot matrix ใส่กระดาษต่อเนื่องปรุด้านข้าง ปริ๊นท์ดังแถ่ดๆๆๆๆๆ แตร๊~ แถดๆๆๆๆ (และปัจจุบัน มันยังไม่พัง!!) ไม่มีลำโพง แต่เสียงเกมจะดังออกมาจากตัวเครื่องโดยตรงครับ
สักพักก็เปลี่ยนเป็นจอสี แสดงผลได้กี่สีจำไม่ได้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจอ VGA ที่ความละเอียดสูง หน้าจอต้องติดตะแกรงกรองแสงจากจอชอนตาด้วย

OS เป็น dos นะครับ เวลาเปิดเครื่องต้องใส่คำสั่งพิมพ์ชื่อเกม เวลาออกจากเกมส่วนใหญ่ก็ Esc --> Quit Y/N แบบโบราณ

เกมแรกที่เล่นคือ space invader, pacman และเกมอื่นๆเทือกๆนั้น เช่นบรองโก้, ABC, แกรนท์, ฯลฯ (เอามาลงพร้อมกัน 9 เกม) ซึ่ง space invader กับ pacman (หรือสมัยนั้นเรียกติดปากกันว่าไดโว่ ตามยี่ห้อผงซักฟอกที่เอาเจ้า pacman ไปเป็นมาสคอต) นี่แหละสนุกที่สุดแล้ว เกมอื่นๆห่วยจนไม่มีใครเอามาทำใหม่ให้โหลดเล่นตามอีมู รู้สึกว่าเมื่อไม่นานมานี้มีคนทำแพ็คแมนเป็นไฟล์ excel ส่งมาให้เล่นเหมือนกัน



อันนี้เกม Rockford มีเกมย่อยให้เลือก 5 เกม (ล่าสมบัติ, เก็บแอปเปิ้ล, คาวบอย, อวกาศ, มัมมี่) เกมละ 4 ด่าน เกมนี้ประลองปัญญาพอสมควรครับ ต้องเจาะดิน เรียงหิน ระเบิดศัตรู ทำลายกำแพง ฯลฯ ให้เก็บไอเท็มถึงจำนวนที่ต้องการ ประตูจึงจะเปิดให้ไปด่านต่อไปได้ ถือว่ายากเชียวละ แต่ก็จบหมดทุกเกมนะ ฉากจบคือเด้งกลับมาหน้าแรกใหม่ตามสไตล์เกมโบราณ


Babarian ยังคงอยู่ในยุคเสียงออกจากเครื่อง แต่เกมนี้พูดได้ครับ มันพยายามทำเสียงลำโพงเป็นเสียงคน เปิดเกมจะได้ยินเสียงคอมร้องว่า "บาบาเรี่ยน" แบบฟังไม่ค่อยออก แต่ที่จำได้ชัดเจนคือตอนตายมันจะร้อง "ป้าด!" - -"
เกมนี้ควบคุมยากมากๆครับ ต้องเลือกคำสั่งด้านล่าง แล้วเจ้าคนเถื่อนก็จะออกแอ็คชั่นตามคำสั่งนั้นจนกว่าจะสั่งอย่างอื่น เช่นสั่งให้เดินมันก็จะเดินไปเรื่อยๆจนโดดกบฉากแรกงับหัวตายตาเหลือกตัวแข็งทื่อ มีปุ่มนึงที่จนบัดนี้ก็ยังไม่อาจเข้าใจอัตถประโยชน์ของมันคือปุ่ม "หนี" เมื่อเลือกแล้วเจ้าคนเถื่อนจะทิ้งอาวุธแล้ววิ่งกลับหลังจนกว่าจะโดนศัตรูในฉากที่แล้วอัดตาย


เกมนี้ดาเมจสไตล์เกมโบราณครับ คือโดนโจมตีทีเดียวตาย เราสามารถส่งคนเถื่อนไปตายได้รอบละสามตัว ถ้าหมดต้องไปเริ่มใหม่ตั้งแต่แรก แล้วกะจังหวะฟันก็ยากสิ้นดี ธนูถือว่ามีประโยชน์มาก แต่ก็ต้องเผื่อจำนวนลูกศรไว้ดีๆอีก
จนบัดนี้ยังเล่นไม่จบเลยครับ ผมหาวิธีผ่านพ่อมดที่อยู่หลังมังกรไม่ได้ ใครไม่เคยเล่นก็ไม่ต้องไปหามาลองกันหรอก ยกเว้นอยากเข้าพิธีทรมานตน


เกมนี้ยุคเสียงออกลำโพงแล้วครับ Prince of Persia อันนี้หลายๆคนคงคุ้นชื่อกันพอสมควร เพราะต่อยอดออกภาคใหม่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แถมมีภาพยนตร์ออกมาด้วย ผมเล่นภาคแรกตอนนั้นรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวมันนุ่มนวลมาก ...มากซะจนควบคุมยากสุดๆ เพราะกดเดินไปหนึ่งก้าว เจ้าชายของเราก็จะโชว์เสต็ปพริ้ว แกว่งแขน ก้าวแถมหนึ่งก้าว บิดเอว แล้วแตะพื้นโยกตัว แสดงอนิเมชั่นอันยอดเยี่ยม จนตกเหวตายห่าไปในที่สุด จะไปไหนมาไหนต้องกด shift แล้วเดินทีละก้าว


เกมนี้มีขีดพลังแล้ว (โดนศัตรูฟันสามทีตาย) แต่ส่วนใหญ่พวกเหวสูงๆหรือกับดักก็โดนทีเดียวตายทั้งนั้นอยู่ดี พระเอกเกมสมัยใหม่มีคุณสมบัติสำคัญที่สุดคือต้องหล่อ ถ้าไม่หล่อก็ต้องเถื่อนเรียกพี่ไว้ก่อน แต่คุณสมบัติพระเอกเกมโบราณคือพวกมันต้องตายง่ายครับ โดนกบแทะ แขกฟัน ตกกระได แดกพิษ แม่งตายห่าไว้ก่อน แล้วสภาพศพเจ้าชายเกมนี้ตอนพลาดท่าดันทำออกมาซะเรตอาร์ ไม่ว่าจะเป็นตอนตกไปโดนหนามแหลมเสียบตายห้อยต่องแต่ง หรือตอนโดนกับดักงับขาดสองท่อนแล้วกับดักมันยังง้างเศษเลือดเศษเนื้องับต่อไปเรื่อยๆ ดัง "ฉึบ! ฉึบ!" ตอนเด็กๆเล่นแล้วจิตตก (โชคดีที่ได้เล่นเกมนี้ตอน 8 ขวบ)
มีทั้งหมด 14 ด่าน เคยจบหนเดียวขอลาขาด...


GODS อันนี้เกมโปรดยุคเรโทรของผมเลยครับ เกมไม่ได้สนุกมากมายอะไร แต่เมื่อเทียบกับเกมอื่นๆที่ผ่านมาแล้วถือว่าสนุกมาก พระเอกคือเทพเจ้าสวมหน้ากากเหล็ก ตะลุยด่านแบบ 2D ใช้อาวุธปา โดยสามารถเก็บอาวุธเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ บอสก็อลังการทั้งทาลัส, มังกร, หมูป่า และผีเปรต เกมมีแค่ 4 world แต่ใช้เวลาถึง 4 ชม. กว่าจะจบรอบนึง เพราะแต่ละด่านต้องเดินวนเก็บของ หยอดสวิตซ์ เดินย้อน เจาะหิน ฯลฯ หลายรอบกว่าจะเปิดได้ประตูนึง Rockford ฝึกหัวคิดในการแก้ปัญหา ส่วนเกมนี้จะฝึกทักษะในการ trial and error เพราะการไขปริศนาแต่ละครั้งมันให้สุ่มโยกสวิตซ์อย่างเดียว
แบ็คกราวด์เกี่ยวกับเทพเจ้า ศัตรูและอาวุธอลังการ เทียบกับสมัยนี้ก็ได้อารมณ์ราวๆ God of War ละมั้ง


เกมนี้ลงเครื่อง MD ด้วยนะครับ ผมจับคอนโซลช้า เขาไปยุค 16 bit กันแล้วผมยังเล่นคอมอยู่เลย เกมอื่นๆที่เล่นบนคอมอย่าง Doom หรือ Raptor ไม่มีประเด็นอะไรให้เล่าเท่าไหร่ และผมก็ไม่ได้ไปหามาเล่นอีกรอบด้วย


แล้วก็เริ่มจับกระแสคอนโซลเล่นเครื่อง 8 bit อย่าง FC ที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองกับเขาบ้าง หาก PS คือเครื่องเล่นวินนิ่งแล้ว FC ของผมก็คือเครื่องเล่นร้อคแมนครับ แต่คิดว่าสักวันคงได้เขียนบล็อกเกี่ยวกับร้อคแมน หนนี้เลยขอพูดถึงเกมอื่นๆไปก่อน

ยุคนั้นตังค์ไม่ค่อยมี ตลับ FC อันนึงก็หลายร้อย ส่วนมากเล่นจากการเช่าร้านมากกว่า
ที่เล่นนานๆคือตลับ 400 in 1 ที่มันแถมมากับเครื่อง ถึงเกมจะซ้ำเพียบ แต่ก็ทำให้ได้เล่นเกมหลากหลาย เกมเด็ดๆที่ติดใจก็มี contra, mario, ice climber, mario bros., battle city (ใครสร้างด่านเองแล้วเอาชอบเหล็กมาล้อมนกยกมือขึ้น - -//),
นอกนั้นก็มีเกมที่พอเล่นแก้ขัดได้อย่าง ฮาโตริ (ไอ้ชิชิมารุทำไมมันเก่งจัง?), digdug, mappy ที่มีหนูเด้งเชือกไปมา, เพนกวินคู่รักที่พากันติดใยแมงมุม, ป็อปอาย, กับ circus เกมแข่งกระโดดชนลิง

แต่เกมที่ผมชอบที่สุดใน 400 in 1 ก็คือ B-Wing นี่แหละ


เกมคอนเซ็ปต์ง่ายๆ - เลือกปีกปรับปืนชนิดต่างๆ แล้วไล่ยิงศัตรูไปเรื่อยๆจนถึงบอสแต่ละด่าน ถ้าโดนโจมตีก็ปีกหลุด โดนอีกทีก็ตาย ซึ่งมือใหม่เล่นครั้งแรกๆก็มักทำการสละปีกแบบไม่จำเป็นเพราะกดผิดปุ่มกัน แต่สิ่งที่ฮาก็คือพอเสียปีกไปแล้วเครื่องบินมันจะหดหลบกระสุนได้ บางทีพอกลายสภาพเป็นร่างกากแล้วอย่างพริ้วครับ หลบกระสุนได้อุตลุด แต่ยิงศัตรูไม่ตายซะทีเพราะปืนกาก สุดท้ายเบื่อ ต้องคามิคาเซ่ไปเกิดใหม่เอาปืน

เพิ่งจะจบเกมครั้งแรกก็หลังจากเอามาเล่นในอีมูนี่แหละ มีสุดยอดปืนที่เพิ่งเคยเห็นด้วย ส่วนเจ้ายานในรูปนี่คือบอสใหญ่ครับ


เกมจากการ์ตูนอย่างเต่านินจา หรือ ชิป&เดล ก็สนุกครับ ส่วนมาริโอ้ สำหรับผมภาคที่สนุกที่สุดคือ Mario 3 ที่ไม่เคยเล่นจบโดยไม่ใช้ขลุ่ยวาร์ปและ Pบิน แต่เกมนี้ยังไม่ได้ไปขุดมาเล่นอีกรอบ ก็ขอข้ามไปก่อน


ยุคต่อมายกเครื่อง Mega Drive มาเล่น ตอนนั้นเซก้ายังแข่งกับนินเทนโด้ในตลาดเครื่องเกม และเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมายาวนาน ก่อนจะเปลี่ยนคู่มาแข่งกับโซนี่ (MD-SFC, SS-PS, DC-PS2-XBOX) และพ่ายแพ้ตายหายสาบสูญไปในที่สุด เกมสนุกๆเครื่องนี้เยอะ อย่างเช่น โซนิค และ Golden Axe และ...โซนิค (นึกออกแค่นี้เรอะ?!)

โซนิคเป็นเกมหัวหอกของเซก้า ภาพสวย เพลงเยี่ยม ระบบการเล่นมันส์สุดๆของยุคนั้นครับ กระแสในเมืองนอกดังมาก ช่วงนั้นมีรายการ Game Watch ทาง IBC ตอนจัดอันดับเกม โซนิคจะนำโด่งมาเลย เรียกว่าเป็นมาสคอต 2D ตัวเด่นของวงการคู่กับมาริโอ้จนถึงทุกวันนี้ หากมีประกวดตัวละครเกมแล้วท่านเห็นโซนิคเข้ารอบลึกๆทั้งที่บ้านเราแทบไม่รู้จักก็อย่าแปลกใจล่ะ

อันนี้ภาคแรก บอสของทุกๆด่านคือโรบอตนิค ศัตรูหนึ่งเดียวของโซนิคที่ขี่ยานลำใหม่มาสู้ทุกๆด่าน แพ้ทุกด่าน และหนีไปเรื่อยๆจนถึงด่านสุดท้าย มันเป็นศัตรูทุนต่ำยิ่งกว่า ดร.ไวลี่ครับ


ภาคสองระบบเกมสนุกขึ้นมาก มีคู่หูอย่างเจ้าเทลส์เพิ่มขึ้นมา และมีโหมดแข่งกันสองคนด้วย แต่ศัตรูก็ยังคงมีโรบอตนิคคนเดียว (น่าฉงฉาน T^T)
นี่เป็นฉากที่ผมชอบที่สุด Aquatic Ruins Zone ภาพสวย บรรยากาศดี เพลงเพราะ ชอบพอๆกับ Wily Stage 1 ของ Rockman 7 และ Sigma Stage 1 ของ Rockman X


ฉากท้ายๆยากมากๆครับ ตั้งแต่ฐานทัพอากาศที่มีฉากกระโดดติดกันยาวๆ พลาดแค่เสี้ยววิก็ตกเหว ที่สำคัญคือ Dead Egg Zone ฉากสุดท้ายไม่มีวงแหวนให้เก็บ โดนศัตรูอัดทีเดียวม้วย แล้วยังต้องสู้กับบอสต่อกันถึงสองตัวที่กะจังหวะโจมตีให้โดนจุดอ่อนของมันยากสุดๆ (และต้องโจมตีโดน 8 ครั้งมันถึงจะตาย) คอนตินิวก็มีจำกัด ยากไม่บันยะบันยังขนาดนี้ ไม่รู้แต่ก่อนจบเกมนี้ไปได้อย่างไร? ...แต่สมัยนี้จบได้ด้วยปุ่ม save stage อันลือลั่น


โซนิคเวลาตายมันเสียงดัง "ปุ่ง" ครับ (ดีกว่า "ป้าด" ของไอ้คนเถื่อนนั่นหน่อยนึง) โดยโซนิคจะกระเด้งขึ้นมาจึ๋งนึงก่อนตาย ไม่ว่าจะโดนหนามบนเพดานเสียบ โดนเครื่องหนีบ หรือตกลงไปในเหว พี่แกก็จะกระเด้งขึ้นมาจึ๋งนึงแล้วค่อยตกไปตายอย่างสงบ

ภาคหลังๆออกแบบฉากไม่สนุกเท่าไหร่ แถมยังไปทำ 3D และได้ตายอนาถให้รุ่นพี่ 2D อย่างมาริโอ้และร้อคแมนได้ดูเป็นเยี่ยงอย่าง (แต่ทั้งสองเกมก็ไม่วายทำ 3D ตามและโดนด่าเละเทะไปตามๆกัน)


เครื่องต่อมาคือ SFC ไม่ค่อยเรโทรละ เล่าสั้นๆแล้วกันครับ เครื่องนี้มีเกมสนุกหลากหลายกว่า MD เยอะ ยุคนี้ทำให้ผมเริ่มสนใจแนว RPG ด้วย เพราะ Chrono Trigger is here!!! (เสียงก้องโดมแบบมวยปล้ำ)
อันนี้คอนทราเครื่อง SFC ครับ ชื่อ Super Robot Protector ทำเอาซะงง คุณภาพเกมถูกปรับขึ้นมาสมฐานะเครื่อง 16 bit ปืนไฟเริ่มมีประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม สมัยเครื่อง FC มันเป็นวงหมุนติ้วๆ กากจนเห็นแล้วต้องกระโดดหลบ ห้ามเก็บ


นับว่าสนุกมากอีกเกมนึง แต่เอามาเล่นในอีมูก็ยังตายรัวๆ เป็นอีกเกมที่สงสัยว่าแต่ก่อนเล่นจบไปได้อย่างไร -___-"
ถ้าเลือก normal mode เจ้าสมองตัวนี้จะลุกขึ้นมาไล่ตามเครื่องบินต่อด้วยนะ ...ซึ่งผมไม่รู้วิธีเอาชนะ และก็ขี้เกียจไปหา ทำให้ยังเล่นเกมนี้ในโหมด normal ไม่จบมาจนทุกวันนี้



เกมที่แถมๆมากับแพ็ค ROM ก็มีแปลกๆปนอยู่เหมือนกัน เช่นมาริโอ้ภาคอาทิตย์อุทัย (หืม?)


ผสมกับโซนิคก็มี เกมนี้เป็นตัวมาริโอ้เดินลุยด่านของโซนิคครับ ชื่อเกมโซมาริ (อะไรของเอ็ง?!!)







จบไปอีกบล็อกแบบไม่มีสาระและข้อมูลอะไรเลย เน้นเผยแพร่ความสูงวัย
หนหน้าอัพบล็อกการ์ตูนมั่งครับ




 

Create Date : 14 กันยายน 2554    
Last Update : 15 กันยายน 2554 21:25:41 น.
Counter : 4719 Pageviews.  

1  2  3  4  

ชีริว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 89 คน [?]





**5 Latest Entries**
RedLife
เบตง
โดราเอม่อน ตอน ปืนหยั่งรู้ความคิด
ปัว-บ่อเกลือ
โดราเอมอน ตอน ฝาแฝดของโนบิตะ


Friends' blogs
[Add ชีริว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.