Stay Hungry. Stay Foolish
Stay Hungry. Stay Foolish

ผมชอบบทความนี้ของ ดร.นิเวศน์มากๆครับ
นำมาให้อ่านกันครับผม

อ้างอิงจาก//www.thaivi.com/article/value-investor/495-stay-hungry-stay-foolish.html

Stay Hungry. Stay Foolish
โลกในมุมมองของ Value Investor
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 25 ธันวาคม 2550

นักลงทุนจำนวนมากหรือเกือบทั้งหมดต่างก็เคยหรือประสบกับความล้มเหลวจากการลงทุน จำนวนมากทิ้งตลาดหุ้นและหันหลังจากการลงทุนในหุ้นอย่างสิ้นเชิง จำนวนที่มากกว่าอาจจะหนีตลาดหุ้นไปชั่วคราวและกลับมาใหม่เมื่อบาดแผลและความเจ็บปวดจางลงหรือลบเลือนไป

นั่นไม่ใช่หลักการลงทุนที่ดี การลงทุนที่ดีก็คงเหมือนกับการทำงานหรือการใช้ชีวิต เราต้องยืนหยัด รักในสิ่งที่ทำ มีศรัทธา มีกำลังใจ ไม่ท้อถอย และไม่น้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา

บทเรียนสำหรับ Value Investor ที่ผมจะพูดถึงในวันนี้ เป็นเรื่องของ สตีฟ จ็อบส์ ซีอีโอของ Apple Computor และเป็นบุคคลที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นผู้นำคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมาสู่ประชาชนคนธรรมดาทั้งโลก ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกชื่อของเขาในระนาบเดียวกับหรือเหนือกว่า บิล เกต เจ้าพ่อไมโครซอพท์ แต่ก่อนที่เขาจะมายืนอยู่ตรงจุดนี้ ชีวิตของเขาไม่ได้ราบเรียบแต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ ชีวิตเขาไม่ได้มี “แต้มต่อ” เลยสักนิด และต่อไปนี้คือสิ่งที่เขาเล่าให้เราฟังเนื่องในโอกาสที่เขาได้รับเชิญให้ไปกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีรับปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในเดือนมิถุนายน 2005 ซึ่งต่อมานิตยสาร ฟอร์บ ได้นำมาตีพิมพ์เพราะได้รับการเรียกร้องจากผู้อ่านมาก

เนื่องจากสุนทรพจน์ครั้งนั้นเป็นที่ประทับจับใจมาก และผมเชื่อว่ามันคงจะถูกบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์ว่า เป็นสุนทรพจน์ที่จะช่วยสร้างกำลังใจให้กับคนที่ดีที่สุดบทหนึ่ง และต่อไปนี้คือใจความสรุปของเหตุการณ์ในชีวิต 3 เรื่องที่เขานำมาเปิดเผย

เรื่องแรกคือชีวิตที่เกิดมา จ็อบส์ บอกว่า เขาเกิดจากแม่ที่เป็นนักศึกษาที่ท้องโดยไม่ได้แต่งงานและตัดสินใจยกลูกให้กับคนอื่นโดยมีเงื่อนไขว่าคนที่รับไปจะต้องจบปริญญา แต่โชคไม่เข้าข้าง พ่อแม่บุญธรรมที่รับจ็อบส์ไปเลี้ยงกลับเป็นคนชั้นผู้ใช้แรงงานซึ่งสัญญาว่าจะให้จ็อบส์ได้เรียนจนจบปริญญาตามความตั้งใจของแม่ที่แท้จริงที่อยากให้ลูกกับคนที่มีการศึกษาที่ดี 17 ปีผ่านไป จ็อบส์ ก็ได้เข้ามหาวิทยาลัยจริง

แต่อยู่ได้เพียง 6 เดือน เงินที่พ่อแม่สะสมไว้ก็หมด ทำให้เขาต้องพักการเรียนและใช้ชีวิตเตร็ดเตร่เข้าเรียนแบบไม่นับหน่วยกิตในวิชาที่ตนเองชอบอยู่อีก 18 เดือนก่อนที่จะออกจากมหาวิทยาลัยจริง ๆ ชีวิตในช่วงที่เรียนและเตร็ดเตร่ในมหาวิทยาลัยของเขาเป็นช่วงชีวิตที่ยากลำบาก เขาต้องไปอาศัยอยู่กับเพื่อน เก็บกระป๋องโค๊กไปขายเพื่อหาเงิน และต้องเดินทางฝ่าอากาศที่หนาวเหน็บถึง 7 ไมล์ในวันอาทิตย์เพื่อที่จะได้กินอาหารดี ๆ ที่โบสถ์พราหมณ์จัดเลี้ยง

ในตอนนั้น เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาประสบและเรียนจะเอาไปใช้อะไรได้ แต่เมื่อมองย้อนกลับ มันก็ให้อะไรกับเขามากมาย ตัวอย่างเช่นวิชาการออกแบบตัวอักษรที่เขาเลือกเรียนซึ่งต่อมาเมื่อเขาออกแบบคอมพิวเตอร์รุ่นแมค เขาก็ได้นำความรู้นั้นมาใช้จนทำให้คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันที่เลียนแบบจากแมคมีตัวอักษรที่สวยงาม

จ็อบส์ สรุปว่า ในชีวิตคนเรานั้น เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็เหมือนจุด ๆ หนึ่ง ที่เราต่อมันไปเรื่อย ๆ เราไม่รู้ว่าจุดข้างหน้าจะเป็นอะไร เรารู้ว่ามันเป็นอะไรก็ต่อเมื่อเรามองย้อนหลัง เราต้องเชื่อมั่นหรือศรัทธาในอะไรสักอย่าง ความกล้าหาญ สัญชาติญาณ ชะตาชีวิต หรือ กรรม สิ่งนี้ทำให้เขาประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างที่เป็นอยู่

เรื่องที่สองเกี่ยวกับความรักและการสูญเสีย จ็อบส์บอกว่าเขาโชคดีที่พบกับสิ่งที่รักจะทำตั้งแต่วัยหนุ่ม เขาก่อตั้งบริษัท Apple ในโรงรถของพ่อแม่ตอนอายุ 20 ปี ภายใน 10 ปี แอปเปิลก็กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ คอมพิวเตอร์แมคอินทอชก็เป็นคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุด แต่แล้วเขากลับถูกไล่ออกจากบริษัทที่เขาเป็นคนก่อตั้ง

โดยคนที่ทำให้เขาถูกปลดก็คือคนที่เขารับเข้ามาทำงานเอง เหตุการณ์ที่เขาถูกคณะกรรมการปลดนั้นเป็นเรื่องที่โด่งดังมาก ในตอนนั้นเขารู้สึกว่าเขาไม่เหลืออะไรเลย เขาคิดจะออกจากธุรกิจไอที แต่สุดท้ายเขาก็คิดว่าเขายังรักในสิ่งที่เขาทำและได้กลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งอย่างคนที่ดูเหมือนไม่มีต้นทุนอะไรที่จะต้องสูญเสียอีก

ในช่วง 5 ปีต่อมาเขาก็ได้สร้างบริษัทใหม่คือ Next และ Pixar และได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นภรรยาตอนนี้ Pixar ผลิตภาพยนตร์แอนนิเมชั่นเรื่องแรกของโลกคือ Toy Story และเป็นสตูดิโอที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ส่วน Next นั้นก็ได้มารวมกับ Apple และจ็อบส์ก็ได้กลับมาคุม Apple อีกครั้งหนึ่งอย่างไม่น่าเชื่อ จ็อบส์สรุปว่า สิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จถึงวันนี้ได้นั้น มาจากการที่เขารักในสิ่งที่เขาทำและเชื่อว่างานที่เขาทำเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มีความหมาย

ส่วนการที่เขาถูกไล่ออกจากแอปเปิลนั้น กลับกลายเป็นสิ่งที่ดีที่เกิดขึ้น เขาบอกว่าบางทีชีวิตก็เล่นกับเราแรง แต่ขอให้เราอย่าเสียความเชื่อมั่นศรัทธา

เรื่องสุดท้ายก็คือ เรื่องเกี่ยวกับความตาย เขาบอกว่าเมื่อตอนอายุ 17 ปี เขาประทับใจกับคำพูดของคน ๆ หนึ่งที่บอกว่า “ถ้าคุณใช้ชีวิตในแต่ละวันเหมือนกับเป็นวันสุดท้ายในชีวิตของคุณ สักวันคุณจะดีขึ้นอย่างแน่นอน” ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาจะถามตัวเองทุกเช้าว่าถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้าย เขาอยากจะทำอะไรบ้าง และถ้าคำตอบคือ เขาไม่รู้จะทำอะไรติดต่อกันหลาย ๆ วัน เขาก็รู้ว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างแล้ว การทำแบบนี้ จะทำให้เขานึกถึงแต่สิ่งที่เป็นแก่นในชีวิตจริง ๆ เท่านั้น

เพราะเกือบจะทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความคาดหวังจากคนภายนอก ความภูมิใจ การกลัว การเสียหน้า หรือความล้มเหลว ล้วนแต่ไม่เป็นสาระทั้งสิ้นเมื่อเราต้องเผชิญกับความตาย ตอนท้ายของเรื่องนี้ จ็อบส์เล่าว่า เขาเคยถูกตรวจพบว่าตนเองเป็นมะเร็งที่ตับอ่อนและหมอลงความเห็นว่าจะต้องตายภายใน 3-6 เดือน แต่แล้วเมื่อมีการตัดชิ้นเนื้อพิสูจน์กลับปรากฏว่าเขาโชคดีที่เป็นมะเร็งที่สามารถรักษาได้และเขาก็รอดมาได้

เขาไม่อยากตายและเชื่อว่าไม่มีใครอยากตายแม้ว่าจะได้ไปสวรรค์ แต่เขาคิดว่าความตายเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ดีที่สุดของชีวิตเพราะมันช่วยกำจัดคนเก่าเพื่อเปิดทางให้คนใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็คือ พวกนักศึกษาทั้งหลายที่จะค่อย ๆ แก่ไปในที่สุด

เพราะฉะนั้นชีวิตของคนมีเวลาจำกัด จงอย่าเสียเวลาใช้ชีวิตอยู่บนชีวิตของคนอื่น อย่าให้คนอื่นมากดความต้องการที่แท้จริงภายในใจเรา จงมีความกล้าหาญที่จะก้าวเดินตามสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง

บทจบของสุนทรพจน์ จ็อบส์ ยกคำบรรยายภาพของนิตยสาร The Whole Earth Catalog ฉบับสุดท้ายที่เขาเคยอ่านในช่วงกลางทศวรรษที่ 1970 ซึ่งเขามีอายุเท่า ๆ นักศึกษาตอนนี้ คำ ๆ นั้นอยู่ใต้ภาพถนนในชนบทยามเช้า เขียนว่า Stay Hungry. Stay Foolish จงหิวโหย จงโง่เขลา

ผมคงไม่ต้องอธิบายความหมาย เพียงแต่อยากเพิ่มเติมสำหรับนักลงทุน Stay Calm. Stay Invest จงสงบ จงลงทุน ไม่ว่าจะเกิดอะไรกับตลาดหุ้น





Create Date : 17 มิถุนายน 2551
Last Update : 17 มิถุนายน 2551 16:53:48 น.
Counter : 415 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

noooon010
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



สวัสดีครับผม ^^

slumdog millioanaire สุดยอดจริงๆครับ

คนทุกคน มีค่าเท่าๆกัน
คนที่ดูถูกคนอื่นเท่านั้น ที่เป็นการดูถูกตัวของคุณเอง

มาสร้างสิ่งดีๆให้โลกนี้กันดีกว่าครับ
Friends Blog
[Add noooon010's blog to your weblog]