|
คุณ "กำ"อะไรอยู่??
คุณกำลัง "กำ" อะไร???
ครอบครัวที่น่ารักอยู่ครอบครัวหนึ่ง ในครอบครัวนี้มี พ่อ แม่และบุตรชายวัย 5 ขวบกำลังน่ารักเลยทีเดียวเจ้าหนูเป็นเด็กที่ซนอย่างร้ายกาจและขี้สงสัยอย่างมาก อยู่มาวันหนึ่งเจ้าหนูก้อนึกครึ้มอกครึ้มใจอย่างไรบอกไม่ถูกไปคว้าเอาแจกันหยกแกะสลักต้นราชวงศ์หมิงซึ่งนั่นก้อหมายความว่ามันราคาแพงมากกก
เมื่อนำมาเล่นพลิกคว่ำพลิกหงายสักพักก้อล้วงมือเข้าไปในแจกันทันใดนั้นเจ้าหนูก้อทำตาโตเท่าไข่ห่านดูเหมือนจะดีใจที่ล้วงเข้าไปเจออะไรสักอย่างแต่ปัญหาหาอยู่ที่ว่ากูเอ๊ย! เจ้าหนูจะดึงมือออกมาได้อย่างไร้เจ้าหนูเริ่มกระสับกระส่ายพยายามดึงมือออกมาแต่ก้อไม่สำมะเหร็จจนต้องใช้ไม้ตายคือ "ทำไม่ได้ร้องไห้ไว้ก่อน" เสียงเอ็ดอึงเป็นผลให้พ่อและแม่ต้องวิ่งมาดู
เมื่อมาพบเข้าต่างก้อพยายามช่วยกันดึงมือของเจ้าหนูออกจากแจกันด้วยวิธีต่างๆ น้ำมันก้อแล้ว น้ำสบู่ก้อแล้วทำอีท่าไหนก้อไม่ออกจนสุดท้ายผู้เป็นพ่อต้องตัดใจทุบแจกันหยกราชวงศ์หมิงทิ้งเพื่อรักษามือของลูกชายเอาไว้เมื่อมือของเจ้าหนูหลุดจากแจกันแล้วพ่อและแม่ก้อพบว่ามือเจ้าหนูกำอะไรบางอย่างจนแน่นผู้เป็นแม่จึงถามลูกชายว่า "หนูกำอะไรอยู่จ้ะลูก ?"
เจ้าหนูตอบพร้อมทำสีหน้าขึงขัง "ผมปล่อยมันไม่ได้หรอกครับ "แล้วมันคืออะไรจ้ะลูก?" ผู้เป็นพ่อเริ่มสงสัย "มันเป็นสตางค์ครับ" เจ้าหนูตอบพร้อมกับค่อยๆแบมือออกอย่างทนุถนอมจึงปรากฏว่าในมือของเจ้าหนูมีเพียงเหรียญสลึงอยู่สองเหรียญ เจ้าหนูหารู้ไม่ว่าการที่เขาพยายามกำเหรียญเอาไว้ทำให้ครอบครัวต้องสูญเสียของมีค่ากว่าเป็นพันๆเท่า แล้วเพื่อนๆ ล่ะ ขณะที่คุณกำลังใช้ชีวิตอยู่นี้ คุณกำลัง "กำ" อะไรไว้ในชีวิตบ้าง
เงิน? บ้าน? งาน? รถ? ทิฐิ? ...
แล้วสิ่งที่คุณกำอยู่ทำให้คุณสูญเสียอะไรที่มีค่ามหาศาลไปบ้าง
เวลา....ครอบครัว....พ่อแม่.....คนที่รักเรา.....สวรรค์.........สุขภาพ
คุณ "กำ"อะไรอยู่??
ที่มา : Forward mail
Create Date : 06 พฤศจิกายน 2550 | | |
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2550 14:34:09 น. |
Counter : 351 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ปรัชญาชาวจีน
ปรัชญาที่ชาวจีนถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิต จงให้มากกว่าที่ผู้รับต้องการ และทำอย่างหน้าชื่นตาบาน จงพูดกับคนที่ถึงแม้จะอายุน้อยกว่า แต่เขาก็มีความสำคัญเท่ากัน จงอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน ใช้ทั้งหมดที่มี และนอนเท่าที่อยากจะนอน
เมื่อกล่าวคำว่า "ฉันรักเธอ" จงหมายความตามนั้นจริง ๆ เมื่อกล่าวคำว่า "ขอโทษ" จงสบตาเขาด้วย ก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน จงหมั้นเสียก่อนอย่างน้อย 6 เดือน จงเชื่อในรักแรกพบ อย่าหัวเราะเยาะความฝันของผู้อื่น คนที่ไม่มีฝันก็เหมือนไม่มีอะไร เมื่อรักจงรักให้ลึกซึ้ง และ ร้อนแรง อาจจะต้องเจ็บปวดแต่นั่นคือหนทางเดียว ที่ทำให้ชีวิตถูกเติมเต็ม ในเหตุการณ์ขัดแย้ง โต้อย่างยุติธรรม ไม่มีการตะโกนใส่กัน อย่าตัดสินคนเพียงเพราะญาติๆ ของเขา จงพูดให้ช้า แต่ต้องคิดให้เร็ว ถ้าถูกถามด้วยคำถามที่ไม่อยากตอบ จงยิ้มแล้วถามกลับว่า จะรู้ไปทำไม จงจำไว้ว่า สองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือความรัก และความสำเร็จ ล้วนต้องมีการเสี่ยง พูดว่า ขอพระคุ้มครอง เมื่อได้ยินใครจาม เมื่อพ่ายแพ้ จงอย่าสูญเสียบทเรียนไปด้วย จงจำ 3 R :- นับถือผู้อื่น-Respect others นับถือตนเอง- Respect yourself รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ Responsibilities จงอย่าให้ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ มาทำลายมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ ทันทีที่รู้ตัวว่าทำผิด ลงมือแก้ไขทันที จงยิ้มเวลารับโทรศัพท์ ผู้ฟังจะเห็นได้จากน้ำเสียงของเรา จงหาโอกาสอยู่กับตัวเองบ้าง
Create Date : 26 ตุลาคม 2550 | | |
Last Update : 26 ตุลาคม 2550 13:29:17 น. |
Counter : 394 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ถ้าโกรธกับเพื่อน
ถ้าโกรธกับเพื่อน...มองคนไม่มีใครรัก
ถ้าเรียนหนักๆ...มองคนอดเรียนหนังสือ
ถ้างานลำบาก...มองคนอดแสดงฝีมือ
ถ้าเหนื่อยงั้นหรือ...มองคนที่ตายหมดลม
ถ้าขี้เกียจนัก..มองคนไม่มีโอกาส
ถ้างานผิดพลาด...มองคนไม่เคยฝึกฝน
ถ้ากายพิการ..มองคนไม่เคยอดทน
ถ้างานรีบรน...มองคนไม่มีเวลา
ถ้าตังค์ไม่มี...มองคนขอทานข้างถนน
ถ้าหนี้สินล้น...มองคนแย่งกินกับหมา
ถ้าข้าวไม่ดี...มองคนไม่มีที่นา
ถ้าใจอ่อนล้า...มองคนไม่รู้จักรัก
ถ้าชีวิตแย่...มองคนแย่ยิ่งกว่า
อย่ามองแต่ฟ้า...ที่สูงเกินตาประจักษ์
ความสุขข้างล่าง...มีได้ไม่ยากเย็นนัก
เมื่อรู้แล้ว...จัก....ภาคภูมิชีวิตแห่งตน
Create Date : 29 กันยายน 2550 | | |
Last Update : 29 กันยายน 2550 15:37:13 น. |
Counter : 737 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เราสามคน
ณ วัดแห่งหนึ่ง หลวงตาเพิ่งกลับจากการบิณฑบาต เห็นลูกศิษย์วัดนั่งร้องไห้ สะอึกสะอื้น จึงเข้าไปถามไถ่ว่าเป็นอะไร ลูกศิษย์ตอบกลับมา ว่า "ผมถูกใส่ร้าย ผมไม่ได้ขโมยเงินในหอ พระแต่ผมเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูบ่อย ๆ ทุกคนก็หาว่าผมเป็นขโมย ไม่มีใครเชื่อ ผมเลย ฮือ ฮือ" หลวงตานั่งลงข้าง ๆ พยักหน้าเข้าใจแล้วสอนลูกศิษย์ ว่า เจ้ารู้ไหมในตัวเรามีคนอยู่สามคน คนแรกคือ คนที่เราอยากจะเป็น คนที่สองคือ คนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น คนที่สามคือ ตัวเราที่เป็นเราจริง ๆ ลูกศิษย์หยุดร้องไห้ นิ่งฟังหลวงตา คนเราล้วน มีความฝัน ความทะเยอทะยานอยาก ตาม ประสาปุถุชนทั่วไป ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย บางครั้งความฝันก็เป็นสิ่งสวยงาม เป็นพลังที่ทำให้เราก้าวเดิน ถ้าถึงจุดหมายเราก็จะรู้สึกว่าโลกนี้ช่างสว่างไสวสวยงาม ดังนั้นเราควรมีความฝันไว้ประดับตน เพื่อเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง หัวใจ " มาถึงไอ้ตัวที่สอง จะเป็นเราแบบที่คนอื่นยัดเหยียดให้เป็น บางครั้งก็ยัดเหยียดว่าเราดีเลิศจนเราอาย เพราะจิตสำนึกเรารู้ดีว่ามันไม่จริงหรอก แต่เราก็ยิ้มรับ แต่บางครั้งไอ้ตัวที่สองนี้ก็มหาอัปลักษณ์จนไม่อยากจะนึกถึง ซ้ำร้ายยังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะมันเป็นโลกในมือคนอื่น มันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่คนอื่นยื่นให้ อย่างคนขับสิบล้อจอดรถอยู่ข้างทางเฉย ๆ เช้ามาพบศพใต้ท้องรถก็ต้อง ขับรถหนี ทั้งที่ศพนั้นถูกรถชนตายอีกฝั่งแล้วดันถลามาใต้ท้องรถ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนขับสิบล้อ บางคนก็ตัดสินไปแล้วว่าเขาเป็นฆาตกร " คนที่ชอบนินทานั้นมองคนอื่นด้วยใจที่หยาบช้า ไร้วิจารณญาณ ใจแคบ มองคนอื่นผ่านกระจกสีดำแห่งใจตัวเอง คนเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในสังคม เจ้าต้องจำไว้นะ ทุกครั้งที่เราว่าคนอื่นเลว คนอื่นไม่ดี ก็เท่ากับ เราประจานความมืดดำในใจตัวเองออกมา เห็นสิ่งไม่ดีของใครจงเตือนตัวเองว่าอย่าทำ อย่าเลียนแบบ นั่นแหละวิถีของนักปราชญ์ ถ้าเอาไปว่าร้ายนินทาเรียกว่าวิถีของคนพาล " แล้วเราต้องทำตัวอย่างไรละครับในเมื่อเราต้องเจอคน เหล่านั้นเรื่อยๆ " ลูกศิษย์ หยุดร้องไห้แล้ว เริ่มสนทนาโต้ตอบหลวงตา เจ้าต้องทำ ความเข้าใจจิตใจมนุษย์ เรียนรู้ว่า ความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้ เราห้ามใจ ใครไม่ได้ สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำ ไม่ได้คิด ไม่ได้เป็น แต่คนอื่นคอยยัดเยียดให้เรา เราก็ไม่ควรให้ความสำคัญ เพราะเราสัมผัสได้ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง ใจเราควรสงบนิ่ง ใจคนอื่นต่างหากที่ควรซักฟอกให้ ขาวสะอาดกว่าที่เป็นอยู่ เขาเหล่านั้น เป็นบุคคลที่น่าสงสารมีเวลามองคนอื่น แต่ไม่มีเวลามองตัวเอง จงแผ่เมตตาให้เขาไป เข้าใจใช่ไหม " "เข้าใจครับ หลวงตา" เด็กน้อยยิ้มมีความสุขอีกครั้ง
Create Date : 13 กันยายน 2550 | | |
Last Update : 13 กันยายน 2550 18:10:50 น. |
Counter : 399 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|