ขนมไหว้พระจันทร์หรือ Mooncake



ตอนเป็นเด็ก เคยมีความสงสัยหลายเรื่อง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามใคร เพราะเด็กสมัยเรานั้น ไม่ค่อยมีปากเสียง ไม่ค่อยเถียงผู้ใหญ่ ไม่ค่อยมีคำถาม
เขาไม่ได้สอนให้ถามเยอะ เหมือนเด็กสมัยนี้

แต่ก็เป็นความสงสัยประเภท ..ไม่รู้ก็ไม่ค่อยเป็นพิษภัย เช่น เคยสงสัยว่า ปลาอินทรีที่แม่เอามาทอดให้กิน มันจะว่ายน้ำได้ยังไง ไม่เห็นมีครีบ มีหางเลย มีแต่ตัวแบนๆ

สงสัยว่าไข่เยี่ยวม้า ทำไมมันจึงเป็นสีอย่างนี้ได้ แล้วมันทำจากเยี่ยวม้าจริง ๆ หรือ ..พาลให้ตอนเด็ก ๆ ไม่กล้ากิน (มาชอบกินตอนโตนี่แหละ)

หรือสงสัยว่า ขนมไหว้พระจันทร์ เขาทำยังไง ถึงเอาไส้ไปอยู่ข้างในแป้งหุ้มบาง ๆ ได้ แถมบางทียังมีไข่แดงอยู่ข้างในด้วย

หลายเรื่องผ่านไป แล้วก็ไม่ได้สนใจอีก
ถึงจะรู้แล้วว่าทำยังไง ก็ไม่ค่อยมีความหมายอะไร

จนตั้งแต่เข้ามาแวะเวียนอยู่แถว ๆ นี้ เห็นหลาย ๆ คน เก่งกล้าสามารถเป็นที่ยิ่ง ทำขนมที่ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ทำ นั่นคือขนมไหว้พระจันทร์
หรือเรียกสมัยนี้ว่า Moon cake

ให้เกิดความรู้สึกคันไม้คันมือเป็นที่ยิ่ง อยากจะลองทำเล่นเป็นกำลัง ค่อย ๆ ตามหาชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน นอกจากพิมพ์ขนมไหว้พระจันทร์ ของเราซื้อเอาง่าย ๆ ในร้านอุปกรณ์ทำขนมแบบธรรมดา ๆ เป็นพิมพ์พลาสติค ลายสวยดี ราคาถูก คิดเอาว่าถ้าเล่นแล้วมันเจ๊งไปก็ลงเลิกแล้วต่อกัน ไม่เสียดาย แบบพิมพ์ที่เป็นไม้นั้นสวยมาก อยากได้แต่หาซื้อไม่ได้ ชนิดนั้นถ้ามีโอกาสได้มา (แบบไม่แพง ว่าจะฝากคุณพี่สาวซื้อมาจากเมืองจีน) ถึงไม่ทำ เก็บสะสมเป็นสมบัติบ้าก็ยังดี

ตระเตรียมส่วนผสม ไส้ทุเรียนกวน ฝากคุณนายแม่ซื้อจากร้านแถว ๆ จักรวรรดิ (แม่เราซนมาก ๆ แค่ถามหาว่าร้านอยู่ไหนตอนเช้า ตกสายคุณนายโทรมาจากพาหุรัดแล้ว ว่าจะเอากี่โล..โฮ้..สุดยอด)

เมล็ดแดงโมแบบแกะเรียบร้อย คุณพี่สาวสนับสนุน ส่งมาให้จากทางเหนือ เก็บแช่ช่องแข็งไว้เป็นปีแล้ว

ไข่แดงไข่เค็ม สั่งซื้อจากเจ้าประจำที่ซื้อไข่กันตลอด เราซื้อไข่เบอร์ศูนย์อาทิตย์ละ 2 แผง จนคนขายคิดว่าคงทำกิจการอะไรซักอย่างเกี่ยวกับไข่ ๆ ขายแน่นอน

น้ำเชื่อม เป็นส่วนที่ยากที่สุดสำหรับเรา ตอนแรก ๆ เพราะต้มจนเจ๊งเสียน้ำตาลไปหลายกิโลอยู่

ต้นฉบับ และวิธีการอย่างละเอียด ของการทำขนมนี้ มีอยู่หลายบล็อกทีเดียว
แต่ที่เห็นแล้วอยากทำตามที่สุด เป็นของคุณเกด Pastel pied นี้ค่ะ


Moon Cake by Kate - Pastel pied


ขนมไหว้พระจันทร์ของคุณเกด พระจันทร์เห็นแล้วคงยิ้มหวาน อยากได้
ของเราอยากทำ ด้วยความอยากลองเล่นสนุก ผลลัพธ์สวยไม่สวย ก็ขอให้กินได้ อย่าให้ต้องโยนทิ้งเล้ย เจ้าประคู้ณ

เราเพิ่มส่วนของแป้ง ตามน้ำหนักของน้ำเชื่อมที่เคี่ยวได้ค่ะ เพราะไม่ค่อยอยากเหลือน้ำเชื่อมทิ้งไว้

ส่วนผสม
เริ่มจากส่วนน้ำเชื่อมก่อนนะ เพราะต้องเตรียมไว้ก่อนค่ะ
น้ำตาลทราย 750 กรัม
น้ำเปล่า 600 กรัม
มะนาว 1 ลูก ใช้ทั้งน้ำและเปลือก

เคยใช้น้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลสีรำผสมกัน ทำน้ำเชื่อมนี้ ก็ออกมาสีสวยดี จะได้ขนมไหว้พระจันทร์สีเข้ม ๆ ค่ะ

น้ำตาลทราย น้ำเปล่า และน้ำมะนาวพร้อมเปลือก ใส่ลงในหม้อ คนให้เข้ากันนิดหน่อย ตั้งไฟอ่อน จากนี้ไม่ต้องคนแล้วนะคะ น้ำตาลจะตกผลึกค่ะ

วิธีที่ดีที่สุดสำหรับเรา ในการเคี่ยวน้ำเชื่อมนี้ คือเสียบเทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิไว้เลยค่ะ เพราะลองมาหลายวิธีแล้วมันค่อยได้ผล เช่นการตักน้ำเชื่อมมาหยดในน้ำเย็น ว่าถ้ามันไม่กระจายตัวแล้วก็ใช้ได้ วิธีนั้น พบว่าอุณหภูมิของน้ำตาลจะต้องขึ้นสูงถึง 165 องศาซีไปโน่นเลย ซึ่งพอตั้งทิ้งไว้ ก็จะได้ทอฟฟี่เหนียว ๆ มาหนึ่งหม้อแทนน้ำเชื่อมค่ะ เราได้มาแล้วสองหม้อเต็ม ๆ ฮ่าฮ่า

ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที คอยเช็คอุณหภูมิดู ให้ได้ระดับที่ 125 องศาซี ก็พอ ยกลง พักไว้ให้เย็น จะได้น้ำเชื่อมสีทองอ่อน ๆ ประมาณนี้ (ถ้าใช้น้ำตาลทรายขาวธรรมดานะคะ)
จากส่วนผสมน้ำตาลทรายที่ใช้นี้ จะได้น้ำเชื่อมหนักรวม ประมาณ 700-750 กรัม



แป้งสาลีส่วนแรก (เราใช้บัวแดง) 600 กรัม
น้ำมันพืช (คาโนล่า) 300 กรัม
น้ำด่าง (ทำจากผสมเบคกิ้งโซดา 3 ช้อนชา กับน้ำ 3 ช้อนโต๊ะ ทิ้งไว้ให้ตกตะกอน ใช้แต่ส่วนที่เป็นน้ำใส ) 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อม 635 กรัม
แป้งส่วนที่สอง 450 กรัม (บางคนว่าอาจจะใช้ไม่ถึง แต่เราใช้หมดนะ)

ในชามผสมใบใหญ่ รวมน้ำเชื่อม น้ำมันพืช และน้ำด่าง คนให้เข้ากัน
ตามด้วยแป้ง คนจนเนียนเป็นเนื้อเดียว


พักส่วนนี้ไว้อย่างน้อย 30 นาที
ครบเวลา นำออกมา เติมแป้งส่วนที่สองลงไป ค่อย ๆ คนหรือนวดจนเข้ากัน


จนได้แป้งเนื้อเนียน


เรานวดไปพักนึง แล้วก็ไม่ค่อยถนัด ด้วยขี้เกียจย้ายไปนวดในพื้นที่ที่สะดวก จึงจับย้ายไปนวดด้วยเครื่องผสม หัวตะขอ สักสองสามนาที

พักเอาไว้ก่อนค่ะ มาเตรียมไส้ทุเรียนไข่แดงกัน

เตรียมไข่แดงไข่เค็มไว้ตั้งกะวันก่อน เอาออกมาจากช่องแข็ง


พอคลายตัวแล้ว เตรียมพรมด้วยเหล้าจีนให้ทั่ว


ส่งเข้าอบด้วยไฟประมาณ 150 องศาซี สัก 5-6 นาที ที่เห็นนี่เราว่าคงจะเกินเวลาไปหน่อยนะ


จากนั้น มาถึงตอนที่รอมานานแล้ว
เอาพิมพ์ออกมา ทาด้วยเนยขาวบาง ๆ แล้วโรยแป้งให้ทั่ว เคาะส่วนที่เกินออก
ตามวิธีการที่คุณเกดแนะนำ ในการหาน้ำหนักแป้งและไส้ ให้เอาแป้งเปลือกใส่ลงในพิมพ์ให้เต็ม แล้วนำออกมาชั่ง หนึ่งในสี่ของน้ำหนักแป้งทั้งหมดที่ชั่งได้จะเป็นน้ำหนักของเปลือกขนมค่ะ
ส่วนที่เหลือเป็นทุเรียนกวน ถ้าใส่ไข่ด้วยก็ทดน้ำหนักของไข่ออกไป

เราใช้ทุเรียนหมอนทองกวน จากจันทบุรี สีจะอ่อนสวย กว่าทุเรียนกวนจากทางใต้ ที่จะสีเข้มกว่า ถ้าใช้แบบสีเข้ม อาจจะต้องผสมกับถั่วกวนเพื่อให้เหนียวน้อยลง และสีสวยขึ้น อันนี้เป็นข้อสรุปของเราเอง ที่เคยใช้แบบสีเข้มมาทำ

เราต้องใช้น้ำหนักเปลือก 40-50 กรัม
ไส้ทุเรียน 120 กรัม (ใช้ 130 กรัมแล้วได้ขนมใหญ่เกิน คับพิมพ์)
เม็ดแตงโม ตามชอบ ไม่เท่ากันซักลูก

ปั้นทุเรียนกวน และนวดเม็ดแตงโมลงไปในเนื้อทุเรียน จากนั้นแผ่ออกเป็นหลุม ใส่ไข่แดงที่อบแล้วลงตรงกลาง ห่อให้เป็นลูกกลม ๆ รอไว้


รู้สึกไหมคะ ว่าเปลี่ยนกล้องแล้ว เพราะคนทำไม่สามารถถ่ายรูปได้อีกแล้วจากจุดนี้ เละสุด ๆ ต้องอาศัยผู้ช่วยที่บ้าน ซึ่งกล้องเขาดีกว่าเราร้อยเท่า ..ฮึ



เตรียมให้เรียบร้อย เรียงเข้าแถวไว้

จากนั้น นำส่วนที่เป็นเปลือกที่ชั่งน้ำหนักไว้แล้ว มาคลึงกลม แผ่ออก ตอนนี้เราใช้ไม้คลึงอันเล้ก ๆ คลึงค่ะ จะได้แป้งบางเรียบเสมอกันดี
จับไส้ทุเรียนมาหนึ่งลูก ยกแผ่นแป้งขึ้นมาอย่างเบามือ หุ้มให้มิด พยายามให้กระชับกับไส้ และไม่มีรอยปริ

ตรงนี้เป็นส่วนที่ชอบที่สุดละ
กดก้อนแป้งที่หุ้มไส้เรียบร้อยลงไนพิมพ์ อัดให้เต็มและเรียบเสมอกับก้นพิมพ์ เราทำแป้งและไส้ก้อนโตไปนะ เราว่า เพราะบางทีมันจะล้น ๆ ไปนิด
แต่ถึงจุดนั้นแล้วมันแก้ยากแล้วค่ะ

ดันขนมออกจากพิมพ์ วางลงในถาดที่จะใช้อบ ที่ทาด้วยเนยขาวบาง ๆ รอไว้แล้ว


เรียงเข้าแถวเอาไว้นะ


สวยมั่ง ไม่สวยมั่งไปตามเรื่อง อย่าซีเรียสค่ะ


ระหว่างนี้ ไปวอร์มเตาอบ ไว้ที่อุณหภูมิ 175 องศาซี
ก่อนส่งขนมเข้าอบ ฉีดฟ็อกกี้พรมน้ำให้ทั่วหน้าขนม

เราใช้เวลาอบครั้งแรกไปที่ 15 นาที เอาออกมาทาหน้าด้วยไข่แดง ผสมน้ำเชื่อมที่ยังเหลือนิดหน่อย และน้ำ
ส่งเข้าไปอบอีกครั้ง ใช้เวลาอีก 15 นาที หรือจนขนมสีสวย

ออกมาแล้ว..



พักขนมไว้ในถาดสักครู่ แล้วค่อยแซะออกมาวางบนตะแกรงให้เย็น


ทาหน้าขนมได้เยินมากค่ะ สงสัยที่เขาทำกันสวย ๆ เนี้ยบ ๆ นั่นเขาต้องใช้เครื่องสเปรย์ไข่แน่เลย ไม่งั้นก็ต้องผสมไข่แดงให้เจือจางกว่านี้ ใครรู้ช่วยแนะนำหน่อยค่า



แล้วยังเอามาอวดอีกนะเนี่ย

พักให้เย็น ตามคำแนะนำ ขนมนี้จะต้องพักไว้ในอุณหภูมิห้องสักสามสี่วัน เปลือกจะนิ่มขึ้น
หากเราไม่ได้รอนานขนาดนั้นหรอก อยากดูข้างในอ่า..
ผ่าออกมาดูละนะ ลุ้น ๆ


นี่ไง มีทุเรียน และมีไข่เค็มตรงกลาง


ถึงตอนนี้ ตากล้องอาสาชิมให้ค่ะ เพราะหลังจากถ่ายรูปตอนปั้นเสร็จก็ไปนอนสลบอยู่พักนึง ระหว่างรอขนมในเตาสุก
เราปลุกขึ้นมาให้ช่วยถ่ายรูปขนมที่เสร็จแล้ว เลยให้เป็นหนูทดลองซะด้วย



รูปนี้มองไม่เห็นไข่แดงเลย สีเกือบจะเหมือนทุเรียนกวน
ตากล้องบอกอร่อยแล้วค่ะ ไม่ต้องรอสามสี่วันก็กินได้ เพราะแป้งบางและไม่แข็ง แต่เราชิมไปนิดนึง คิดว่าถ้าทิ้งไว้หน่อยจะนุ่มและชุ่มกว่านี้
ตามข้อสรุปของตากล้อง ผู้ชิม และติดตามกระบวนการเล่นสนุกครั้งนี้ บอกว่า นี่มันก็คือการกินทุเรียนกวนอีกแบบนึงเลยนะเนี่ย
ฮ่าฮ่าฮ่า

ก็นั่นน่ะซี

อร่อยไม่อร่อย สวยไม่สวยก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันหนุกดีนะ เป็นขนมที่ทำแล้วอยากทำอีก โดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบกิน ชอบทำ

ส่วนแป้งทั้งหมดที่ทำได้ ยังเหลืออีกตั้ง 750 กรัม จับเข้าตู้เย็นไปก่อน เพราะวันนี้ใช้ทุเรียนกวนไป 3 กิโลแล้ว ได้ขนม 22 ชิ้น คูณด้วย 40 กรัม ลองคิดดูเล่น ๆ นะคะ ว่าจะได้แป้งเปลือกทั้งหมดเท่าไหร่ จากสูตรนี้

ที่เหลือไว้เก็บไว้คิดต่อ ว่าจะทำไส้อะไรดี

ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่แวะมาใช้เวลาตรงนี้ด้วยกันนะคะ
ขอบคุณคุณเกด Pastel pied สำหรับคำอธิบายอย่างละเอียดในบล็อกขนม Moon cake และเพื่อน ๆ อีกหลายคนที่ทำขนมนี้ได้สวยงาม และนำมาให้รายละเอียดอย่างดียิ่ง ซึ่งอาจจะไม่ได้เอ่ยชื่อ ณ ที่นี้ครบ ขออภัยนะคะ

มีความสุข และสนุกกับการทำอาหารทุกวันค่า

Create Date : 12 กันยายน 2554
Last Update : 12 กันยายน 2554 19:30:25 น.		60 comments
Counter : 26000 Pageviews.
Share Tweet