Group Blog
 
All blogs
 
O สายธาร .. กาลเวลา ภาค ๙ .. O









เพลง .. ลาวคำหอม



๘๕๑. คำเอ่ย .. ก็เผยภวะประอร
สุตะชอนประโลมชาย
มองเนตระเชษฐะละม้าย
จะสยายและยั่วยิ้ม ..

๘๕๒. เผยทีท่าเงื่อนงำ .. แอบอำไว้
พาอกใจกำเริบ .. ความเอิบอิ่ม
ใครหนอค่อยค่อยวาบ .. เป็นภาพพิมพ์-
อ่อนช้อยนิ่มนวลเนื้อ .. ราวเชื้อเชิญ

๘๕๓. รำลึกรูปอำไพ .. แล้วใจหาย
แต่ห่างกายพ้นผ่านก็นานเนิ่น
ก่ออาวรณ์ลึกล้ำให้จำเริญ
เข้ากล้ำเกินอกชาย .. สุดถ่าย-ทอน

๘๕๔. สิ้นช่วงการรอคอยละห้อยหา
ข่มยิ้มอยู่ในหน้า .. แววตาซ่อน-
ร่องรอยความปรารถนา .. แสนอาทร
เมื่อนึกย้อนรูปคราญ .. วาบผ่านตา

๘๕๕. เมื่อครั้งสบโฉมตรู .. เอ็นดูนัก
เมื่อเผยพักตร์รูปเรียว .. เมื่อเหลียวหา
เมื่อนิลเนตรเมียงชม้าย .. เจ้าชายมา-
ก็สิ้นท่า .. สั่นทั่ว-เนื้อหัวใจ

๘๕๖. งามเอยดวงนิลเนตร .. กับเลศซ่อน-
ที่จะวาบความวอน .. ด้วยอ่อนไหว
เมื่อผ่านแววโชนเชื้อ .. จะเหลือใด-
ป้องอกใจ .. ล่วงพ้นจากพันธนา



สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ..







๘๕๗. กระโปรงดำเสื้อขาว .. ค่อยก้าวย่าง
แก้มคิ้วคางเนตรคม .. งามสมหน้า
มีจิตใจมุ่งมั่นคอยบัญชา
เร่งศึกษาเรียนรู้ .. ไม่ดูดาย

๘๕๘. ใจเลื่อนลอยล่องไปสู่ใครหนึ่ง-
ที่คำนึงซึ้งอยู่ไม่รู้หาย
แต่จากกันปลีกเร้น .. ไม่เห็นกาย
เหมือนสิ้นสายเยื่อใย .. ร้างไมตรี

๘๕๙. บ่อยครั้งที่ใจหญิง .. ทั้งนิ่งเงียบ
หวังปรุงเปรียบความหมายออกคลายคลี่-
เพื่อหล่อเลี้ยงเจตจินต์ .. ให้ยินดี-
ต่อครั้งที่ข้องเกี่ยว .. เดินเที่ยวกัน

๘๖๐. นั่งเหม่อลอยปล่อยฝัน .. สู่วันเก่า
ด้วยเงียบเหงาหัวใจ .. ด้วยไหวหวั่น
ด้วยเหว่ว้า .. เกินคำจักรำพัน
ใจเอยหัวใจขวัญ .. เจ้าสั่นคลอน

๘๖๑. หนังสือวางตรงหน้า .. ใบหน้าก้ม
หากสุดข่มใจจดกับบทสอน
บางความหมายรุมเร้า .. แสนเว้าวอน-
พาความอ่อนหวานพร้อม .. เข้าล้อมใจ

๘๖๒. จนอีกปลายม้านั่ง .. คล้ายดั่งเคลื่อน
คล้ายใครนั่งแล้วเขยื้อน .. ขยับใกล้
จนวงหน้ารูปเรียว .. เบือนเหลียวไป
แล้ว .. ดวงใจดวงนั้น .. ก็สั่นสะท้าน !







๘๖๓. นิ่งขึงตะลึงงัน .. เมื่อพลันพบ
คล้อยบรรจบรูปฝัน .. เมื่อวันผ่าน
ที่ .. ระทึกเต้นรับอยู่นับนาน
คือใจคราญหวานล้ำ .. เข้ากล้ำกราย

๘๖๔. เถิด-แววเนตร .. ฝืนอาย .. รำบายบอก
ให้ระลอก .. อ่อนโยน .. นั้นโชนฉาย-
แรงอาวรณ์ .. ซาบซึ้ง .. ต่อหนึ่งชาย
สืบความหมาย .. สัมพันธ์ .. นิรันดร

๘๖๕. เมื่อมือรวบ .. มือนุ่ม .. เข้ากุมกอด
จิตฤๅคลายพร่ำพลอด .. กับออดอ้อน
เมื่อเนตรคราญผ่านเงา .. แทนเว้าวอน
จิตก็อ่อนโยนเหลือ .. ด้วยเยื่อใย

๘๖๖. ยิ้มให้ด้วยหัวใจ .. ที่ใฝ่ถึง
ด้วยซาบซึ้งต่อกัน .. ด้วยหวั่นไหว
ด้วยถวิล .. ปรารถนา .. ด้วยอาลัย
ด้วยเยื่อใย .. สายสวาดิ .. พันพาดทรวง

๘๖๗. มือตระกองรูปหน้า .. สบตาจ้อง
ใจสี่ห้อง .. ผ่องแผ้วไม่แล้วล่วง
พระเอย .. ฤๅนัยคำ .. ที่บำบวง
จะเริ่มช่วงกำลังเข้าสั่งการ







๘๖๘. เคลื่อนคล้อยเกี่ยวก้อยกุม .. ลับมุมตึก
ร่มเงาพฤกษ์บดบัง .. คล้ายดั่งม่าน-
ก็รวบร่างจบจูบ .. จน-รูปคราญ-
ใจหวิวหวั่นสั่นสะท้าน .. ระทวยองค์

๘๖๙. อ่อนไหวด้วยอ่อนหวาน .. ใครผ่านสู่
เมื่อรับรู้เร้ารุม .. ก็ลุ่มหลง
ท่ามระลอกชื่นชู้ .. ฤๅรู้ปลง
เหลือแต่ร่วมจำนง .. ร่วมวงกรรม

๘๗๐. มือเกาะแขน-เนตรรื่น .. ใจตื่นรับ
ร่วมลำดับอภิรมย์โบยบ่มร่ำ
ขณะสูรย์พร่างแพร้ว .. ลมแผ่ว-พรำ
กระซิบคำ-คำหนึ่งก็ตรึงทรวง

๘๗๑. จับจูงมือก้าวย่างในทางเที่ยว
ความเปล่าเปลี่ยวใจแก้วก็แล้วล่วง
เหลือหวานหอมหลอมหลั่ง .. ใจทั้งดวง
ทั้งแหนหวงห่วงหาทั้งอาวรณ์

๘๗๒. รอเถิดรอบ .. รมยารูปราศี
แม้นกุมเก็บใจนี้ .. หลบลี้-ซ่อน
จะตามสืบเสาะหาด้วยอาทร
ตราบมอดมรณ์วงวัฏฏ์เป็นภัสม์ธุลี

๘๗๓. ร่ำลาเมื่อ .. รอบกาลเคลื่อนผ่านคล้อย
ให้ทราบรอยอาวรณ์ .. ช่วงตอนที่-
โหมขึ้นสอบน้ำใจ .. หัวใจมี
เมื่อจักลี้รูปพราก .. ไปจากกัน

๘๗๔. เสาร์นี้จะมาใหม่ .. รับไปเที่ยว
ก้อยจะเกี่ยวก้อยนวล .. ร่วมทวนฝัน
ตลาดน้ำดำเนิน .. นานเนิ่นวัน
ไม่เคยหันกายเยือน .. เข้าเรือนปี

๘๗๕. ร่างชายหนุ่มเคลื่อนลับไปกับตา
แต่งร่องรอยรมยา .. ทำหน้าที่
มีเนตรหนึ่งระยับช่วง .. บ่งท่วงที
เมื่อรูปรอยสุนทรีย์ .. เริ่มลีลา

๘๗๖. หัวใจสาวเจ้าเอย .. ฤๅเคยคิด
หลังแนบชิด .. แต่จะคอยละห้อยหา
อ้อมแขนอุ่น .. ยังอุ่นร่างไม่สร่างซา
จุมพิตจบเนิ่นช้า .. ก็คาใจ



บ้านสาทร ริมน้ำเจ้าพระยา ..







๘๗๗. เดินผิวปากเข้าบ้านสำราญรื่น
ริมน้ำคลื่นระลอกบ่า .. ยินซ่าไหล
ปูเสื่อทอดกายนอน .. นึกย้อนไป
ถึงเนตรไหวหวั่นเห็น .. ด้วยเอ็นดู

๘๗๘. พี่ชายทอดก้าวย่างมานั่งใกล้
ร่วมซักไซ้ไล่เรียง .. อยู่เพียงครู่-
ก็แจ่มแจ้งความนัย .. หัวใจตรู
กับน้องผู้ .. แช่มชื่นแต่ตื่นตา

๘๗๙. สะท้อนใจตัวเอง .. วังเวงนัก
จะสบพักตร์ .. ลำบาก .. ช่างยากหา
ด้วยต่างกาลคาบยาม .. เกินข้ามมา-
ตามแต่ใจปรารถนา .. ทุกคราครั้ง

๘๘๐. จำต้องรอคืนเพ็ญจึงเห็นภาค
ข้ามขอบฟ้าเชื่อมจากอีกฟากฝั่ง
ผูกพันจากเพรงกรรม .. โหมกำลัง
ทุกนอนนั่ง .. กังวล .. ทุรนรอ

๘๘๑. เข้าห้องพระ .. กราบพระ - รูปพระพุทธ
ใจนั้นรุดเร่งช่วง .. บำบวงขอ-
หลังรูปจันทร์ทรงเพ็ญ .. จงเร้น-ทอ
หยุดช่วงต่อสองภพ .. ให้จบลง

๘๘๒. ด้วยแรงจิตอธิษฐาน .. แต่กาลเก่า
บรรจบเข้าเติมแต่งเป็นแรงส่ง-
ให้สามโลกยินคำแห่งจำนง
คำสัตย์น้อมวางลง .. หน้าองค์พระ

๘๘๓. เพ่งกำลังจิตล่วง .. ผ่านห้วงหน
เพื่ออีกคนโสมนัส .. ในสัจจะ
กี่รอบหมุนเวียนมา .. แห่งกาละ
ร่วมพันธะผูกพัน .. นิรันดร์ไป

๘๘๔. สืบเสาะข้อมูลทาง .. ดาราศาสตร์
คืนเพ็ญภาสแขระยับแสงขับไข
จักต้องคราส .. กลืนดวงสิ้นยวงใย
จนมืดดำคล้ำไปทั้งจักรพาฬ

๘๘๕. เมื่อคลื่นแสงต้องคราส .. จนขาดช่วง
ความถี่ล่วงลับลง .. หยุดส่งผ่าน
สองขอบฟ้าเคยเหลื่อม .. คอยเชื่อมกาล
ย่อมจักลาญล่มลบ .. กลางพลบนั้น



บุตรชายเจ้าพระยาพลเทพ
พศ. ๒๓๓๒ ..






๘๘๖. งดงามชื่อลือโฉม .. ดั่งโคมสรวง
จึงหลายทรวง .. อาวรณ์เกินถอน-บั่น
แต่ลอบเล็มหมายปลูกความผูกพัน
ด้วยดวงขวัญรูปนี้ .. ผู้มีงาม

๘๘๗. ล้วนชายผู้บุญหนักศักดินา
อำนาจบารมีล้น .. ผู้คนขาม
เมื่อหัวใจนั้นประสงค์ต่อนงราม
ถ้วนเขตคาม .. ใครเล่า .. หาญเข้าชิง

๘๘๘. จนเรื่องกล่าวคนโจษ .. ถึงโสตแม่
อกใจแท้หมองหม่น .. กังวลยิ่ง
เกรงสมเด็จในตำหนักที่พักพิง-
รับเป็นสื่อ .. ใจหญิง .. เกรงยิ่งแล้ว

๘๘๙. อึดอัดขัดข้องหม่นหมองเจ้า
จึงยอมเล่าความย้อน .. เสียงผ่อน .. แผ่ว
เมื่อคืนเพ็ญห้องหาวเดือนพราวแพรว
จิตแน่แน่วจักผ่าน .. สู่กาลไกล

๘๙๐. แม่ดาราฟังอยู่ .. พอรู้เรื่อง
ลอบชำเลืองพิศขวัญ .. ผู้หวั่นไหว-
คล้ายแววหวานละมุนฉาย .. จากภายใน-
แห่งห้วงของหัวใจ .. ออกไขความ

๘๙๑. อ้อนวอนแม่ชวนกลับไปบ้านย่า
ด้วยแรงฤทธิ์เสน่หา .. เกินกว่าห้าม
นับปีที่จำพรากไปจากงาม
ยังติดตามบำบวง .. ผูกดวงมาน

๘๙๒. ตรองคำลูกเมื่อรู้ .. เอ็นดูนัก
เห็นงามพักตร์หมองลงก็สงสาร
ทูลสมเด็จเมตตา .. ขอลางาน-
กลับเยี่ยมบ้านอัมพวาแต่ครานั้น

๘๙๓. เรือล่องลำน้ำไหล .. หัวใจเจ้า-
กลับรุมเร้าด้วยรัก .. เกินหัก-บั่น
ถวิลหาทรมาน .. ก็นานครัน
ต้องไกลกันห่างเห็นอยู่เป็นปี

๘๙๔. จำปลีกเร้นด้วยชาย .. นั้นหมายมุ่ง
เกรงจะยุ่งยากใจ-ผู้ใหญ่ที่-
งามพร้อมอัชฌาศัย .. น้ำใจมี
จึงท่าที .. เผยออกเพื่อบอกความ

๘๙๕. เผยอาการชัดแจ้ง .. ไม่แฝงเลศ
ขีดขอบเขตให้ตระหนัก .. พึงหักห้าม-
หยุดเถิดเจตจำนง .. ต่อนงราม
ขอข่มข้ามอาลัย .. ทุกใจนั้น

๘๙๖. งามเจ้าเอย .. คงมั่น .. ยากหวั่นไหว
เพียงหนึ่งเดียวหัวใจ .. อาจไหวสั่น
ที่อยู่อีกฝั่งฟ้า .. ลับตากัน
ร่วมใฝ่ฝันจดจ่อ .. ร่วมรอคอย

๘๙๗. แม่ดาราครวญใคร่ .. เนื้อนัยความ
ดวงเนตรงามของเจ้า .. ดูเหงาหงอย
และบ่อยครั้งเมื่อเผลอ .. ก็เหม่อลอย
ราวละห้อยถึงใคร .. ผู้ไกลตา

๘๙๘. เกิดขึ้นแต่เมื่อไร .. จักใคร่รู้
แปลกใจอยู่ .. คราวเร้นไม่เห็นหน้า
ครั้งที่เกรงจากลับ .. ไม่กลับมา
ทำแม่นี้ทรมาแทบว่า .. วาย

๘๙๙. คงห้องพระ .. ผ่านข้ามสู่ยามไกล
จึงอกใจมาตุชาติก็มาดหมาย
จะเฝ้าคอยคืนเพ็ญ .. เจ้าเร้นกาย
ขอร่วมผายผันร่าง .. ไม่ห่างกัน


ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ..
พศ. ๒๕๔๐






๙๐๐. รูปเอย .. รูปตรูแต่ตรู่สาง
รอใครย่างย้อนกลับมารับขวัญ
เตรียมกายเตรียมใจอยู่ใกล้กัน
อ่อนหวานนั้นล้อมทรวงไม่ล่วงลา

๙๐๑. หลังคาบยามพันแสงขึ้นแต่งสี
เมื่อใครหนึ่งถึงที่ .. หนึ่งปรี่หา
มือรวบมือเรียวไว้ .. จ้องนัยน์ตา
ค่อยจบหน้าผากแก้ว .. เพียงแผ่วเบา

๙๐๒. ก่อนคนขับ .. ออกรถก็จดจ้อง
แก้มเนียนผ่องผาดล้วน .. เนื้อนวลเจ้า
ก่อนชะโงกจบจูบ .. แก้มรูปเยาว์-
ที่ใฝ่เฝ้ามุ่งหมายมาหลายวัน

๙๐๓. แก้มเอย แก้มเนียน .. เมื่อเปลี่ยนสี
บอกท่าทีอยู่พร้อม .. รอกล่อมขวัญ
จะซ่านสีเรื่อสู่ .. ให้รู้กัน-
ว่าเรื่อนั้น-เลือดแดง .. จากแหล่งทรวง

๙๐๔. เนตรเอยเนตรผกาย .. เหมือนชายอ้อน
ผ่านความหมายเว้าวอนให้ย้อนช่วง
อิ่มเอิบท่ามกลางภวังค์ .. ใจทั้งดวง-
อาวรณ์หวงลึกล้ำ .. ก็จำเริญ

๙๐๕. คนขับรถรื่นรมย์ .. ต้องข่มยิ้ม
เอ็นดูคนแก้มอิ่ม .. ตาพริ้ม- เขิน
เมื่อรถถึงตลาดน้ำ .. ที่ดำเนิน
คนหลับเพลินก็ตื่น .. ด้วยรื่นรมย์

๙๐๖. จูงมือรูปแก้มอิ่ม .. ไปริมน้ำ
เรือหลากลำจอดเรียง .. คนเสียงขรม
พายหลบหลีก .. ตามติดให้พิศชม
จนเนตรคมวาบหวัง .. อยากนั่งเรือ

๙๐๗. เรือลำน้อยลอยลำ .. พายจ้ำจ้วง
ใจสองดวงเพลิดเพลินจำเริญเหลือ
มีหอมหวานละเมียดละมุน .. คอยจุนเจือ
เติมแต่งเชื้ออาลัย .. พาไหววน







๙๐๘. ดูจอแจอึดอัด .. คนยัดเยียด
เรือเบียดเสียดกระแทกลำซ้ำซ้ำหน
พายคอยค้ำ .. ขัด .. คา .. เพื่อพาคน-
ท่องสายชล .. ทัศนาบรรดามี

๙๐๙. เรือสวนลำต่างเที่ยว .. พลันหลียวเห็น-
รูปงามเด่น .. ท่วงท่า .. กอปรราศี
พร้อมเพื่อนฝูงมากหน้า .. ล่องวารี
คือท่านป้าคนดี .. วันนี้มา

๙๑๐. เห็นแต่ไกล .. จึงค้อมคอน้อมไหว้
และเมื่อใบหน้าเรียว .. เจ้าเหลียวหา
เหมือนเผยให้พิศเล็ม .. อยู่เต็มตา
เป็นพิศป้ามองเห็น .. ว่าเอ็นดู

๙๑๑. ค่อยค่อยจ้วง ค่อยค่อยจ้ำ เรือลำน้อย
คนก็คอยชม้อยตา .. สบตาอยู่
แดดอุสุมโลมแต้ม .. เอาแก้มตรู-
ปลั่งเลือดฝาดรอยชมพู .. น่าดูนัก

๙๑๒. ถึงบ้านใหญ่มีเตาเคี่ยวน้ำตาล
ก็พาคราญแวะสู่ให้รู้จัก-
ผ่านกระทะเดือดปุด .. ก็หยุดพัก
พายจ้วงตักให้ชิมลองลิ้มรส

๙๑๓. น้ำตาลเคี่ยวหวานหอม .. คนล้อมหมู่
อีกหวานหอมพร้อมอยู่ .. เหมือนรู้บท
กลิ่นหอมโชยจากกระทะไม่ละลด
ใจก็จดจองหอมไม่ยอมล้า

๙๑๔. มือเรียวเจ้าเกาะแขน .. กำแน่นอยู่
คอยมองเมียงเฝ้าดู .. เพื่อรู้ว่า-
ที่เขาทำ .. มองเห็น .. ความเป็นมา
ทุกครั้งครา .. ที่เจ้าไม่เข้าใจ

๙๑๕. เหงื่อซึมตามไรผม .. ตาคมเจ้า-
ก็วาบเงาภิรมย์รับ .. ขึ้นขับไข
มือเกาะแขนอยู่พร้อม .. ฤๅยอมไกล-
จากชายไทยผู้ครอง .. ทุกห้องทรวง

๙๑๖. จวบบ่ายคล้อยถึงตอนต้องย้อนกลับ
เนตรเจ้าเอยวาววับ .. ไม่ลับล่วง
เมื่อหอมหวานที่ประดังใจทั้งดวง
ยังคงช่วงแรงอยู่ไม่รู้จาง







๙๑๗. ดอนหอยหลอด .. ทอดตัว .. คล้ายยั่วเย้ย
จะผ่านเลย .. ก็เอ็นดู-คนคู่ข้าง
จิตอ่อนโยนอ่อนไหว .. น้ำใจนาง
คล้ายจะพร่างพรมหยด .. คอยรดใจ

๙๑๘. แวะเข้าหาร้านนั่ง .. มีบังแดด
ท่ามกลางแวดล้อมทะเล .. คอยเห่ให้
หมู่พฤกษ์ทอดร่มผ่าน .. กิ่ง .. ก้าน .. ใบ
ลมแผ่วไกวกวัดคลื่น .. อยู่ครื้นเครง

๙๑๙. ปวงสำรับกับข้าว .. ช่วยเจ้าสั่ง
ก่อนเอื้อมโอบด้านหลัง .. คนนั่งเพ่ง-
เหม่อมองแสงแดดระยับ .. คล้ายกับเกรง-
กาลจะเร่งรุดตอน .. ไม่ย้อนคืน

๙๒๐. ลมอุสุมรุมร้อนเข้าย้อนย้ำ
พื้นผิวน้ำก็ประดุจจะสุดขืน
ค่อยค่อยไหวระลอกโถม .. อยู่โครมครืน
พร้อมใจตื่นแหนหวง .. เกินหน่วงแล้ว

๙๒๑. เข้มครามหมู่เมฆขาวใต้ราวฟ้า
สกุณาส่งเสียง .. ยินเพียง-แผ่ว
ลำตะวันสาดสรวงทุกช่วงแนว
ส่งพราวแพรวโลมอาบทุกบาปบุญ

๙๒๒. เพียงครั้งคราวห้วงฝันชีวันหนึ่ง
ความตราตรึงบรรจบแสนอบอุ่น
กระแสธารเสน่หาได้การุญ
เอื้อละมุนละไมหวาน .. วาบผ่านใจ

๙๒๓. จึงครั้งนั้นไพจิตรนิมิตช่วง
โลกทั้งปวงปรากฏความสดใส
ถ้วนรสหวานกลิ่นหอมพะยอมใด
เหมือนหลั่งให้อบร่ำทุกค่ำคืน

๙๒๔. วันจะเลื่อนเดือนจะลับไม่รับรู้
เหลือเพียงผู้คะนึงหาเกินฝ่าฝืน
เปลื้องความหมายแจ่มชัด .. ทุกหยัดยืน
จนยากกลืนกลบละมุนอบอุ่นนั้น

๙๒๕. เพียงคราวครั้ง .. ตรึงติดในจิตหนึ่ง
ความคิดถึงบีบใจจนไหวหวั่น
คมอาวรณ์เสียดชีพคอยบีบคั้น
เกินบากบั่นก้าวถอยจากรอยกรรม

๙๒๖. คือร่องรอยบริบทความสดชื่น
พร้อมรมย์รื่นบรรจบให้อบร่ำ
ป่นมดเท็จเจ็บแสบ .. เคยแอบอำ
กลบชอกช้ำ .. ด้วยคุณค่า ในท่าที

๙๒๗. หวานเอยหวาน .. ชายตอบอีกรอบแล้ว
ส่งพร่างแพร้วเอ่อกมลแทบล้นปรี่
กลบอดีตกลืนยุค .. เคยคลุกคลี
จนหมดที่หมดทาง .. ระหว่างกัน







๙๒๘. ร้อยเป็นห่วงผ่านลมที่บ่มพัด
หวังเลาะรัดบ่มยิ้มกลางคิมหันต์
งามเจ้าเหมือนแรงหน่วงจากช่วงบรรพ์
ให้มุ่งมั่นแต่เห็น .. ไม่เว้นวาย

๙๒๙. เหมือนยูงงามอกแอ่น .. รำแพนหาง
เห็นเยื้องย่างแต่ไกลแล้วใจหาย
แววขนย่อมเหลื่อมค่าสู่ตาชาย
ปรุงปนเป็นความหมาย .. รำบายทรวง

๙๓๐. แต่เวียนอยู่ไม่ยั้ง .. ทุกครั้งคิด-
คอยทวงสิทธิ์รูปแถนด้วยแหนหวง
คลี่สายใยรัดรุม .. ใจพุ่มพวง
ให้แต่ห่วงถวิลเห็น .. ไม่เว้นวัน

๙๓๑. มาปองงามทรามสวาดิในชาตินี้
มุ่งพาชีวิตข้ามไปตามฝัน
แม้นฝั่งฟ้าสองข้าง .. จะห่างกัน
หากใจมั่นหมายแล้ว .. ยากแล้ว-ลา

๙๓๒. เหมือนวับวาวรุ่งมณีเหลื่อมสีพร้อย
ประดับรอยเนตรชวนคร่ำครวญหา
ครั้ง .. อัปสรล่อแก้วผ่านแววตา
ให้ต้องตนยักษาจนอาวรณ์

๙๓๓. จนสิ้นแรงร่วงร่างระหว่างสรรพ
ยังระยับเนตรผกายเกินถ่ายถอน
จะไล่โลมโฉมล้ำกลางอัมพร
ยังเกรงร้อนฤทธีมณีพราย

๙๓๔. แต่นิลเนตรหนึ่งส่องมาต้องพี่
ยิ่งมณีอัปสรนั้นชอนฉาย
ส่งวาววับสดใสจับใจชาย
ชีพก็หมายยอมแล่งด้วยแสงนิล

๙๓๕. พิศรูปหน้าเนียนงาม .. สุดห้ามได้
หรือบุญบาปภพใดยังไม่สิ้น
จึงตราเป็นเลศกลรอยมลทิน
ให้เดือดดิ้นปฏิพัทธ์สุดทัดทาน

๙๓๖. แต่เฝ้าชมสมโฉมประโลมเนตร
สร้างเงื่อนเหตุ .. งดงาม .. หอม .. หวาม .. หวาน
ร้อยเรื่องราวในฝันแห่งวันวาน
พลอยวาบผ่านสืบถวิล .. ให้ดิ้นรน

๙๓๗. เจ้าเช่นดวงดาราทิพามาศ
เลื่อนลีลาศวับวาวทั่วหาวหน
ท่ามคืนแรมจันทร์ล้าลับสากล
เอื้อสรวงบนระยิบตาทั้งราตรี

๙๓๘. มอบสดใสส่องงามอยู่ท่ามพื้น
ให้ตามตื่นแห่หาเฝ้าราศี
ชวาลาช่วงยามย่อมงามดี
ด้วยไร้สีแสงช่วงแห่งดวงวัน

๙๓๙. เมื่อโฉมเลื่อนเงาเงื้อมให้เอื้อมถึง
จักเหนี่ยวดึงโอบต้องประคองขวัญ
ฟังหัวใจกระซิบคำที่รำพัน
ว่าจักมั่นเคียงคู่ไม่รู้คลาย

๙๔๐. โอบเอวรูปอ้อนแอ้น .. พักตร์แหงนเงย
เนตรเจ้าเผยอ่อนโยน .. ออกโชนฉาย
ด้วยอาลัยหวานละมุนแนบอุ่นอาย-
กับอกชายอ้อมแขน .. เจ้าแอ่นพิง

๙๔๑. เกศาหอมเสียดส่าย .. อยู่ใต้คาง
อวลกรุ่นเนื้อเนียนนาง .. จากปรางหญิง
ตรงหน้า .. ทะเลกว้าง .. เวิ้งว้างจริง
หากที่อิงแอบใจ .. แสนใกล้ชิด

๙๔๒. จวบคล้อยค่ำจึงขับรถกลับบ้าน
แสนเอ็นดู .. รูปคราญสำราญจิต
เจ้าเอียงหน้าเนตรชม้อยเฝ้าคอยพิศ
ก็โดยฤทธิ์เสน่หา .. เกินกว่ารั้ง

๙๔๓. สำรวจจ้องมองหน้า .. แววตายิ้ม
รูปแก้มอิ่มตัวเองก็เปล่งปลั่ง
บัดดล ..! รถก็หยุด .. คนสุดยั้ง
จบปากฝังแก้มอิ่ม .. ไว้พิมพ์ใจ

๙๔๔. นิ่งนานจนอกใคร .. เริ่มไหวหวั่น
เมื่อเลื่อนจบโอษฐ์นั้น .. คนสั่นไหว
อยู่อ้อยอิ่งนิ่งนาน .. ราว .. คว้านใจ
ตราบยินหอบโหยไห้ .. จากใจนั้น

๙๔๕. ก่อนค่อยเคลื่อนรถต่อ .. อย่างรอรี
เมื่อแห่งที่หัวใจ .. คลายไหวสั่น
แต่ละจบจูบย้ำ .. คือสัมพันธ์
จำหลักมั่นคงอยู่ .. ฤๅรู้เลือน



แต่ปางบรรพ์ ..







๙๔๖. คืนค่ำแขทรงเพ็ญลอยเด่นฟ้า
แรงห่วงหาใจตรู .. ก็ดูเหมือน-
คอยรุมเร้าอยู่ประชิด .. คอยติดเตือน
สุดบิดเบือนบั่นทอนให้จร-จาง

๙๔๗. ค่ำคืนนี้ลมพลิ้ว .. ใจหวิวสั่น
คล้ายแรงจิตมุ่งมั่น .. สุดกั้นขวาง
แผ่ผ่านฤทธิ์อาวรณ์ .. ลงผ่อนวาง
ดลอ้างว้างในอก .. สุดยกย้าย

๙๔๘. แม่ดารามองลูกด้วยผูกพัน
ใจคอยหวั่นลูกรัก .. เกรงพรากหาย
คอยจับตาไม่ห่าง .. อยู่ข้างกาย
แอบมาดหมายร่วมทางทุกย่างเยือน

๙๔๙. เห็นเจ้าท่าทางกระสับกระส่าย
เมื่อแขพรายแสงพร้อยขึ้นลอยเลื่อน
ใจเจ้าเอยสุดคิดจะบิดเบือน
เมื่อใครเหมือนผ่านมนต์ .. มาดลใจ

๙๕๐. ทรุดกายนั่งตั่งหมอน .. มืออ่อน-กราบ
ปล่อยจิตทราบ .. อธิษฐานคนผ่านให้
รอคอย .. หมายรูปคราญ .. ฝ่ากาลไป
ที่ท่าน้ำระลอกไหล .. รอใครคืน


จบภาค ๙





Create Date : 25 มีนาคม 2553
Last Update : 9 ธันวาคม 2559 13:10:38 น. 12 comments
Counter : 3252 Pageviews.

 
อิอิ เอากล้องมาส่องดูพระเอกกะนางเอก
ที่มุมตึก ง่า..ตามไปดูในรถด้วย ว้าว..ๆๆ
พระเอกขี้อ้อนจังเลยนะ อิอิ


โดย: ม่านเอง IP: 114.128.193.174 วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:4:13:58 น.  

 
มาลงชื่ออ่านด้วยคนค่ะ ..ยิ้ม..


โดย: ปลิวตามลม วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:6:29:17 น.  

 
งามทั้งเรื่อง ทั้งรูป อยากจะเติมว่าคนอ่านด้วยนะคะ


โดย: กานต์ชนก IP: 202.29.37.34 วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:13:35:18 น.  

 
มาอ่านใหม่ ก็ได้อรรถรสใหม่ๆ ^^


โดย: .. IP: 124.122.190.184 วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:14:06:00 น.  

 
อ่านแล้วก็ยังมาตามอ่าน อีกเรื่อยๆค่ะ


โดย: medkhanun วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:16:38:03 น.  

 
ม่าน....
พระเอกน่ะ....รู้ใจผู้หญิงไง...
เวลารักใครขึ้นมาแล้ว...สาวๆก็อยากถูกกอดถูกหอมแก้มกันทั้งนั้น...ไม่รู้ดอกรึ ?
นายทหารหนุ่มรุปหล่อ...กับลูกสาวเศรษฐีพม่าเชื้อสายไทย...
ชอบล่ะซี้....




อัล....
วันนี้มาสั้นจัง....
อ่านแล้วยิ้ม....จะให้พี่เข้าใจว่าไงคะ ?
ว่าพี่ถอดหัวใจเขียนเลยใช่ไหม....ทำเหมือนคนเขียนจะแสดงเองเชียว
555





คุณกานต์ชนก....
งามทั้งเรื่องราว....งามรูปสาว....
ส่วนคนอ่านก็งามจิตใจล่ะครับ....หากว่าอ่านแล้วยิ้มได้...




..
ครับ...ผมเองก็อ่านหลายเที่ยวเหมือนกัน....เพราะมีคนจะเอาเรื่องนี้
ทำหนังสือทำมือให้ครับ...หาคำผิดอยู่




เม็ดขนุน....
เป็นไง....ปิดเทอมแล้ว...สบายสินะ
สงกรานต์ไปเที่ยวไหน


โดย: สดายุ... วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:20:42:18 น.  

 
ตามอ่านทันแล้วค่ะ สายธาร..กาลเวลา ภาค ๑-๙

ประทับใจมากมายค่ะ


โดย: ทิพย์ IP: 202.149.25.235 วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:20:51:34 น.  

 
ทิพย์....
อ่านกันครบ 100 แล้ว...พี่จะขึ้นภาคอวสานแล้วนะ
อีกครู่เดียว...



โดย: สดายุ... วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:21:01:58 น.  

 
พี่ชาย..

..แม่หญิง..ที่ห่มสไปทองนี่..งดงามมาก..นะเจ้าคะ..
ดูกี่ครั้ง..กี่หน..ก็งดงามเหมือนเดิมค่ะ...

ตามอ่าน..ทุกครั้ง..นะคะ..


โดย: ฟาง IP: 118.172.91.200 วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:23:50:54 น.  

 
ฟางน้อย....

ค่ะ..ภาพวาดฝีมือ อ.จักรพันธ์ โปษยกฤต
เป็นภาพที่สวยงามมากเหมาะจะใช้เป็น"นางเอก"ของพี่
อิๆๆ....

ปกติหากพี่วาดเองได้แล้ววาดประกอบกลอนทุกบท
แทนการเอารูปดารา นางแบบ มาลงจะดีมากเลย...
เสียแต่วาดเองไม่เป็น....

สบายดีนะคะ



โดย: สดายุ... วันที่: 27 มีนาคม 2553 เวลา:7:58:28 น.  

 
อ่านแล้ว ถือว่าเป็นบทร้อยกรองที่เยี่ยมมากๆ คน comment ตั้งแต่ 2553 ยังตามผลงานคุณสดายุอยู่ไหมเนี่ย ผมเพิ่งมาอ่าน เพิ่งรู้จักคุณสดายุ แล้ว comment ผม จะมีคนเห็นหรือเปล่า ห่างกันถึง 10 ปี


โดย: ธีรศักดิ์ ศรีทิพย์อาสน์ IP: 184.22.206.185 วันที่: 25 กรกฎาคม 2563 เวลา:14:48:26 น.  

 
.
.
.
สวัสดีครับคุณธีรศักดิ์
ยินดีอย่างยิ่งที่แวะเข้ามาในบล็อก ..
คนอื่นๆที่ไม่ได้ชอบบทกลอนมากนักคงห่างหายไปตามกาลเวลาครับ
.
ช่วงที่เขียนนั่น ผมเขียนได้เร็วมากด้วยครับ
จึงคิดเขียนเรื่องยาวแบบนิยายขึ้นมา ..
.
แต่ผมจะรู้ได้ทันทีที่มีคนแวะมาเยือนครับ
แวะมาพูดคุยได้ตลอด ไม่ต้องเกรงใจครับ



โดย: สดายุ... วันที่: 27 กรกฎาคม 2563 เวลา:7:00:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.