Group Blog
 
All blogs
 
O สายธาร .. กาลเวลา ภาค ๖ .. O







เพลง .. ลาวสองคอน



๕๖๒. โอ่หนอ..คณาอา-
วุธะกล้าคงนับนาน-
เปื้อนฝุ่นอยู่บนพาน
รอรอบกาล-ลบด้านคม


ปฏิสัมพันธ์ ..


๕๖๓. งามลักษณ์วงพักตร์ตรู
เหมือนวาบสู่ให้รู้ชม
ปากคอคิ้วคางสม
ราวหัตถ์พรหมจำหลักรอย

๕๖๔. เผยรูปให้รู้รส-
ชาติแห่งบทผู้รอคอย
ย่างเหยียบความเงียบหงอย
จนเคลื่อนคล้อยลับรอยไป

๕๖๕. โฉมคราญที่บ้านป้า
แต่เห็นหน้าก็เหมือนใจ
แอบซ่อนความอ่อนไหว
แฝงอาลัยเมื่อจากกัน

๕๖๖. ท่วมทับอยู่ในอก
คือวิตกเกินรำพัน
ป้าหญิงท่านนิ่งงัน
คล้ายกีดกันไว้ห่างไกล

๕๖๗. ใกล้วันจะเดินทาง
เพื่อเสริมสร้างสัมพันธ์ไทย
อยากรู้-ยังอยู่ไหม
ต้องเยี่ยงไรจึงเหมาะควร

๕๖๘. ใจเอยไม่เคยคิด
จะรุมฤทธิ์ความเรรวน
รูปรอยเฝ้าคอยหวน
จนปั่นป่วนในส่วนทรวง

๕๖๙. เทพไท้ถ้วนในทิศ
พึงทราบจิตที่บำบวง
ลิ่วแล่นสู่แดนสรวง
เพื่อตักตวงความเมตตา

๕๗๐. เทพไท้ถ้วนในทิศ
ช่วยเพิ่มฤทธิ์ในสิทธา
ทาบทวงความห่วงหา
หวังกานดารู้จำนง





๕๗๑. ห้องพระวาระนั้น
แว่วรำพันเสียงมั่นคง
ภาวะอันประสงค์
ย่อมบอกบ่งด้วยคำใคร


๕๗๒. ข้าแต่องค์พระพุทธ .. ผู้หลุดพ้น
โปรดช่วยกู้สับสน .. จิตวนไหว
สบรูปลักษณ์ .. แม้นคราญสักปานใด
จักแกว่งไกว .. เช่นนี้ไม่มีเลย

๕๗๓. ดูเถิดอกเอวองค์ที่ตรงหน้า
แรกที่ตาสบกัน .. ก็พลันเผย-
แววเนตรนั้นอ่อนละมุน .. ราวคุ้นเคย
คล้ายเอื้อนเอ่ยความหมาย .. ผ่านสายตา

๕๗๔. โดยประณีตลักขณา .. ถ้อยวาที
เต็มอยู่ด้วยสุนทรี .. กอปรทีท่า
โดยจริตสัมพันธ์จำนรรจา
ถ้วนคุณค่าก็ขจ่างขึ้นกลางใจ

๕๗๕. ผุดผ่องเนื้อเนียนผิว .. แกมริ้วเรื่อ
เนตรวามเชื้อเบิกบทความสดใส
ยามชะม้ายชำเลือง, ขุ่นเคืองใด-
เหมือนว่าถูกผลักไส-จนไร้รอย

๕๗๖. แช่มช้อยกิริยามารยาท
ทั้งยามยาตรเยื้องแล้วแสนแผ่วค่อย
รูปเอย-ตรึงใจอยู่ให้รู้คอย
หวังอย่าคล้อยเคลื่อนร้างไปห่างกัน

๕๗๗. จุดธูปเทียนวิงวอน- ขอพรพระ
ด้วยฉันทะใจชายผู้หมายมั่น
โอนบุญกรรมร่วมสร้างแต่ปางบรรพ์
เชื่อมสัมพันธ์ผูกบ่วงสองดวงใจ

๕๗๘. พรุ่งนี้ตั้งใจผ่านไปบ้านป้า
อยากเห็นหน้า .. อยากรู้ .. ยังอยู่ไหม ?
ครุ่นคิดถึงกันบ้าง .. หรืออย่างไร ?
หรือหวั่นไหววุ่นอยู่แต่ผู้เดียว

๕๗๙. รุ่งเช้าแวะกราบกรานไหว้ท่านป้า
หากสายตาคอยแต่ชะแง้เหลียว
ผู้เป็นป้าสงบนิ่งเสียจริงเจียว
และส่วนเสี้ยวรูปนั้น .. เหมือนพลันลับ

๕๘๐. จะเอ่ยปากถามไถ่ก็ไม่กล้า
แต่ละล้าละลังอยู่ไม่รู้กลับ
ท่านหญิงป้าแย้มเยื้อนเนตรเบือนพรับ
ค่อยเรียงเรื่องลำดับให้รับรู้

๕๘๑. ทุกคืนจันทร์เพ็ญดวงจะล่วงภาค
ข้ามฝั่งฟากต่างฟ้า .. ล่วงมาสู่
แต่แรกสบรูปเห็นก็เอ็นดู
มาซบหน้าหลับอยู่ .. ไม่รู้ตัว

๕๘๒. ผ่านห้องพระ-ไปมา .. สองฟ้า-ฝั่ง
เมื่อแสงปลั่งจันทราแจ่มจ้าทั่ว
คำสัตย์ที่บวงบนคืนหม่นมัว
ก็เร้ารัวพัวพัน .. ลงสัญญา

๕๘๓. .. จักรอพี่ตราบสิ้น .. ธานินทร์สูญ
โลกันต์กูณฑ์เปลวแดงครอบแหล่งหล้า
ปาริชาติโชยกลิ่นรวยรินมา
จนเชื่อมฟ้า .. วันคืนเป็นผืนเดียว ..

๕๘๔ .. แต่สิ้นชาติ .. วาสนาชะตาคู่
ที่เคียงอยู่ล้วนเงาความเปล่าเปลี่ยว
ตั้งจิตสืบอารมณ์หมายกลมเกลียว
รอ .. กาลเหนี่ยวรั้งภพบรรจบกัน ..

๕๘๕. .. ปรารถนาจิตน้อง .. จงพ้องพี่
ทุกแห่งที่หนทางสิ้นขวางกั้น
หมุนโลกให้ย้อนทาง .. สู่ปางบรรพ์
สืบภพภูมิผูกพัน นิรันดร ..

๕๘๖. ราวก้องอยู่ในโสต .. เสียงโอดอื้น-
พร้อมครั่นครื้นมหิทธาแห่งฟ้าฟ่อน
คือคร่ำครวญเสน่หาความอาวรณ์
ที่ขาดตอน-ช่วงภพเลือนลบกัน

๕๘๗. ด้วยแรงจิตเร่งร้นบันดลขึ้น
ฝ่าทะมึนมืดอับลงทับขันธ์
รูปนิมิตเลือนรางแต่ปางบรรพ์
ก็แจ่มจ้าโดยพลันในสัญญา

๕๘๘. ค่อยเลื่อนผ่านภาพภวังค์ .. แล้วฟังเล่า
รูปใฝ่เฝ้าคอยเห็น .. เมื่อเร้นหน้า
ถึงคาบเพ็ญจันทร .. คงย้อนมา
ช่าง .. เหว่ว้าเหงาประดัง .. ไปทั้งทรวง


สืบสัญญา ..


๕๘๙. จวบขึ้นสิบห้าค่ำ .. ในค่ำดึก
จิตส่วนลึกแฝงเร้นก็เป็นห่วง
เกรงคลาดสบละม่อมหน้าสุดาดวง
หม่นหมองปวงจะโหมทั่วทั้งตัวใคร

๕๙๐. คืนนี้เพ็ญจันทร์งามอร่ามแสง
สะท้อนแหล่งชลพลิ้วเป็นริ้วไหว
ที่ท่าน้ำมืดสลัว .. มีหัวใจ
เคียงน้ำไหลจันทร์ทอ .. เฝ้ารอคน

๕๙๑. แม่ดาราหลับสนิทในนิทรา
เมื่อจันทร์จ้าพร่างพราวในหาวหน
ใจเจ้าเอยเคล้าวิตกอยู่วกวน
ห่วงแม่ดูสับสนพิกลนัก

๕๙๒. รำลึกรูปสบกันแต่วันก่อน
ก็สะท้อนส่วนทรวงอยู่หน่วงหนัก
เหมือนเพรงกรรมคอยย้อนไม่ผ่อนพัก
จะกุมกักหัวใจ .. เอาไว้ฤๅ

๕๙๓. เหมือนดวงจิตรับรู้ .. ใครอยู่รอ
ท่ามจันทร์ทอแสงวาม .. คล้ายความสื่อ-
นั้นผ่านจิตเฝ้าฉุด .. คอยยุดยื้อ
แทรกเสียงอื้ออึงซ้อนให้ย้อนพบ

๕๙๔. นอนพลิกกายไปมาจิตว้าวุ่น
ราตรีกรุ่นกลิ่นล้อม .. นั้นหอมตลบ
บ่าวไพร่เสียง .. งึมงำในค่ำพลบ
เงียบสงบวังเวง .. ภาคเพรงกาล

๕๙๕. เจ้าเอยนอนไม่หลับกระสับกระส่าย
เหมือนมนต์ชายรุมเร้าคอยเผาผลาญ
ข่มจิตให้รำงับอยู่นับนาน
แต่สุดทานแรงถวิล .. ที่ดิ้นรน

๕๙๖. ค่อยค่อยลุก .. ค่อยค่อยย่อง .. เข้าห้องพระ
เมื่อกาละจันทร์จ้าเวหาหน
ทรุดกราบที่ตั่งหมอน .. เว้าวอน-บน
พระเอยช่วยบันดล .. ให้พ้นกรรม

๕๙๗. รอบนิมิตพิสดารเมื่อผ่านเคลื่อน
ค่อยค่อยเลื่อนกรอบภพ .. กลางพลบค่ำ
รูปหนึ่งมีจำนงเป็นธงนำ
ฝ่าข้ามกาลล่วงล้ำ .. มาย้ำเยือน

๕๙๘. ค่อยค่อยจดก้าวย่อง .. จากห้องพระ
เมื่อกาละดาวพร้อย .. แขลอยเลื่อน
หอมกลิ่นแก้วอ่อนอ่อน .. มาย้อนเตือน
เมื่อใครเคลื่อนบ่ายหน้าสู่ท่าน้ำ





๕๙๙. คืนนี้อัมพรนั้น .. แสงจันทร์จ้า
คล้ายรับรู้ถวิลหา .. แห่งหล้าต่ำ
โผยแผ่วระลอกลมก็พรม .. พรำ
ราวกระซิบยั่วย้ำแรงจำนง

๖๐๐. ด้วยอกใจไขว่คว้า .. สร้างภาวะ-
เป็นพันธะบาปบุญคอยหนุนส่ง
คือสองใจผูกพันอย่างมั่นคง
ร่วมธำรงสืบเชื้อสายเยื่อใย

๖๐๑. แล้วหนึ่งรูปเงาผู้ .. คอยอยู่รอ
ก็เพียงพอแทรกซ้อนความอ่อนไหว
ดึกสงัดยามนี้จักมีใคร-
อยู่รองรับอาลัย .. จากใจนี้

๖๐๒. เมื่อสบหน้า .. แววเนตร .. เผยเลศออก
ค่อยบ่งบอกความนัยหัวใจศรี
เติบเต็มด้วยอาลัยและไมตรี
อันสุดลี้เลือนลบจากภพ-เพรง

๖๐๓. เอื้อมมือจับกรเรียว .. แล้วเหนี่ยวร่าง
โอบสรรพางค์รูปนิมิตก่อนพิศเพ่ง
งามเจ้าเอย .. ทิพแถนยังแกลนเกรง
อาจกุมเหง .. จิตชายสุดคลายคลอน

๖๐๔. กระแจะจันทน์กรุ่นกลิ่น .. ในถิ่นที่
เพื่อใจนี้ .. วนว่ายสุดถ่ายถอน-
จากห้วงลึกเสน่หา .. ความอาวรณ์
อันสืบตอนสัมพันธ์ .. อย่างมั่นคง

๖๐๕. กี่ภพชาติ .. วงวัฏฏ์ของสัตว์โลก
กี่เศร้าโศก .. ร้อนรุ่ม .. ใจลุ่มหลง
กี่รื่นรมย์ .. อ่อนหวาน .. แผ่วผ่านลง
ขอจำนงรับรอง .. ทุกห้องใจ

๖๐๖. แม้นว่ารัก .. จักทุกข์ไปทุกครั้ง
หากเมื่อหยั่งหยัดตอน .. ฤๅผ่อนไหว
แม้นท่วมทับทรมา .. ด้วยอาลัย
ยังยอมให้เคล้าคลุก .. ยอมทุกข์ตรม

๖๐๗. ทรุดลงนั่ง .. กายหญิงก็อิงแอบ
ปลายคางแนบเกลือกเล่นกับเส้นผม
หอมเอยบุปผาค่ำ .. เมื่อกรำลม
เช่นใจบ่มหอมหวาน .. ด้วยคราญนี้

๖๐๘. สายชลต้องลมพลิ้ว .. เป็นริ้วไหว
เมื่ออกใจอาวรณ์ .. สะท้อนถี่
สะท้านด้วยเสน่หา .. ด้วยท่าที
อันร่วมมีร่วมมอบ .. ร่วมตอบแทน

๖๐๙. อีกกี่เดือนปีเว้น .. ห่างเห็นหน้า
เมื่อไม่ช้า .. จำต้องไป .. ที่ไกลแสน
อดีตชาติไพรินทร์เคยหมิ่นแคลน
สู่ดินแดนพวกพม่า .. เชื้อรามัญ

๖๑๐. เป็นตัวแทนองค์บดี .. เจ้าชีวิต
การพาณิชย์ปฏิบัติ .. ช่วยจัดสรร
ผู้ช่วยทูต .. ตอกย้ำสร้างสัมพันธ์
จักไกลกันห่างเห็นอยู่เป็นปี

๖๑๑. รูปเอย-แววเนตรทอด .. แสนออดอ้อน
คล้ายอาวรณ์ต้องพรากไปจากที่
จะหล่อเลี้ยงอาลัยด้วยใยดี
ไว้รอพี่ .. คืนสู่มาคู่เคียง


นิราศด้าวสุพรรณภูมิ ..







๖๑๒. น้อมบาทเทพไท้ทั่ว - - - ธรณินทร์
ยอยศรัตนโกสินทร์ - - - สืบไว้
จรรโลงรูปแบบกวิน- - - - ทรวากย์ วางแล
แจ่มกระจ่างจิตได้ - - - ดั่งเนื้อความเสนอ ฯ

๖๑๓. ภูมิภาคสมภพพร้อม - - - ไพบูลย์
โดยเดชขัตติยาดูร - - - ดับร้อน
พุทธธรรมรับเทิดทูน - - - บ่มทัศ นะนา
เศวตฉัตรแผ่ร่มซ้อน - - - บ่มเกล้าร่มเย็น ฯ

๖๑๔. เสร็จยอพระยศอ้าง - - - ออกแสดง
ครวญคร่ำร่ำความแสลง - - - สลดเศร้า
ปางบำราศรูปแพง- - - - ทองพี่ นุชแม่
เชลงบทรำพันเฝ้า - - - ฝากรู้แรงถวิล ฯ

๖๑๕.โอบองค์กับอกพร้อง - - - รำพัน
แม้นลับรูปไกลกัน - - - ต่างฟ้า
อยู่เดียวเก็บกุมขวัญ - - - คอยกลับ นะแม่
คอยกลับย้อนคืนหน้า - - - โอบเนื้อนวลถนอม ฯ

๖๑๖. พากย์เอ่ยฤๅอ้างดับ - - - อาดูร
เมื่อเดชบำราศพูน - - - เพียบล้อม
ตระกองโอบองค์ผอูน - - - เอนแอบ
อกอุ่นเป็นโอบอ้อม - - - อ่อนเจ้าประคองใจ ฯ

๖๑๗. อ้าเนตรฤๅอาจกลั้น - - - ชลนา
ซบสะอื้นทรมา - - - หม่นเศร้า
ตัวห่างแต่คอยหา - - - หวนกลับ พี่เอย
อยู่ต่างฟ้าขอเฝ้า - - - ใฝ่ย้อนคืนสยาม ฯ

๖๑๘. กรรโหยฤๅเหือดไห้ - - - ห่างถวิล
ซบเกศหอมรวยริน - - - รับรู้
นวลเอยตราบแผ่นดิน - - - ฝังกลบ หน้าแล
ใจจักห่างยอดชู้ - - - แต่ร้างชีพสลาย ฯ

๖๑๙. ผินพักตร์ขึ้นเถิดเจ้า - - - จอมใจ
ดูเถิดน้ำเนตรไหล - - - หลั่งย้อย
ออมเถิดโอดอื้นไหว - - - หว่างเทวษ
มาจะซับโศกสร้อย - - - สร่างสิ้นคืนเกษม ฯ

๖๒๐. อาราธน์อารักษ์น้อม - - - ปราณี
จำพรากเนิ่นนานปี - - - ช่วยป้อง
อวยขวัญอิ่มเอมปรีดิ์ - - - ปราโมทย์
เว้นจิตคอยพร่ำพร้อง - - - ผ่านฟ้าผูกขวัญ ฯ

๖๒๑. ควร-อมรเมศถ้วน - - - ทุกสถาน
โอนเดชออกบันดาล - - - ดับร้อน
เพรงบุญช่วยบรรสาร - - - สุขสู่ แม่นา
เพรงบาปทุกคาบ-ย้อน - - - อยู่ล้อมกายเรียม ฯ

๖๒๒. สั่งสารเสาวณิตสร้อย - - - สายสมร
โอบนิ่มเนื้อกุมกร - - - กล่าวย้ำ
บำบวงภิวาทวอน - - - หว่างโสต
โอนสิทธิ์ความชอกช้ำ - - - ชอบรู้เพียงเรียม ฯ

๖๒๓. ร่ำสั่งร่ำฝากท้าว - - - เทพา รักษ์แฮ
ทุกค่ำเพ็ญจันทรา - - - แม่ย้อน
ช่วยโอนแอบคะนึงหา - - - แนบห่ม
แรงรักช่วยสุมซ้อน - - - แทรกห้วงใจศรี ฯ

๖๒๔. เอ่ยกระซิบสั่งสร้อย - - - กำสรวล
อ้อมโอบรูปผอูนอวล - - - แอบข้าง
หอมเอยเมื่อลำดวน - - - กรุ่นกลิ่น
คำสัตย์เอ่ยออกอ้าง - - - ตอกย้ำ - สัญญา ฯ

๖๒๕. ค่ำดึกแขเด่นพื้น - - - อัมพร
ยินปักษีแว่ววอน - - - อกว้า
แก้มเนียนรูปอัปสร - - - ซบอยู่ ทรวงแฮ
จุมพิตจบเนิ่นช้า - - - แช่มช้อยชื่นกมล ฯ

๖๒๖. กรอมกระมลหม่นเศร้า - - - ทรวงแสยง
จันทร์เลื่อนดวงรอแปลง - - - เปลี่ยนฟ้า
อาสูรคร่ำครวญแฝง - - - ฝากสวาดิ
ฝาก .. อกใจเหว่ว้า - - - หว่างละห้อยคอยเห็น ฯ

๖๒๗. ใกล้สางจำย้อนกลับ - - - เพรงกาล
หลังขับข่มทรมาน - - - มอดเชื้อ
ยอมพรากเพื่อย้อนพาน- - - - พบร่วม เคียงนา
เมื่อคาบยามเหมาะ-เอื้อ - - - อ่อนเจ้าประนอมใจ ฯ





๖๒๘. ก้าวย่างเคลื่อนคล้อยสู่ - - - ห้องพระ
ลมเยียบเย็นโชยชะ - - - ชื่นล้น
สองจิตร่วมสัจจะ - - - จองผูก ไว้นา
แม้นห่างร่างไกลพ้น - - - ไม่พ้นจากใจ ฯ

๖๒๙. ถึงห้องพระ-เนตรเจ้า - - - จบผสาน
โอบกระชับรูปคราญ - - - อกสะท้อน
เดือนปีใช่เนิ่นนาน - - - เกินนับ นะแม่
เสร็จกิจจักคืนย้อน - - - อยู่ถ้าคอยที ฯ

๖๓๐. ร่วมก้มกราบพระน้อม - - - นำใจ
เอื้อนเอ่ยถ้อยความไข- - - - ออกรู้
พระเอยรำบาญไหว- - - - หวาดหวั่น แม่นา
โอนเดชช่วยกอบกู้ - - - กลับเศร้าเป็นสรวล ฯ

๖๓๑. เริ่มร่ำพจนะพร้อง - - - พรพระ
ปรุงพากย์เป็นสัจจะ - - - จบเกล้า
รูปแทนภาคพุทธะ - - - สถิตนิ่ง นั้นนา
ช่วยกร่อนทุกข์รุมเร้า - - - เริดร้างห่างสมร ฯ

๖๓๒. ร้อยเรียงสุจริตไว้ - - - ในคืน
ขอรักจงยั่งยืน - - - เยี่ยงฟ้า
ฝ่ากาลเฉกน้ำผืน - - - ผ่านระลอก
ต่อเนื่องตราบแหล่งหล้า - - - ล่มสิ้นจึ่งสูญ ฯ

๖๓๓. ดินฟ้าสาคเรศสิ้น - - - สูญสลาย แลแม่
อาจ .. กลบอาวรณ์ชาย - - - มอดเชื้อ
วงกรรมรอบวัฏฏ์หาย - - - หาวสูบ เลือนแล
แตกดับ-จิต, เลือดเนื้อ - - - อาจล้างอาลัย ฯ

๖๓๔. ความ..เสียง-เป็นสัตย์เบื้อง - - - หน้าองค์ พระแล
ครองคู่ร่วมจำนง - - - แต่เจ้า
กรชุลิตจิตเพ่งมง- - - - คลรูป
รูปพระ..รูปพักตร์เศร้า- - - - สืบไว้ถวิลหวัง ฯ

๖๓๕. เสียงไก่ขันแจ้วแว่ว - - - บอกสาง
เมื่อรูปลักษณ์โฉมสอางค์ - - - ลับแล้ว
รอเถิดตราบชีพวาง- - - - วายดับ นะแม่
กายห่างใจฤๅแคล้ว- - - - คลาดพ้นคะนึงพาล ฯ


ลุ่มน้ำอิรวดี ..







๖๓๖. เครื่องบินโผผ่านพื้น - - - นภาลัย
รูปหนึ่งพักตร์ผ่องใส - - - แทรกย้อน
หนึ่งคนหนึ่งความนัย - - - แนบอก
นัย, ภาพ-อิงแอบซ้อน - - - อยู่ซ้ำสืบเกษม ฯ

๖๓๗. เจดีย์ดารดาษพื้น - - - ปฐพินทร์
ยิ่งบุเรศเมืองอินทร์ - - - เอี่ยมฟ้า
ลอยล่างเพื่อสืบยิน- - - - ดีโลก ไว้แฮ
ใต้โรจน์แสงแรงกล้า - - - กล่อมเกล้า-ใจนิกร ฯ

๖๓๘. ประจำที่ร่างกุ้ง - - - ใจเมือง
ท่ามคุกรุ่นขุ่นเคือง - - - พระ-แกล้ว
ลิ่มเลือดหลั่งนองเนือง - - - เคียงศพ
กี่ชีพมอดดับแล้ว - - - อาจแล้วเลือนไฉน ฯ

๖๓๙. มอดดับชีพอดีตด้าว - - - ดัสกร
เมื่อรัฐาธิปัตย์รอน - - - รูปเค้า
อำนาจนักรบถอน - - - ความชอบ ธรรมนา
ทุกเหล่าเชื้อรุกเร้า - - - เรียกร้องอิสรา ฯ



มะซาจี ..







๖๔๐. รูปหนึ่ง-เจ้าหน้าที่ - - - สำนักงาน
ร่วมส่งเสริมพานิชย์การ - - - คู่ค้า
สามารถพูดสื่อสาร - - - เสมอเช่น ไทยเนอ
งามนัก-รูปเค้าหน้า - - - ยิ่งหน้านวลไหน ฯ

๖๔๑. หน่อเนื้อจากหมู่บ้าน - - - โยธยา
พวกจำเลยเก่ากา- - - - ละพ้น
พ่ายยุทธจำขื่อคา - - - ถูกกวาด ต้อนเนอ
เกินอาจย้อนขุดค้น - - - เรื่องให้ขจ่างเห็น ฯ

๖๔๒. พักตราไตรเตรียบสร้อย - - - เสาวคนธ์
ประทิ่นถิ่นสุมาลย์ปน - - - เปรียบได้
เบญจลักษณ์อิริยาดล - - - โดยจริต งามเนอ
เปล่งปลั่งแววเนตรไว้ - - - วุ่นว้าพาถวิล ฯ

๖๔๓. ดวงเดียวยุพโยคพ้น - - - พรรณนา
ลอยเลื่อนข่มจันทรา - - - สลดเรื้อง
กี่ทรวงกอปรทรมา - - - เมื่อสบ รูปเนอ
ตาเยี่ยมใจยาตรเยื้อง - - - อยู่ล้อมห้อมประโลม ฯ

๖๔๔. เรียนเพิ่งจบแล้วสมัคร - - - ทำงาน
ฝึกทักษะจัดการ - - - เพิ่มรู้
แช่มช้อยชื่นสำราญ - - - รูปจริต แลนา
ราวอุทัยสาดแสงกู้ - - - กลับเรื้องข่มหมอง ฯ

๖๔๕. ผ่านกาลจวบใกล้ครบ - - - ขวบปี
แคล่วคล่องภารกิจมี - - - เมื่อใช้
ปรารมภ์แต่ท่วงที - - - นาย-หนุ่ม
ขรึมเคร่งงันเงียบให้ - - - ห่วงรู้ประเมินงาน ฯ


คุณชายสอง ..


๖๔๖. หลังกิจลับผ่านพ้น - - - เพียงวัน
ลาพักโดยฉับพลัน - - - ผ่อนร้อน
แจ้งพี่จักผายผัน - - - สู่ร่าง กุ้งแล
ท่องเที่ยวให้อดีตย้อน - - - ยุคพู้นมาเผย ฯ

๖๔๗. ชายชาติแกล้วหนึ่งผู้ - - - ผ่านวัย
ด้วยอัตลักษณ์แจ่มใส - - - รื่นล้น
โดยชาตินักรบ-ใจ - - - หนักแน่น
เรื่องเล็กน้อยปล่อยพ้น - - - ผ่านแล้วผ่านเลย ฯ

๖๔๘. โดยวัยเบญจเพศพร้อม - - - สถานภาพ
จึงหลากหลายคนขนาบ - - - คู่ข้าง
เพื่อนฝูงมากมายทราบ - - - เพียรส่ง เสริมนา
หากส่วนลึกใครบ้าง - - - บอกได้-ฉันใด ฯ

๖๔๙. หลังเหยียบย่างร่างกุ้ง - - - เมืองหลวง
เดินดุ่มดูร้านรวง - - - เปิดค้า
ทอดน่องรื่นรมย์ทรวง - - - ตาสืบ เสาะแล
เรียกรถถีบช้าช้า - - - นั่งเหล้นชมเมือง ฯ

๖๕๐. เรื่อยเรื่อยรถเลียบท้อง - - - ทางถนน
สองฟากทางผู้คน - - - เร่งร้อน
มุ่งกอปรกิจดิ้นรน - - - รองรับ ชีพนา
ตาพิศใจผ่านย้อน - - - ยุคโพ้นมาเผย ฯ

๖๕๑. ปกป้องปิดประเทศล้อม - - - ตัวเอง
นานเนิ่นถูกกุมเหง - - - ยึดไว้
เมื่อพ้นจึ่งยังเกรง - - - การครอบ งำนา
ที่โดดเดี่ยวชาติได้ - - - ย่อมด้วยยินดี ฯ

๖๕๒. แดนพุทธมาสุดสิ้น - - - สูญใจ
ปรางค์ยอดเงาทอดไฉน - - - กลับร้อน
ร่มพฤกษ์ร่มโพธิ์ไกว - - - กวัดรื่น ร้างแฮ
เสียงสวดพระบาลีย้อน - - - ยั่วเย้ยห่ากระสุน ฯ







๖๕๓. อ่อนโยนในยุคล้วน - - - เลือนกลาย
อำนาจเถื่อนรำบาย - - - บอกรู้
ศักดิ์ศรีเกียรติวอดวาย - - - วางเกลื่อน เมืองแฮ
จนร่วมใจลุกสู้ - - - สืบก้าวอุดมการณ์ ฯ

๖๕๔. จีวรปลิวปัดล้อ - - - แรงลม
เมื่อหยดเลือดพร่างพรม - - - แผ่นพื้น
กี่รูปที่ปรารมภ์ - - - รุดเร่ง
กี่หยาดน้ำตารื้น - - - ร่วงหน้านองเนือง ฯ

๖๕๕. มโหรีปี่พาทย์ล้อม - - - บรรเลง
ครวญคร่ำทำนองเพลง - - - ผ่านเร้า
ชีพวอดช่วงวังเวง - - - วางบท
ก่อบทโศกบทเศร้า - - - แทรกรู้อารมณ์ ฯ

๖๕๖. ร่วมชาติบรรพชิตเชื้อ - - - เชิญประชัน
วางกระบวนครบครัน - - - วัด-บ้าน
เคลื่อนพลทักทวงสัน- - - - ติภาพต่อ รัฐแล
จนกลุ่มอำนาจสะท้าน - - - หวั่นแพ้จึ่งผลาญ ฯ

๖๕๗. ชีพม่านหล่นมอดม้วย - - - ราวใบ ไม้แล
เพียงกระสุนว่อนไหว - - - วาบ-ล้ม
กลิ้งเกลือกท่ามหลั่งไหล - - - หยาดเลือด
กายเหยีดยาวหน้าก้ม - - - ก่ายพื้นรอเผา ฯ

๖๕๘. นกในกรงกระดิกนิ้ว - - - เหนี่ยวไก
สามารถองอาจไฉน - - - นะแกล้ว
สิบร้อยย่อมบรรลัย - - - ตายเรียบ
มือเปล่าสู้ปืนแล้ว - - - อาจแล้วรอดหรือ ฯ







๖๕๙. ตราบถึงสถานทูตด้าว - - - แดนไทย
ร่มรื่นแนวไม้ใบ - - - ปกร้อน
พี่ชายติดธุระไป - - - นอกเขต
วานรูปหนึ่งช่วยต้อน- - - - รับหน้ารอคอย ฯ


จบภาค ๖




Create Date : 22 มีนาคม 2553
Last Update : 31 มีนาคม 2565 7:09:11 น. 4 comments
Counter : 3837 Pageviews.

 
พี่ชาย..

คราวนี้..ฟางได้จองแถวหน้าเลยค่ะ..
...ติดตาม..ผลงานเดิม..
...ยังไพเราะ..เหมือนเดิมค่ะ..
...ดนตรี...ยิ่งไพเราะมากมาย...
...เข้ากับบรรยากาศ..ในตอนนี้..
...ที่นี่..ที่ฟางอยู่ค่ะ..

สบายดี..นะคะ..


โดย: ฟาง IP: 118.172.30.173 วันที่: 22 มีนาคม 2553 เวลา:14:33:35 น.  

 
ฟางน้อย....

เพลงนี้เหมาะกับบทนี้ค่ะ...เหมือนจะคู่กันมา
ต้องขอชมคนแต่งทำนองเพลงนี้...ไพเราะมากมาย
พี่ฟังมาหลายปียังไม่เบื่อเลย...

บรรยากาศที่น้องอยู่เป็นอย่างไรหรือ ?
มีสาวน้อยสักคนกำลังคิดถึง "บางคน" อยู่ใช่ไหม ?



โดย: สดายุ... วันที่: 22 มีนาคม 2553 เวลา:17:52:56 น.  

 
พี่ชาย...

ฟางอยู่...เขตติดต่อไทย..พม่า..แม่สอดนี่เองค่ะ..
ณ ตอนนี้...มากับท่านเจ้าสำนักและรองเจ้าสำนักค่ะ..
เช้านี้จะข้ามไปฝั่งพม่าค่ะ..

ค่ะ..พี่ชาย..ฟางเชื่อว่า..คงมีใคร..บางคน..กำลัง..
คิดถึง..ใคร..บางคน..แน่นอนค่ะ..
ยิ้ม..ยิ้ม....สู้ๆๆ...ค่ะ

ฟางจะขอเป็น..อีกคน..ที่คอยให้กำลังใจ..
...พี่ชาย...นะคะ..


โดย: ฟาง IP: 118.172.36.78 วันที่: 23 มีนาคม 2553 เวลา:7:39:30 น.  

 
ฟางน้อย....
อ้อ...กำลังจะไปเที่ยวพม่ากัน
เที่ยวให้สนุกนะคะ...อ่านะ..ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน

พี่ชอบภาพแบบนั้น...ที่กำลังมองเห็นอยู่ในความ
คิดคำนึง...สามคนพ่อแม่ลูกจูงมือกันเดินดูของโน่นนี่

ถ่ายรูปมาให้พี่ดูบ้างสิคะ


โดย: สดายุ... วันที่: 23 มีนาคม 2553 เวลา:9:34:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.