Das Gesicht eines Menschen erkennst du im Licht, seinen Charakter im Dunkeln.
Group Blog
 
All blogs
 

เรียนภาษาง่ายนิดเดียว จริงหรือ???

มีคนถามมาหลังไมค์เยอะจริงๆ ว่าเรียนภาษาเยอรมันอย่างไรถึงจะเรียนให้เก่ง
มีคำตอบคำเดียวที่จะให้ได้นั่นคือ
"การฝึกหัด"

่ไม่ว่าจะเป็นทักษะการอ่าน การเขียน การฟังและการพูด


แล้วทีนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ
+เริ่มต้นด้วยการอ่าน
การอ่านหนังสือเยอะๆจะช่วยให้รู้จักและชินต่อรูปประโยคที่เคยเรียนมา การสร้างประโยคของภาษานี้ค่อนข้างจะยากและซับซ้อน บางทีประโยคเดียวกินไปครึ่งหน้า
วิธีแก้ปัญหานี้นั่นคือ อย่าไปegoนัก การเริ่มต้นด้วยการอ่านหนังสือเด็กที่เนื้อหาน่ารักๆ
เป็นวิธีจูงใจให้อ่านได้ดีทีเดียว แถมส่วนมากจะมีรูปประกอบ เคยอ่านหนังสือพิมพ์คอลัมล์หนึ่ง
ที่เขียนถึงการจำศัพย์ภาษาต่างประเทศว่า ทำไมเด็กที่มาอยู่ต่างประเทศหรือเด็กเล็กๆถึงเรียนคำศัพย์ได้ไว ซึ่งต่างกับผู้ใหญ่ที่เรียนแล้วก็ลืม
เค้าวิจัยแล้วก็สรุปออกมาว่า ผู้ใหญ่อย่างเราๆท่านๆมีวิธีการเรียนที่เด็กไม่มีโอกาสได้ใช้
นั่นคือการเรียนด้วยการเทียบกับสิ่งที่รู้มาก่อน จะเห็นได้จากเวลาเราเรียนภาษาต่างประเทศ
เรามักจะขีดเส้นใต้คำที่ไม่รู้แล้วเขียนภาษาไทยไว้ข้างๆตัวเล็กๆ ต่างกับเด็กที่เรียนด้วยวิธีมองเห็น
วัสดุแล้วจำคำนั้น ฟังดูแล้วยากแต่หากลองคิดชื่อภาษาต่างประเทศยากๆอย่าง Yves Saint Laurent ซึ่งบรรจุด้วยสามคำที่ไม่มีในภาษาไทย แต่นึกถึงชื่อนี้ก็สามารถบอกอย่างได้ทันที
ว่าเป็นแบรนด์ชั้นนำด้วยการที่เคยเห็นภาพในนิตยสารต์หรือในโทรทัศน์มาก่อน

+การเขียน
ศัพย์และไวยากรณ์ภาษาเยอรมันเรียนแล้วปวดหัว ยิ่งการสะกดคำยิ่งแล้วไปใหญ่ เด็กที่นี่เรียน
สะกดคำด้วยการเขียนแบบที่พูด อย่างเช่น das Fenster เขียนด้วย F+E+N+S+T+E+R
แต่หากว่าเด็กคนหนึ่งมาจากทาง Schwabenซึ่งเค้าจะออกเสียง Sเป็น Sch เค้าไม่เขียน
Fenschterหรือ? ยิ่งคนเอเชียอย่างเราที่ออกคำบางคำไม่ได้จะใหนำวิธีนี้มาใช้
ยิ่งยากไปใหญ่
ดังนั้นไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการเขียน คำไหนที่จำไม่ได้ก็เขียนลงในกระดาษ เพื่อนที่เรียนด้วยกัน
คนหนึ่งเค้าจบประวัติศาสตร์มาจากปารีส เค้าก็ใช้วิธีนี้เหมือนกันตอนเรียนภาษาเยอรมัน
ครูทีีโรงเรียนก็เคยเปรยว่า อะไรที่ผ่านข้อมือออกมาจะเก็บอยู่ในสมองได้ดีกว่าสิ่งที่แค่ผ่านตา

+การฟัง
เชื่อหรือไม่ว่าคนที่นี่เวลาเค้าต้องพูดสนทนากับคนต่างชาติ(ส่วนมาก)เค้าจะพยายามพูดให้ช้า
และชัดเจน ตรงนี้เมื่อก่อนไม่เชื่อเพราะคิดว่าคนที่นี่ไม่ชอบคนต่างชาติ แต่พอนานๆเข้าถึงรู้ว่า
ภาษากลาง(Hochdeutsch)กับ ภาษาถิ่นอย่างBayerisch ต่างกันแค่ไหน
ตอนเวลาทำงานพอคนไข้รู้ว่าฟังภาษาถิ่นเค้ารู้เรีื่องเค้าก็มักจะ Brllllll ออกมาทันที
ซึ่งบางทีก็ไม่เข้าใจจนต้องัดเอาวิธีเดิมมาใช้นั่นคือ
การบอกให้เค้าพูดช้าๆลงหน่อยและศัพย์คำไหนที่ไม่เข้าใจก็ถามเพราะรู้ดีกว่าไม่รู้
ที่นี่มีคำโฆษณาที่ติดหู Wer, Wie, Was; Wieso, Weshalb, Warum; Wer nicht fragt, bleibt dumm! พอได้ยินคำว่า dummหรือว่าซื้อบื้อก็

ดังนั้นอย่าไปกระดากอายเลยค่ะ คำถามๆแรกที่หลุดออกมาจากปากจะเป็นศัพย์คำต่อไปที่คุณจะจำได้แม่นที่สุด

+การพูด
ตรงนี้คนที่เรียนภาษาต่างประเทศจะมีปัญหามากที่สุด จะพูดอย่างไรให้คล่องและชัด
มีจุดๆหนึ่งอยากให้รู้ไว้ค่ะ คนเราพูดภาษาต่างชาติจะให้คล่องเพียงใดก็ไม่เหมือนคนท้องถิ่น
ยกตัวอย่าง Arnold Alois Schwarzenegger ไปอยู่ที่ USA จนเป็นgouverneur
แต่ก็พูดภาษาอังกฤษสำเนียง Austrainอยู่ดี ปัญหามันไม่ใช่อยู่ตรงที่ลิ้นแข็งหรือเปล่ว
แต่ว่ามันอยู่ที่การฝึกพูด ยกตัวอย่างจขบ.เอง เมื่อก่อนอยากจะ rrrr ในคอเหมือนคนฝรั่งเศส
ถามเพื่อนคนฝรั่งเศสว่าทำยังไง sheก็บอกวิธีการจัดปากและทิปให้ฝึกกับกระจก
ฝึกใหม่ๆแฟนก็ถามว่าเป็นอะไร พอrrrrได้ก็ไม่ชอบเพราะเคยมีคนไข้บอกว่า rrrrเหมือนคน
bayernมีเสน่ห์กว่า ซึ่งสำหรับคนไทยแล้วมันก็ง่ายกว่าเพราะเป็นการรัวลิ้นแบบธรรมดา

วันหลังจะมาเขียนต่อถึงปัญหาทำไมคนส่วนใหญ่ถึงอ่าน ฟังและเขียนภาษาต่างประเทศได้
แต่พูดไม่ได้




 

Create Date : 13 มีนาคม 2552    
Last Update : 13 มีนาคม 2552 1:46:38 น.
Counter : 2384 Pageviews.  

NEW YEAR TAG : Tag ผ่านไปเกือบสองเดือนครึ่งแต่ยังเขียน 08อยู่ทุกที

Tag นี้ได้มาจากคุณบะหมี่ ดองไว้นานจนแทบจะ Multi-resistant


ข้อที่ 1. เรื่องดีๆ ที่ประทับใจที่สุดในปี 2008
~ คงจะเป็นตอนที่ไปฝึกงานในHospiz คนไข้ที่ดูแลอยู่ตอนนั้น ก่อนตายเค้า
อยากให้ลูกชายเล่น Akkordeonให้ฟัง พอโทรศัพท์ไปหาลูกชายเค้าก็แจ้นมาทันที
เพลงที่เค้าเล่นแม้จะเป็นเพลงรื่นเริงที่แม่เค้าชอบ แต่ก็เป็นครั้งสุดท้าย
เศร้าแต่ประทับใจ

ข้อที่ 2. เรื่องแย่ๆ ที่ฝังใจที่สุดในปี 2008
~ มันฝังมานานแล้วอ่ะ คนที่นี่ชอบคิดว่าคนเอเชียที่ไม่มีเนื้อมีหนังเป็น anorexia nervosa
กันหมด เคยมีปัญหาทางจิตใจกับบางวอร์ดที่พยาบาลส่วนใหญ่จะล่ำบึ้ก(80kg up!)
ช่วงbreak เค้าไม่กล้ากินอะไรเยอะเพราะกระดากอาย
หรือว่าบางวอร์ดที่มีพยาบาลสาวๆที่พยายามจะลดน้ำหนัก คิดว่าตัวเองเริ่ดและbitchสุดๆ
อันนี้แย่กว่า category แรกอีก

ข้อที่ 3. คุณได้พบเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ในปี 2008 บ้างหรือไม่?
~ ใน BlogGang นี้ไง เสียแต่ที่ไม่ค่อยมีเวลาเหมือนชาวบ้านเค้าเลยup blog ไม่สม่ำเสมอ

ข้อที่ 4. คุณได้รับโชคลาภแบบไม่คาดคิดบ้างหรือไม่ ในปี 2008
~ 2 Euro! ในวันที่หิมะตกหนัก ทำให้ต้องเดินก้มหน้าเพราะไม่ชอบจริงๆเวลาหิมะปลิวเข้า
จมูก และแล้วเจอ bling bling ซื้อมาม่าได้ตั้งห้าซองแหนะ

ข้อที่ 5. อะไรในปี 2008 ที่คุณได้ทำแล้วรู้สึก..."มีความสุขจังที่ได้ทำแบบนี้"
~ เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเปําแล้วบินไปThailand

ข้อที่ 6. อะไรที่คุณคิดจะทำในปี 2008 ...แต่เอาเข้าจริงคุณกลับไม่ได้ทำ !!! จนรู้สึกว่า.."เสียดายชะมัดฉันควรจะได้ทำสิ่งนี้นะ"
~ นีกไม่ออก.. คือติดนิสัยชอบcontrol มาจากเมืองไส้กรอกนี้

ข้อที่ 7. ของสัตว์หรือคนใกล้ตัว ที่คุณสังเกตเห็นว่ามันเติบโต
หรือเปลี่ยนแปลงไปมากจังเมื่อเทียบต้นปี vs ปลายปี
~ เธอคนนี้ไง Fräulein Sarah



เมื่อก่อนตัวเล็กนิดเดียวตอนนี้จ้ำหม้ำน่ารัก

ข้อที่ 8. ของ สัตว์ หรือคนใกล้ตัวที่คุณสังเกตเห็นว่า...มันไม่เปลี่ยนแปลงหรือช่างเสมอต้นเสมอปลายเมื่อเปรียบเทียบต้นปี vs ปลายปี
~ La Belle กลับบ้านไปทีไร แววตานี้ส่งมาทุกที


ข้อที่ 9. ทัศนคติ รสนิยม หรือความเชื่อของคุณในปี 2008
ได้เปลี่ยนแปลงไปบ้างไหมในปี 2009 เรื่องนั้นคือเรื่องอะไรเอ่ย
~ เมื่อก่อนเป็นคนกลัวผี แต่อาชีพนี้การดูแลศพคนไข้เป็นหน้าที่ ทำบ่อยเข้าก็เริ่มชินเป็นroutine

ข้อที่ 10. ถ้าย้อนเวลากลับไปได้...คุณจะกลับไปแก้ไขเหตุการณ์อะไรไหมในปี 2008
~ nothing..

ข้อที่ 11. ถ้าซานตาคลอส พระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้พรได้จริงๆ คุณจะเลือกพรข้อไหน?
~ ขอให้สอบมาได้แต่เกรดดีๆ nerd



ข้อ ที่ 12. ถ้าเลือกได้ คุณอยากอยู่กับใครหรือกลุ่มใดในช่วง countdown ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่และทำไมคุณถึงเลือกคนๆนี้ หรือ กลุ่มๆนี้
~ กับพ่อกับแม่ ไม่รู้ว่าได้ฉลองปีใหม่ด้วยกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่


ข้อ ที่ 13. สมมุติมีคูปองศัลยกรรมที่ปลอดภัย 100% และศัลยกรรมให้ฟรี 1 อย่าง คุณคิดจะใช้คูปองนี้เองทำศัลยกรรมส่วนไหน หรือมอบคูปองให้ใครไปทำศัลยกรรมส่วนไหน
~ อยากมอบให้อาเฮียค่ะ เห็นบ่นเหลือเกินว่าอยาก"ดำ"

ข้อที่ 14. สมมติมีคนเอาเงินให้คุณ 1 หมื่น สำหรับให้นำไปทำบุญหรือทำประโยชน์ให้สังคม

เท่านั้นคุณจะนำเงินทำบุญนี้ให้ใคร อย่างไรบ้าง
~ ไปบริจาคให้วัดที่บ้านเกิด เห็นแม่เล่าให้ฟังว่ามีพระทั้งวัดอยู่รูปเดียว เงินหมื่นนี้เอาเป็นต้นทุนผ้าป่าอีกที จะได้รวบรวมเงินของคนทั่งหมู่บ้านเปิดศูนย์การศึกษาของหมู่บ้านในวัด
รวบรวมหนังสือ อุปกรณ์การเรียน ช่วงปิดเทอมจะได้มีการจัดกิจกรรมในวัด พระจะได้ไม่เหงา

15. ข้อสุดท้ายค่ะ...เพื่อนๆที่คุณจะส่ง tag ไปให้เค้าจำนวน 3 คน มีใครบ้าง และขอเหตุผลว่าทำไมถึงส่งให้ 3 ท่านนี้
~ Ähmm... คือว่าไม่มีเพื่อนอ่ะ (นานๆโผล่มาทีไม่น่าสงสัย)




 

Create Date : 07 มีนาคม 2552    
Last Update : 7 มีนาคม 2552 3:38:22 น.
Counter : 423 Pageviews.  


schornstein
Location :
Berlin Germany

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Es gibt keinen Weg zum Glück. Das Glück selbst ist der Weg!
Friends' blogs
[Add schornstein's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.