|
เฟอร์นิเจอร์ไทยจ่อคิวชะลอตัว เหตุบาทแข็งส่งสัญญาณต่อเนื่อง
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ชี้ยอดส่งออกอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ปีนี้โตประมาณ 3-5% ยอมรับผลพวงจากเงินบาทแข็งค่า ส่งผลให้ยอดส่งออกเป็นเงินบาทลดลง ขณะต้องเผชิญคู่แข่งอย่างจีนและเวียดนาม ย้ำผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัว เน้นเพิ่มมูลค่าสินค้าและดีไซน์ที่ทันสมัยมากขึ้น นายมานะผล ภู่สมบุญ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ส.อ.ท. กล่าวว่า ปีนี้คาดว่าอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทยจะมียอดส่งออกเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3-5 จาก 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ผลจากเงินบาทแข็งค่าจากปีที่แล้ว ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ระดับ 33-34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ยอดส่งออกคิดเป็นเงินบาทลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งผู้ส่งออกได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนมาก นอกจากนี้ยังมีปัญหาวัตถุดิบและคู่แข่ง เช่น จีน เวียดนาม ดังนั้น ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วผู้ประกอบการได้มีการปรับตัวหันไปทำสินค้าที่มีกำไรมากขึ้น ซึ่งมีผลดี ทำให้จากเดิมคาดว่ากำลังการผลิตโดยรวมจะลดลง แต่กลับมีการใช้กำลังการผลิตที่เคยลดลงในส่วนของสินค้าคุณภาพต่ำไปใช้ผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงแทน สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง ผู้ประกอบการเชื่อว่า ยอดขายจะไม่ลดลง แต่ยังเป็นห่วงภาวะเศรษฐกิจโลกและ คู่แข่งอย่างจีนและเวียดนาม ซึ่งหลายโรงงานมองหาจุดเด่นของตัวเองและกลุ่มที่ปรับตัวยังคงส่งออกได้ แต่กลุ่มที่ไม่ปรับตัวจะได้รับผลกระทบยอดขายลดลง ส่วนตลาดส่งออกหลักยังคงเป็นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ซึ่ง 2 ประเทศ มีสัดส่วนการส่งออกร้อยละ 30-40 ของยอดส่งออกรวม รองลงมาคือ อังกฤษ ประมาณร้อยละ 10 และช่วงครึ่งปีแรก สหรัฐฯ ตัดสินใจหันมาเลือกสินค้าไทยแทนจีน ด้วยเหตุผลคุณภาพสินค้าดีกว่า และการส่งมอบที่ตรงต่อเวลา แม้ราคาจะสูงกว่า อีกทั้งผู้ประกอบการไทยบางส่วนหันไปลงทุนร่วมกับอินเดีย ขณะที่ปัญหาสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้อยคุณภาพของสหรัฐ (ซับไพร์ม) ไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์โดยตรง โดยผู้ค้าในต่างประเทศไม่มีการสตอกสินค้าจำนวนมาก และโรงแรมต่าง ๆ จะมีการตกแต่งใหม่ จึงจำเป็นต้องใช้เฟอร์นิเจอร์ นายมานะผลกล่าว ด้านนายมังกร ธนสารศิลป์ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวถึงทิศทางอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทยว่า ภาพรวมไม่มีปัญหามากนัก มีเพียงปัญหาส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า โดยสินค้าที่จะขายได้ในตลาดโลกที่มีคู่แข่งขันมากต้องเป็นสินค้าที่มีดีไซน์ทันสมัย ซึ่งการส่งออกครึ่งปีหลังจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ รวมถึงภาวะอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ตลาดเฟอร์นิเจอร์ที่จะส่งออกไปจีน ยังได้รับผลดีจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่มีการก่อสร้างสนามกีฬาใหม่ ขณะเดียวกันก็มีการหาตลาดใหม่อย่างอินเดีย นอกจากนี้ปัญหาผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์ คือ ไม้ซึ่งเป็นวัตถุดิบมีไม่เพียงพอ อยากให้รัฐส่งเสริมให้ผู้ปลูกยางพาราเปลี่ยนพันธุ์ให้เร็วและมากกว่านี้ เพื่อตัดไม้ยางมากขึ้น เพราะขณะนี้ยังมีข้อจำกัดในเรื่องการตัดไม้ยางเป็นวัตถุดิบ อีกทั้งยังมีปัญหาการถือครองไม้ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ จึงต้องการให้ภาครัฐแก้ไขกฎหมาย โดยปัจจุบันผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์หันมาใช้วัตถุดิบเป็นไม้ชนิดอื่นมากขึ้น เช่น หันมาใช้ไม้มะม่วงในการทำเครื่องประดับ แจกัน หรือจาน
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 สิงหาคม 2550 15:06 น. ระวังหน่อยก็ดี
Create Date : 17 สิงหาคม 2550 |
Last Update : 17 สิงหาคม 2550 17:51:56 น. |
|
0 comments
|
Counter : 290 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|