อาตาปี สัมปชาโน สติมา
 
วันคืนล่วงไป บัดนี้เราทำอะไรอยู่

>

วันเวลาจะล่วงไปอีกแล้ว ปีๆ นึง อาจจะเร็วสำหรับบางคน และอาจจะช้าสำหรับบางคน เหมือนที่ท่านกล่าวไว้ว่า เวลาในสวรรค์มันเร็ว แต่เวลาในนรกนั้นมันช้า เพราะความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ ขณะที่ความทุกข์ก็ผ่านไปอย่างเชื่องช้า

ไม่ว่าปีที่ผ่านมาจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราสามารถสรุปสำหรับตัวเองได้หรือไม่ว่า เราได้ใช้วันเวลาไป "คุ้มค่า" หรือไม่ วันเวลาที่คุ้มค่า ก็คือการมีสติ ดังคำภาษิตที่ว่า "มีชีวิตเพียงราตรีเดียวก็ พึงชม" หมายถึงแค่มีชีวิตผ่านไปชั่วคืนเดียวก็คุ้มค่า ชีวิตแบบไหนหรือที่เรียกว่าคุ้มค่า หรือ "พึงชม" ชีวิตที่กล่าวก็คือ ชีวิตที่อยู่อย่างมีสติสัมปชัญญะ หรือพูดง่ายๆ ว่า มีสติรู้สึกตัวกับสิ่งที่เรากระทำอยู่

เรารู้สึกอย่างไรกับสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมา เรารู้สึกเสียดายหรือไม่ว่า เราไม่ได้ทำอะไรบางอย่างที่ควรจะทำ หรือรู้สึกเสียใจ ในสิ่งบางสิ่งที่เราทำไปหรือไม่ หรือที่แย่กว่านั้นก็คือ "ไม่รู้ว่า ตัวเองได้ทำอะไรที่ดีหรือไม่ดีอย่างไรไปบ้าง"

เราต้องสรุปหรือไม่ก็ต้องมองได้สองทาง สรุปเพื่อให้เห็นการกระทำของตัวเองว่า เราได้ทำในสิ่งที่เราเองก็สามารถยกมือไหว้ตัวเองได้หรือไม่ (คำพูดนี้ท่านพุทธทาส เคยกล่าวไว้) หรือความผิดพลาด เพราะความไม่รู้ชัดของตัวเองและได้กระทำสิ่งที่ไม่ควรทำไปแล้ว

ทั้งสองประการนี้ เราต้องชั่งน้ำหนักให้ตัวเองอย่างยุติธรรม ยุติธรรมสำหรับตัวเองก็คือ เราจะไม่เสียใจในสิ่งที่ทำ ไม่เสียใจที่ได้พูดอะไรไปง่ายๆ โดยขาดการไตร่ตรอง และผลที่จะตามมาเรายอมรับได้หรือไม่ เพราะนั่นคือกฏแห่งกรรม หรือเราได้ก่อกรรมดี ด้วยเจตนาอยู่เสมอที่จะส่งความรู้สึกดีๆ หรือสิ่งดีๆ ไปให้คนอื่น รอบๆ ตัว และกว้างไปจนไม่มีประมาณว่าใครจะได้รับบ้างก็ตาม

จริงอยู่ว่า เราไม่ควรพะวงเรื่องในอดีตและไม่ก้าวล่วงไปในอนาคต สิ่งสำคัญเราต้องอยู่กับปัจจุบัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่างที่เคยกล่าวบ่อยๆ ว่า ธรรมะมีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับศีลธรรมจรรรยาธรรมดาๆ ไปจนถึงขั้นปรมัตถ์ที่นำไปสู่การหลุดพ้น ซึ่งเราจะต้องทำให้ได้ครบทุกระดับ และรู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งที่ทำ อย่างที่เรียกว่า "เห็นตามความเป็นจริง" เพราะธรรมะย่อมงามในเบื้องต้น ท่ามกลางและเบื้องปลาย

ปีนี้จะล่วงไปอีกแล้ว เหมือนชีวิตเวลาอันมีค่าที่เราได้อุบัติขึ้นมาในโลกนี้ ด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเราเองก็จำไม่ได้ ถ้าใครจำได้ก็โชคดีไป กำลังจะล่วงไปเรื่อยๆ เหมือนที่ครูบาอาจารย์ท่านเคยถามว่า "รู้ไม๊ ว่าเราเกิดมาเพื่อเดินทางไปไหน" คำตอบของท่าน ก็คือ "เดินทางไปตาย" หมายถึงจุดสุดท้ายของเราทุกคน เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไรก็ตาม

ฉะนั้นจงทำวันนี้ให้ดีที่สุด ให้รู้ว่า ทุกลมหายใจเข้าและออกของเรานี้ ประกอบด้วยสติ เพื่อให้เกิดปัญญา เห็นแจ้งความเป็นจริง




Create Date : 26 ธันวาคม 2553
Last Update : 26 ธันวาคม 2553 18:14:25 น. 4 comments
Counter : 1045 Pageviews.  
 
 
 
 



แวะมาทักทายค่ะ
 
 

โดย: deeplove วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:20:06:22 น.  

 
 
 
ขอบคุณครับ
 
 

โดย: อัสติสะ วันที่: 2 สิงหาคม 2554 เวลา:8:35:29 น.  

 
 
 
หายไปนานเลยนะครับ
สบายดีหรือเปล่า...
 
 

โดย: อัสติสะ วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:8:23:56 น.  

 
 
 
แวะมาทักทายครับ
 
 

โดย: อัสติสะ วันที่: 29 เมษายน 2555 เวลา:20:20:22 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

สติมา
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




อาตาปี สัมปชาโน สติมา
เพียรเผากิเลสด้วยความรู้สึกตัวมีสติ
[Add สติมา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com