อาตาปี สัมปชาโน สติมา
 
จิตอิสระได้อย่างไร

เช้าๆ อย่างนี้เป็นเวลาที่ให้จิตฟุ้งในธรรม นั่งจิบกาแฟริมหน้าต่างมองไปเห็นหมู่ต้นไม้ใบหญ้าจากที่รกร้างติดกับที่พัก ท้องฟ้าสดใส ปุยเมฆกระจายสวยงาม เรานั่งอยู่ภายใน แต่ภายนอกสดใส อิสระ ธรรมชาติที่สวยงามด้วยตัวของเขาเอง ทำให้นึกว่า ในชีวิตที่ผ่านมา หลายครั้งเรารู้สึกว่าเองถูกขังอยู่ในคุกแห่งจิตวิญญาณ จิตใจไม่เคยเป็นอิสระอย่างแท้จริง
จนทำให้เคยฝันว่า เรากับเพื่อนๆ ที่ปฏิบัติธรรมด้วยกัน  พวกเราอยู่ในคุกมีผู้คุมคอยคุมเรา และบอกให้เราทำโน่นนี่ แต่เราจะทำหรือไม่ทำเขาก็ไม่ซีเรียส แต่มันคือคุก เราติดอยู่ที่นี่กัน เขาก็บอกให้เราไปอาบน้ำและเก็บสมบัติมีค่าเอาไปได้ตามต้องการ ทุกคนรุมกันไปเก็บเพชรนิลจินดา ข้าวของมากมายกันตามใจชอบ เราก็เก็บด้วยกับเขา มีนั่นมีนี่ สวยงามมีค่า เก็บเท่าไรก็ได้ตามใจ เรา คิดเก็บไปฝากคนนั้นคนนี้ เก็บอยู่สักพัก ก็รู้สึกขึ้นมาว่า “นี่มันก็เป็นสมบัติของเราเองนี่นา เราจะมัวเก็บทำไม เรายังติดคุกอยู่เลย” พอนึกได้ เราก็ค่อยเลี่ยงเดินหนีจากผู้คนและผู้คุม เพื่อนปฏิบัติธรรมท่านนึงเห็นเราเดินออกมา เธอก็เดินมาด้วยกัน แล้วเราก็เริ่มวิ่ง วิ่งเพื่อหนีออกจากคุกนั้น มีเพื่อนบางคนก็วิ่งตามกันมาอย่างเงียบๆ และรวดเร็ว

 


เวลานี้ก็เช่นกันเรานั่งอยู่ในที่พัก กายใจเรายังอยู่ในที่ไม่สามารถเป็นอิสระ ได้แต่มองดูภายนอก ดูธรรมชาติผ่านหน้าต่างและรู้สึกถึงการเป็นอิสระเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติภายนอก การเห็นถึงความเป็นอิสระของธรรมชาติ ไม่ว่าวันนี้จะสดใสด้วยแสงแดดหรือบางครั้งจะเกิดพายุแปรปรวนปั่นป่วน แต่ต้นไม้ใบหญ้าก้อนหิน ไม่เคยทุกข์โศก ทุกอย่างแปรเปลี่ยนเพื่อปรับสมดุล หลังฝนฟ้าคะนอง ท้องฟ้าก็จะแจ่มใส ทุกอย่างแตกดับเปลี่ยนแปลงไปด้วยตัวเอง ไม่มีใครทุกข์ มีแต่สิ่งที่เป็นอิสระด้วยตัวเอง

มาถึงปัจจุบันขณะ มันเห็นได้ว่า เมื่อมีสติอยู่กับปัจจุบันเราไม่ได้ทุกข์อะไร ความทุกข์ตามความคิดเราเข้ามา ถ้ามองให้ลึกซึ้งกว่านั้นก็คือ ความคิดทำให้เราหลงปรุงแต่ง เป็นสังขาร (ในขันธ์ห้า) ทำให้เกิดมีตัวมีตนชนิดที่เราไม่ทันจะเห็นได้ ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า อัตตาตัวตนนั้นไม่ได้เกิดอยู่ตลอดเวลา แต่จะตามหลังความคิดเข้ามา ฉะนั้นการไปละอัตตาตัวตนยังเป็นการกระทำที่ผิด แต่สิ่งที่ควรทำคือ การเห็นความเกิดขึ้นมาของอัตตาตัวตน และการก่อให้เกิดทุกข์ต่างหาก เมื่อปัญญามากพอเราก็จะสามารถเห็นได้ว่า เรานี่แหละที่ขังตัวเองไว้ในคุก จิตใจเราสามารถที่จะเป็นอิสระได้ตลอดเวลา แต่ด้วยอวิชชาความเข้าใจผิดของเรานี่เอง ทำให้เราเข้าไปยึดบางสิ่งบางอย่างอยู่ตลอดเวลา บางครั้งเห็นว่ายึดนั่นยึดนี่ แต่แท้ที่จริงเรายึดมั่นในรูปนามกายใจเราอย่างเหนียวแน่นนั่นเอง ทุกอย่างออกมาจากจิตเรานี่เอง แม้แต่โลกภายนอก ก็เป็นสิ่งที่จิตเราเข้าไปหมายมั่น เพราะมีเรา จึงมีเขา มีนั่น มีนี่ ไปจนถึงเกิดความชอบใจไม่ชอบใจ
 มีความยึดความชอบใจไม่ชอบใจมันจึงเกิดมีเราเสมอๆ ถ้าย้อนกลับมามองได้ เราก็จะเห็นความจริง และความจริงนี้แหละ คือตัวปัญญาที่แท้จริงที่จะพาเราให้เป็นอิสระได้จริง ด้วยความไม่ถือมั่น จิตเป็นอิสระด้วยตนเอง ด้วยความเข้าใจ และปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ธรรมดา มีเกิด ดับ เปลี่ยนแปลง ที่เป็นไปเช่นนั้น โดยจิตใจเราไม่เข้าไปยึด ไปเกี่ยว หรือข้องกับสิ่งต่างๆ ได้จริง และมีเพียงกายและใจเราที่เป็นเพียงธรรมชาตินึง เท่ากับธรรมชาติอื่นๆ นั่นเอง



Create Date : 09 ตุลาคม 2555
Last Update : 9 ตุลาคม 2555 10:46:41 น. 0 comments
Counter : 778 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

สติมา
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




อาตาปี สัมปชาโน สติมา
เพียรเผากิเลสด้วยความรู้สึกตัวมีสติ
[Add สติมา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com