|
The moment of Peacefulness..นาทีหนึ่ง..
หลังจากที่วันก่อนบอกว่าเหนื่อย.. วันต่อมาของการทำงาน..ยิ่งเหนื่อยเข้าไปอีก.. มันคืออาการล้าสะสม หลังจากทำงานต่อเนื่องกันเป็นเวลา 4 วัน.. แบบ ตื่นเช้ามากๆ และ หลับได้น้อย.. อาการสมองไม่ทำงาน พูดจางงๆ จึงเกิดขึ้นได้บ่อย.. เอ๋อๆ เพ้อๆ ก๊งๆ
กลับมาถึงบ้านก็มิวาย.. โรคเดิมกำเริบ..โรคไฮเปอร์แอคทีฟ อาการนี้มันกลับมาอีกแล้ว.. เพราะหลังจากหย่อนก้นพักกายได้ไม่นาน ศศิพรรณวดี ก็อยากไปวิ่ง.. เปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่รองเท้า ก้าวออกจากบ้านอีกครั้ง..
คราวนี้เราเปลี่ยนที่วิ่งบ้าง หลังจากเคยไปวิ่งที่ราชมังคลาฯ นิกเอ่ยปาก อยากไปตีเทนนิสที่สนาม ม. รามฯ งั้นเราเปลี่ยนไปวิ่งตรงนั้นก็ได้..
ในขณะที่นิกกำลังจับคู่เล่นเทนนิส.. เราก็เริ่มออกวิ่งตรงลู่วิ่งในสนามฟุตบอล.. สนามเงียบมาก..คนไม่ค่อยมาวิ่งกันที่นี่..
เรา วิ่ง วิ่ง วิ่ง แล้วก็วิ่ง.. ลืมเสียงเรียกร้องของร่างกายที่ล้ามาจากการทำงานเสียสิ้น เหมือนการได้วิ่ง คือหนทางในการปลดปล่อย เหมือนเราได้ร้องตะโกนดังๆ ให้ความรู้สึกไม่ดีกลายเป็นหยาดเหงื่อ ให้อะดรีนาลินชะล้างความเครียดที่มีให้สิ้นซาก..
มันได้ผลจริงๆ หลังจาก 5 รอบ วิ่งและเดิน.. เราหยุดอยู่ตรงจุดๆหนึ่ง ซึ่งทำให้เราได้เห็นภาพๆหนึ่ง.. ทำให้จิตใจสงบอย่างประหลาด..
แรงอัดฉีดของน้ำจากข้างสนาม ..ที่หลั่งลงมาให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวหญ้า water hose อันใหญ่ ที่เค้าเอาไว้รดน้ำสนามฟุตบอล.. นั่นไง สิ่งที่ทำให้เราค้นพบความสงบอย่างน่าประหลาด.. มันไม่ใช่ฝน แต่ก็เย็นดั่งฝน... เพียงได้สัมผัสละอองเล็กๆที่ปลิวมาตามกระแสลม.. ภาพละอองน้ำ และแสงสะท้อนของมัน สวยมาก สวยเหลือเกิน น้ำเป็นปรอยเล็กๆ กระเซ็นไปในทิศทางเดียวกัน.. คล้ายกับระบำสายน้ำ.. ทำให้ชั่วขณะหนึ่งของเรา หลุดไปอยู่ในโอบกอดของธรรมชาติ.. เคยยืนอยู่ใกล้ๆ น้ำตกใหญ่ๆไม๊ ละอองที่ได้จากน้ำตกนั่นแหละ .. เหมือนอย่างนั้นเลย..
เรายืนอยู่ตรงนั้นสักครู่.. เหลือบไปเห็นคนอีกคน..ยืนอยู่ไม่ห่างจากเรานัก.. เห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเค้า.. เค้าคงได้สัมผัสความสวยงามอย่างที่เราได้สัมผัส.. เค้าคงมีนาทีนั้น..นาทีที่เค้าได้รู้สึกว่า.. ความสงบเป็นเช่นไร...
เราดีใจที่ในที่สุด..วันนี้ เราก็จบวันหนึ่งวันของเราด้วยความรู้สึกดีๆ ร่างกายที่ล้า เหมือนได้ชาร์จให้เต็มกลับมาอีกครั้ง สมองที่ยุ่งเหยิง..สติที่กระจัดกระจาย.. ใจที่อ่อนล้า..เราได้ความชุ่มชื่นกลับมาอีกครั้ง..
นิกมายืนรอที่หน้าสนาม.. เราเดินโอบไหล่กัน.. ไม่พูดแม้ซักคำ..
ศศิพรรณวดี
Create Date : 06 พฤศจิกายน 2552 |
| |
|
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2552 22:41:15 น. |
| |
Counter : 962 Pageviews. |
| |
|
|
|
เมื่อแรกรัก .. น้ำต้มผัก ก็ว่าหวาน
อ่ะนะ.. ความรักน่ะ มันก็เหมือนกินน้ำผักที่คั้นสดๆใหม่ๆนั่นแหละ อะไรที่สดๆ ใหม่ๆ มันก็ให้ความชุ่มชื่นได้ทั้งนั้น.. ไม่แปลกหรอกคนเรา..ที่เวลามีความรัก ทุกอย่างในโลกดูจะเป็นใจไปซะทุกอย่าง...
เอ็นโดรฟินหลั่งแรง..ยามนึกถึงหน้าเค้า.. รอยยิ้มที่แสนประทับใจ...รอยจูบยังตราตรึงอยู๋ไม่หาย...
โลกนี้เป็นของเรา ชี้ภูเขา เป็นหินผา ชี้ท้องฟ้า เป็น กาแลคซี่
ไม่แปลกหรอกที่จะเป็นเช่นนี้
แต่หากผ่านพ้นช่วงเวลาคั้นสดไปแล้วน่ะสิ... ช่วงเวลาที่...เค้าเรียกว่าอะไรนะ...หมดโปรโมชั่น คราวนี้แหละ ชี้ภูเขา ก็เริ่ม...เอ...มันก็ภูเขา ชี้ท้องฟ้า ...อ่ะ มันก็ท้องฟ้า
ที่เคยหวานหอมก็เริ่มส่งกลิ่นธรรมด๊า ธรรมดา พาลจะ "ธรรมดาเกินไป" ด้วยซ้ำ สารแห่งความสุขไม่ได้หลั่งทุกวัน... คำรักที่เคยให้กัน..ก็จืดจาง ลดน้อยถอยลงบ้าง
สรุปว่า ปัญหา มันอยู่ที่น้ำผัก หรือ อยู่ที่ ระยะเวลาที่คั้นมาแล้ว ไอ้รอยจูบที่เคยหวาน มันตราตรึงซึ้งใจอยู่ที่เดิมไหม ยิ่งหากต้องอยู่ด้วยกัน..ต้องลืมตามาเห็นหน้า plain ๆ แบบไม่ใส่สี ปรุงสัน ความธรรมดานั้น มันก็ถอยยยยย ลง กลายเป็นความชินชา
ไอ้คำว่า ฉันรักเธอ อ่ะ ใครๆก็พูดได้ แต่ในทุกคำที่พูด แอบใส่วงเล็บกันไว้รึเปล่า ฉันรักเธอ (ถ้าเธอยังผอมอยู่อย่างนี้) ฉันรักเธอ (ถ้าเธอเลิกบ่นจู้จี้) ฉันรักเธอ (ถ้าเธอไม่ตามจิกชั้น)
แล้วคนที่เค้าต้องอยู่ด้วยกันเป็นสิบๆปี น้ำผักของเค้า จะสดชื่นเหมือนเดิมรึเปล่า
ก็คงไม่...
และการทำให้จิตใจชุ่มชื่น ไม่ได้หมายความว่า ต้องออกไปหาน้ำอย่างอื่นทาน มันขึ้นอยู่กับว่า จะเก็บน้ำผักอย่างไรให้สดอยู่เสมอ
หันมามองน้ำผักของเราเงียบๆๆ
มันไม่อร่อยเหมือนตอนคั้นใหม่ๆหรอก แต่ตอนนี้เราพาสเจอไรซ์มัน แล้วบรรจุกระป๋อง ใส่ตู้เย็น ให้ดื่มชื่นใจเป็นครั้งคราว...
ก็ไอ้น้ำผักกระป๋องเดิมตลอดกาลเนี่ยแหละ...
Create Date : 03 กรกฎาคม 2552 |
| |
|
Last Update : 3 กรกฎาคม 2552 17:43:55 น. |
| |
Counter : 948 Pageviews. |
| |
|
|
|
จะทำไปเพื่ออะไร..
เคยตั้งคำถามกันบ้างไม๊.. ก่อนจะทำอะไรสิ่งใดสิ่งหนึ่ง.. ว่าทำไปแล้วจะได้อะไร.. เพื่อ อะไร.. ตอบสนองความต้องการของตนเองงั้นหรือ.. หรือเพียงอยากจะ ทำอะไรให้ใครคนหนึ่ง... น้ำเน่าว่ะ หรือ เพื่อทำอะไรๆให้มันดูดี ทั้งที่ไม่มีค่าแม้แต่น้อย..
จำเป็นไหม.. ที่ต้องตั้งคำถาม..เมื่อคำถาม..ไม่ได้มีคำตอบที่ตายตัว คิดเหรอ.. ว่าแม้ตั้งคำถาม..แล้วจะหาคำตอบได้.. มีคำถามใดไม๊..ที่ไม่ต้องการคำตอบ
คาดหวังไหม.. จำเป็นไหมที่จะต้องคาดหวัง.. สร้างกิเลสให้ตัวเองเปล่าๆ..
อยู่เฉยๆดีกว่าไหม.. นั่งมองฟ้า มองต้นไม้ มองผู้คน.. ปล่อยใจให้ลอยล่องไปกับสายลม... ปล่อยความรู้สึกให้โบยบินไปกับความว่างเปล่า ดีกว่าไหม.. ดีกว่าดิ้นรน ยัดเยียดอะไรๆให้ใครทั้งที่เค้าไม่ต้องการ
เค้าต้องการอะไร.. จำเป็นรึเปล่า ที่เราต้องสอดรู้.. รู้แล้วได้อะไร..ก็เปล่า..ทำอะไรไม่ได้ เหมือนโยนหินขึ้นฟ้า.. โยนเท่าไหร่ก็ไม่มีวันถึงดวงจันทร์ เผลอๆตกลงมาใส่หัวตัวเอง เจ็บซะเปล่า
เจ็บไหม.. เจ็บแล้ว..จำเป็นไหมที่ต้องจำ.. ถ้าอยากฉลาดก็จำ.. อยากเจ็บอีก..ก็ไม่ต้องจำ ..ง่ายๆ
ง่ายไหม.. กับการให้ความรู้สึกกับใครซักคน.. ให้...โดยสิ่งที่ได้มาคือความว่างเปล่า.. หรือ อ้อมกอดที่หยิบยื่นให้ด้วยความรัก.. อะไรก็ได้..เต็มไปด้วยความไร้ซึ่ง..หวัง ง่ายๆ มาง่าย ไปง่าย จบง่าย..
ชีวิตเต็มไปด้วยคำถาม.. ซึ่งบางที ฉันก็อยากจะปล่อยมันไว้อย่างนั้น.. คำถาม..ไม่เคยเป็นสิ่งที่ก่อความรำคาญในใจ.. ฉันหายใจได้ เพราะคำถามที่ประดังเข้ามาในชีวิต..
ฉันอาจเคว้งคว้าง.. แต่ฉันรู้ว่า..วันหนึ่ง...ฉันจะพบทางออก.. แม้ทางออกนั้น จะนำมาซึ่งความเคว้งคว้าง..อีกครั้ง.. แต่อย่างน้อย อ้อมกอดที่ให้กับตนเอง.. จะคอยประคองให้ไออุ่นกับฉันได้..
---------------------------------------- ศศิพรรณวดี 10 ต.ค 2551 also published at //sasi-kantapak.hi5.com
Create Date : 10 ตุลาคม 2551 |
| |
|
Last Update : 10 ตุลาคม 2551 17:17:23 น. |
| |
Counter : 781 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |
|
|
Kassie K |
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
เป็นคนที่พยายามอย่างยิ่งยวด ที่จะ "ทำ" ให้ได้อย่างที่"พูด" แม้บางครั้งมันยาก แต่ก็พยายามให้ถึงขีดสุด กับทุกๆเรื่อง เคยเป็นลูกเรือ ให้กับสายการบิน สองแห่ง ปัจจุบัน ไม่ทำแล้ว เพราะ อิ่มตัว อยากมองหาอะไรทำใหม่ๆ เป็นคนชอบคิด และ ทำอย่างที่คิด
มีความเชื่อว่าในความคิดของตัวเองมากที่สุด หากใจบอกว่าใช่ นั่นคือใช่..
บทความที่เขียนในบล็อคทั้งหมดเป็นผลงานของผู้เขียน ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต กรุณารับทราบไว้ด้วยนะคะ
|
|
|