|
เรื่องของ TENSE ไม่เห็นจะยาก 2 (PRESENT TENSE) By KruFiat
Credit : //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=krufiat&month=12-2007&group=6&date=20&gblog=2
เรื่องของ TENSE ไม่เห็นจะยาก 2 (PRESENT TENSE)
ตอนที่ 2. “ปัจจุบันกาล (PRESENT TENSE)”
คุณเคยคิดหรือเปล่าครับว่า “ทำไมคนไทยเรียนเรื่อง TENSE มาก็มาก (น่าจะครบทุก TENSE เลยตั้งแต่เด็ก) แต่มักจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันไม่ค่อยเป็น?” ถ้าให้ผมวิเคราะห์จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมคิดว่าสาเหตุหนึ่งที่คนไทยไม่ประสบความสำเร็จในการใช้ TENSE เนื่องมาจากเราเรียนแบบไม่ประติดประต่อกันเท่าไหร่ คือ สัปดาห์นี้เรียน TENSE หนึ่ง สัปดาห์หน้าเรียนอีก TENSE หนึ่งซึ่งอาจจะลืมไปแล้วว่า TENSE ที่เรียนในสัปดาห์ที่แล้วนั้นใช้อย่างไร ถ้าเรียนอย่างนี้กว่าจะครบทุก TENSE ก็ต้องคูณ 12 เข้าไปซึ่งใช้เวลานานพอควรอยู่นะครับ ถ้ามีความอุตสาหะเพียงพอบวกกับความจำเป็นเลิศ คุณก็อาจจะประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ TENSE ด้วยเหตุนี้จริงๆ แล้วผมอยากจะอธิบายสถานการณ์ 12 แบบที่ต้องใช้ TENSE แตกต่างกันให้อ่านแบบม้วนเดียวจบ จะได้ เข้าใจรวดเดียวกันไปเลย แต่หน้ากระดาษมันไม่เอื้ออำนวยนะสิครับ คือถ้าให้พูดใช้เวลา 1 ชั่วโมงก็จบ แต่ให้เขียนออกมาเป็นบทความก็คงต้องใช้หลายหน้าอยู่เหมือนกัน พร่ำพรรณนามานาน สิ่งที่อยากบอกกับท่านผู้อ่านก็คือ ในกรณีที่จำไม่ได้แล้วว่ากระบวนการคิดในเรื่องกาลเวลาเป็นอย่างไร? ผมแนะนำให้อ่าน blog ที่แล้วให้เข้าใจก่อน แล้วจึงอ่านต่อในblog นี้จึงจะประติดประต่อกันให้เข้าใจมากขึ้นครับ และขอฝาก การบ้านสำหรับผู้ที่อยากใช้ TENSE ในภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องและถูกต้อง คือ กรุณานำไปใช้ในชีวิตประจำวันให้บ่อยที่สุด เช่น เวลาพูดติดต่องานกับฝรั่ง, เวลาเขียน E-MAIL เป็นต้น รับรองว่าคุณจะเก่งแน่ๆ ถ้าคุณใช้งานมันบ่อยๆ ในทางกลับกันถ้าคุณอ่านจบแล้ว ไม่เคยนำไปใช้อีกเลย ในไม่ช้าก็จะต้องลืมแน่ๆ เลยครับ
กล่าวถึงปัจจุบันกาล หรือ PRESENT TENSE ถ้าคุณต้องการสื่อเป็นภาพนิ่ง กล่าวคือไม่เน้นการกระทำมากนัก จะมีให้เลือกใช้ 2 TENSE ดังนี้ครับ
1) SIMPLE PRESENT TENSE (ประธาน + กิริยาช่อง 1)
TENSE นี้ถือว่าเป็น TENSE ที่ง่ายที่สุด คิดว่าคนใช้ภาษาอังกฤษทุกคนคงใช้กันคล่องอยู่แล้ว ซึ่งจะใช้ในการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ เวลาใดๆ หรือเกิดได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต อาทิเช่น
I GO TO BANGKOK ABOUT 3 TIMES A WEEK. ฉันไปกรุงเทพฯประมาณ 3 ครั้งต่อสัปดาห์
MY PARENTS LIVE IN BANGKOK. พ่อ แม่ ของฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ
WATER FREEZES AT 0 deg.C. น้ำแข็งตัวที่ 0 องศาเซลเซียส
ตัวอย่างสุดท้ายนี้คือเหตุการณ์ที่เป็นจริงเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าใดก็ตาม ในภาษาอังกฤษเรียกว่า “FACT” ซึ่งใช้ SIMPLE PRESENT TENSE อธิบายได้ดีที่สุดครับ
นอกจากนี้แล้ว SIMPLE PRESENT TENSE ยังถูกนำมาใช้อธิบายเหตุการณ์ภาพนิ่งที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นได้เช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น เรากำลังดูฟุตบอลอยู่ คนพากย์บอกว่า
MORRISON PASSES TO TAYLOR. TALOR SHOOTS - AND IT’S A GOAL!!! มอริสันส่งลูกให้เทเล่อร์ เทเลอร์ยิงและได้ประตู
จุดประสงค์ของคนพากย์ต้องการให้ผู้ชมเห็นเป็นภาพนิ่งในแต่ละช็อต ไม่เน้นการกระทำเท่ากับการใช้ PRESENT CONTINUOUS TENSE ที่จะกล่าวต่อไปครับ
2) PRESENT PERFECT TENSE (ประธาน + HAS/HAVE + กิริยาช่อง 3)
TENSE นี้เชื่อว่าทุกคนท่องตั้งแต่เด็กว่า “ใช้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในอดีตและดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน” ที่ท่องมาก็ไม่ผิดหรอกครับ เพียงแต่คุณนึกถึงเหตุการณ์ลักษณะนี้ที่เจอในชีวิตประจำวันได้บ้างหรือไม่? ผมว่าคนไทยยังใช้ TENSE นี้เป็นค่อนข้างน้อย ไม่เป็นไรครับถ้าคุณใช้ไม่เป็น ไม่ยากหรอก มาทำความเข้าใจพร้อมตัวอย่างใกล้ตัวคุณดีกว่า เช่น
ตัวอย่างที่ 1 คุณเห็นขาผมเข้าเฝือกอยู่ ตอนนี้เดินไม่ได้ ซึ่งขาผมหักตั้งแต่ในอดีตก่อนที่คุณจะมาเห็นและปัจจุบันมันก็ยังหักอยู่ (ยังไม่หายดี) ผมจะบอกว่า I HAVE BROKEN MY LEG. ขาฉันหักอยู่นั่นเอง
ตัวอย่างที่ 2 HAVE YOU EVER BEEN TO PHUKET ISLAND? คุณเคยไปภูเก็ตหรือไม่?
ประโยคทำนองนี้ใช้บ่อยนะครับ การที่คุณจะถามใครว่าเคยทำหรือเปล่า? นั่นจะหมายถึงตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันเค้าเคยทำหรือเปล่า ซึ่งต้องใช้ TENSE นี้แหละครับ อีกตัวอย่างใกล้ตัวเช่น
HAVE YOU RECEIVED MY E-MAIL YET? คุณได้รับอีเมล์ของฉันแล้วหรือยัง? เห็นมั้ยครับว่าพวกนี้เป็นการท้าวความไปในอดีตจนถึงปัจจุบันที่พูดคุยกัน
ตัวอย่างที่ 3 I HAVE WORKED FOR THIS COMPANY FOR 5 YEARS. ฉันทำงานที่บริษัทนี้มา 5 ปีแล้ว คือทำมาตั้งแต่ 5 ปีที่แล้วมาจนถึงปัจจุบันนั่นเองครับ
คุณลองแต่งประโยคพร้อมกับนึกเหตุการณ์ใกล้ตัวที่ต้องใช้ TENSE นี้ดูสิครับ ต่อไปเวลาเจอเหตุการณ์ทำนองนี้อีก จะได้ใช้ TENSE นี้ได้อย่างถูกต้อง
3) SIMPLE PRESENT CONTINUOUS TENSE (ประธาน + IS/AM/ARE + กิริยาเติม ING)
TENSE นี้ใช้อธิบายเหตุการณ์ที่ “กำลัง” เกิดขึ้น ณ เวลาปัจจุบัน เราจะใช้กิริยาเติม ING เข้าช่วยอธิบายให้เห็นภาพเคลื่อนไหวที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งต่างจากภาพนิ่งใน 2 TENSE แรกที่กล่าวไปแล้ว
ยกตัวอย่างเช่น HURRY UP! WE ARE ALL WAITING FOR YOU. เร็วๆ หน่อยสิ พวกเราทุกคนกำลังรอคุณอยู่นะ;
WHAT ARE YOU DOING? I AM READING. คุณกำลังทำอะไรอยู่? ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ เป็นต้น
คุณจะเห็นภาพเคลื่อนไหวได้อย่างชัดเจนกว่าการใช้ SIMPLE PRESENT TENSE ที่อธิบายไปในข้อ 1 ครับ
4) PRESENT PERFECT CONTINUOUS TENSE (ประธาน + HAS/HAVE + BEEN+ กิริยาเติม ING)
ถ้าคุณใช้ PRESENT PERFECT TENSE ได้อย่างคล่องแล้ว PRESENT PERFECT CONTINUOUS TENSE จะไม่ยากเกินไปสำหรับคุณ เพราะมันใช้ในเหตุการณ์คล้ายๆ กันกล่าวคือ ใช้อธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและยังคงดำเนินอยู่หรือเพิ่งจบไปก็ได้ แต่จะแสดงภาพเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน เช่น
IT HAS BEEN RAINING ALL WEEK. ฝนตกตลอดสัปดาห์ (เห็นภาพเลยว่าฝนตกทุกวันตลอดทั้งสัปดาห์เลย)
ตัวอย่างต่อไป มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาโดยตลอดเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงแล้ว เพิ่งหยุดวิ่งไปแป๊บเดียว
ชายคนนั้นอาจบอกว่า I HAVE BEEN RUNNING. คือเน้นให้เห็นภาพว่าฉันวิ่งมาโดยตลอดตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบันเพิ่งหยุดไป
การที่คุณต้องการเน้นกิริยาอาการที่เกิดขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่ในอดีตและดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน ต้องใช้ TENSE นี้หล่ะครับ ลองดูอีกตัวอย่าง
HAVE YOU BEEN WAITING LONG? คุณรอฉันนานมั๊ย? (เน้นว่ารอมาโดยตลอด)
ไม่ทราบว่าตอนนี้ คุณเข้าใจทั้ง 4 TENSE ที่กล่าวไปแล้วมากเพียงใด ถ้าคุณสามารถแยกแยะถึงความแตกต่างของทั้ง 4 สถานการณ์ได้ว่าเมื่อไหร่จะใช้ TENSE ไหนได้อย่างถูกต้องแล้วนำไปใช้งานบ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน รับรองครับว่าเรื่อง TENSE ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับคนไทยส่วนใหญ่จะกลายเป็นเรื่องหมูๆ สำหรับคุณแน่ๆ
รออ่านเรื่อง PAST TENSE กับ FUTURE TENSE ในตอนต่อไป เร็วๆ นี้ครับ
Last Update : 20 ธันวาคม 2550 17:45:46 น.
Create Date : 30 ธันวาคม 2550 |
Last Update : 30 ธันวาคม 2550 20:04:34 น. |
|
1 comments
|
Counter : 543 Pageviews. |
|
|
|
โดย: แพร (bookofpear ) วันที่: 30 ธันวาคม 2550 เวลา:21:14:04 น. |
|
|
|
| |
|
|
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ นะคะ