Saidian rantings

ประชาธิปไตย Utopia

ได้อ่านหลายกระทู้และบล็อกหลายๆคนเรื่องผลการตัดสินของศาล ที่ไม่ยุบปชป.และยุบทรท.

หลายคนแสดงความเป็นห่วง หลายคนไม่เห็นด้วยกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หลายคนว่าตัดสินตามใบสั่ง หลายคนเกรงกลัวถึงกับว่าประเทศไทยจะอยู่ไม่ได้ บางคนว่ากันไปถึงกับว่าจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ

ประเทศไทยกำลังเป็นประเทศที่เราจะอยู่ไม่ได้ !

เราก็ไม่ใช่คนที่ผ่านโลกผ่านชีวิตมาถึงกับจะบอกได้ว่าประเทศนีจะดิ่งลงไปลึกขนาดไหน จะกลับไปสู่ยุคอมาตยาธิปไตย อำนาจจะกลับสู่คนบางกลุ่มอีกครั้ง

แต่บางทีปัญหามันอาจไม่ได้อยู่ตรงที่ใครผิดใครถูก อำนาจควรจะอยู่ในมือใคร (เราคงไม่บอกว่าควรอยู่ในมือประชาชนเพราะเอาเข้าจริงมันก็เป็นแค่ความจริงบนกระดาษ)

บางครั้งเราก็ไม่เข้าใจว่าเรากำลังคาดหวังอะไร เรากำลังเรียกร้องอะไร

หลายคนคงตอบว่า “ประชาธิปไตย”

สำหรับเรา “ประชาธิปไตย” มันเป็นเหมือน Utopia เป็นดินแดนที่มีอยู่จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ทุกคนอยากไปให้ถึง
คำถามก็คือ เคยมีใครไปถึงแล้วหรือยัง
แม้แต่ประเทศที่ประกาศตัวว่าประชาธิปไตยจ๋าอย่างอเมริกาเองก็ตาม เค้าเป็นประชาธิปไตยจริงๆหรือ
ประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองที่ตั้งสมมติฐานไว้อยู่แล้วว่าประชาชนหรือมนุษย์ทุกคนเป็นผู้มีเหตุผล สามารถตัดสินใจตามครรลอง ไม่ตกเป็นเครื่องมือของใครโดยเฉพาะนักการเมือง
แต่มนุษย์เราทุกคนเป็นผู้มี “เหตุผล” จริงๆหรือ ทุกคนทุ่มเทเวลาให้กับการบ้านการเมืองจนรู้ซึ้งทะลุปรุโปร่งและสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเองจริงๆหรือ
ถ้าโลกที่เราอยู่เป็น Utopia จริงๆ เราคงไม่มานั่งเถียง นั่งด่า นั่งเกลียดกันอย่างทุกวันนี้หรอก

คำถามต่อไปก็คือ ทำอย่างไรที่ “ประชาธิปไตย” จะสามารถอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความละโมภ แก่งแย่งชิงดีของมนุษย์ได้ ไม่ใช่ประชาธิปไตยใน Utopia ที่ทุกคนต่างหยิบยกมาอ้าง หยิบยกมาเป็นเหตุผลในการแย่งชิงอำนาจ เหตุผลในการ justify วาระซ่อนเร้นของตัวเอง

เราไม่เคยเชื่อในประชาธิปไตย utopia นี้เลย ประชาธิปไตยแบบนี้ทำให้เราเกลียดกัน เกลียดกันทั้งๆที่ไม่เคยเจอหน้ากัน แค่พิมพ์คำไม่กี่คำบนเว็บบอร์ดก็เกลียดกันได้ อยากแยกประเทศกันไปเลย ถ้ายึดเส้นลองจิจูดแบบเกาหลีแล้วแบ่งประเทศกันไปได้ก็คงทำไปแล้ว

ทำไม ideology ต่างๆทำให้มนุษย์อยู่ห่างจาก “ตัวตน” ของตัวเองมากยิ่งขึ้น แตกแยกมากขึ้น ทำไมคนไทยอยู่กับความแตกต่างไม่ได้ ต้องพยายามหักล้างกันจนเหลือแต่ฝ่ายตัวกูของกูถึงจะพอใจ ?

หลายครั้งเรารู้สึกว่าคนในบ้านนี้เมืองนี้อยู่ในโลกแห่งอุดมคติของตัวเอง โลกที่คนที่ฉันรักและเทิดทูนเป็นฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้มีอำนาจ พอไม่มีโลกแบบนั้นแล้วก็พยายามทำให้โลกนั้นกลับมา และอ้างประชาธิปไตย

ประชาธิปไตยมันสำคัญกว่าก้อนเนื้อที่ถูกบาดแล้วเลือดไหลหรือ สำคัญกว่าลมหายใจอุ่นๆ สำคัญกว่าชีพจรที่เต้นไปพร้อมกับหัวใจหรือ

บ้านเมืองกำลังจะลุกเป็นไฟ ใช่ ทุกคนพูดอย่างนั้น เราก็รอว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่
หลายคำถามเราตอบไม่ได้ เราคงไม่เก่งและฉลาดขนาดนั้น
เรารู้แค่ว่า เราอยากใช้เวลาทำในสิ่งที่เรารัก ใช้เวลากับคนที่เรารัก ช่วยผู้อื่นเท่าที่ทำได้ ใช้ความสามารถของตัวทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด เราอาจจะไม่ได้มีบทบาทอะไรในระบอบประชาธิปไตยนอกจากการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ออกความคิดเท่าที่สมองของเราจะให้ได้ แต่เราจะไม่ทำร้ายคนอื่นหรือตัวเองเพื่อคำว่าประชาธิปไตย Utopia เด็ดขาด

คำว่าประชาธิปไตยทำร้ายบ้านเมืองและผู้คนมามากแล้ว แต่หลายคนก็ยังยอมที่จะเป็น “ทาส” ของมัน มากกว่าที่จะเป็น “นาย” ที่เห็นประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือ รู้จักวิธีการนำมาใช้เพื่อสนองประโยชน์ของมนุษย์ นักปรัชญากรีกทั้งหลาย ถ้าลุกขึ้นจากหลุมได้คงหัวเราะ ที่คนในบางประเทศด่าทอเสียดสีกันเพื่อประชาธิปไตยทั้งๆที่ยังใช้มันไม่เป็น บางคนรู้จักแค่เสียงข้างมาก แต่ไม่รู้ว่าการฟังเสียงข้างน้อยเป็นอย่างไร บางคนชอบอำนาจบริหาร แต่ไม่ชอบการตรวจสอบ แต่ก็อ้างประชาธิปไตย

บ่นๆไป ไม่มีทฤษฎีอะไรมารองรับทั้งนั้น ไม่อยากเข้าข้างใคร ไม่มีนักการเมืองคนไหนสมบูรณ์แบบ แต่ถ้าไม่เลือกใครเลยบ้านเมืองก็ไปต่อไม่ได้ เลยต้องขออยู่ในโลกแห่งความจริงต่อไป ถ้าย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ใน Utopia ได้เมื่อไหร่ล่ะก็

บอกด้วยนะ จะย้ายตามไป.



Create Date : 03 มิถุนายน 2550
Last Update : 3 มิถุนายน 2550 0:08:42 น. 7 comments
Counter : 628 Pageviews.  

 
Hmmm, you said that you didn't have anything to comment.... :)

Actually, you have lots of it.... :)

I believe you like sports, right? I noticed that you tried to post a picture of Wembly in one thread... If so, I do too...

In UK, people like to play football, and they stick to the rules of football... But, in Thailand, we like to play football, but we write a new rule if we lose the game....

It's a loser's attitude.... And, we will not go anywhere except Sea Games... Don't you think? :)

It's very painful seeing our country walking into such tragic direction.


โดย: A.T. (amatuer translator ) วันที่: 3 มิถุนายน 2550 เวลา:2:21:31 น.  

 
ที่แปะรูปคราวนั้นทดลองว่ารูปจะขึ้นหรือเปล่าค่ะ จริงๆจะทำรีวิวคอนเสิร์ตที่ wembley arena ซึ่งอยู่ข้างๆสนามกีฬ่าค่ะ ส่วนตัวจะดูเป็นทัวร์นาเมนท์มากกว่า ให้ดูทุกอาทิตย์คงไม่พยายามขนาดนั้น

ถ้าในโลกนี้ทุกอย่างง่ายเหมือนกีฬาก็คงดีนะคะ

เห็นด้วยว่าประเทศไทยเป็นอย่างที่คุณ AT จริงๆ ไม่ว่าจะรบ.ยุคไหนก็ตาม ยุคที่แล้วก็เขียนกม.หาผลประโยชน์ให้ตัวเอง

เราเบื่อและเกลียดความเกลียดชังค่ะ นี่ขนาดเราผ่านยุคนาซีเกลียดยิวมานานมากแล้วนะเนี่ย ไว้คราวหลังจะเขียนเล่าเรื่อง See under: Love ให้ฟัง เป็นเรื่องของลูกหลานชาวยิวที่ยังต้องอยู่กับความทรงจำที่เจ็บปวดของพ่อแม่ในค่ายกักกันของนาซี ตอนจบเค้าเขียนให้ทุกคนในโลกจินตนาการเค้าเป็นโรค amnesia ไปเลย เพราะถ้าจำไม่ได้แล้ว ก็ลืมกันไปว่าเกลียดกันด้วยเรื่องอะไร เลยไม่มีสงคราม ไม่มีความขัดแย้ง

เราเป็นนักมนุษยศาสตร์คงไปคิดอะไรทางกม.และสังคมศาสตร์ได้ไม่ดีเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่เราอยากจะคิดจากในแง่ความรู้สึกของคนเราจริงๆ เช่น เรามีความสุขหรือ เราต้องการอะไร เราทำไปทำไม ฯลฯ คำถามง่ายๆพวกนี้มากกว่า แต่เราคิดว่ามันสำคัญมาก แต่ไม่ค่อยมีใครถามเท่าไหร่


โดย: Sa-idian วันที่: 3 มิถุนายน 2550 เวลา:21:39:27 น.  

 
Well, politics/democracy is about "sharing" interests in one society.

If you and I are in it, I think, we're ligitimate to share and express our opinions on issues.... regardless of educational backgrounds....

I'm a scientist myself... more than that I'm also a citizen of the country. If I cannot voice what I think that would certainly kill me... :)

As I told you earlier, I respect laws and rules, I feel very reluctant seeing people dodging these for their personal interests to justify their causes.

This also kills me alive...

Nice talking to you krub.


โดย: A.T. (amatuer translator ) วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:19:24:54 น.  

 
ประชาธิปไตย Utopia มันก็เป็นแค่สิ่งที่อยู่ในอุดมคติเท่านั้น มันไม่มีอยู่จริง ตราบใดที่มนุษย์เรายังมีกิเลสเป็นที่ตั้ง ต่างแสวงหาอำนาจกันทั้งนั้น

สถานที่ทุกคนต่างมีเสรีภาพ คำนึงถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเอง และต่อสังคม นั่นมันคื่อการเปลี่ยนแปลงรากเหง้าสันดานของมนุษย์ซึ่ง"มันเป็นไปไม่ได้"

ดังนั้น ประชาธิปไตยในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว น่าจะเป็นสิ่งที่เพียงแต่ทำให้สังคมมีความเข้าใกล้ Utopia สักนิด โดยอาศัยกรอบของ "กฎหมายที่เป็นธรรม" ย้ำที่เป็นธรรม คือเท่าเทียมกันต่อทุกคน

และเมื่อมี กฎหมายที่เป็นธรรมกับทุกคนแล้ว ทุกคนก็ควรจะเคารพในกฎหมายนั้นๆ ใช้แนวทางวิธีตามนั้นในการขจัดข้อโต้แย้งทั้งหลายทั้งมวล

มิใช่การใช้ "กฎหมู่" เพื่อล้ม "กฎหมาย" เหมือนที่ทั้งสองข้างกำลังทำกัน ต่างกรรม ต่างวาระแค่นั้นเอง


โดย: คนพฤษภา (chengake ) วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:22:53:16 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ตามมาจากกระทู้ห้องสมุด
ความเห็นน่าสนใจมากๆ เลยค่ะ
หวังว่าจะได้อ่านอะไรดีๆ จากในบลอกนี้นะคะ

บลอกอันนี้ ดูเนือยๆ จังค่ะ ไม่รู้ว่าไปโดนแรงเหวี่ยงจากอะรไมรึเปล่านะคะ
เห็นด้วยว่าประชาธิปไตยแบบยูโทเปีย ไม่มีวันเป็นอยู่ และมีอยู่จริงแน่นอน ... แต่มันไม่ใช่แค่ประชาธิปไตยแน่ๆ ใช่ไหมคะ โลกที่มีแต่คนดีมีศีลธรรม สังคมเข้มแข็งทีทุกคนเป็นสุข ฯลฯ ต่างก็เป็นอุดมคติกันทั้งนั้น
เราคงได้แต่เพียงพยายามที่จะเข้าใกล้ภาพยูโทเปียนั้นต่อไป ... แต่ก็อย่างที่คุณว่า เข้าใกล้ โดยที่ไม่ลืมว่าภาพที่เห็นนั้น ก็เป็นแค่ภาพที่เราสร้างขึ้นมาเองเท่านั้น


โดย: The SoVo วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:19:32:43 น.  

 
I believe that you might have a thought about my newest essay entitled, A Male Predominant Society: Enjoying Men's Games but Lonely.

Take care krub,
A.T.


โดย: amatuer translator วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:19:46:55 น.  

 


โดย: tanabat777 วันที่: 15 มิถุนายน 2555 เวลา:16:53:46 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Sa-idian
Location :
London United Kingdom

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Sa-idian's blog to your web]