··¤(`×[¤ Oreo in Leeds ¤]×´)¤·· -- @'-"@.
Group Blog
 
All blogs
 

When 2009 comes .....

Happy New Year 2009 Smiley Smiley Smiley


คิดถึง Leeds คิดถึง UK คิดถึง เพื่อนๆ


ปี 2009 มาแล้ว ขอให้มีความสุข สดชื่น สมหวัง Happy กับชีวิต และการงาน ความรัก กันทุกคนเน้อ


ขอมอบ ส.ค.ส. รวมภาพแห่งความทรงจำ จ้า  Smiley


ปล. คงไม่มีใครมาดู ทำงานกันหมด แต่ขอลงรูปขำๆ ตามเทศกาลละกัน อิอิ



The Great Hall ...



Cheers! Thanks Securities Market Micro-Structure module 











 

Create Date : 04 มกราคม 2552    
Last Update : 4 มกราคม 2552 20:00:41 น.
Counter : 681 Pageviews.  

France in my memory ........ เที่ยวไม่ง้อทัวร์ แค่อัมพาตไปครึ่งตัว Part 3

พอออกจากแวร์ซายตอนบ่าย 2 ก็มุ่งหน้าไปกินอาหารกลางวันที่ถนน ชอง เซลิเซ่ (Champs- Elysees ) ค่ะ ร้านดังก็คือหอยแมลงภู่อบชีส (ชีสแพะ >_<") แล้วก็เมนูซีฟู๊ดซอสมะเขือเทศอ่ะคะ ร้านนี้ชื่อ Leon De Bruxelles นะคะ ก็อร่อยดี แต่ชีสแพะรสประหลาดๆ 555




กินเสร็จก็เดิน shopping ที่ถนนชอง เซลิเซ่นี่แหละ แวะร้านหลุยส์ แต่ไม่ซื้อ 555 ร้านหลุยส์ที่นี่ดีนะคะ วางโชว์และจับได้ทุกใบ ไม่เรื่องมากแบบ shop ที่อื่น แล้วบนถนนนี้มีที่ทำการการบินไทยด้วยนะ เห็นว่าชาวต่างชาติชอบไปถ่ายรูปศาลาไทย มีโชว์รูมรถเยอะแยะ แล้วพวกเราก็เดินเล่นน่ะ เข้าร้านนู้นออกร้านนี้ เดินซะเมื่อย




วันที่ 9 April ตื่นไม่ไหว ปวดเมื่อย กว่าจะออกจากโรงแรมนี่สายมากเลย ก็นั่งรถไฟ ไป Disneyland Paris นะคะ เท 1 วันเต็มๆให้ที่นี่เลยค่ะ รถไฟนี่ไปจอดถึงหน้าดิสนี่ย์เลย เยี่ยมมาก แล้วตอนนั่งรถไฟ ก็ลองซื้อ ขนมมากาฮง ขนมพื้นเมืองปารีสมากิน มีหลากหลายสี แบบว่าเป็นก้อนแข็งๆหวานๆ งงกะรสชาติ 555

มาถึง Disneyland เกือบเที่ยง เราซื้อตั๋วแบบ 1 park 49 Euro ค่ะ คงไป 2 park ไม่ไหว แค่เข้าไป สติก็หลุดทันที ทุกอย่างน่าร๊ากกกกไปหมด เราเข้าแทบทุกโซน Fantasyland/ Adventureland etc. อยากให้เข้าทุกโซนนะ สนุกดี โดยเพาะ pirates of the carribean/ toy story/ big thunder mountain/ indiana Jones ชอบๆ แล้วมี shop ขายของทุกที่ไว้คอยดูดตังค์ คิดดูอยู่ตั้งแต่เกือบเที่ยง ถึง 8.30pm ในปาร์ค ( มันปิด 2 ทุ่มค่ะ) แต่เครื่องเล่นทุกอย่างเป็นแบบนั่ง เลยชอบ ทำดีมากๆๆ





Parade




ออกมาจาก disneyland park ก็เดินไปฝั่ง disneyland village ฝั่งนี้มีร้านอาหาร หรือออกแนวผับก็มี แล้วก็ร้านขายของดิสนีย์ค่ะ ก็โต๋เต๋อยู่แถวนี้จน 3 ทุ่ม แล้วกลับโรงแรม เดินแทบไม่ไหว เหมือนชาไปครึ่งซีก เหนื่อยสุดๆ






เช้าวันที่ 10 April ก็ไปที่ The Opera National เรื่อง Phantom of the Opera มีจุดกำเนิดและได้รับแรงบัลดาลใจในการเรียนเรื่องนี้จาก ห้องใต้ดินของที่นี่เองค่ะ ดูยิ่งใหญ่ดีค่ะ



ข้างหลัง The Opera คือห้าง Galeries Lafayette แบ่งเป็น 3 ตึก คือตึกผู้หญิง ตึกผู้ชาย และตึก furniture ถ้าใครหาซื้อ กระเป๋าลองชอง ที่อื่นไม่ได้ ที่นี่มีค่ะ จุดเด่นพิเศษคือมีหลังคาเป็นโดมประดับประดาคล้ายๆ jewel ใครมาที่นี่ต้องมองขึ้นไปข้างบนนะคะ วิบวัยสวยเชียว





จบการเดินทางในปารีสแล้วค่ะ บ่ายวันนี้เราออกเดินทางต่อไป Belgium ค่ะ ไว้จะมาเล่าทีหลัง อ้อ ถ้าใครมาฝรั่งเศสอย่าลืมไปกินเป็ดอบส้มด้วยนะ (การ์เนต อาโลรอง) เราหามะเจอ ..




 

Create Date : 09 มิถุนายน 2551    
Last Update : 9 มิถุนายน 2551 6:57:38 น.
Counter : 458 Pageviews.  

France in my memory ........ เที่ยวไม่ง้อทัวร์ แค่อัมพาตไปครึ่งตัว Part 2

พอออกจากวิหาร นอร์ทเทอดาม ก็ซื้อเครบกินไปตามทาง มาฝรั่งเศสต้องกินเครป อร่อยมากๆ เราออกเดินไปตามทางผ่าน Sainte- Chapelle ด้วยค่ะ แต่ไม่ได้เข้า ตัดใจเดี๋ยวไปไม่ทัน พวกเราเดินเลียบแม่น้ำเซน (Seine) แม่น้ำสายหลักในกรุงปารีส อ้อมไปตามแม่น้ำชมวิวชิวๆ เพื่อไปหา metro ต่อไปพิพิทธภัณฑ์ ลูฟ ค่ะ

Sainte-Chapell





กว่าจะมาถึงลูฟ มันมีสถานี metro หลอกแบบว่า สถานีนั้นก่อสร้างเหมือนเราอยู่ใน Louvre ค่ะ แต่พอเราขึ้นสถานีนี้ เดินอ้อมลูฟไปหลายช่วงตึก ไรว้า วัยรุ่นเซ็ง ตอนนั้นฝนตกหนัก เปียกและหนาว เฮ้อ สุดท้ายเราก็เจอประตูมาสู่ลูฟจนได้




ถ้าใครดู Davinci Code คงอยากไปดูรูปที่มีจอกศักดิ์สิทธิ์แน่ แต่วันที่เราไปกลับเจอ private visit เลยเข้าบางส่วนของลูฟไม่ได้ เซ็ง เสียดายค่า museum pass แต่ก็เดินไปเจอส่วนของลูฟที่เสมือนจอกศักดิ์สิทธิ์ค่ะ



จากนั้น ก็ออกเดินทางต่อไป หอไอเฟลค่ะ แบบว่า ไปถึง 2 ทุ่มอ่ะ ยังสว่างอยู่เลย โคตรดีมาช่วงนี้ ก็ถ่ายรูปกระโดด/พิงหอไอเฟล ขำๆรอจนกระทั่ง 2 ทุ่มครึ่ง Eifel จะเริ่มเปิดไฟค่ะ แล้วจะกระพริบๆๆๆๆแบบ disco ตอน 3 ทุ่มเป๊ะค่ะ แล้วก็กระพริบๆซักระยะ พวกเราจองทำเลเกาะนิ่งหน้าไอเฟลพอดี จนไม่มีใครสามารถมาแย่งที่พวกเราได้ 555 แต่ในขณะที่พวกเรากำลังจะออกจากจุดนั้น ก็มีทัวร์มาลงค่ะเพิ่งลงจากรถเลย ลูกทัวร์ก็กรี๊ดกันได้ 5 วินาที ไฟกระพริบก็ดับเลย เพื่อนเราบอกว่า ทัวร์นี่มันชื่อไรวะ จะได้ไม่มากะมัน 55555







8/04/08

- Go to "The Chateau de Versailles" by RER

- Have Luch at famous restaurant at Champs- Elysees avenue , Walk ...

- Have dinner at the same Japanese restaurant ( N' Ta wow!! target)


วันที่ 8 April นี่เราออกเดินทางไปพระราชวังแวร์ซาย (Versailles) เดินทางโดยรถไฟเรียกว่า "แอ- เออ-แอ" ไปถึงแต่เช้า 9 โมงกว่าๆ ไม่ต้องไปเสียเวลาต่อแถวซื้อบัตรเข้าแวร์ซายที่แถวยาวมากกกกก เพราะเรามี museum pass แล้ว 555 ที่นี้ก็เดินไปตามฝูงชน เป็นทางบังคับเดินชมห้องต่างๆไปเรื่อยๆไปทุกห้องชมทุกภาพ ถ่ายรูปได้หมด ห้องหรูหรา หลากสี ตาลายไปหมด คนก็เยอะ พวกเราก็เกาะไปตามทัวร์ที่พูดภาษาอังกฤษน่ะ 55 ทำไปยืนดูใกล้ๆ ขอฟังบรรยายด้วยคน เพื่อนเราก็รู้ประวัติศาสตร์ดี ดีๆ ไอ้เราน่ะ พอจะรู้เรื่องจากการ์ตูน กุหลาบแวร์ซาย กะจากวันเกิดเราที่เป็นวันชาติฝรั่งเศสนั่นเอง










จากนั้นก็ออกไปส่วนสวนของพระราชวังค่ะ ตรงนี้แหละที่ใช้เวลาถ่ายรูปนาน เราเดินกันไปจนสุด จนถึงบ่อน้ำใหญ่ และ สวนส้มคะ มีร้านขนมเล็กๆด้วย ถ่ายรูปเยอะมากอ่ะ พรรณนาไม่ถูกเลย






ไว้มาเขียนต่อ...^__^




 

Create Date : 07 มิถุนายน 2551    
Last Update : 9 มิถุนายน 2551 4:31:57 น.
Counter : 1024 Pageviews.  

France in my memory ..... เที่ยวไม่ง้อทัวร์ แค่อัมพาตไปครึ่งตัว part 1

ช่วง Easter Break ที่ผ่านมา เราได้ไปเที่ยวยุโรปกับเพื่อนๆ กลุ่มเราที่ BE ก็มีน้องหมู จาก Leicester เพื่อนคู่คิดทั้งในโลกแห่งความจริงและโลกแห่งจินตนาการ คุณอิ๋ง ท่านผู้จัดการคะนอร์ จาก Unilever และคุณฝน สาวเยาราชโดยกำเนิดที่ทำงานรับใช้ UN 555

ทริป France 5 วันนี้ (6 April - 10 aprl 2008) ก็ต่อมาจาก trip อังกฤษน่ะ โดยพวกเรานั่ง Eurostar มาจาก St. Pancras ที่ London นะคะ การเชคอินสะดวกรวดเร็วมากๆ ทุกอย่างทำเหมือนเครื่องบิน แต่รวดเร็วกว่ามาก มี Eurostar hostage สาวๆด้วย ที่นั่งก็สบาย มีที่กั้นหัวเวลานอนหลับด้วย มีที่ขายอาหารชั้นดีในรถไฟ ราคาก็มีทั้งจ่ายเป็น Euro หรือ Pound นะคะ แล้ววันที่ไป France นั้น หิมะตกในอังกฤษ วิวสวยมากๆ ไอ้เราก็นั่งรอลุ้นว่าเมื่อไหร่มันจะลงทะเลวะ ปรากฏว่ามันลงอุโมงค์ซะไกล มึดอยู่ชาติเศษ คงกำลังลอดใต้ทะเล แต่คนในรถไฟมะเห็นเลย ว่าแล้วก็หลับดีก่า



และแล้วรถไฟก็มาถึง การ์ ดู นอร์ ปารีส (Gare Du Nord ) โย่วๆ แล้วพวกเราก็นั่ง metro ไปที่พักนะคะ จากนั้นเราก็ไปหาข้าวเย็นกินกัน แบบว่าพอเจอร้านที่เขียนว่า "We speak English" ก็พุ่งเข้าหาทันที ไม่งั้นสื่อสารมะได้ วันนั้นที่ปารีสหนาวมากกกก แบบว่าเชสZZZZZ ละ ฝนตกแล้วโคตรหนาว ใส่ถุงมือก็ยังแสบ แบบว่าทรมาน นี่หรอ Spring หนาวกว่าอังกฤษอีกวุ้ย วันนั้นหลักๆ ก็เดินไป ปอมปิดู เป็น art museum กลับไส้ค่ะ มาฝรังเศสดินแดนแห่ง fashion ทุกอย่างโคตรเดิ้น เก๋ เท่ซะ ข้างในโชว์ของ art มากมาย เดินแล้วซาบซึ้งบ้าง งงบ้าง เจอฝรั่งหล่อๆมากมาย 555




6/04/08

- Heavy snow in Bath.
- Leave Bath YMCA at 6.30, take taxi to Bath Spa train station to take a bus to Swindon train Station. Then catch a train to London Paddington.

- Travel to France at 12.02 by Eurostar train

- Arrive France, Gare Du Nord Paris around 3 pm.

- Go to the Camelia Hotel at Place de Clitchy in zone 1

- Buy Metro (underground) carnett card (10 tickets)

- Have Italian food for dinner

- Went to Pompiduo (Musee National d' Art Moderne)

(very very very cold )



วันที่ 7 April วันนี้แหละ ที่เดินเยอะสุดๆ แทบเป็นอัมพาต นั่ง metro กันจนมึน ตอนเช้าไปย่าน Montmarte ค่ะ มีโบสถ์ที่อยู่สูงที่สุดในปารีส คนเยอะเชียวคะ ที่นี่สูงที่สุดในปารีสค่ะ มองเห็นวิวปารีสทั่วเลย สวยดีนะ พวกเรานั่ง เฟอร์นิคูแลร์ ขึ้นไปคะ 555 ข้างหลังมีถนนศิลปินค่ะ โอ้โห ของ art ทั้งนั้น มีคนวาดรูปเหมือน ภาพวาดขายมากๆมาย ของจุ๊กจิ๊กเดิ้นๆ เห็นแล้วแทบกรี๊ด stuck อยู่ตรง shop นานมาก



รูปนี้ คนค่ะ ถ้าให้ตังค์เค้า เค้าจะให้ดอกไม้ อิอิ





แล้วก็เดินผ่านบ้าน Van Gogh ค่ะ บ้านเลขที่ 54



จากนั้นต่อรถเมล์ค่ะ ใช้อองครองการ์ดเสียบค่ะ ( การ์ดส้ม) แล้วก็นั่งเม้าท์เสียงดัง ปรากฏว่าตื่นเต้นลงผิดป้าย คือนั่งถูกสายแล้ว แต่ดันลงก่อนนึกว่าเลย 55 เลยต้งนั่งรอรถคันใหม่มา 555 และแล้วก็มาถึง Arc de Triomphe หรือ ประตูชัยนั่นเอง ตั้งอยู่สุดถนน ชองเซลิเซ่ ค่ะ พอดีวันนั้นขบวนแห่คบเพลิงโอลิมปิกมาถึงพอดี คนเยอะมากกกกกกก แถมมีคนประท้วงอีก โอ้ยตกใจเลย เพื่อนเราก็วิ่งไปถามนักข่าว ว่าเกิดไรขึ้น 555






ก็ได้ขึ้นไปข้างบนประตูชัยนะคะ เพราะซื้อ Museum Pass มาแล้วต้องใช้ให้คุ้ม จากนั้น ก็นั่ง Metro ไปวิหารนอร์ทเทอร์ดาม นะคะ ที่มีการ์กอยเป็นหัวปีศาจหรือเทพไม่ทราบ ยื่นออกมานะคะ สะดือปารีสก๋อยู่ที่นี่ด้วย ว่ากันว่า ถ้าได้เหยียบสะดือปารีส ก็จะได้กลับมาปารีสอีก แต่ก็เจอประท้วงโอลิมปิกอีกละ ....





7/04/08

- Visit Montmarte and shopping all the morning ( take Funiculaire to the Sacre-coeur).

- Have Chinese food for luncnh

- Visit Van Gogh's house (number 54)

- Take the bus number 30 to "Arc de triomphe", go up to the top using "Museum pass" card.

- Go to " Cathedrale Notre-Dame de Paris"

- Saw Sainte- Chapelle and walk along the river Seine.

- Go to "Musee du Louvre"

- Go to Eiffel around 8 pm. ( have light) and wait until 9 pm (get dark), the Eiffel has the light disco at 9 pm.

- Have dinner at Japanese restaurant near the hotel.


ต่อ Part 2 ค่ะ .....




 

Create Date : 06 มิถุนายน 2551    
Last Update : 9 มิถุนายน 2551 4:35:49 น.
Counter : 804 Pageviews.  

Switzerland in Winter .... หิมะ และ ความหนาววววววว

วันนี้จะเล่าเรื่องที่เคยไปเที่ยว Switzerland กะน้องๆ คนไทยคณะ Inter business นะคะ แจมน้อง flatmate ไปเที่ยว ตอนนั้นไปเที่ยวหลังสอบเทอม 1 เสร็จ คือช่วงวันที่ 18 - 22 January 2008 เป็นช่วงหน้าหนาว ที่โคตรหนาวววจะหนาว แถมขึ้นภูเขาหิมะ กล้ามากกกก

จำได้ว่าออกเดินทางจาก Leeds วันที่ 18 Jan โดยจ้างรถ taxi 10 ที่นั่งไปส่งที่ Liverpool Airport ตอนตี 3 และขึ้นเครื่อง easy jet ไปลง Geneva Switzerland ค่ะ



จากนั้นนั่งรถไฟต่อไป Bern เมืองหลวงของ Swiss ก็สวยดีแต่เงียบไปหน่อย มี tram หลากสีหลายสาย วิ่งไปไม่เกรงกลัวคน แบบว่า Tram เป็นเจ้าถนนว่างั้น และวันนี้ก็เดินชิวๆในเมือง ไปชมแม่น้ำไรไม่รู้ สวยดี แล้ววันนี้เราก็ค้างคืน 1 คืนที่นี้อ่ะคะ โรงแรมใช้ได้เลย ใกล้สถานีรถไฟด้วย








วันรุ่งขึ้น 19 Jan ก็ check out แล้วนั่ง train ไป Luzern แล้วฝากของไว้ที่สถานีรถไฟ แล้วก็ออกไปเที่ยวที่ท่าเรือ สะพานไม้ ตลาดแถวนั้น อนุสาวรีย์สิงโต แบบว่า อ่ะนะ ถ่ายรูปไว้ก่อน แต่วิวและแม่น้ำสวยมากอ่ะ ดูบรรยากาศดี มองเห็นภูเขาหิมะทุกทิศ สวยมากๆๆ


จากนั้นตอนบ่าย 3 ก็ออกเดินทางจาก Luzern ไป Interlaken โดยรถไฟสาย Golden Pass ผ่าน หุบเขา แม่น้ำ ทะเลสาป ทุ่งหญ้า หิมะ มองเห็นภูเขาหิมะเป็นแนวยาว เป็นธรรมชาติที่สวยงาม น่าตื่นตาตื่นใจสุดๆๆ น้ำตาแทบจะไหลพรากๆ คงหาดูที่ไหนสวยงามกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว และแล้วรถไฟก็มาถึง Interlaken ช่วงค่ำ หลังจากที่ทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารจีนแถวสถานีรถไฟ ก๊วนทัวร์ก็ลากกระเป๋าออกหาโรงแรมที่จองไว้ ยามค่ำที่นี โคตรจะมึด และแล้วก็มาถึงโรงแรมนี้ ห้องน่ารักดีทีเดียว

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น คือวันที่ 20 Jan วันนี้ก๊วนทัวร์จะขึ้น Jungfrau - Top of Europe กัน ก็มีถ่ายรูปกันหน้าโรงแรมและที่ป้ายรถเมล์ก่อนออกเดินทาง มันจะมีรถไฟไต่ขึ้นไปบนยอดเขาเป็นทอดๆ ค่าขึ้นจุงเฟรานี่ คนละ 180 CHF ล่ะ อ้อ แต่จะบอกว่าการเดินทางอื่นๆที่ผ่านมา เราใช้ Swiss Pass สะดวกดี อ่ะๆมาต่อ โอ้โห สนุกมาก มันจะมีจุดหยุดรถไฟเป็นสถานีๆ เราก็ลงไปลัลลา ถ่ายรูป








และแล้วก็ขึ้นมาถึง Jungfrauyoch เป็นจุดที่ได้ออกมาเดินบนภูเขาหิมะ หนาวจนเราปากแตกเลือดหยดติ๋งๆ โดยไม่รู้ตัว ลมพัดแรงมากแต่คุ้มๆสุดๆ และที่นี่มี Post Office ที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป พวกเราจึงทำการส่ง Postcard กลับไทยอย่างสนุกสนาน





วันนี้จำได้ว่าขากลับหิวโซ ก็ไปร้านฟองดู ที่ปอโก๊ะ แนะนำ แม่งไม่อร่อยเลย เซ็งจิต แต่ก็เอาเว้ย ฟองดู มาสวิสต้องกิน ฟองดู

เช้าวันที่ 21 Jan ออกเดินทางไป Zermatt เป็นที่ที่เค้านิยมไปเล่นสกีกันที่นี่ มีหลายระดับขั้นของภูเขาตามความสามารถเลย มียอดเขา Matterhorn เป็นสัญญลักษณ์ของ paramount picture นั่นแหละ ตอนแรกตั้งใจจะเล่นสกีกันแต่คิดว่ามันไม่น่าจะทันสำหรับวันนั้น จึงเปลี่ยนแผนไปเล่น sleigh แทนก็สนุกดี วิวสวยมาก ยืนในหิมะนานจนแสบกัดเท้าไปหมด ทรมาน แต่สนุกสุดๆ








เช้าวันที่ 22 Jan ออกเดินทางกลับ Leeds อย่างปลอดภัย แต่ easy jet ทำคลื่นไส้ อือ แล้วจะบอกว่า ของฝากที่สำคัญของสวิสคือ มีดพับ มีหลายยี่ห้อ ที่ดังๆ ก็คือ Victorinox จ้ะ เที่ยวสวิสต้องเที่ยวหน้าหนาวนี่แหละ สนุกสุดๆๆๆๆ




 

Create Date : 04 มิถุนายน 2551    
Last Update : 5 มิถุนายน 2551 7:35:31 น.
Counter : 662 Pageviews.  

1  2  

Steff
Location :
Leeds United Kingdom

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เด็กขำๆ ที่มีสาระ (น้อย) ชอบอ่านข่าวเศรษฐกิจและคลายเครียดด้วยหน้าบันเทิงไทยรัฐ ^-"

Article ที่นำมานี้ส่วนใหญ่เอามาจาก Post Today, วารสารทางการเงินต่างๆ, และจากเว็บไซท์ต่างๆ ซึ่งเราเห็นว่าน่าสนใจค่ะ ขอบคุณแหล่งที่มาด้วยค่ะ

ป.ล. มีบางบทความเขียนเอง ลง Post Today กับ Manager ด้วย เจ๋งปะ

Image Hosted by ImageShack.us


bloggang
Friends' blogs
[Add Steff's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.